Sanook! Drive : Nissan Sylphy 1.8 V Navi หรูโดดเด่นสมรรถนะลงตัว
ช่วงหลายปีที่ผ่านมา Nissan ถือเป็นค่ายรถยนต์ที่เราต้องยอมรับในแง่ของการปรับแบรนด์รถยนต์จนมายืนในใจหลายๆคน ส่วนหนึ่งคงต้องซูฮก ความกล้าของพวก รวมถึงมุมมองของผู้บริหารต่อรถยนต์อีโค่คาร์ และในช่วงปีที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์เจ้านี้ก็มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ่งด้วยการกลับมาทำตลาดอีกครั้งในรถยนต์คอมแพ็คคาร์ Nissan Sylphy ชื่อที่เราหลายคนคงคุ้นหูกันแล้ว กับพรีเซนเตอร์สาวสวย ชมพู่ อารียา ที่โฆษณาออกมาได้อย่างตรงจุดถึงความหรูหราของรถที่เปลี่ยนตัวเองให้ดุมีอะไรมากกว่า การเป็นแค่รถยนต์คอมแพ็คคาร์ทั่วไป ในเมื่อคู่แข่งมีการวางตลาดในเรื่องความสปอร์ต ความไฮเทคมากมาย แต่ความหรูหราคือโจทย์ที่ยังขาดอยู่สำหรับตลาดไทย หรูหราหมดจดแอ๊บความทันสมัย ตั้งแต่เจอตัวเป็นพร้อมได้ลองสัมผัสเบื้องต้นไปแล้วที่เชียงใหม่ เมื่อครั้งเปิดตัวในช่วงปีกลายเราต้องยอมรับว่า Nissan Sylphy นับเป็นรถที่มีความโดดเด่นเหนือกว่าที่คิด ด้วยแนวคิดที่เรามองมาตั้งแต่เปิดตัวว่า นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เช่นเดียวกันทำให้คนหันมามองค่ายรถยนต์ Nissan มากขึ้น การเริ่มแนะนำด้วยเรือนร่างที่มีความหรูหราทันสมัย ให้ส่วนผสมที่ลงตัวต่อการออกแบบ เน้นไปในทางความหรูหราทันสมัย ใบหน้าเริ่มต้นด้วยกระจังหน้า โครเมี่ยมที่ปรับเสน่ห์ ให้มีความลงตัว มาพร้อมไฟหน้าฮาโลเจน และไฟหรี่แบบ LED ที่จริง เรานึกขำว่าๆ ว่าถ้า Nissan ทำเจ้าไฟหรี่นี้ เป็นไฟ Day light มันคงจะดูดีไม่น้อยและเต็มคราบหรู มากขึ้นที่ต่อเนื่องยังบั้นท้ายให้ไฟท้าย LED เช่นเดียวกับด้านข้างมาพร้อมมือจับโครเมี่ยมและล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 195/50/R16 ในรถทุกรุ่น สัดส่วนอวบอัดความหรู ถูกปรับให้ลงมาอยู่ในขนาดรถยนต์คอมแพ็คคาร์ Nissan Sylphy มาพร้อมเรือนร่างขนาดกำลังพอเหมาะใช้ได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง เริ่มโจทย์ด้วยขนาด ยาวตลอดรอบคัน 4,615 ม.ม. กว้าง 1,760 ม.ม. และ สูง 1,495 ม.ม. ลงตัวมากับฐานล้อ 2,700 ม.ม. ที่ช่วยให้การขึ้นลงห้องโดยสารประตูหลังดูมีมิติที่ดีขึ้น ห้องโดยสารเต็มคราบหรู เฟื่องฟูในสไตล์ ในวันนี้ที่เรานำมาทดสอบนั้นเป็นรถยนต์ Nissan Sylphy 1.8 V Navi ที่ให้การตอบสนองด้วยความทันสมัยตั้งแต่ที่คุณได้สัมผัสกุญแจกับระบบ กุญแจอัจฉริยะ ที่ให้มาพร้อมสรรพ ที่จริงมันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น 1.8 และคุณจะพบมันได้ในตัวท๊อปรุ่น 1.6 ด้วย ห้องโดยสารเริ่มต้นแต่งแต้มด้วยโทนสีสีเบจ ให้ความอบอุ่นสบายพอสมควร ในรุ่น 1.8 อย่างที่เราขับขี่และ 1.6 ท็อปสุด น่าเสียดายที่มันมาพร้อมลายไม้ ซึ่งก็ดูลงตัวดี แต่อยากจะบอกว่า ถ้าคนไม่ชอบลายไม่จะทำไง เหมือนโดนแกม บังคับในตัวโดยปริยาย อันนี้ขอบอกว่า วัยรุ่นเซ็ง (ถ้าคนซื้อหัวใจวัยรุ่นแบบผู้เขียน) ห้องโดยสารออกแบบมาได้ค่อนข้างลงตัว เรื่องการหยิบจับต่างๆ ทำได้ ดีฉวยหมับคว้าอะไรก็สะดวกโยธิน ตรงหน้าคนขับมาพร้อมพวงมาลัย 3 ก้าน ดูสไตล์หรูดี พร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth แต่ไร้ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise Control ที่พวงมาลัย เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ มันอาจจะงงสักหน่อย เพราะทั้งหมดเรียงแถวตอนลึกจากด้านบนลงด้านล่างในการตอบโจทย์ลูกค้า ส่วนตรงหน้ายังมาพร้อมหน้าปัดเรืองแซงดูมีดีกรีโดเด่นชั้นเจน Fine Vision ขณะที่คอนโซลกลาง มาพร้อม ระบบจอเนวิกเกเตอร์เป็นเพื่อนยามเหงาในการเดินทาง ถัดลงมาคือคันเกียร์ที่ดูออกแนวธรรมดาไปนิดหน่อย แต่ที่ยังไม่ดีพอคือเบาะนั่ง ซึ่งเราบ่นมาตั้งแต่งวดที่แล้ว และขอยืนยันไม่เปลี่ยนแปลงเรืองหัวหมอนที่ทักรวดทรงแปลกๆ คุณใช้ชักขึ้นมา มันกลายเป็นจะดันหัวคุณไปข้างหน้าแทนที่ว่า จะทำให้นั่งสบาย ก็อาจจะกลายเป็นเมื่อคอได้ ในยามเดินทางๆไกล แต่ถ้าถามว่าในเรื่องสรีระศาสตร์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็อาจจะใช่ว่ามันต้องเป็นไปแนวนี้ แต่ข้อเท็จจริงคือ ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้นมากนัก ไม่บ่อยนักที่เราจะพูดถึงคอนโซลข้างประตู แต่ Nissan Sylphy ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีแห่งการก้าวมาสู่การทดสอบรถที่ต้องพูดถึง ดูเผินๆ ทุกอย่างก็ล้วนลงตัวดีไม่มีอะไรหวือหวานัก แต่จะบอกว่า การเก็บรายละเอียดยังทำได้ไม่ดี ให้ตายเถอะโรบิน!! ในตรงชิ้นพลาสติกที่ต่อกับหนังดูไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใช่มันอาจจะทำแยกชิ้นกันแต่ต้องเข้ารูปกันเนียนเรียบ อันนี้ขอบอกว่า มาตกม้าตายเอาดื้อๆ เสียอย่างงั้น การโดยสารตอนหลังเองก็ทำได้ดี แม้ในการทดสอบนี้จะไม่มีโอกาสนั่งมาก แต่ลองคิดถึงคนสูง 182 ซ.ม. หนัก 93 ก.ก. สามารถนั่งได้อย่างสบาย มันก็ดูมีความลงตัวไม่น้อยเลยทีเดียว การวางขาดี ระยะเหนือหัวอยู่ในระดับพอใช้ ในขณะที่นั่งก็ให้ความกระชับและนุ่มสบายพอตัว ขับเคลื่อนมั่นใจ 1.8 ในเมืองไม่ซดอย่างที่คิด ทุกอย่างพร้อมได้เวลาเริ่มต้นบททดสอบ Nissan Sylphy 1.8 และเพียงผละมือจากพวงมาลัยเยื้องไปกดปุ่มสตาร์ทที่ใช้งานง่ายแต่ก็ทำงานออกมาง่ายเกินเหมือนกัน ที่จริงมันไม่ดูแตกต่างจากรุ่นน้องของมัน Nissan Almera ที่มาในโทนหรูเหมือนกัน ปุ่มใส มีไฟสีส้มเมื่อกดสตาร์ท จะบอกว่ามันจะดูหรูก็ไม่ใช่ จะดูหล่อก็ไม่เชิง จะเรียกว่าไม่ลงตัวก็คงพอจะพูดได้ แต่ถ้าอยากได้ปุ่มสตาร์ทหรูๆ ให้นึกถึง Nissan Teana