ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

รีวิว ห้องนอนขนาดเล็กของเด็กม.ปลาย

รีวิว ห้องนอนขนาดเล็กของเด็กม.ปลาย

เด็กๆ หลายคนคงฝันอยากมีส่วนตัวเป็นของตัวเองเพื่อจะได้ตกแต่งอาณาจักรย่อมๆ ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับ สมาชิกหมายเลข 1583583 จากเว็บไซต์พันทิป ดอทคอมที่มาแนะนำห้องนอนของตัวเอง เรียกได้ว่า Sanook!Home เห็นแล้วรู้สึกนึกถึงตัวเองในวัยเด็ก เพราะอยากมีห้องนอนแบบนี้เหมือนกัน ว่าแล้วไปดูกันดีกว่าค่ะ เผื่อได้ไอเดียแต่งห้องนอนให้ลูกๆ 

สวัสดีค่ะ

วันนี้จะมารีวิวห้องนอนขนาดเล็กมากๆ เพิ่งเคยตั้งกระทู้ในพันทิปเป็นครั้งแรกฝากติชมด้วยนะคะ
บอกก่อนเลยว่า บ้านเราเป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นค่ะ 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น
ตอนเรามาดูบ้านครั้งแรกเนี่ยทำใจรอเลยว่าเราต้องได้ห้องเล็กที่สุดอยู่แล้ว
ซึ่งในบ้านตัวอย่างห้องเราเนี่ย เขาทำเป็นห้องอ่านหนังสือ นั่งเล่น ชิวๆ เลยค่ะ แต่เราต้องอยู่จริงๆ จังๆ ค่ะ
เลยขอแม่แต่งห้องนอนเอง แม่ก็โอเคค่ะ เราก็ดูในอินเทอร์เน็ตเอา แต่พอไปดูเฟอร์นิเจอร์ภาพที่ดูไว้ในอินเทอร์เน็ตหายไปหมดค่ะ 555
เลยเลือกของทุกชิ้นเองหมดตามที่เราอยากได้

ไม่อยากพูดมากแล้วไปดูรูปเลยดีกว่าค่ะ

ห้องเราอยู่ชั้นสองค่ะ เปิดประตูห้องมาจะเจอโต๊ะเครื่องเขียนกับตู้กระจกยาวๆ ค่ะ
-ตู้กระจกยาวๆ อันนี้เราไม่ได้เป็นคนเอามานะคะ แต่เป็นแม่เราค่ะที่เอามา ตอนแรก แม่ไว้ห้องแม่ แต่ฮวงจุ้ยไม่ดีเลยมายัดห้องเราซะเลย

ถัดมาค่ะ โต๊ะเครื่องแป้งที่แม่เอามายัดไว้ พอเอามาใส่ในห้องก็โอเคเลย ทำให้ห้องเราดูกว้างขึ้นค่ะ
ขอบังตัวเราไว้นะคะ

ส่วนที่นอนเรา สารพัดประโยชน์มากๆ เก็บของไว้ข้างๆ ได้ด้วย
ขอแก้ไขราคาที่นอนนะคะ ที่นอนซื้อที่งานบ้านและของตกแต่งบ้านที่เมืองทองธานีค่ะ ราคา 32,000 บาท เป็นยางพาราล้วนนะคะเลยราคาสูง

มองมาจากที่นอนก็เห็นรอบห้องเลยค่ะ เพราะห้องมีอยู่แค่นี้

เข้าไปดูตรงทีวีใกล้ๆ
ลิ้นชักตรงทีวีเอาไว้เก็บของจุกจิกค่ะ

มาดูฝั่งตู้เสื้อผ้าบ้างค่ะ

อันนี้ตะกร้าผ้ากับลังเก็บของเรา

รีวิวจบแล้วว ฝากติชมด้วยนะคะ ใครจะถามราคาเฟอร์นิเจอร์ ขนาดห้อง ของแต่ละอย่างซื้อที่ไหน
หลังไมค์มาได้นะคะ




 

Create Date : 21 มีนาคม 2558    
Last Update : 21 มีนาคม 2558 10:04:51 น.
Counter : 4139 Pageviews.  

