คุ้มสมุนไพร "ภูมิปัญญาไทย เพื่อสุขภาพและความงามคุณ" บริการ อยู่ไฟ หลังคลอด ถึงบ้าน และจำหน่ายชุด อยู่ไฟ ด้วยตนเอง
 

มหัศจรรย์แห่งนมแม่




ไม่มีนมชนิดใดที่ทำให้ลูกน้อยในอ้อมอก "อิ่ม" หรือ "อุ่น" เท่ากับนมแม่ ทันทีที่เกิดมาลืมตาดูโลก สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทารก คือนมจากอกแม่นี่เอง

นมแม่ เสริมการเจริญเติบโตของลูกทุกด้าน เพราะมีสารอาหารครบถ้วน ทำให้ลูกมีภูมิต้านทาน ไม่เจ็บ หรือป่วยง่าย ป้องกันโรคทั่วไปของเด็ก เช่น โรคติดเชื้อทางหู การติดเชื้อทางระบบปัสสาวะ โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคปอดปวม และเมื่อเทียบกับนมทดแทนอย่างอื่นแล้ว นมแม่สะอาด และประหยัด

คุณแม่ยุคใหม่ วัยทำงานหลายคนที่อาจจะรู้สึกท้อแท้ ถอดใจ ว่าสู้ไม่ไหวกับการที่ต้องให้เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง อาจจะต้องคิดใหม่ว่า คุณค่าของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่เพียงแค่สร้างภูมิต้านทานให้กับลูกเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างสติปัญญาหรือ ไอคิว และพัฒนาการด้านจิตใจ และอารมณ์ที่มั่นคงหรือ อีคิว ของลูกน้อยด้วย แม่ลูกสบตาขณะที่กำลังตะคองกอดให้นมลูก เป็นสัมพันธ์ และสัมผัส ที่ยิ่งใหญ่ ให้คุณค่าที่ติดตัวไปทั้งชีวิตแก่ลูกน้อย เมื่อลูกมีอายุ 4 ถึง 6 เดือนแรกหลังคลอด ได้รับนมแม่เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้ว สำหรับลูกน้อย จากนั้นจึงเริ่มให้อาหารอื่นที่เหมาะสมควบคู่กันไปตามวัยจนลูกย่างเข้าอายุ 2 ขวบ และมีข้อแนะนำจากแพทย์ว่า หลังที่ลูกดื่มนมแม่เสร็จแล้ว ไม่ต้องให้ลูกดื่มน้ำตาม เพราะกลัวลิ้นจะเป็นฝ้าหรอก เพราะนั่นเป็นความเข้าใจผิด การดูดน้ำหลังดูดนมจะทำให้ลูกได้รับสารอาหารจากนมไม่ครบถ้วน

ส่วนวันที่ 1 - 7 สิงหาคม นี้ เป็นวันรณรงค์เลี้ยงลูกด้วยนมแม่แห่งโลก กรมอนามัยร่วมกับหลายหน่วยงาน โรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศจัดกิจกรรมให้คุณแม่เห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง ปีนี้ได้นักแสดงชื่อดัง / คุณแม่คนใหม่ "กวาง- กมลชนก เขมะโยธิน" เป็นพรีเซนเตอร์ ในประสบการณ์เกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมตัวเอง

แหล่งที่มา » mcot




 

Create Date : 08 กันยายน 2550    
Last Update : 8 กันยายน 2550 19:44:24 น.
Counter : 507 Pageviews.  

10 สวยต้องห้ามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

10 สวยต้องห้ามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
เป็นผู้หญิงก็ต้องอยากสวยในทุก ๆ เวลาใช่ไหมคะ ไม่เว้นแม่กระทั่งตอนตั้งครรภ์ ก็แหม ช่วงเวลานั้น นอกจากรูปร่าง ผิวพรรณ ของเรามันจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว


เป็นผู้หญิงก็ต้องอยากสวยในทุก ๆ เวลาใช่ไหมคะ ไม่เว้นแม่กระทั่งตอนตั้งครรภ์ ก็แหม ช่วงเวลานั้น นอกจากรูปร่าง ผิวพรรณ ของเรามันจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แน่หละ คุรแม่หลาย ๆ คนก็อยากจะทำตัวให้ดูดีเสมอ แม้จะอุ้ยอ้ายก็ตามเถอะ แต่คุรแม่ ๆ ทั้งหลายค่ะ ตอนที่เราตั้งครรภ์อยู่เนี่ย มีวิธีการเสริมความงามหลายอย่างที่ไม่เหมาะสมค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ

- โกรกผม ย้อมผม ยืดผม ดัดผม ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเสียเถิดนะคะ เพราะการเสริมความงามเหล่านี้ต้องใช้สารเคมีค่ะ ซึ่งสารบางอย่างอาจจะทำให้เราเกิดอาการแพ้ได้ เช่นว่า ถ้าหากเราเกิดอาการแพ้ และเป็นแผลที่หนังศีรษะ ก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อรุกลามรวดเร็วได้

- ขัดผิว แน่ล่ะค่ะ คุณแม่บางคนผิวดำคล้ำหมองเวลาตั้งครรภ์ ก็เพราะฮอร์โมนมันเปลี่ยนไป แต่เราก็ไม่ควรจะขัดเพื่อหวังจะให้มันขาวผ่องเป็นยองใยเหมือนเก่าหรอกนะคะ เพราะการขัดผิวก็ต้องใช้สารเคมีเหมือนกัน อาจจะก่อปัญหาให้คุณแม่ได้ไม่ต่างจากสารเคมีจากการย้อมผม หรอกค่ะ

- เบบี้เฟซ ขนาดคนที่ไม่ตั้งครรภ์ เขายังไม่แนะนำให่ทำเลยนะคะ แล้วจะมานับประสาอะไรกับคนท้องล่ะ เพราะเบบี้เฟซเนี่ย มีผลข้างเคียงแยะ เพราะใช้สารเคมีแรงมากัดให้ผิวบางลง อาจจะทำให้ผิวอักเสบ และผิวก้จะไม่แข็งแรงเหมือนเดิมด้วยค่ะ

- ทำเล็บ เคยมีงานวิจัยว่าสารเคมีในยาทาเล็บเนี่ย ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกในท้อง และแม่กระทั่งเด็กอ่อนเลยนะคะ นอกจากนั้น การทำเล็บเนี่ย ยังต้องระมัดระวังเรื่งของความสะอาดมาก ๆ คนท้องร่างกายจะอ่อนไหวง่าย ถ้าเลี่ยงได้ ก็ควรจะเลี่ยงค่ะ

- นวดตัว การนวดตัว สามารถทำได้บ้างถ้าจำเป็นนะคะ แต่จะต้องนวดให้เบามือค่ะ การขยับร่างกายจะต้องเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และห้ามนวดในท่านอนคว่ำ ไม่นวดบริเวรท้อง และหลังนะคะ

- การเปลี่ยนสีผิว นี่ก็คล้าย ๆ กับเบบี้เฟซล่ะค่ะ นอกจากนี้ กระบวนการดังกล่าวยังถือว่าเป็นการฝืนธรรมชาติของผิวหนังด้วย เป็นการกัดสีผิว ทำให้สีจางลง ซึ่งผลกระทบของมันก็คือ ผิวจะบาง ทนแดด ทนสภาพแวดล้อม มลภาวะได้ไม่ดีเหมือนเดิมค่ะ

- โบทีอกซ์ นี่ก็เป็นกรรมวิธีในการฉีดสารที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นสารพิษ เข้าไปในผิวหนังของเราเลยนะคะ ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ได้รับสาร กลายเป็นอัมพาต และผลของมันก็คือ ความเต่งตึง แม้จะทำให้สวย แค่เป็นข้อต้องห้ามอย่างเด็ดขาดของคนท้องค่ะ เมืองนอกเคยมีข่าวออกมาว่า คุรแม่รักสวยรักงามไปฉีดโบท๊อก ปรากฏว่าลูกน้อยในครรภ์ พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

- สักคิ้ว มันก้เหมือนกับการสักทั่ว ๆ ไปนะคะ ที่เอาเข็มจิ้มสี มาจิ้มเข้าไปในผิวหนังของเรา ถ้าเครื่องมือไม่สะอากก็อาจจะติดเชื้อได้ค่ะ