ปุ่มที่ดูก๊องแก๊งพอจะออภัยได้เมื่อต้นกำลังสตาร์ทขึ้นอย่างทันใจ หัวใจที่สถิตใต้ฝากระโปรง Nissan Sylphy ใหม่นั้นคือเครื่องยนต์ MRA8DE เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ตอบสนองด้วยกำลังสูงสุด 131 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และ เช่นเดียวกันมันให้แรงบิดสูงถึง 174 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที มาพร้อมเทคโนโลยีวาล์วแปรผันอัจฉริยะ Twin C-VTC ให้การปรับเปลี่ยนอัตราการจ่ายอากาศตามสภาวการณ์ทำงานของเครื่องยนต์ เมื่อเทียบกับคอมแพ็คคาร์รุ่นอื่นที่มีในตลาดในพิกัดเดียวกัน คงต้องยอมรับว่าทั้งแรงม้าและแรงบิดของ Nissan Sylphy มีน้อยกว่า ที่คู่แข่งทุกรุ่นที่มีในตลาดแต่ทีเด็ดอยู่ที่ระบบส่งกำลังที่ Nissan ยังคงยึดระบบเกียร์ Xtronic CVT มาตอบโจทย์ ให้อัตราทดที่หลากหลายตั้งแต่ 4.006-0.550 ให้การตอบสนองที่ลงตัว ด้ามเกียร์ที่ดูไม่โดดเด่นมากจัดวางไว้ในตำแหน่งที่พอดีมือถูกผลักแล้วการเดินทางของเราก็เริ่มขึ้นที่จริงแล้ว การขับ Nissan Sylphy ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของเรา แต่การทดสอบเดี่ยวจะให้เราได้ข้อมูลมากกว่า สำนักงานใหญ่ที่ตั้งไม่ห่างจากแยกราชประสงค์มากนัก ทำให้เมื่อต้องเดินทางในย่านธุรกิจสำคัญก็ไม่น่าแปลกใจที่จะพบกับการจราจรติดขัด ตามภาษากรุงเทพเมืองฟ้าอมรมหานครแห่งรถติดอันดับโลก การจราจรที่กระดึ้บๆ ไปข้างหน้า ตืดจนดูโฆษณาย่านเซ็นทรัลเวิล์ด วนแล้วนเล่าก็ทำให้หลายคนหน่าย แต่การทดสอบในเมืองอย่างสมบุกสมบันคือ สิ่งที่เราต้องการ เรารอดจาก ย่านราชประสงค์มาต่อเนื่องที่ถนนวิภาวะดีรังสิต ทางโล่งไม่มีไฟแดงจริงแต่การจราจรก็หนาแน่นตัว คุณทำความเร็วไม่ได้มากกว่า 80 ก.ม./ช.ม. ในชั่วโมงเร่งด่วนดูไม่น่าจะแปลกอะไรมากมายนัก สภาพติดมหาโหดในวันศุกร์ต้นเดือนทำให้ Nissan Sylphy ซวยที่ต้องรับกับสภาพการจราจรนรกสุดขีด แต่ด้วยพวงมาลัยที่เบาสบาย ทำให้การกวัดไกว ไปมา ในระหว่างเลนเมืองกรุงยามต้องชิงไหวชิงพริบออกมาได้อย่างลงตัว แต่เมื่อเทียบในความยาวของรถที่ออกทรงลีมูซีนกลายๆ ก็ไม่น่าแปลกใจที่มันจะทำให้เรารู้สึกว่ารถที่มีความยาวเป็นอุปสรรคการเบียดรถเข้าเลน หรือหาช่องว่าง ใช่มันไม่ได้คล่องตัวขนาดนั้น แต่ที่น่าจะเป็นปัญหาพอตัวคือกระจกมองข้าง ซึ่งมีมุมอับที่ประตูหลัง โดยเฉพาะฝั่งคนขับ เพราะตัวรถที่ยาวทำให้มอเตอร์ไซค์สามารถหาตัวได้ และนั่นคือสิ่งที่เราอยากเตือนให้ระมัดระวังกัน แต่ถามว่าเป็นปัญหาใน Nissan Sylphy มากไหม ก็คงตอบว่าไม่ เพราะเมื่อคุณเริ่มคุ้นกับรถ ปัญหานี้จะอยู่ในเรดาห์ส่วนตัวของคุณไปโดยปริยาย การทดสอบที่ทรหดกับรถติดกว่า 3 ชั่วโมง ทำให้เราได้ตัวเลขประหยัดน้ำมันของเครื่องยนต์1.8 ออกมาไม่น่าพอใจนัก เราทำได้เพียงอัตราเฉลี่ยที่ 6.9 ก.