8 วิธีเพิ่มความเย็นให้ “ บ้าน ” แบบได้ผลชัวร์

8 วิธีเพิ่มความเย็นให้  “ บ้าน ” แบบได้ผลชัวร์

ลมร้อนพัดผ่านมาให้ทุกคนได้สัมผัสความอบอ้าวกันแล้วทั่วหน้า ที่เคยอยู่สบายๆ ก็เริ่มกลายเป็นเตาอบดีๆ นี่เอง โดยเฉพาะดูเหมือนอุณหภูมิความร้อนในบ้านเราจะทวีคูณขึ้นทุกวันๆ จนแทบอยากจะหนีออกจากบ้านไปเดินตากแอร์ตามห้างสรรพสินค้า

Sanook!Home เลยนำเทคนิคดีๆ ช่วยเพิ่มความเย็น ลดความร้อนให้กับ “บ้าน” มาฝากทุกคน

ภาพจาก www.istockphoto.com

1.ความร้อนในตัวบ้านส่วนใหญ่มาจากหลังคา ดังนั้นตั้งแต่ก่อนสร้างบ้านควรวางระบบกันความร้อนใต้ฝ้าเพดานให้ดี แต่หากเป็นบ้านเก่าที่อยู่อาศัยแล้ว เราคงไม่แนะนำให้รื้อหลังคาทิ้งเพราะเพียงปูฉนวนกันความร้อนบนฝ้าเพดานก็ช่วยทำให้บ้านเย็นขึ้นได้แล้ว สำหรับที่พักอาศัยประเภททาวน์เฮาส์ที่ใช้หลังคาร่วมกัน เราควรปูฉนวนกันความร้อนแบบแยกส่วนออกจากบ้านหลังข้างๆ

2.การป้องกันปัญหาความร้อนจากผนังด้านข้างของตัวบ้าน ก็ให้เพิ่มฉนวนกันความร้อนผนังห้องด้วยระบบผนังเบาหรือระบบผนังเย็น

3.นอกจากระบบป้องกันความร้อนที่ทำได้จากภายในบ้านแล้ว กับพื้นที่นอกบ้านที่เป็นพื้นคอนกรีต หรือที่จอดรถรอบๆ บ้าน ซึ่งเป็นวัสดุอบความร้อน เราอาจเปลี่ยนเป็นการปูบล็อกรอบๆ บ้านด้วยบล็อกที่ทำจากวัสดุซึ่งมีคุณสมบัติดูดน้ำและคายไอเย็นเมื่อโดนแสงแดด โดยเจ้าของบ้านควรรดน้ำบล็อกแบบวันเว้นวัน

4.ถ้าพักอาศัยอยู่ในทาวน์เฮาส์ คุณสามารถติดตั้งระแนงบังแดดในด้านที่แสงแดดส่องถึง ซึ่งนอกจากจะช่วยกันความร้อนได้แล้ว ยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้อีกด้วย

ภาพจาก www.istockphoto.com

5.เลือกม่านแบบโปร่งแสง เนื้อบาง สีอ่อน บางคนเข้าใจว่าในเมื่อม่านมีหน้าที่บังแดดควรเลือกม่านแบบหนา และสีเข้มจะช่วยกันความร้อนจากภายนอกได้ดี แต่จริงๆ แล้วเราควรเลือกผ้าม่านที่มีเนื้อผ้าบางเพื่อให้ลมพัดผ่านได้อย่างสะดวก ส่วนผ้าม่านสีอ่อนจะไม่ดูดความร้อนเท่ากับผ้าม่านสีเข้ม

6.ติดตั้งฟิล์มกรองแสง หรือฟิล์มกันความร้อน ในปัจจุบันนอกจากฟิล์มกรองแสงรถยนต์แล้วเรายังนำฟิล์มกรองแสงมาติดตั้งเพื่อทำให้บ้านเย็นลงได้ด้วย ทั้งนี้ยังช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้เป็นอย่างดี

7.ติดตั้งอุปกรณ์บังแดดประเภทต่างๆ เช่นผ้าใบกันแดด พัดลมระบายอากาศ บานเกล็ด

8.ต้นไม้ตัวช่วยชั้นดี เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าการนำต้นไม้มาปลูกไว้ในบ้านจะช่วยเพิ่มความเย็นให้กับบ้าน หากเรามีต้นไม้ใหญ่ยืนต้นอยู่ภายในบ้านแล้วนั้น หากมันตั้งต้นสูงเราอาจใช้วิธีตัดเล็มให้ลมพัดผ่านได้สะดวก หรือหากมีต้นไม้ไม่มากอาจปลูกต้นไม้เพิ่มเพื่อความร่มรื่น โดยแนะนำให้ปลูกต้นไม้ทางทิศตะวันตกหรือทิศใต้ ซึ่งจะทำให้บ้านเย็นขึ้น




 

Create Date : 20 มีนาคม 2558    
Last Update : 20 มีนาคม 2558 8:29:01 น.
Counter : 1591 Pageviews.  