- ทรีตเม้นท์หน้าใส อันนี้ไม่ว่าจะเป็นการใช้สารเคมี AHA หรือ BHA หรือไออนโต และทรีตเมนทืหน้าใสอื่น ๆ ที่กำลังได้รับความนิยมกันในขณะนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้กรดผลไม้ ช่วยผลัดเซลผิว ซึ่งจะทำให้เมลานินที่เคยเป็นสารปกป้องผิวบางลง ทนแดด ทนมลภาวะได้น้อยลงค่ะ

- อบไอน้ำ และซาวน่า ทั้งสองวิธีนี้ ทำให้ร่างกายของคุรแม่สูญเสียน้ำ ในภาวะปกติก็ไม่เป็นไร แต่ระหว่างตั้งครรภ์นั้น ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายและลุกในท้องนะคะ หลังการผ่านกระบวนการเหล่านั้น อาจจะทำให้คุรหม่เป็นลมหน้ามีดได้ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกค่ะว่า หลังอบซาวน่าประมาณ 1-2 ชั่วโมงจะให้ไอคิวของเราต่ำลงด้วย เพราะการสูยเสียน้ำในร่างกายนี่แหละค่ะ

แหล่งที่มา » mcot




 

Create Date : 03 กันยายน 2550    
Last Update : 3 กันยายน 2550 16:49:00 น.
Counter : 39610 Pageviews.  

เรื่องคัน คัน ของคนตั้งครรภ์

เรื่องคัน คัน ของคนตั้งครรภ์

อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นช่วงตั้งครรภ์ ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้คุณแม่หลายคนวิตก และหงุดหงิดหัวใจไปพร้อมๆ กัน อย่างเรื่องคัน คัน ตามส่วนต่างๆ คนไหนไม่เป็นคงไม่รู้ ว่าอาการคัน ทำให้ไม่สบายตัวได้มากขนาดไหน

<

ผิวหนัง
ที่พบบ่อยๆ คือ ผิวแห้ง เป็นขุย เป็นลักษณะของผิวแห้ง ซึ่งคุณแม่อาจจะมีลักษณะผิวแบบนี้ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ต้องลองกลับไปสังเกตตัวเองว่า ดื่มน้ำน้อยเกินไป อยู่ในห้องปรับอากาศนานๆ ใช้สบู่ฟอกตัวมากเกินไป หรือไม่

ซึ่งอาการคันที่เกิดจากผิวหนังแห้ง ต้องระวังเรื่องการเกา ถ้ายิ่งเกาอาการคันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนผิวหนังอักเสบ และเป็นแผล ได้ ถ้าผิวแห้งมากๆ ก็จะมีปัญหาริ้วรอยก่อนวัยมาเยือนก่อนเวลา ฉะนั้นใครที่รู้ตัวว่าผิวแห้งต้อง..

ดื่มน้ำมากขึ้น รับประทานผัก ผลไม้สดเป็นประจำ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถ้าต้องอยู่ในห้องปรับอากาศนานๆ ให้ปรับอุณหภูมิสบายๆ ไม่เย็นเกินไป
ทาโลชั่นบำรุงผิวให้สม่ำเสมอ
เปลี่ยนสบู่ เป็นสบู่อย่างอ่อน ลดการฟอกสบู่ให้น้อยลง
อย่าอาบน้ำบ่อยเกินไป และไม่ควรอาบน้ำอุ่นจัด
ไม่ควรอบซาวน่า หรือขัดผิวบ่อยๆ

คันท้อง...ท้องลาย
อาการคันบริเวณท้อง มีความสัมพันธ์กับเรื่องท้องลาย (แม่ตั้งท้องทุกคนพยายามหาวิธีไม่ให้ตัวเองท้องลาย หรือลายให้น้อย ที่สุด) เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 6 เดือน ลูกในท้องตัวโตขึ้น หน้าท้องขยายเร็วขึ้น จึงเป็นธรรมดาที่ผิวหนังส่วนหน้าท้องจะขยายตัวตามไม่ทัน ทำให้ผิวแตก บางท่านก็มีอาการคัน ร่วมด้วย ซึ่งถ้าคุณแม่เกาจะทำให้รอยแตกชัดยิ่งขึ้น ดังนั้น ทางที่ดี ที่สุดคือ การทาโลชั่น หรือน้ำมันเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์กันเลย สำหรับบางท่านแม้จะช่วยเรื่องการแตกไม่ได้ (น้อยลงกว่าไม่ได้ทา) แต่สามารถลดอาการคันได้