ม./ลิตร ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่เกือบเทียบเท่าเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร บางรุ่น แต่แน่นอนว่า เรากำลังพูดถึงการจราจรมหาโหด แต่เอาข้อเท็จจริงคือเกียร์ CVT น่าจะทำได้ดีกว่านี้ อีกสักนิด... นอกเมือง ฟินได้ใจ 1.8 ลิตรที่สมรรถนะครบครัน หลังจากที่ลองในเมืองกันไปแบบเต็มคราบของสมรรถนะจากเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ใน Nissan Sylphy จากที่ขับเครื่องยนต์1.8 ลิตร ในช่วงความเร็วกลางๆ 60-90 ก.ม./ช.ม. ในเมืองสั้นๆ ขุมพลังบล็อกนี้ให้อารมณ์ในการตอบสนองที่มีอะไรที่โดนใจมากกว่าที่คิด เครื่องยนต์ 1.8 บล็อกนี้ เมื่อออกมาแล่นนอกเมืองทุกอย่างมีความลงตัวมากยิ่งขึ้น ในครั้งนี้เราขับไปไม่ไกลมาก แค่อยุธยา เพื่อหาฟีลลิ่งการขับขี่นอกเมืองมาก ขึ้น ซึ่งที่จริง ตั้งแต่ตอนทดสอบครั้งแรก เราก็พอจะนึกออกแล้วว่าในเวอร์ชั่น 1.8 ลิตร มันน่าจะมีฟีลลิ่งอย่างไร แต่ด้วยการขับขี่แบบคาราวานทำให้ยังไม่ได้โจทย์หลายอย่างจากเชียงใหม่ติดตัวกลับมา ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการที่จะหาคำตอบหลายอย่าง เริ่มต้นจากการทดสอบอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. เราได้ตัวเลขที่ลงตัวด้วยคนนั่งทดสอบสองคน เราได้ตัวเลข 11 วินาทีพอดิบพอดี ในการตอบโจทย์การทะยาน ขณะที่ในครั้งที่แล้วที่เราไปทดสอบมา ถ้ายังจำกันได้ ตัวเลข 80-120 ก.ม./ช.ม. เราได้ที่ 9.3 วินาที แต่ครั้งนี้เราขอลองอะไรแปลกๆ เร่ง 100-140 ก.ม./ช.ม. เราได้ เวลาเพียง 5 วินาที เท่านั้น ถนนที่ว่างทำให้ได้เวลาลองทดสอบความเร็วสูงสุดของ Nissan Sylphy การนั่งในห้องโดยสารเพียง 2 คน ทำให้รถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นไม่มากนัก และ คุณสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 190 ก.ม./ช.ม. ได้อย่างสบาย ที่ความเร็วเดินทาง 120 ก.ม./ช.ม.เครื่องยนต์จะขับกล่อม คุณด้วยการทำงานเพียง 2000 รอบต่อนาที และแม้คุณจะเร่งรีบจะเหยียบถึง 140 ก.ม./ช.ม. ก็ยังใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำอย่างน่าเหลือเชื่อที่ 2300 รอบต่อนาที แต่เมื่อสรุปอัตราประหยัดก็ทำได้อยู่เกณฑ์กลางๆ ที่ 13.8 ก.ม./ลิตร ไม่เพียงแค่เครื่องยนต์และเกียร์ xtronic CVT จะตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้ แต่ระบบช่วงล่างของ Nissan Sylphy ยังตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีด้วย ระบบกันสะเทือนเซทอัพตามสูตร ด้วยแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง และ ด้านหลังเลือกใช้ทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง ที่จริงมันฟังดู เป็นอะไรที่ง่ายแต่ด้วยการวิศวกรรมอย่างหนักก็ทำให้ช่วงล่างของ Nissan Sylphy นิ่งสนิท