คุ้มสมุนไพร "ภูมิปัญญาไทย เพื่อสุขภาพและความงามคุณ" บริการ อยู่ไฟ หลังคลอด ถึงบ้าน และจำหน่ายชุด อยู่ไฟ ด้วยตนเอง
 

แม่ท้อง…อย่าทำ

>

ข้อห้ามต่อไปนี้ คุณแม่ที่เอาใจใส่คงทราบดีอยู่แล้ว ถือเป็นการเตือนสติคุณแม่คนใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ บางข้อหักห้ามใจกันแทบแย่ ก็คนเคยกินแซบ ๆ จะให้มาทนกินจืดชืดอยู่ตั้งแปดเก้าเดือนยังไหว ทนเอาหน่อยเถะค่ะ เขาเรียกว่า อดเปรี้ยวไว้กินหวาน อดแซบไว้ชื่นชมลูกน้อยที่เกิดมาแข็งแรงสมบูรณ์ไงล่ะ…คุ้มจริง ๆ


เครียด




รู้หรอกว่าอดเครียดไม่ได้ แต่รู้ไหม ความเครียดทำให้ความดันเลือดผิดปกติ เลือดไปเลี้ยงมดลูกน้อยลง ทำให้มีผลต่อพัฒนาการของลูกในท้องด้วย อาจทำให้ลูกเกิดมามีน้ำหนักน้อย ศีรษะเล็ก คลอดก่อนกำหนด พัฒนาการของสมองไม่ปกติ ลูกมักจะโยเยเลี้ยงยากกว่าเด็กอื่น เมื่อโตอาจมีปัญหาทางอารมณ์ สมาธิสั้น



ฉายเอกซเรย์




ข้อนี้หมอจะทราบดี และไม่ยอมฉายเอกซเรย์ให้อย่างแน่นอน เพราะจะเป็นอันตรายกับลูกในท้อง อาจทำให้ลูกพิการได้



ออกกำลังกายหักโหม




ออกกำลังน่ะทำได้ แต่อย่าหักโหมออกแรงมากหรือนานเกินไป จนเหนื่อยมาก ชีพจรเต้นเร็วเกิน 120 ครั้งต่อนาที (ชีพจรปกติจะอยู่ที่ 60-100 ครั้งต่อนาที) กีฬาประเภทที่กระแทกกระทั้น เช่น กระโดด วิ่ง ยืดตัวมาก ๆ เช่น ยิมนาสติก ซิตอัพ หรือที่จะทำให้ลื่นหกล้มได้ เช่น บาสเก็ตบอล ก็งดเสียก่อน ในช่วงนี้ เดิน ว่ายน้ำ โยคะ (ท่าที่ไม่โลดโผน) เป็นการออกกำลังที่ดีที่สุด



กินมื้อละมาก ๆ




มีหวังจุก ท้องอืด ท้องเฟ้อ ทรมานไปทั้งวัน ตอนนี้ท้องไส้ของคุณแม่จะถูกมดลูกที่ขยายออกเบียด ยิ่งท้องแก่ยิ่งเหลือที่น้อยลง เพราะฉะนั้นกินน้อย ๆ แต่หลาย ๆ มื้อดีกว่าค่ะ



กินทุกอย่างที่ขวางหน้า




คุณแม่เป็นนะคะไม่ใช่หมู ยิ่งตอนท้องต้องเลือกกินและกินบางอย่างที่ต้องเลิก หรืองดไว้ก่อน ได้แก่ อาหารรสจัด รสเผ็ด อาหารหมักดอง อาหารกึ่งดิบกึ่งสุก ทำให้ท้องเสียได้ง่าย อาหารรสเค็ม ทำให้คุณแม่บวมมากขึ้น ส่วนอาหารหวานจะทำให้คุณแม่เป็นเบาหวาน และน้ำหนักเพิ่มมาก ลูกตัวโตมาก อาหารไขมันก็เช่นกันค่ะ



ยกของหนัก




ยกของหนัก สะพายเป้หลัง ขึ้นบันไดสูง ๆ ทำงานที่เสี่ยงต่อการลื่นหกล้ม ก็ควรงดเช่นกันค่ะ เพราะตอนนี้ท้องคุณแม่ขยายใหญ่ถ่วงน้ำหนักยื่นไปข้างหน้า ทำให้ทรงตัวไม่มั่นคงเหมือนก่อน



สูบบุหรี่





แม่ท้องสูบบุหรี่ไม่เก๋เลย อาจทำให้ทารกเสียชีวิตก่อนคลอดหรือหลังคลอด คลอดก่อนกำหนด ลูกเกิดมามีน้ำหนักน้อยชักได้ง่าย เพราะสารนิโคตินในบุหรี่สามารถผ่านไปถึงลูกในครรภ์ได้ ทำให้สมองลูกได้รับออกซิเจนน้อยลง มีผลต่อการเจริญเติบโตของสมองลูกในขณะที่กำลังจัดโครงสร้าง คุณแม่ที่ไม่ได้สูบเอง แต่อยู่ร่วมห้องกับสิงห์อมควัน ก็ได้รับอันตรายพอ ๆ กัน



กินเหล้า (เครื่องดื่มแอลกอฮอล์)