ในส่วนของน้ำมันที่นำมาทานั้น อยากให้เน้นการใช้น้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันงา หรือถ้าเป็นโลชั่น ก็ใช้โลชั่น ที่เหมาะกับสภาพผิวคุณเป็นดีที่สุด


คัน ส่วนบอบบาง
ประมาณแล้ว ถ้าเกิดไปคันพื้นที่ ที่ไม่อยากให้คัน ยิ่งเป็นเรื่องพูดไม่ออก บอกไม่ถูกกันเข้าไปใหญ่ จะเกาก็ไม่ได้ ไม่เกาก็ไม่ได้ จะใช้คำว่า ทรมาน ก็คงไม่มากเกินไป!

เชื้อรา เป็นสาเหตุของอาการคันพื้นที่บอบบางของผู้หญิงมากที่สุด เพราะในช่องคลอดเรามีน้ำหล่อเลี้ยง (ตกขาว) ไหลออกมาอยู่ตลอด ซึ่งเป็น อาหารอย่างดีให้เชื้อรา ถึงแม้เราคิดว่า ทำความสะอาดบริเวณนั้นดีแล้ว แต่ก็อาจจะมีตกค้างอยู่ ทำให้เชื้อรามาแฝงตัวอยู่ได้ และเป็นเหตุให้เกิดอาการคัน โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน ที่อากาศชื้นๆ สามารถพบได้บ่อยมากขึ้น

ทำความสะอาด
การรักษาความสะอาด เป็นการป้องกันที่ดีที่สุด เริ่มจากล้างส่วนบอบบางอย่างหมดจด คือ ต้องล้างตามร่องให้หมดด้วย เพื่อชำระล้างคราบตกขาวออกให้หมด แต่ไม่ต้องถึงขนาดใช้วิธีสวนล้างช่องคลอด เพราะอาจทำให้เกิดแผลในช่องคลอด เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น และยังทำให้สารที่อยู่ในช่องคลอดที่คอยป้องกันเชื้อโรคหมดไปอีกด้วย

ส่วนที่ต้องพิถีพิถันในการทำความสะอาดอีกอย่างคือ กางเกงชั้นใน ที่ควรซักทุกวัน (ซักอย่างสะอาด) ไม่ปล่อยทิ้งไว้ซึ่งทำให้เชื้อรามาเยือนได้ง่าย และควรตากกางเกงในบริเวณที่ไม่อับชื้น มีลมพัด ทางที่ดีควรจะนำไปตากแดดด้วย

การรักษา
ถ้าเป็นไม่มาก การใช้ยาทา หรือยาเหน็บเพียงไม่กี่วันก็หายแล้ว แต่ถ้าไม่สบายใจควรให้คุณหมอตรวจดูว่าเป็นเชื้อชนิดใดกันแน่ แต่ถ้าคุณแม่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ควรจะปรึกษาคุณหมอทันที ไม่ควรซื้อยามาทา หรือเหน็บเอง และเมื่อหายจากอาการคันแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของการรักษาความสะอาดอย่างหมดจดนั่นเองค่ะ

อาการคันส่วนบอบบาง ยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ได้อีกมาก ซึ่งคุณแม่สังเกตได้จากตกขาว ถ้าตกขาวมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว มีสีเหลืองขุ่น หรือเขียวก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ไปพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีจะดีที่สุด ที่สำคัญอย่างทิ้งไว้นาน เพราะอาการคัน...ยิ่งนานยิ่งคันมากขึ้นค่ะ

ที่มาจาก //www.pooyingnaka.com






 

Create Date : 24 สิงหาคม 2550    
Last Update : 24 สิงหาคม 2550 15:25:28 น.
Counter : 3207 Pageviews.  