ในทุกช่วงความเร็ว รถออกอาการนุ่มนวลมากกว่าที่คิดว่ามันจะเซทอัพด้วยระบบกันสะเทือนที่แทบไม่ต่างจากซิตี้คาร์การให้เหล็กกันโคลง มาช่วงลดอาการสะบัดยามเปลี่ยนเลนที่ความเร็วสูงอย่างชัดเจน แต่ที่ดูแล้วจะสัมพันธ์กับช่วงล่างและเป็นปัญหาบ้างคือยาง ที่ค่อนข้างต้องยอมรับว่าน่าจะใส่ ขนาดที่ใหญ่กว่านี้ อย่างน้อยที่ 205/60 ซึ่งจะทำให้ได้หน้าสัมผัสกว้างกว่าอีกเล็กน้อยและ จะทำให้รถมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ บอกตามตรงว่าแค่การเซทจากโรงงานก็ดีแล้ว ด้วยบุคลิกที่นุ่มหนึบ และแทบจะไม่กระด้างเลย แถมไม่ว่าโค้งจะหนักหน่วงแค่ไหน ระบบกันสะเทือนที่มาพร้อมกันโคลงเสร็จสรรพก็ช่วยลดแรงเหวี่ยงที่ระบบช่วงล่างจะกระทำต่อตัวถังลงไป ทำให้การเข้าโค้งไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่คุณก็ต้องพึงระวังในเรื่องของการขับขี่ แม้ช่วงล่างจะเอาอยู่ก็ตามที ส่วนระบบเบรกไม่กล่าวถึงเพราะมันมั่นใจได้หายห่วง อีกเรื่องที่น่าจะต้องยกนิ้วชื่นชม Nissan ก็ไม่พ้นการเก็บเสียงใน Nissan Sylphy ที่ทำได้ดีมาก และทำให้ ห้องโดยสารรถคอมแพ็คคาร์ธรรมดาๆ สามารถเงียบเชียบเทียบเท่ารถหรูบางรุ่น แต่มันก็ยังทำได้ดีแค่ในระดับหนึ่ง เพรา อย่างที่เราเคยพูดไปว่า Nissan Slyphy ใหม่ มีปัญหาการเก็บเสียงที่ทำการบ้านไม่ดีในห้องเก็บสัมภาระ ทำให้ เมื่อขับขี่ในหน้าฝน ซึ่งเป็นเหตุที่เราทดสอบตอนคาราวาน เสียงฝนจะเข้าห้องโดยสาร แต่เมื่อขับถนนแห้งมันจะเป็นอะไร ... เพราะทุกอย่างจะดูเพอร์เฟ็คมาก Nissan Sylphy ใหม่ อาจจะเรียกได้อย่างเต็มปากว่ามันคือรถยนต์คอมแพ็คคาร์ที่มีความลงตัวอย่างเปี่ยมล้นในเรื่องความหรูหรา ใช่ทุกอย่างดูดีมาก ถ้าไม่นับเครื่องยนต์ที่มีกำลังน้อยกว่าคู่แข่งแต่ได้เปรียบเรื่องระบบเกียร์ที่ล้ำสมัย แต่กระนั้น..ถ้าคุณมองหาความหรูหราในราคาที่จับต้องได้จริงขับได้ทั้งในและนอกเมือง Nissan Sylphy 1.8 คือรถที่ไม่ควรมองข้ามเป็นตัวเลือกอย่างยิ่ง
สรุปการทดสอบ Nissan Sylphy 1.8 V Navi รถยนต์ Nissan Sylphy 1.8 Navi ราคาจำหน่าย 931,000 บาท ตารางแสดงการทำงานของเครื่องยนต์สัมพันธ์กับความเร็ว ความเร็ว (ก.ม./ช.ม.) | รอบเครื่องยนต์ | 80 | 1300 | 90 | 1500 | 100 | 1680 | 110 | 1800 | 120 | 2000 | 130 | 2150 | 140 | 2300 | สถิติ อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ทำได้ 11 วินาที 80-120 ก.ม./ช.ม. ทำได้ 9.3 วินาที 100-140 ก.ม./ช.ม. ใช้เวลา 5 วินาที ความเร็วสูงสุดในระหว่างการทดสอบ 190 ก.ม./ช..ม อัตราประหยัด ในเมือง 6.8 ก.ม./ลิตร *** สภาพการจราจรติดขัดมากที่สุด ใช้เวลาเดินทางจากราชประสงค์กลับปากเกร็ดกว่า 3 ชั่วโมง นอกเมือง 13.8 ก.ม./ลิตร *** ใช้ความเร็วเดินทางที่ 120 ก.ม./ช.