ไม่มีใครบอกได้ว่าดื่มแค่ไหนจะมีผลต่อลูกในท้อง แต่ให้ชัวร์งดเสียเลยดีกว่า อันตรายจากการเป็นแม่นักดื่มมีไม่น้อยทีเดียว ลูกอาจปัญญาอ่อน เกิดมาตัวเล็ก ทั้งน้ำหนักน้อย ทั้งตัวเตี้ยกว่า ศีรษะเล็กกว่าปกติ ศีรษะและรูปหน้าผิดปกติ เป็นลักษณะที่เรียกว่า FAS (Fetal Alcohol Syndrome) โตช้า มีความพิการที่หัวใจและหลอดเลือดได้ อาจมีผลต่อพฤติกรรมของลูกด้วย มีสิทธิ์เป็นไฮเปอร์แอ็กทีฟ ขี้วิตกกังวล สมาธิสั้น



ดื่มกาแฟ





คาเฟอีน นอกจากมีในกาแฟแล้ว ยังมีในชา เครื่องดื่มประเภทโคล่า โกโก้ ช็อกโกแลต สามารถเข้าไปในกระแสเลือดและไปถึงสมองทารกได้ แม้ยังไม่มีการชี้ชัดว่า มีผลต่อลูกอย่างไรแต่ก็อย่าเสี่ยงดีกว่า



กินยาโดยไม่ปรึกษาแพทย์




เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยระหว่างตั้งท้อง อย่าสุ่มสี่สุ่มห้ากินยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์เป็นอันขาด ยาบางชนิดอาจทำให้แท้งหรือลูกพิการได้ เช่น ยาแก้อักเสบ ประเภทเตตร้าซัยคลิน ยารักษาไข้มาเลเรีย เช่น คลอโรนินและควินนิน ยาแก้ปวด เช่น แอสไพริน พาราเซตามอล ยาแก้แพ้ (บางชนิด) ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยาแก้ไอที่มีไอโอดีน ยาลดกรดในกระเพาะ ยากันชัก ยารักษาเบาหวาน



ฉีดวัคซีนหัดเยอรมัน หัด คางทูม




คุณแม่ท้องเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน เลยคิดจะไปฉีดเสียเดี๋ยวนี้ อ๊ะ อ๊ะ…อย่าทำเชียวนะคะ ลูกอาจเกิดมาพิการได้ นอกจากวัคซีนหัดเยอรมันแล้ว ยังมีวัคซีนหัด และวัคซีนคางทูมที่ไม่ควรฉีดขณะตั้งครรภ์หรือภายใน 3 เดือนก่อนตั้งครรภ์เช่นกันค่ะ



ไม่ฝากครรภ์




ข้อนี้อย่าทำเป็นอันขาด บางทีคุณอาจไม่รู้มาก่อนว่าตัวเองมีโรคประจำตัวหรือโรคกรรมพันธุ์ที่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ หรือการตั้งครรภ์ของคุณผิดปกติ ซึ่งถ้าไม่ได้ดูแลรักษา ก็จะเป็นอันตรายได้ทั้งแม่และลูก

ที่มา..นิตยสารรักลูก




 

Create Date : 15 กันยายน 2550    
Last Update : 15 กันยายน 2550 14:36:10 น.
Counter : 654 Pageviews.  

10 ความเชื่อยอดฮิต ยามตั้งท้อง



ตอนท้องมีแค่คนทักว่าอย่าไปงานศพ เดี๋ยวจะพาให้เศร้าหมอง หันไปอีกทางก็เจอคำเตือนว่าอย่าเพิ่งรีบซื้อของใช้เด็กก่อนลูกคลอด เพราะเป็นลางไม่ดี บางคนก็แนะนำให้ดื่มน้ำมะพร้าวมากๆ ลูกจะได้ผิวดี แต่เอ๊ะ...มาคิดดูแล้วความเชื่อแบบนี้จริงแท้แค่ไหนกันนะ ?


เพราะอยากรู้จริงๆ ค่ะ ก็เลยสอบถามความคิดความเชื่อของแม่ท้องทั้งจากภาคเหนือ ภาคใต้ อีสาน และตะวันออกผ่านเว็บไซต์ //www.raklukefamilygroup.com ว่าพวกเขามีความเชื่อในยามตั้งครรภ์ที่ตกทอดกันมาอย่างไรบ้าง

ครั้นพอได้ข้อมูลและประมวลดูแล้ว ก็พบว่าความเชื่อส่วนใหญ่ของคนทุกภาคได้รับการคาดหวังให้ปฏิบัติตาม แต่ก็มีความเชื่อบางอย่างค่ะที่มีอยู่เฉพาะภูมิภาคนั้นๆ


และเราได้สรุปความเชื่อยอดฮิต 10 ข้อเพื่อนำไปสอบถามคุณหมอสูติ รศ.พญ.สายฝน ชวาลไพบูลย์ จากศิริราชพยาบาล ผู้พบกับแม่มือใหม่มากหน้าหลายตา ซึ่งต่างก็พกพาความเชื่อที่ได้รับการปลูกฝังมากับตัวค่ะ

ช่วงท้อง ...เขาเชื่ออะไรกันบ้างหนอ ?