คุณแม่ยุคใหม่ฟื้นอยู่ไฟหลังคลอด

ตั้งแต่ยุคโบราณนานมา ผู้เฒ่าผู้แก่มักให้หญิงที่เพิ่งคลอดอยู่ไฟและสืบทอดต่อกันมา ทุกวันนี้การอยู่ไฟหลังคลอดกลับมาเป็นที่นิยมของคุณแม่หลังคลอดอีกครั้งหนึ่ง เพราะช่วยให้คุณแม่หลังคลอดมีทรวดทรงองค์เอว ผิวพรรณหน้าตาสดใสเหมือนก่อนตั้งครรภ์

โรงพญาบาลกล้วยน้ำไท 1 เปิดประเด็น ม่ามี๊ ก็ผิวใสและเซ็กซี่ น็อตตี้ ได้ด้วยการอยู่ไฟ ให้กระจ่างชัดไปเลยว่าอยู่ไฟมีข้อดี ข้อเสียอย่างไร โดยน.พ.ก้องศาสดิ์ ดีนิรันดร์ สูติ-นรีแพทย์ กล่าวว่าน้ำหนักของหญิงตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้นประมาณ 10-12 ก.ก. ผิวคล้ำขึ้น มีสีเข้มคาดที่กลางลำตัว หน้าท้องแตกลายเนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนสะสม หลังคลอดแล้วน้ำหนักจะลดลงทันทีประมาณ 5.5 ก.ก. แต่ยังคงมีน้ำหนักตัวหลงเหลืออยู่ จากนั้น ประมาณ 3-4 สัปดาห์ มดลูกจะกลับมาเหมือนภาวะปกติร้อยละ 70 หรือเรียกกันว่า มดลูกเข้าอู่

แม้จะเป็นแพทย์แผนปัจจุบันแต่ก็มีความรู้เรื่องการอยู่ไฟด้วย คุณหมอบอกว่าการประคบทำให้คลายเมื่อย คลายเครียดเพราะขณะอยู่ไฟไม่ได้เลี้ยงลูก อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนเลือดสูบฉีดดีขึ้นซึ่งเกิดจากความร้อนจากการอบตัวในกระโจมเหมือนอบเซาน่าในปัจจุบัน


ส่วนการขัดผิวเป็นการลอกเซลล์ผิวที่คล้ำออกแล้วเซลล์ผิวที่ใสและสะอาดที่สุดซึ่งอยู่ชั้นล่างก็จะโตเร็วขึ้นเมื่อมีการสูบฉีดเลือดที่ดี อีกทั้งช่วยให้น้ำคาวปลาออกหมดเร็ว การปัสสาวะและอุจจาระก็พลอยดีขึ้นไปด้วย


อย่างไรก็ตาม การอยู่ไฟมีข้อเสียเหมือนกัน

หากคลอดปกติทางช่องคลอดต้องรอให้แผลฝีเย็บละลายเสียก่อนซึ่งมักจะใช้เวลา 7-10 วัน แต่กรณีคลอดแบบผ่าตัดต้องรอให้แผลหายดีเสียก่อนสักประมาณ 45 วัน และคุณแม่ยังต้องคำนึงถึงโรคประจำตัวด้วย เช่น บางคนเป็นโรคเบาหวาน หากมีแผลที่เท้าและชาเท้าขณะนวดหรืออบไฟก็อาจไม่รู้ตัวและทำให้แผลลามขึ้นได้ ส่วนคนเป็นความดันก็ต้องระวังเพราะขณะนวดความดันจะเพิ่มขึ้น และคนที่เป็นโรคหัวใจก็ควรระวังด้วย
มาคุยกับแพทย์แผนไทยประยุกต์กันบ้าง น.ส.กมลมาสย์ หลวงแสน กล่าวถึงขั้นตอนการอยู่ไฟว่า

• ขั้นแรกคุณแม่ต้องดื่มน้ำอุ่นหรือน้ำสมุนไพร แล้วอาบน้ำสมุนไพร สำหรับสมุนไพรที่ใช้อาบและอบตัวนั้น ประกอบด้วย ไพล ขมิ้นชันที่มีสรรพคุณแก้ฟกช้ำ แก้ปวดเมื่อย ตะไคร้และมะกรูดช่วยระบบทางเดินหายใจและดับกลิ่นน้ำคาวปลา ผักบุ้งแดงช่วยบำรุงสายตา ใบมะขามและใบส้มป่อยช่วยบำรุงน้ำเหลือง นอกจากนั้นก็มีการบูร พิมเสน เกลือ ว่านน้ำ

