เดิมทีการกำหนดค่าประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศจะใช้ค่า EER (Energy Efficiency Ratio) เพื่อแสดงประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศเครื่องนั้นๆโดยค่า EER เป็นการกำหนดอัตราส่วนของประสิทธิภาพ ระหว่าง ขีดความสามารถทำความเย็นสุทธิของเครื่องกับ พิกัดกำลังไฟฟ้ารวมที่ใช้ โดยอยู่ภายใต้สภาพการทำงานภายในสภาวะที่กำหนดขึ้น
แต่การกำหนดค่าประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศโดยการใช้ค่า EER มีข้อเสียตรงที่ว่า ค่า EER เป็นค่าที่มาจากการทดสอบที่สภาพการทำงานในสภาวะหนึ่งเท่านั้นแต่ในการใช้งานจริง เครื่องปรับอากาศที่เราใช้งานกันนั้นโดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศที่เป็นระบบอินเวอร์เตอร์ ไม่ได้ทำงานอยู่ภายในสภาวะเดียวตลอดทั้งปี
ในแต่ละฤดูกาลหรือแต่ละช่วงเวลา ก็ย่อมมีสภาวะการทำงานที่ต่างกันออกไปสภาวะการทำงานที่แตกต่างกันนี้เองก็ย่อมมีผลให้รอบการทำงานของเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์มีการทำงานที่แตกต่างกันออกไป และใช้พลังงานที่ไม่เท่ากัน
ตรงนี้เองจึงทำให้ค่า EER ไม่สามารถนำมาใช้บอกประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ได้อย่างแม่นยำเท่าที่ควร
และนี่จึงทำให้มีการพัฒนารูปแบบการวัดค่าประสิทธิภาพแบบใหม่ ให้ใกล้เคียงสภาพการใช้งานจริงให้มากที่สุด จึงได้มีการนำเอาอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในแต่ละฤดูกาลมาคำนวณร่วมด้วย เพื่อช่วยให้นำมาพยากรณ์ปริมาณการใช้พลังงานได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้นนั่นเอง
การวัดค่าประสิทธิภาพแบบใหม่ หรือ SEER จึงได้ถูกนำมาใช้งานกับเครื่องปรับอากาศอินเวอร์เตอร์ แทนการใช้ค่า EER
SEER คือ อัตราส่วนประสิทธิภาพของพลังงานตามฤดูกาล (Seasonal Energy Efficiency Ratio) อ้างอิงตามมาตรฐาน AHRI 210/240
ค่า SEER ของแต่ละเครื่องหมายถึง ค่าความสามารถในการทำความเย็นที่ส่งออกมาในระหว่างฤดูกาลหนึ่งๆ หารด้วยปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดที่ใส่เข้าไปในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งค่า SEER ยิ่งสูงเท่าไหร่ ก็แสดงว่าประสิทธิภาพของการใช้พลังงานอยู่ในระดับที่ดีเท่านั้น หรือประหยัดพลังงานนั้นเอง