1. ความเชื่อ : คนเหนือเชื่อว่า ถ้าแม่ท้องแหลมจะได้ลูกชาย แต่ถ้าท้องกลมจะได้ลูกสาว
ความจริง : ลักษณะท้องจะกลมหรือแหลมขึ้นอยู่กับสรีระของแม่ท้องคนนั้นๆ ว่ามดลูกมีลักษณะอย่างไร และลักษณะกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นอย่างไร มากกว่าจะบ่งบอกเรื่องเพศ จากประสบการณ์ของหมอพบว่าแม่ท้องกลมบางคนได้ลูกชายก็มี หรือแม่บางคนท้องแหลมได้ลูกสาวก็มีค่ะ



2. ความเชื่อ : คนอีสานเชื่อว่าแม่ท้องอย่านั่งขวางบันได เพราะจะทำให้คลอดยาก

ความจริง : ความเชื่อนี้อาจมีที่มาจากผู้หลักผู้ใหญ่กลัวว่าแม่ตั้งท้องนั่งตรงหัวบันไดอาจพลัดตกลงมายังพื้นข้างล่าง ทำให้คลอดก่อนกำหนดหรือแท้งลูกได้ง่าย กุศโลบายเพื่อต้องการให้แม่ท้องหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุด้วยความเชื่อแบบนี้จึงเกิดขึ้นค่ะ



3. ความเชื่อ : คนใต้เชื่อว่าคนท้องอย่านอนมาก เพราะจะทำให้คลอดยาก ดังนั้นแม่ท้องต้องทำงานเยอะๆ ถึงจะดี
ความจริง : แม่ท้องควรพักผ่อนให้เพียงพอ แต่ความเชื่อนี้คงเกิดขึ้นเพราะความกลัวว่าถ้าแม่ท้องนอนมากเกินไปโดยไม่ทำอะไรเลย อาจทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง ส่งผลให้ลูกไม่แข็งแรงไปด้วย ดังนั้นถึงแม้จะท้องก็ควรใส่ใจเรื่องการออกกำลังกาย อาจจะด้วยการทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้ค่ะ


4. ความเชื่อ : ถ้าแม่สะดือหงายจะได้ลูกชาย ถ้าสะดือคว่ำจะได้ลูกสาว
ความจริง : คนสมัยก่อนอาจจะสังเกตเอาเองว่าคนที่มีสะดือหงายจะได้ลูกชาย สะดือคว่ำจะได้ลูกสาว ข้อมูลนี้ไม่ได้เป็นจริง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะจากประสบการณ์ของหมอพบว่า คนไข้บางรายมีท้องใหญ่สะดือคว่ำกลับได้ลูกชาย และบางรายสะดือหงายกลับได้ลูกสาวก็มีค่ะ



5. ความเชื่อ : ถ้าแม่กินเฉาก๊วยลูกออกมาจะผิวคล้ำ แต่ถ้าดื่มน้ำมะพร้าวมากๆ ลูกจะผิวขาวสวย
ความจริง : ลูกจะผิวคล้ำหรือขาวขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ ถ้าพ่อแม่ผิวขาวลูกจะมีผิวขาว ส่วนพ่อแม่ผิวคล้ำลูกจะมีผิวคล้ำ ฉะนั้น ไม่ว่าเฉาก๊วยหรือน้ำมะพร้าวไม่ได้มีผลกับผิวของลูกแต่อย่างใดค่ะ ส่วนที่เชื่อว่าให้แม่ท้องดื่มน้ำมะพร้าวเยอะๆ คงเพราะในน้ำมะพร้าวมีสารอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งจะเป็นเกลือแร่และวิตามิน

แต่ที่ดีที่สุดถ้าอยากให้ลูกผิวพรรณดี สุขภาพแข็งแรง แม่ท้องควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอนหลับให้เพียงพอ ทำใจให้สบายค่ะ



6. ความเชื่อ : ช่วงท้องถ้าแม่หน้าตาหมองคล้ำ ลูกจะออกมาเป็นผู้ชาย แต่ถ้าแม่ผิวพรรณสดใสลูกจะเป็นผู้หญิง
ความจริง : ทางวิทยาศาสตร์อธิบายได้ว่าระบบเลือดของลูกในท้องกับระบบเลือดของแม่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน นอกจากนั้นฮอร์โมนของลูกกับแม่ก็ไม่ได้เชื่อมต่อกัน ด้วยเหตุนี้ความเชื่อที่ว่า ฮอร์โมนของลูกชายอาจจะส่งผลให้แม่มีผิวพรรณหมองคล้ำ หรือฮอร์โมนลูกสาวจะทำให้ผิวพรรณของแม่สดใสเปล่งปลั่งจึงไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดค่ะ



7. ความเชื่อ : หลังคลอดแม่มือใหม่ต้องกินยาขับน้ำคาวปลา หรือยาดองเพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย
ความจริง : แม่ส่วนใหญ่ยังคงได้รับการปลูกฝังว่าน้ำคาวปลาเป็นของเสียหลังคลอดที่ควรถูกขจัดให้หมดไป ดังนั้นการดื่มยาขับน้ำคาวปลาจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด แต่จริงๆ แล้วน้ำคาวปลาคือเลือดที่ไหลซึมจากแผลในโพรงมดลูกในตำแหน่งที่รกลอกตัวออกไป

โดยขั้นตอนธรรมชาติร่างกายของเราจะพยายามหยุดเลือดบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด ดังนั้นถ้าเราดื่มยาขับน้ำคาวปลาจะเท่ากับไปเร่งให้เลือดตรงบริเวณนั้นไหลออกมาจนเกิดภาวะตกเลือด และแม่บางรายถึงกับถูกหามส่งโรงพยาบาลเหตุเพราะดื่มยาชนิดนี้เข้าไปอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์


อีกอย่างยาขับน้ำคาวปลาและยาดองเหล้ามีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ซึ่งจะไหลออกมาปะปนกับน้ำนมแม่ ทำให้ลูกได้รับแอลกอฮอล์ตามไปด้วย แอลกอฮอล์ที่ว่านี้มีผลต่อการทำงานของสมอง และทำให้พัฒนาการลูกล่าช้ากว่าปกติอีกด้วยค่ะ