8 ต้นไม้กลิ่นหอม ประดับ “บ้าน” เย้ายวนดุจสวรรค์

8 ต้นไม้กลิ่นหอม ประดับ “บ้าน” เย้ายวนดุจสวรรค์

พันธุ์ไม้ในมีหลายประเภททั้งไม้ใบ ไม้ดอก ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าของบ้านจะเลือกปลูกต้นหรือดอกชนิดใด สำหรับบางคนชอบไม้ดอก ซึ่งให้กลิ่นหอมเวลาลมพัด กลิ่นหอมของดอกไม้หรือใบไม้เหล่านั้นจะลอยเข้ามาในบ้าน ถือเป็นการมอบความรื่นรมย์ให้กับการพักอาศัยเป็นอย่างยิ่ง

Sanook!Home จึงรวบรวมพันธุ์ไม้หอมต่างๆ มาให้คนรักสวนทั้งหลาย เผื่อใครสนใจอยากจะเลือกนำไปปลูกไว้ที่บ้าน

1.ต้นเจอเรเนียม คงคุ้นเคยกับชื่อต้นไม้ชนิดนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเรามักได้ยินว่ามันเป็นหนึ่งในชื่อกลิ่นที่ใช้สังเคราะห์ในน้ำยา น้ำหอมปรับอากาศต่างๆ มากมาย ซึ่งจริงๆ แล้วต้นเจอเรเนียมเป็นหนึ่งในพันธุ์ไม้ให้กลิ่นหอม ที่สามารถเจริญเติบโตได้แม้กระทั่งในกระถางเล็ก โดยนำไปตั้งประดับไว้บริเวณริมหน้าต่าง เวลาสายลมพัด ก็จะนำกลิ่นหอมของเจอเรเนียมเข้ามาภายในตัวบ้านด้วย

2.ต้นมะลิ ทราบกันดีอยู่แล้วว่าต้นมะลิเป็นพันธุ์ไม้ให้ดอกที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ต้นมะลิชอบอยู่กลางแจ้ง สามารถปลูกไว้และทำโครงไม้ให้ต้นมันเลื้อยไปเรื่อยๆ ก็สวยงามดีเหมือนกัน

3.ต้นอบเชย เป็นต้นไม้ที่ชอบแสงและความชุ่มชื้น นอกจากมันจะเป็นพันธุ์ไม้ที่มีกลิ่นหอมแล้ว เรายังสามารถนำมันไปปรุงอาหารให้มีกลิ่นหอมได้อีกด้วย

4.ต้นลาเวนเดอร์ เป็นต้นไม้ให้กลิ่นหอมที่สามารถปลูกไว้ในร่มได้  มันชอบแสงและความอบอุ่น เมื่อมันแห้งก็ให้น้ำมัน โดยไม่ต้องใส่ปุ๋ย

5.ต้นโรสแมรี่ พันธุ์ไม้ให้กลิ่นหอมที่ชอบดินร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี รวมถึงควรมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ดังนั้นควรตั้งกระถางไว้ที่บริเวณหน้าต่าง หรือประตู

6.ต้นการ์ดีเนีย  เป็นพันธุ์ไม้ให้กลิ่นหอมก็จริง แต่ส่วนใหญ่นักจัดสวนไม่ค่อยชอบปลูกมากนักเนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบอากาศเย็น หรืออาจจะต้องนำไปปลูกไว้ในที่ร่ม

7.ต้นสายน้ำผึ้ง  ต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม ที่มีลักษณะเป็นไม้พุ่มเตี้ยๆ  ลักษณะดอกของมันมีลักษณะโค้ง บางคนก็ว่ามันมีกลิ่นหอมคล้ายน้ำหอม Tommy Girl

8.ต้นมินท์ เมื่อเราได้กลิ่นของใบมินท์จะทำให้รู้สึกสดชื่น เป็นต้นไม้ที่เติบโตได้ดีในที่ร่ม นอกจากนั้นเรายังสามารถนำมันไปทำชามินท์แบบโฮมเมดได้อีกด้วย

เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก //blessmyweeds.com/
ภาพจาก www.istockphoto.com




 

Create Date : 18 มีนาคม 2558    
Last Update : 18 มีนาคม 2558 22:16:28 น.
Counter : 2551 Pageviews.  