ม. ตารางคะแนนผลจากการทดสอบ Nissan Sylphy 1.8 V NaVI ทำได้ 92 คะแนน หัวข้อ | คะแนน (หมวดละ 20คะแนน) | ข้อเสนอแนะ -ติชม | การออกแบบภายนอก | 19 | การออกแบบต้องยอมรับว่ามันเปี่ยมไปด้วยความหรูหรามากมาย และมันคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นรถที่ดุยามที่ขับขี่ไปตามถนน มันสามารถฟาดฟันกับ ซีดานกลางบางรุ่นได้คือเรื่องที่น่าสนใจ แต่จะมีที่ติดบ้างคือเรื่องไฟ อย่างไฟหรี่ ที่สามารถพัฒนาเป็นไฟ Day Time ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหรูได้อย่างชัดเจน นั่นรวมถึงความน่ารำคาญของระบบไฟอัตโนมัติ ซึ่งอ่อนไหวพอตัว ไม่น่าแปลกใจที่มันจะส่องสว่างแม้พระอาทิตย์ไม่ตกสุดขอบฟ้าก็ตาม | ภายในห้องโดยสาร | 19 | ห้องโดยสารถือเป็นจุดที่ดูมากเช่นกัน ทุกอย่างค่อนข้างลงตัว แน่ว่าลายไม้อาจจะไม่ถูกใจบางคนอย่างเช่นเราบ้าง หากแต่น่าจะเป็นออพชั่นที่สามารเลือกได้ดีกว่าบังคับลูกค้าก็น่าจะทำให้รถดูลงตัวมากกว่านี้ เช่นเดียวกันต้องชมเชยคือการโดยสารตอนหลังที่มีคุณภาพเหนือราคา จนนึกว่าลีมูซีนขนาดย่อมก็พอจะกล่าวได้ แต่ท้ายสุดตรงนี้คงต้องบอกว่า ควรจะต้องปรับปรุงเรื่องคุณภาพการประกอบ โดยเฉพาะแผงประตู | เครื่องยนต์ | 18 | เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร เป็นออพชั่นที่ลงตัวในรถคันนี้มันคล่องตัวไม่ทรงพลังเรื่องแรงม้า แต่แรงบิดที่มากมีก็ทำให้มันขับสนุก และแม้จะมีกำลังเครื่องยนต์น้อยกว่ารุ่นอื่น แต่ว่าเกียร์ Xtronic CVT ก็ทำหน้าที่ของมันดีเกินคาดกว่าที่คิดเอาไว้ | ระบบกันสะเทือนและสมรรถนะการขับขี่ | 19 | ช่วงล่าง Nissan Sylphy แม้จะเซทง่ายๆ แต่ก็มีความลงตัว โดยเฉพาะเหล็กกันโคลงนั้น ให้ความลงตัว ลดการเหวี่ยงที่ทำกับตัวถังไปได้เยอะเกินคาดเลยด้วยซ้ำ ที่จริงสิ่งที่ไม่เพอร์เฟ็คคือขนาดยางที่ค่อนข้างเล็กไปหน่อย รับรองว่าถ้าได้หน้าสัมผัสมากกว่านี้ จะดียิ่งกว่านี้ขึ้นไปอีก | เทคโนโลยี | 17 | อาจจะต้องเรียกว่าไม่ใช่รถที่พรีเซนท์ความทันสมัยแบบล้ำยุคอะไรมากมาย แต่ก็มีเทคโนโลยีพื้นฐานมาอย่างครบครัน พอสมควร โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยเอง ก็อาจจะไม่ได้จัดหนักแบบจัดเต็มมากมายนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย และแทบจะพูดเมื่อมองรถทุกรุ่นจากนิสสัน พวกเขายังมีเทคโนโลยีที่เหนือชั้นน้อยไปหน่อย (ถ้าไม่นับพวกเทคโนโลยีเครื่องยนต์) | สรุป | 92 | Nissan Sylphy 1.8 V Navi เป็นรถที่ความลงตัวอย่างมากในเรื่องความหรูหราและสมรรถนะ แต่มันยังขาดพวกแกดเกจเจ๋งๆไปบ้างพอสมควร ทว่าถ้าคุณมองว่าพวกนั้นสามารถมองข้ามได้ ราคา 931,000 บาท ก็ทำให้มันน่ามองใช่น้อย | -
- สนับสนุนเนื้อหา
Create Date : 23 เมษายน 2556 |
Last Update : 23 เมษายน 2556 21:35:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3623 Pageviews. |
|
|
|