8. ความเชื่อ : แม่มือใหม่ไม่ควรสระผมเป็นเวลา 1 เดือนหลังคลอด เพราะจะทำให้ปวดหัว
ความจริง : ประเพณีทั้งไทยและจีนส่วนใหญ่ยังมีความเชื่อว่าถ้าแม่มือใหม่สระผมหลังคลอดจะมีอาการปวดหัวเรื้อรัง แต่ในทางการแพทย์แล้วเรื่องนี้ไม่มีผลกับการปวดหัวแต่อย่างใด และการไม่สระผมอาจเป็นแหล่งเพราะเชื้อโรคอย่างเชื้อแบคทีเรียจากแม่ไปสู่ลูกได้ด้วยนะคะ


เมื่อลูกลืมตาดูโลกแล้ว...เขาเชื่ออะไรกันบ้าง ?

9. ความเชื่อ : ควรกลัดเข็มกลัดติดเสื้อลูกไว้เพื่อจะไม่ให้วิญญาณร้ายเข้ามาทำร้ายลูกเราได้
ความจริง : เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดค่ะ และการใช้เข็มกลัดในเด็กเล็กๆ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะปลายเข็มแหลมๆ อาจทิ่มแทงลูกได้ ในกรณีที่หลีกเลี่ยงการใช้ไม่ได้ควรเลือกเข็มกลัดหัวโต ปลายมน ไม่มีส่วนแหลมคมยื่นออกมา และซ่อนปลายเข็มกลัดให้มิดชิด ไม่ให้ไปทิ่มแทงผิวเนื้อบางๆ ของลูกได้

10. ความเชื่อ : ถ้าลูกน่ารักต้องพูดว่าลูกน่าชัง สิ่งชั่วร้ายจะได้ไม่พรากลูกไปจากเรา

ความจริง : สมัยก่อนเด็กอาจจะต้องพบกับโรคร้ายต่างๆ ที่วิทยาการทางการแพทย์ยังไปไม่ถึง ทำให้อัตราเสียชีวิตของเด็กมีอยู่สูง ดังนั้นความเชื่อที่ว่าให้เรียกลูกว่าน่าชังแทนที่คำว่าน่ารักจึงเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทำให้ผู้เลี้ยงดูสบายใจ หายกังวลไปได้ แต่ในทางวิทยาศาสตร์แล้วเรื่องนี้ไม่มีมูลความจริงแต่ประการใดค่ะ

เชื่อแบบนี้ ต้องคิดไหม


แม่ท้องเดี๋ยวนี้ก็มีเทนรด์ความเชื่อที่แม้แต่หมอสูติฯ ยังอดส่ายหัวไม่ได้ เช่น...


ความเชื่อ : แม่ท้องจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าผ่าตัดคลอดให้ผลดีทั้งเรื่องการรักษาหุ่นให้กลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว และไม่เจ็บตัวเท่ากับการคลอดเองตามธรรมชาติ

ความจริง : การผ่าตัดคลอดนอกจากจะทำให้แม่มีความเสี่ยงที่จะคลอดลูกก่อนกำหนด ซึ่งมีผลทำให้ลูกมีน้ำหนักตัวน้อยและเสี่ยงกับโรคภัยต่างๆ แล้ว การผ่าตัดคลอดยังเพิ่มความเสี่ยงให้แม่ท้องบางรายต้องได้รับผลข้างเคียงจากการดมยาสลบด้วย

นอกจากนั้นการผ่าตัดคลอดจะทำให้แม่มือใหม่ต้องนอนพักรักษาแผลผ่าตัดให้หายสนิทในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทำให้ไม่ได้ให้นมลูกในทันทีหลังคลอดเหมือนแม่ที่คลอดเองตามธรรมชาติ ซึ่งการให้นมลูกนี้จะช่วยเร่งให้ร่างกายแม่กลับคืนสู่สภาพเดิมได้เร็วกว่าการผ่าตัดคลอดค่ะ

ความเชื่อ : แม่บางคนเชื่อถือฤกษ์ยาม เพราะคิดว่า ถ้าลูกเกิดมาได้ในวันที่กำหนดจะโชคดีตลอดไป

ความจริง : จริงๆ แล้วการคลอดควรเกิดขึ้นด้วยวิถีที่เป็นธรรมชาติที่สุด การเชื่อฤกษ์ยามในการคลอดว่าต้องผ่าตัดคลอดในวันนั้นวันนี้เท่านั้น นั่นเท่ากับเป็นการฝืนธรรมชาติ และที่สำคัญการผ่าตัดคลอดอาจเกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนดคลอดจริงๆ ซึ่งทำให้เด็กคลอดออกมาก่อนกำหนด โดยมีความเสี่ยงสูงว่าปอดจะทำงานได้ไม่เต็มที่ และเด็กอาจมีน้ำหนักตัวน้อยผิดปกติ รวมทั้งเสี่ยงกับการป่วยด้วยโรคอื่นๆ ตามมาในภายหลัง

คำอธิบายจากคุณหมอในความเชื่อต่างๆ เหล่านี้คงจะทำให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจกระจ่างขึ้น รวมทั้งสามารถตัดสินใจเลือกเชื่อและปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์กับตัวเองและลูกในท้องนะคะ และส่วนความเชื่อไหนที่ไม่เกิดโทษนั้นจะเชื่อเพื่อความสบายใจของตัวเองหรือครอบครัวก็ไม่ผิดแต่อย่างใดค่ะ

ที่มา..นิตยสารรักลูก




 

Create Date : 15 กันยายน 2550    
Last Update : 15 กันยายน 2550 14:25:25 น.
Counter : 2156 Pageviews.  