6 เทคนิคเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสองแบบโปร

6 เทคนิคเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสองแบบโปร

เมื่อคิดจะตกแต่งแต่ละที การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เป็นสิ่งสำคัญ บางคนก็เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ไปเลย แต่บางคนก็หลงใหลเสน่ห์ของเฟอร์นิเจอร์มือสอง เลยคิดว่าจะซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสองมาตกแต่งบ้านแทน
แต่ก่อนซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสอง Sanook!Home อยากให้ลองนำเทคนิค และคำแนะนำเหล่านี้ไปใช้ดู แล้วคุณจะได้เฟอร์นิเจอร์ตรงใจและเข้ากับบ้านคุณ

1.เตรียมใจ
การช้อปปิ้งเฟอร์นิเจอร์ทั่วไปคุณอาจไม่ต้องเตรียมใจอะไรมากมาย นอกจากเงินในกระเป๋าและสิ่งที่คุณต้องการในหัว แต่การซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสองสักชิ้น แม้ว่าคุณจะไปแหล่งขายของมือสองโดยตรง คุณอาจจะได้ของตกแต่งบ้านถูกใจ หรือไม่ได้อะไรกลับมาเลยสักชิ้น เพราะบางร้านก็มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นให้คุณเลือก ดังนั้นคุณต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมากสำหรับการจะซื้อของมือสอง

2.ที่บ้านอย่าให้ขาด “สายวัด”
ถ้าคิดจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ อย่าลืมสายวัด การมีสายวัดติดบ้าน หรือติดตัวไว้จะทำให้เราเลือกเฟอร์นิเจอร์ได้แบบไม่ผิดพลาด เพราะเราจะได้กะขนาดทั้งความสูง ความกว้างให้เหมาะกับพื้นที่ภายในบ้านได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

3.มีสไตล์ที่ชอบอยู่ในหัว
ถ้ามีสไตล์เฟอร์นิเจอร์ที่ต้องการในหัว จะทำให้เลือกร้านและเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้นได้ง่ายขึ้น เพราะถ้าไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร งานเลือกเฟอร์นิเจอร์จะยากยิ่งขึ้น

4.กำหนดราคาไว้ในใจ
บางครั้งเฟอร์นิเจอร์มือสองก็ไม่ได้ราคาถูกเสมอไป ดังนั้นควรกำหนดราคาหรืองบประมาณของเฟอร์นิเจอร์ที่คุณต้องการไว้ด้วย คุณจะได้มีแผนการซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบไม่หลงทาง

5.ต้องละเอียด
เมื่อเราจะซื้อของเราควรใส่ใจและละเอียด การซื้อของมือสองต้องใช้ความอดทน เพราะเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้นก็ใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะหาได้ แต่มันก็จะตรงตามความต้องการของเรา

6.รู้ว่าจะทำของชิ้นนั้นให้ใหม่หรือน่าใช้ขึ้นได้อย่างไร
เมื่อคุณซื้อเฟอร์นิเจอร์มือสองมาแล้ว คุณควรรู้ว่าคุณจะปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงมันอย่างไรให้สวยและน่าใช้ยิ่งขึ้น

เรียบเรียงข้อมูลจาก //craftivitydesigns.blogspot.com
ภาพจาก www.istockphoto.com




 

Create Date : 15 มีนาคม 2558    
Last Update : 15 มีนาคม 2558 21:38:39 น.
Counter : 3221 Pageviews.  

DIY ทาสีรั้วไม้ แบบไม่มีกลิ่นเหม็น!!! บ้านดูแพงขึ้นเยอะเลย..

DIY ทาสีรั้วไม้ แบบไม่มีกลิ่นเหม็น!!! บ้านดูแพงขึ้นเยอะเลย..