• จากนั้นนวดประคบโดยใช้ลูกประคบซึ่งใช้สมุนไพรสดเหมือนกับสมุนไพรที่ใช้อาบน้ำ แล้วมาทับหม้อเกลือซึ่งมีว่านชักมดลูกและว่านนางคำช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้นและขับน้ำคาวปลา ประกอบกับใช้หม้ออินทนนท์ซึ่งใส่เกลือตัวผู้เม็ดใหญ่ๆ ลงไปและอบในไมโครเวฟให้ร้อนแล้วใช้ใบพลับพลึงวางซ้อนกันก่อนวางหม้อบนหน้าท้องเป็นการขับน้ำคาวปลาและลดการเกร็งของหน้าท้อง

• หลังจากนั้น เป็นการนวดน้ำมัน ขัดผิวและอยู่กระโจมโดยเข้าไปอบตัวในกระโจม 10 นาที ออกมาพัก และเข้าไปใหม่ รวม 3 ครั้ง อาจทำทุกวันก็ได้เรื่อยไปจนกระทั่ง 1 เดือน


นอกจากนี้ ยังมีที่คาดไฟชุดหรือคาดไฟหลวง ประกอบด้วยกล่องอะลูมิเนียม แท่งยาซึ่งเป็นแท่งถ่านและผ้าคาดเอว จุดไฟครั้งหนึ่งก็จะร้อนนานประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยให้วางผ้าขนหนูรอบเอวเสียก่อนแล้วค่อยใส่ผ้าคาดเอวซึ่งจะทำวันละ 2-3 ครั้งก็ได้ เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องทำงานบ้านหรือไม่ค่อยมีเวลา ไม่สะดวกในการอยู่กระโจมหรือประคบ


เหตุใดราคาคอร์สอยู่ไฟถึงแพงมาก บางคอร์สเกือบหมื่น บางคอร์สหลายหมื่น พยาบาลชวนพิศ ยงยิ่งยืน ไขข้อสงสัยว่าเป็นเพราะราคาสมุนไพรที่แพงตามฤดูกาลและหายาก และยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 5 ชั่วโมงของการอยู่ไฟต่อหนึ่งวัน อีกทั้งน้ำมันนวดราคาแพง


ส่วนคุณแม่ลูก 4 ที่มีประสบการณ์อยู่ไฟอย่างโชกโชน นางอัจรียา อีดี้ ยืนยันว่าการอยู่ไฟดีต่อสุขภาพคุณแม่หลังคลอด ช่วยให้คลายปวดเมื่อยและไม่เคยมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวเลย พร้อมทั้งเผยเคล็ดลับเพื่อช่วยให้คุณแม่กลับมาสดใสในเวลาเร็ววันว่ามีหลัก แขม่ว ขมิบ และเขย่ง โดยยกแขนขึ้นและลงพร้อมกับขมิบและเขย่งไปพร้อมกัน


ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างวิถีไทยและความรู้ด้านการแพทย์สมัยใหม่ช่วยให้คุณแม่ดูดีขึ้นได้อย่างใจในเวลาไม่นาน

ขอขอบคุณข้อมูล จาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2550    
Last Update : 24 มิถุนายน 2550 15:43:21 น.
Counter : 698 Pageviews.  

อยู่ไฟเข้าตะเกียบ

เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์และอุ้มท้องเป็นเวลาประมาณ 9 เดือนนั้น มีอะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป คุณแม่มีน้ำหนักมากขึ้น กินอาหารมากขึ้น อาการที่เหลือจากลูกก็จะถูกเก็บสะสมไว้ในรูปไขมันเพื่อเตรียมการคลอด หน้าท้องขยายใหญ่ คุณแม่ต้องอุ้มน้ำหนักลูก ทำให้กล้ามเนื้อของหลัง ช่องท้อง ต้นขาต้องเกร็งตัวตลอดเวลา ทำให้มีอาการปวดหลัง คุณแม่บางคนก็มีภาวะท้องผูก เป็นริดสีดวง เส้นเลือดขอดที่ขา ท้องลาย ขาบวม เป็นต้น

คนโบราณหาวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการอยู่ไฟหรืออยู่เรือนไฟคือ การไปนอนบนแผ่นกระดาษก่อกองไฟไว้ใกล้หรือด้านล่างเพื่อให้มดลูกเข้าอู่หรือแห้ง และยังเป็นการป้องกันการติดเชื้อได้อีกด้วย เนื่องจากอยู่ในที่ที่อุณหภูมิสูงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ก็ยังให้คุณแม่กินเกลือ เพราะต้องเสียเหงื่อมากจากความร้อน

ระยะเวลาของการอยู่ไฟนั้นประมาณ 7-15 วัน หลังคลอดและคุณแม่ จะต้องพยายามทำขาให้ชิดกัน เพื่อให้แผลฝีเย็บติดกัน วิธีการนี้คนโบราณจะเรียกว่า การเข้าตะเกียบ ซึ่งช่วยให้คุณแม่ในยุคสมัยที่ยังนิยมการอยู่ไฟหลังคลอดมีสุขภาพสมบูรณ์

ปัจจุบันการอยู่ไฟหลังคลอดแบบในอดีตนั้นไม่เป็นที่นิยมจนคนรุ่นหลังๆ แทบไม่รู้จักวิธีการฟื้นฟูสุขภาพของคุณแม่หลังคลอดด้วยวิธีการนี้เลย ทั้งที่เป็นการฟื้นฟูสุขภาพหลังคลอดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

จนเมื่อมูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์ไทยเดิม ได้จัดตั้งโรงเรียนอายุรเวทวิทยาลัย (ชีวกโกมารภัจจ์) ขึ้นในปี พ.ศ.2525 วิชาผดุงครรภ์ถูกจัดให้มีการเรียนการสอนขึ้น โดยคณะอาจารย์โรงพยาบาลจุฬาสภากาชาดไทย และทีมงานหมอโบราณจากวัดโพธิ์หลายท่านได้ร่วมกันบูรณาการการผดุงครรภ์ไทยประยุกต์ขึ้น โดยใช้วิชาการทางการแพทย์แผนโบราณของไทยบวกกับการแพทย์แผนปัจจุบันในการผดุงครรภ์ กล่าวคือ ให้มีการเรียนกายวิภาคศาสตร์และสรีระวิทยาของการตั้งครรภ์ การดูแลมารดา ระยะตั้งครรภ์ การทำคลอด การดูแลมารดาหลังคลอด การดูแลทารกแรกเกิด และการส่งเสริมสุขภาพเด็กดี โดยเฉพาะในส่วนของการดูแลมารดาหลังคลอดนั้น ได้นำเอาวิธีการดูแลมารดาหลังคลอดของโบราณมาประยุกต์ใช้ เพื่อก่อให้เกิดสุขภาพดีทั้งแม่และเด็ก โดยมีองค์ประกอบในการดูแล ดังนี้

- การนวด
- การทับหม้อเกลือ
- การอบสมุนไพร
- การใช้ยาสมุนไพร

 การนวด
เป็นการคลายกล้ามเนื้อของแม่ที่เกร็งตัวอุ้มท้องอยู่ตลอด 9 เดือน ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น สามารถนำเอาของเสียที่ตกค้างตามส่วนต่างๆ ของร่างกายออกมากับเลือด นำไปฟอกที่ไตเพื่อขับถ่ายออกทางปัสสาวะ และเอาสารอาหารไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ นอกจากนั้น การนวดยังช่วยลดอาการเส้นเลือดขอด รีดสีดวงทวาร และอาการบวม อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมสุขภาพอีกด้วย เหมือนที่โบราณว่า เมื่อเลือดลมดี สุขภาพก็ดี

 การทับหม้อเกลือ
เป็นการนำเอาเกลือเม็ดใส่ในหม้อดินตั้งไฟจนเกลือสุกประมาณ 10-15 นาที วางลงบนสมุนไพรหลากหลายชนิด ห่อด้วยใบพลับพลึงและผ้าขาว เกลือที่ตั้งไฟจนสุกจะสามารถเก็บความร้อนไว้ได้นาน 15-20 นาที เมื่อห่อเกลือด้วยใบพลับพลึงและผ้าขาวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงนำมาประคบตามร่างกาย ความร้อนจะช่วยให้รูขุมขนเปิด ทำให้สมุนไพรซึมผ่านลงไปได้ ช่วยขับน้ำคาวปลา ขณะเดียวกันก็ขับของเสียออกมาตามรูขุมขน ทำให้คุณแม่มีผิวพรรณที่สวยงาม รัดมดลูกให้เข้าอู่เร็ว