วิถีธรรมชาติเพื่อการคลอดธรรมชาติ

วันนี้องค์การอนามัยโลกบอกไว้ว่า 85 % ของผู้หญิงท้องสามารถคลอดได้เอง แต่พอเรามาดูกันจริงๆ ในหลายประเทศรวมทั้งบ้านเราด้วยแล้ว ตัวเลขคนคลอดเองได้กลับไม่เป็นอย่างที่ว่ากัน ในสหรัฐอเมริกาการผ่าตัดคลอดอยู่ระหว่าง 28-29% ส่วนในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย กลับอยู่ที่ประมาณ 15



เราเป็นแม่กลุ่มไหน
กลุ่มนี้ คือ กลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบต่อวิวัฒนาการของเทคโนโลยีจนเสียความมั่นใจในตัวเองก็ไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งแปลกหรือต้องกังวลเพราะเห็นเป็นสิ่งปกติ แต่ถ้าไปดูในอีกกลุ่มจะพบว่ายิ่งแม่มีความรู้ก็จะต้องการตรวจสอบหรือพิสูจน์ข้อมูลที่ได้ว่าอะไรถูกอะไรผิดกันแน่


ถ้าไม่เจ็บก็ไม่คลอด
คุณแม่ควรแสวงหาข้อมูลที่ตัวเองต้องการด้วยการอ่าน อบรม พูดคุยกับเพื่อนที่มีประสบการณ์การคลอดมาแล้ว ประเด็นสำคัญน่าจะเป็นความรู้สึกที่เป็นบวกกับการคลอดนะคะ เพราะจริงๆ แล้วหลายคนกลัวเจ็บแต่ลืมคิดไปว่าถ้าไม่เจ็บครรภ์ก็จะไม่มีการคลอดได้เอง แต่จะเจ็บมากน้อยขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย และความกลัวก็มักนำมาซึ่งความเจ็บเพราะจะทำให้ขาดสติ ทำให้ร่างกายทำงานได้ไม่ดี ยิ่งกลัว ยิ่งเจ็บ ยิ่งต้องใช้เวลานาน

ดังนั้นคิดในทางตรงกันข้ามคิดในแง่ดีจะดีกว่าค่ะ หาสิ่งแวดล้อมที่เอื้อความต้องการของตัวเองหรือหากำลังใจเพื่อเป็นที่พึ่ง แต่โดยปกติแล้วช่วงตั้งครรภ์จะเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดเพราะมีคนมาแวดล้อมดูแลและคอยลุ้น ดังนั้นไม่ต้องกลัว ถ้าจะมีคนคู่กายอยู่เคียงข้างยิ่งมากยิ่งดี เพราะกำลังใจดีแรงก็ดีไปด้วยนะคะ


ออกกำลังกาย
ควรส่งเสริมให้คุณแม่เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานและการเปลี่ยนแปลงของระบบต่างๆ ในร่างกายขณะตั้งครรภ์และคลอด เพราะร่างกายของคุณแม่จะถูกเตรียมพร้อมโดยฮอร์โมนให้มีความยืดหยุ่นได้มากกว่าปกติเพื่อเป็นการเปิดช่องทางให้ลูกคลอดได้โดยสะดวก เลือกการออกกำลังกายให้เหมาะกับสภาพร่างกายของคุณแม่ที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอและผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ


น้ำหนักตัว
ถ้าแม่น้ำหนักขึ้นมากเกินไปในระหว่างตั้งครรภ์จะมีอีกหลายเรื่องตามมากไม่ว่าจะเป็น ตัวใหญ่ทั้งแม่และลูก ปัญหาโรคเบาหวานและ น้ำหนักตัวที่เหมาะสมสำหรับการคลอดเอง คุณแม่ควรให้น้ำหนักขึ้นประมาณ 10-12 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์


ฝึกการหายใจ
ฝึกควบคุมจิตใจโดยการฝึกหายใจแบบโยคะ เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีประโยชน์เพราะช่วยให้เรามีสติอยู่เสมอ
การหายใจที่ถูกต้องคือหายใจลึกๆ ยาวๆ ไม่กลั้นหายใจ ไม่หายใจรัว เอาแบบพอดีๆ แม่ไม่เหนื่อยลูกจะได้ออกซิเจนเต็มที่


เตรียมตัวเข้าห้องคลอด
พร้อมรับสถานการณ์ต่อไปนี้ การคลอดต้องมีการเจ็บคลอดแต่ไม่เจ็บถึงตาย การเจ็บบอกให้รู้ว่าการคลอดกำลังดำเนินไป และความทนได้แต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ถ้าเป็นไปได้ลองพยายามที่จะไม่ใช้ยาเร่งคลอด ไม่ใช้ยาแก้ปวด ความกลัว ความกังวล ความตกใจจะทำให้ความรู้สึกเจ็บมากขึ้นและลดลงได้ด้วยความเข้าใจถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น

จริงแล้วในการคลอดไม่มีความจำเป็นที่ต้องให้น้ำเกลือระหว่างรอ ไม่โกนขน ไม่สวนอุจจาระ ทุกคนทุกครั้งที่คลอด มีเพียงบางรายที่ต้องเตรียมแบบทำผ่าตัด เพราะส่วนใหญ่จะสามารถคลอดได้เอง แต่ทั้งนี้ก็คงขึ้นอยู่กับแพทย์และโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ด้วยค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสาร Modern Mom






 

Create Date : 14 กันยายน 2550    
Last Update : 14 กันยายน 2550 23:01:39 น.
Counter : 600 Pageviews.  