รั้วไม้หน้าบ้านหลังโดนแดด ฝน ลมเข้าไป สีก็เริ่มซีด แม้บ้านจะยังใหม่อยู่ แต่ถ้ารั้วไม้เก่าโทรมก็ทำให้บ้านดูไม่ดีได้ อย่างคุณสมาชิกหมายเลข 932703 ห้องชายคาเว็บไซต์พันทิป ดอทคอม หาวิธีทำให้บ้านดูดีขึ้นด้วยการทาสีรั้วไม้เท่านั้น ที่สำคัญไม่เหม็นอีกด้วย การทาสีไม่ใช่เรื่องยาก มาลองทำดูไหมคะ

ฉลองโบนัสออกครับ กับการ Renovate รั้วบ้านไม้ให้บ้านดูแพงขึ้น จริงๆ อยากทำตั้งแต่กลางเดือน แต่พ่อทักว่าตรุษจีน ห้ามทำงาน เลยอู้มาทำสิ้นเดือนนี่แหละครับ

โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ทาสีเองอยู่แล้วครับ ถ้าไม่ต้องปีนป่ายอะไรสูงมากมาย แต่ยังไม่เคยลองทาไม้เอง เพราะโดนขู่ไว้ว่ายุ่งยาก ฝุ่นเยอะ
ซึ่งก็มีส่วนจริงอยู่บ้างครับ เพราะงานไม้เป็นงานที่ต้องใช้ฝีมือจริงๆ 5555 แต่ไหนๆ ก็หาช่างยากแล้ว เพราะทำนิดเดียวช่างมาไม่คุ้ม ก็เลยทำเองซะเลย

ขออนุญาตอวดภาพ Before After ก่อนนะครับ

อุปกรณ์ที่ใช้
ขอบอกว่าไม่เยอะครับ แต่ต้องใช้เวลาและความประณีตในการทำ
(ผมงานไม่เนี้ยบนะ ถ้าช่างจริงๆ มาตรวจ ผมคงสอบตก 555... แต่ทำเองอยู่เอง ไม่ต้องแคร์ใคร ข้างบ้านยังมาชมเลยว่า สวยดี ขยันจังก็โอเค)

1. เครื่องขัดกระดาษทราย (ยืมข้างบ้านมาครับ)
2. กระดาษทรายขัดไม้ แบบหยาบ และละเอียด (ร้านเขาแนะนำตราปลาฉลาม Shark นะถูกดี)
3. แปรงขนกระต่าย (อันละ 15 บาท)
4. ถาดแปรงทาสี หรือ กระป๋องแบ่งก็ได้ครับ (จะได้ถือจุ่มทาสะดวกๆ)
5. หนังสือพิมพ์เก่าๆ เอาไว้รองเปื้อน
6. แว่นตากันลม (กันฝุ่นไม้เข้าตา)
7. หน้ากากกันฝุ่น (5 อัน 30บาท ซื้อจากร้านขายยา)
8. สีย้อมไม้สูตรน้ำ TOA Woodstain Waterborne (อันนี้ไม่เหม็นเลยครับ ไม่ต้องผสมทินเนอร์) ราคาพันกว่าบาทครับ
9. สำคัญที่สุด สำหรับใครที่กลัวดำ แนะนำ ครีมกัน แดด banana boat แบบกันน้ำกันเหงื่อนะครับ เพราะเราต้องทำข้างนอกบ้านแดดแรงมาก
    (ตอนทาสี ลืมทากันแดดตัวเอง ทาเสร็จถอดเสื้อดู เป็นรอยเสื้อกล้ามเลยครับ :] ขอไม่ถ่ายรูปให้ดูนะครับ...อาย)

วิธีทำ  Step by Step  ครับ
1. ขัดหน้าไม้เอาสีเก่าออกให้ได้มากที่สุดก่อนครับ เพราะไม่งั้นทาสีใหม่ไปไม่สวย เพราะฟิมพ์สีใสครับ
    จริงๆ แล้วขัดมือก็ได้ครับ แต่จะเหนื่อยมาก
    ขนาดยืมเครื่องขัดกระดาษทรายจากข้างบ้านมา ยังใช้เวลาเกือบ 2 ชม. ในการขัดครับ (อันนี้เมื่อยหัวไหล่นิดนึง เพราะรั่วสูงครับ แต่สู้!!!)
    โดยรวมแล้ว แนะนำเครื่องทุ่นแรงที่ประหยัดเวลา และแรงงานเราดีกว่าครับ
    (ปล. อันนี้ที่ขัดกระดาษทราย Ryobi ครับ สภาพสมบุกสมบันมาก เหมือนเจ้าของเขาจะใช้งานมานาน ....แต่ยังขัดดีอยู่นะครับ)