 การอบสมุนไพร
คือการที่คุณแม่เข้าไปในห้องหรือกระโจมที่ถูกรมด้วยไอความร้อนจากน้ำต้มสมุนไพร ทำให้ร่างกายได้รับความร้อนทั่วตัว รูขุมขนเปิดตลอด ปอดและหลอดเลือดฝอยขยายตัว หายใจสะดวกขึ้น ขับของเสียออกมาทำให้เลือดไหวเวียนสะดวก กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และลดไขมันที่สะสมไว้ขณะตั้งครรภ์ ทำให้หุ่นดี

 การใช้ยาสมุนไพร
โบราณว่า เดิมมีการนั่งถ่าน โดยใช้สมุนไพรโรยที่ถ่านให้เกิดควัน แล้วนั่งคร่อมเตารมแผลฝีเย็บให้แห้งและให้ช่องคลอดกระชับ

การใช้ยาสมุนไพรบำรุงธาตุขับน้ำคาวปลาและบำรุงนม ในข้อนี้แพทย์แผนปัจจุบันไม่เห็นด้วย เพราะเชื่อว่ายาที่คุณแม่ทานอาจมีผลต่อเด็ก จึงทำให้ขั้นตอนนี้ ไม่เป็นที่นิยมนำมาใช้ในการดูแลคุณแม่หลังคลอดในปัจจุบัน

การดูแลคุณแม่หลังคลอดทำอย่างไร / เมื่อไหร่

1. ควรทำหลังจากคลอดแล้วไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์ ในรายที่คลอดปกติ เพื่อไม่ให้มีการตกเลือด เนื่องจากแผลในมดลูกยังไม่หาย หรือหลังจาก 1 เดือน ในรายที่ผ่าตัด เพื่อรอให้แผลผ่าตัดหายเสียก่อน

2. ในการทำแต่ละครั้งใช้เวลา 2-5 ชั่วโมง คือ
นวด ประคบ และอบสมุนไพร

3. ไม่ควรทำเกินวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หรืออาจทำครั้งเดียวตอนเช้าหรือเย็นก็ได้

4. ทำต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 5-15 วัน ตามความต้องการของคุณแม่ แต่ไม่ควรต่ำกว่า 5 วัน (โบราณทำ 7-15 วัน)

การดูแลคุณแม่หลังคลอด เป็นการส่งเสริมสุขภาพของคุณแม่ให้สมบูรณ์แข็งแรง ขับน้ำคาวปลา รัดมดลูกให้เข้าอู่เร็ว และขับไขมันส่วนเกินให้คุณแม่รูปร่างดี คุณแม่ท่านใดจะลองใช้วิธีการดูแลหลังคลอดแบบไทย ซึ่งปัจจุบันมีผู้หันมาทำธุรกิจให้บริการด้านนี้มากพอสมควร คุณแม่ก็ต้องเลือกให้ดีๆ เลือกคนที่มีความรู้ด้านแพทย์แผนไทยประยุกต์ (อายุรเวท) จริงๆ ก็จะเกิดผลดีต่อสุขภาพอย่างถ่องแท้ …ไม่ผิดหวัง

(update 23 กันยายน 2000)
[ ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอ ปีที่ 27 ฉบับที่ 6 กรกฎาคม 2546 ]




 

Create Date : 24 มิถุนายน 2550    
Last Update : 9 สิงหาคม 2550 19:29:08 น.
Counter : 1956 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  
 
 

Healthy Service
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คุ้มสมุนไพรบริการอยู่ไฟ คุณแม่หลังคลอด
จำหน่าย ชุดอยู่ไฟ และสมุนไพร
สายด่วน 08-5426-7578 (24 ชม. ทุกวัน)http://www.KUMsamunpai.com/


จำนวนผู้เข้าเว็บ Best Free Hit Counters
Maternity Wear
Maternity Wear 234x60 70% off on over 3,000 designer fragrances SkinStore Special Offers Free Shipping
[Add Healthy Service's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com