ดูแลผิวพรรณขณะตั้งครรภ์



เมื่อถึงวัยอันสมควร ผู้หญิงทุกคนจะต้องมีโอกาสตั้ง
ครรภ์ และมีการเปลี่ยนแปลงมากมายกับผิวพรรณ ซึ่งบางรายจะเกิดอาการวิตกถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ กลัวว่าจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม การเปลี่ยนแปลงนี้จะค่อนข้างขึ้นอยู่กับอายุของผู้ตั้งครรภ์เอง ยิ่งอายุมากและตั้งครรภ์จะเห็นการเปลี่ยนแปลงได้มาก และมีโอกาสกลับคืนเข้าสู่สภาวะปกติได้มาก และมีโอกาสกลับคืนเข้าสู่สภาวะปกติได้ช้า ถ้าอายุน้อยคือต่ำกว่า 30 ปีลงมา เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณแล้วก็จะมีโอกาสกลับคืนสู่ปกติได้เร็ว แต่อย่างไรก็ตามไม่ควรที่จะตั้งครรภ์ในขณะอายุน้อยมาก เพราะจะสร้างภาระมหาศาลแก่มารดาในการเลี้ยงดูบุตรให้มีคุณภาพ


เมื่อตั้งครรภ์ได้ประมาณ 3-4 เดือน จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณได้บ้างอาจเริ่มตั้งแต่

เส้นเลือดขอด


จะมองเห็นเส้นเลือดฝอยเล็กๆ โป่งพอง ที่ผิวด้านข้างของเข่าและตาตุ่ม เมื่อเส้นเลือดพองโตกว่าปกติจะมองเห็นเป็นสีเขียวๆ เป็นเส้นเลือดฝอยขดไปมาใต้ผิวหนัง ถ้าเอานิ้วมือกดรีดไปตามเส้นสีเขียว จะทำให้เส้นเลือดแฟบลงเหลือเป็นสีผิวปกติ เมื่อปล่อยมือจะเห็นเป็นเลือดสีเขียวเหมือนเดิม เป็นการทดสอบด้วยตนเองว่าเป็นเส้นเลือดขอด


สาเหตุของเส้นเลือดขอด เกิดจากการที่ทารกมีขนาดโต ไปกดทับเส้นเลือดบริเวณหน้าท้อง หลัง และต้นขาทำให้การไหลเวียนของระบบเลือดผิดปกติ เลือดไหลกลับสู่หัวใจได้ยากขึ้น จึงเหลือค้างในเส้นเลือดฝอยที่ขา ประกอบกับขาที่เป็นอวัยวะที่อยู่ส่วนล่าง เลือดจึงค้างได้มากและนานทำให้เกิดเส้นโป่งพองและขอดเป็นเส้นๆ ถ้ามารดามีอาชีพที่ต้องยืนนาน เดินมาก อาการเส้นเลือดขอดจะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย


วิธีป้องกันและรักษาอาการเส้นเลือดขอดขณะตั้งครรภ์ คือต้องให้ขาอยู่สูงกว่าปกติ เช่น ขณะนั่ง ควรยกขาพาดเก้าอี้ให้อยู่ระดับเดียวกันกับสะโพก แม้จะเป็นท่าที่ไม่สุภาพแต่ก็ช่วยรักษาสุขภาพขาได้ดี ส่วนเวลานอนควรใช้หมอนหนุนบริเวณข้อเท้าเพื่อให้ขาอยู่สูงกว่าเดิม เป็นการป้องกันเส้นเลือดขอดได้ดี ส่วนรายที่มีเส้นเลือดขอดขนาดโต อาจต้องใช้ ผ้ายืด Elastic bandage รัดขาให้แน่นเพื่อกดเส้นเลือดให้แบนราบกว่าเดิม

หน้าดำจากฝ้า


เกิดได้ตั้งแต่ครรภ์อ่อนๆ จนกระทั่งหลังคลอดแล้ว บางรายยังเป็นๆ หายๆ เกือบตลอด ฝ้าเกิดจากการไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศในขณะตั้งครรภ์ เริ่มสังเกตได้จากการมีผื่นสีน้ำตาลอ่อนกระจายบนโหนกแก้ม เหนือคิ้วและบริเวณหนวด เมื่อครรภ์มีอายุมากขึ้น ผิวสีน้ำตาลจะมีสีเข้มขึ้นและเป็นสีดำ และถ้าเป็นนานๆ จะกลายเป็นเป็นสีน้ำเงิน ผิวสีน้ำเงินจะเกิดจากการที่มีเม็ดเมลานินตกตะกอนอยู่ในชั้นหนังแท้ ซึ่งจะทำให้การรักษายากขึ้นไปอีก