กระดาษ 1 แผ่น แบ่งขัดได้ 6 ครั้งครับ

อันนี้โชว์วิธีการใส่กระะดาษในเครื่อง ตอนแรกทำไม่เป็นครับ เขาสอน

ในระหว่างการขัดอย่าลืมใส่ที่คาดปากและแว่นตานะครับ !!!!! สำคัญมาก ไม่งั้นเดี๋ยวจะระคายโพรงจมูกครับ :]
ขัดไปเรื่อยๆ ครับ เพราะงานละเอียด ลงกระดาษทรายเบอร์หยาบก่อน แล้วค่อยขัดละเอียดอีกทีนึง เพื่อให้ไม้เรียบครับ ทาสีจะได้สวยๆ

2. ขัดเสร็จแล้วใช้แปรงแห้งปัดฝุ่นและใช้ผ้าเช็ดฝุ่นไม้ออกนะครับ

3. ขั้นตอนนี้สำคัญมากครับ คือ ไปล้างหน้าครับ เพราะ เดี๋ยวฝุ่นไม้ + เหงื่อ อาจจะทำให้เป็นสิว เพราะเราเป็นคนผิวแพ้ง่ายครับ 555 แล้วค่อยกลับมาทาสีไม้กัน

4. ทารองพื้นไม้ 1 เที่ยวครับ ปล่อยให้แห้ง แล้วก็รอทาสีทับหน้าครับ

5. ทาสีย้อมไม้สูตรน้ำ ดูข้างกระป๋องเขาบอกให้ทา 3 เที่ยวครับ ให้สวยสมบูรณ์แบบ
    ไปเลือกสีที่ร้าน เขามีประมาณ 3 สีให้เลือกครับ เอาน้ำตาลแดง มะฮอกกานี WG02 ตอนแรกดูข้างกระป๋องตกใจ นึกว่าราคาตามป้าย
    แต่ไม่ใช่ครับ เจ้าของร้านบอกว่า พันกว่าบาท เลย โอเคครับ
    เปิดฝามาไม่มีกลิ่นเลยครับ ทาได้แบบปลอดภัย ตัดสินใจซื้อมาทาเองเพราะไม่เหม็นนี่แหละ

6. ทาสีรอบแรกครับ

อันนี้ถ่ายมาเปรียบเทียบ ฝั่งที่ทากับไม่ทานะครับ เริ่มเห็นสีแล้ว

7 ทิ้งให้แห้ง 1 ชม. ค่อยทารอบ2 ครับ
   (จริงๆ กว่าจะทาจากซ้ายไปขวาหมดไปประมาณ 1 ชม. พอดีครับ ทาได้ไปเรื่อยๆ ครับ) รอบสองเริ่มเห็นฟิล์มสีชัดขึ้นครับ

ในระหว่างนี้อย่าลืมทาขอบซอกมุม แนวตั้ง แนวนอนของไม้ด้วยนะครับ ไม่งั้นไม้จะแดงแค่ข้างหน้า

8 ทาสีรอบที่ 3  ครับ พ่อออกมาดูนี่ฟินเลย บอกว่าเฮ้ย สวยว่ะ .... ตอนแรกไม่คิดว่าแกจะทำได้ขนาดนี้ ... (- -่) ตกลงชมหรือด่าไม่รู้
อันนี้ถ่ายตอนบ่ายสามนะครับ แสงแดด แรงกำลังดี ภาพเลยดูสดนิดนึง ตอนเย็น ดูไกลๆ สีจะไม่สดขนาดนี้นะครับ

ปล. ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
ปล. 2  ฝีมืออาจจะไม่เนี้ยบเท่าช่างมืออาชีพ ... ยังไงก็ขอฝากตัว คน มือสมัครเล่นหน่อยนะครับ :]




 

Create Date : 14 มีนาคม 2558    
Last Update : 14 มีนาคม 2558 21:48:10 น.
Counter : 2425 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.