การป้องกันการเกิดฝ้า ที่สำคัญคือ ต้องทายากันแดดบริเวณใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณที่ล่อแหลมต่อการเกิดฝ้า ได้แก่ หน้าผาก เหนือคิ้ว แก้ม ประการต่อไปคือ หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางมากเกินความจำเป็น เพราะน้ำหอมบางชนิดในเครื่องสำอางก่อให้เกิดฝ้าได้ เมื่อไม่ต้องการตั้งครรภ์อีกต่อไปควรที่จะคุมกำเนิด ซึ่งทำได้หลายแบบ เช่น ให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัย ฝ่ายหญิงใส่ห่วงคุมกำเนิด ส่วนการรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ดีแต่มีผลข้างเคียง คือ ทำให้เกิดฝ้าได้ในบางราย การทำหมันเป็นการคุมกำเนิดที่ดี และไม่ก่อให้เกิดฝ้าด้วย เพราะไม่มีฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้อง

หน้าท้องลาย


ผิวฉีกขาดบริเวณหน้าท้อง จะพบเกือบทุกคนเมื่อเด็กมีขนาดโตประมาณ 6 เดือนขึ้นไป จะเห็นเป็นรอยฉีกขาดเป็นเส้นยาว ขนาดแตกต่างกัน บนผิวท้องส่วนมากผิวฉีกขาดจากการตั้งครรภ์จะมีสีม่วง ป้องกันได้ยากและมักไม่หาย การทาครีมบำรุงชนิดใดๆ ก็ตามมีผลในการป้องกันผิวแตกได้น้อยมาก

กระเนื้อ (Seborrheic keratosis)


อาจมีจำนวนมากขึ้นถ้ามีอยู่แล้วก่อนตั้งครรภ์ แต่ถ้าไม่เคยมีมาก่อนคงจะไม่เกิดขึ้น ลักษณะของกระเนื้อจะปรากฏเป็นตุ่มเนื้อ นิ่มๆ ขนาด 2-3 มม. ขึ้นบริเวณคอ อก และใบหน้า เมื่อคลอดบุตรจำนวนกระเนื้อจะลดลงได้เอง

สิว


พบได้ในบางรายโดยเฉพาะในระยะที่มีระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงมากๆ ควรรักษาความสะอาดของใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ เพราะคนตั้งครรภ์จะมีเหงื่อออกมากทำให้ใบหน้าสกปรก การทายาสิวจะช่วยทำให้สิวยุบได้ไม่ควรรับประทานยาแก้สิวใดๆ เพราะจะมีอันตรายแก่ทารกในครรภ์ ยกเว้นยาที่แพทย์ได้สั่งให้รับประทานเท่านั้น

ขาบวม

เกิดเมื่อเดินมากๆ เป็นการบวมชนิดไม่บุ๋ม ทำให้ผิวพรรณเปล่งบางบริเวณหน้าแข้ง น่อง และข้อเท้า ควรงดอาหารเค็ม เพราะเกลือในอาหารที่มีรสเค็มจะดูดน้ำได้มาไว้ที่ผิวมากทำให้บวม การรับประทานยาขับปัสสาวะตามแพทย์สั่งจะลดอาการบวมได้ดี

ที่มา..หนังสือ นิตยสารใกล้หมอ




 

Create Date : 14 กันยายน 2550    
Last Update : 14 กันยายน 2550 14:26:19 น.
Counter : 765 Pageviews.  

อาการ บวมมือ บวมเท้า

สัปดาห์ที่ 28 เมื่อเริ่มเข้าสู่เดือนที่ 7 ใครๆ ก็สังเกตเห็นท้องของคุณได้อย่างชัดเจนระยะนี้เป็นเวลาที่คุณควรจะได้พักผ่อนอยู่ที่บ้านและทำกิจวัตรต่างๆ ที่คุณชอบให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้เพราะอีกไม่นานการรอคอยที่จะได้พบหน้าเจ้าตัวน้อยก็จะสิ้นสุดลงแล้วค่ะ



ความเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย


สัปดาห์ที่ 28 เป็นช่วงที่ร่างกายส่วนต่างๆ ของคุณมีการเปลี่ยนแปลง สะโพกขยายใหญ่ขึ้น ทำให้คุณต้องปรับเปลี่ยนท่าเดินเพื่อให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวขึ้น ว่าที่คุณแม่คนใหม่ใช้เวลาอยู่หน้ากระจกครั้งละนานๆ เพื่อสำรวจบั้นท้ายใหญ่ๆ ของตัวเอง รวมไปถึงขนาดของหน้าอกที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า บางคนก็เริ่มมีน้ำนมใสไหลซึมออกมาจากเต้าแล้ว บางครั้งคุณอาจจะรู้สึกเจ็บชายโครงเพราะแรงกดจากขนาดที่เพิ่มขึ้นของทารกหรือเจ็บแปล๊บที่ท้องขณะเดิน ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ อาจทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาของหญิงตั้งครรภ์ส่วนใหญ่ ลองหาอะไรใหม่ๆ ทำ อย่างเช่น การปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตัวเองด้วยการเลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบายและพอดีกับรูปร่างจะช่วยให้คุณดูเพรียวขึ้นได้มากกว่าการสวมชุดคลุมท้องพองๆ เพราะมันจะทำให้คุณหงุดหงิดเพิ่มขึ้นทันทีที่เห็นกระจก เครื่องประดับใหม่ๆ ก็สามารถช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ต่างหู กำไล หมวกใบใหญ่ รวมไปถึงการตัดผมทรงใหม่ด้วย


อาการและการแก้ไข

ริดสีดวงทวาร สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงตั้งครรภ์ คุณควรดื่มน้ำมากๆ หมั่นรับประทานผัก ผลไม้ และอาหารที่มีกากใยสูง เพื่อช่วยในการขับถ่ายหากธาตุเหล็กที่คุณรับประทานเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คุณท้องผูก ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นริดสีดวงทวาร แพทย์ผู้ดูแลครรภ์จะให้คำแนะนำที่ดีต่อคุณได้ค่ะ


ขาเป็นตะคริว เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะตอนกลางคืน วิธีแก้ไขก็คือ ให้คุณนอนเหยียดขาตรง งอข้อเท้า ร่วมกับการนวดที่น่องทั้งสองข้าง


มือและเท้าบวม ควรเลือกรองเท้าที่สวมใส่สบาย โดยเฉพาะในช่วงบ่ายและค่ำ เพราะเป็นช่วงที่เท้าของคุณจะบวมเป่งกว่าปกติ ระยะนี้คุณตวรจะถอดแหวนที่ใส่ออกก่อนที่นิ้วมือของคุณจะบวมจนแหวนคับติ้วนะคะ


เส้นเลือดโป่ง หาเวลาพักขาด้วยการนอนราบลงกับพื้นแล้วค่อยๆ ยกเท้าขึ้นสูง ถุงเท้ายาวๆ ที่ช่วยพยุงขาจะช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ค่ะ



อารมณ์ของคุณแม่


ว่าที่คุณแม่ส่วนใหญ่จะมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์กันทั้งนั้นเพียงแต่ไมใแสดงออกให้ใครรู้ แต่ความกังวลเหล่านี้จะติดอยู่ในใจจนหลายคนเก็บเอาไปฝัน ยิ่งช่วงใกล้คลอด คุณก็จะยิ่งฝันเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น อย่างเช่น ฝันว่าคลอดลูกลำบาก หรือลูกที่เกิดมามีความผิดปกติ พิการ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของว่าที่คุณแม่ทุกคนที่มีความวิตกกังวลใจในเรื่องนี้จนเก็บเอาไปฝัน หรือฝันว่าลูกคลอดออกมรอย่างกะทันหัน ก่อนที่คุณจะเดินทางไปถึงวโรงพยาบาลบางทีก็ฝันว่าคุณตั้งครรภ์แต่เมื่อถึงเวลาคลอดกลับไม่มีทารกคลอดออกมาหรือทารกเสียชีวิต สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ลางบอกเหตุร้ายอย่างที่หลายคนเข้าใจแต่เกิดขึ้นจากความกังวลของคุณเท่านั้น ทางที่ดีคุณควรพักผ่อนให้เพียงพอและทำใจให้สบายจะดีกว่านะคะ


ลูกของคุณตัวโตแค่ไหนนะ


ว่าที่คุณแม่หลายคนมีความกังวลใจเกี่ยวกับขนาดของลูกน้อยในครรภ์ เพราะอยากให้ลูกเติบโตตามเกณฑ์ปกติ แต่เมื่อถึงเวลาใกล้คลอดก็เกิดวิตกอีกว่า ถ้าหากลูกตัวโตเกินไปจะทำให้คลอดลำบากไหมนี่ เรามาดูกันค่ะว่าปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อขนาดของเจ้าตัวเล็กในครรภ์


ปัจจัยแรกก็คือ พันธุกรรม ถ้าคุณเป็นคนรูปร่างเล็กลุกก็มีแนวโน้มว่าจะตัวเล็กเหมือนคุณ และถ้าลูกคนแรกตัวเล็กหรือตัวโตกว่าปกติ ลุกคนต่อมาก็มีแนวโน้มที่จะมีรูปร่างแบบเดียวกับคนพี่ ขนาดของคุณแม่ตอนแรกคลอดก็สามารถนำมาเป็นใช้คาดเดาขนาดของลูกได้เช่นกัน ที่น่าสังเกตอีกจุดหนึ่งก็คือ ลูกคนแรกมักจะตัวเล็กกว่าคนถัดมา และเด็กผู้ชายมักจะมีน้ำหนักตัวแรกคลอดมากกว่าเด็กหญิงด้วย


ถ้าหากคุณมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือครรภ์เป็นพิษ อาจจะมีผลต่อขนาดทารกในครรภ์ได้ในกรณีนี้ครรภ์ของคุณควรได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์


หากคุณหรือสามีของคุณสูบบุหรี่ ทารกแรกคลอดจะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าทารกที่คุณพ่อคุณแม่ไม่สูบบุหรี่เมื่อทราบแบบนี้คุณควรหลีกให้ไกลจากบุหรี่ นะคะ


นอกจากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมานี้ สิ่งที่คุณควรทำคือปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ดูแลครรภ์และไม่ควรกังวลกับขนาดของเจ้าตัวเล็กในครรภ์มากเกินไป เพราะส่วนใหญ่ทารกก็จะมีพัฒนาการการเจริญเติบโตตามระยะเวลาที่เหมาะสมอยู่แล้วค่ะ.

ที่มา..นิตยสารบันทึกคุณแม่




 

Create Date : 14 กันยายน 2550    
Last Update : 14 กันยายน 2550 14:11:54 น.
Counter : 2231 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  
 
 

Healthy Service
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คุ้มสมุนไพรบริการอยู่ไฟ คุณแม่หลังคลอด
จำหน่าย ชุดอยู่ไฟ และสมุนไพร
สายด่วน 08-5426-7578 (24 ชม. ทุกวัน)http://www.KUMsamunpai.com/


จำนวนผู้เข้าเว็บ Best Free Hit Counters
Maternity Wear
Maternity Wear 234x60 70% off on over 3,000 designer fragrances SkinStore Special Offers Free Shipping
[Add Healthy Service's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com