ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

สารพัดวิธีแก้ “ ท่อตัน” ปัญหาที่ไม่มีทางตัน

สารพัดวิธีแก้ “ ท่อตัน” ปัญหาที่ไม่มีทางตัน

น้องๆ หลายคนในทีมแอดมินบ่นเรื่องปัญหาท่อตันที่บ่อยครั้ง จนแอดมินต้องหาข้อมูลและรวบรวมวิธีแก้ปัญหาท่อตันมานำเสนอ เพราะเรื่องท่อตันเป็นปัญหาที่บ้านทุกหลังพบเจอบ่อยครั้ง และเมื่อเจอปัญหาก็พยายามหาวิธีแก้ไขต่างๆ นานา Sanook!Home จึงรวบรวมวิธีแก้ปัญหาท่อตันแบบที่ทำได้เลยมาฝากเป็นเทคนิคพิเศษสำหรับบ้านทุกหลังค่ะ

เบกกิ้งโซดา:  ทุกครั้งที่แนะนำเรื่องการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในบ้าน จะต้องมีของคู่ครัวชนิดนี้เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ สำหรับการแก้ปัญหาท่อตันโดยการใช้เบกกิ้งโซดานั้น วิธีการคือ นำผงเบกกิ้งโซดาเทลงไปในท่อ จากนั้นนำน้ำส้มสายชูเทตามลงไป  ทิ้งไว้สักพักก่อนจะเทน้ำร้อนตามลงไปอีกครั้งหนึ่ง ปล่อยเวลาไว้สักประมาณครึ่งชั่วโมง ท่อก็จะใช้งานได้ตามปกติ

แผ่นดักเส้นผม:  อีกปัญหาหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้ามนั่นคือเส้นผมของเรา เส้นผมเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ท่อน้ำอุดตัน ปกติในห้องน้ำมักมีฝาปิดปากท่อระบายน้ำอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถป้องกันเส้นผมไม่ให้ไหลลงไปได้ การนำแผ่นดักเส้นผมมาติดเพิ่มที่ปากท่อระบายน้ำ จะช่วยป้องกันปัญหาเส้นผมไหลลงไปติดในท่อได้ระดับหนึ่ง

งูเหล็ก: อีกหนึ่งอุปกรณ์แก้ปัญหาท่อตัน งูเหล็กมีลักษณะเป็นเส้นเหล็ก ที่ส่วนปลายมีขดลวด เวลาใช้ก็เพียงนำงูเหล็กนี้ใส่ลงไปในท่อที่มีปัญหาอุดตัน จากนั้นก็หมุนงูเหล็กไปมา เพื่อดักจับสิ่งอุดตันภายในท่อให้หลุดออกมา เนื่องจากงูเหล็กมีหลายขนาด แม่บ้านหรือพ่อบ้านสามารถเลือกงูเหล็กได้ตามไซส์ที่ต้องการ

โซดาไฟ: นำผงโซดาไฟที่ซื้อจากร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ไปละลายน้ำ จากนั้นค่อยๆ เทน้ำผสมโซดาไฟลงไปในท่อ ทิ้งไว้สักพักก่อนจะเทน้ำตามลงไป ในระหว่างเทน้ำสามารถใช้ปั๊มยางดูดส้วมช่วยได้อีกทางหนึ่ง

น้ำร้อนก็ช่วยได้: บางครั้งปัญหาท่อตันอาจเกิดจากการสะสมของไขมันเท่านั้น ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด และน่าจะทดลองทำได้ในเบื้องต้นก็คือเทน้ำร้อนจัดๆ ลงไปในท่อ เพื่อให้ความร้อนจากน้ำร้อนช่วยละลายไขมัน

ปั๊มยางดูดส้วม: เป็นวิธีแก้ปัญหาขั้นพื้นฐานที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้มากที่สุด เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ง่าย และไม่ยุ่งยากในการใช้งาน

เส้นเหล็กดัดงอ: นอกจากอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้สำหรับแก้ปัญหาท่ออุดตันแล้ว เราสามารถใช้เหล็กหรือแท่งโลหะที่สามารถดัดส่วนปลายงอเป็นข้อ เช่นไม้แขวนเสื้อสามารถนำมายืดให้ตรง แล้วดัดส่วนปลายของไม้แขวนเสื้อให้งอ ก็สามารถนำอุปกรณ์ที่คุณ DIY เหล่านี้ไปใช้แก้ปัญหาแก้ท่อตันได้

น้ำยาล้างห้องน้ำ: น้ำยาล้างห้องน้ำเป็นตัวช่วยหนึ่งในการทำละลายสิ่งอุดตันภายในท่อน้ำได้ โดยนำน้ำยาล้างห้องน้ำผสมกับน้ำเปล่า แล้วเทลงไป กรดภายในน้ำยาล้างห้องน้ำสามารถทำให้ตะกรันที่ติดค้างภายในท่อหลุดออกไปได้

ตะแกรงกรองเศษอาหาร: ปกติที่ซิงค์ล้างจานบริเวณปากท่ออาจจะไม่มีสิ่งใดปิดกั้นไว้ การซื้อตะแกรงตาถี่ๆ มาวางกั้น จะทำให้ระหว่างล้างจาน เศษอาหารที่จะอุดตันท่อถูกกรองออกไปก่อนได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งช่วยลดการเกิดปัญหาท่อน้ำอุดตันได้เป็นอย่างดี




 

Create Date : 31 มีนาคม 2558    
Last Update : 31 มีนาคม 2558 8:28:24 น.
Counter : 1109 Pageviews.  

4 เคล็ดลับดูแลไม้เมืองหนาวในฤดูร้อน

4 เคล็ดลับดูแลไม้เมืองหนาวในฤดูร้อน

การปลูกไม้เมืองหนาวในประเทศไทยที่มีความร้อนชื้น สามารถทำได้ในบางพื้นที่ เช่น ในภาคเหนืออย่าง เชียงใหม่ เชียงราย ที่มีสภาพอากาศเอื้ออำนวยแต่จากการทดสอบและทดลองทำให้หลายพื้นที่ในเมืองไทย เริ่มปลูกไม้หัวเมืองหนาวอย่าง ดอกทิวลิป ไฮยาซิน ฯลฯ homedeedeeforyou เลยมีคำแนะนำสำหรับการดูแลไม้เมืองหนาวในฤดูร้อนมาฝาก

เริ่มต้นจากการใส่ใจการรดน้ำ ในช่วงแรกคือตั้งแต่เริ่มปลูกถึงอายุ 7 วัน ควรรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น หลังจากนั้นรดน้ำวันละครั้งในตอนเช้าก็พอ และในช่วงที่ดอกเริ่มบานจะต้องระวังอย่าให้น้ำถูกดอก เพราะจะทำให้ดอกช้ำง่ายและถูกเชื้อโรคเข้าทำลายได้

จากนั้นมาดูแลเรื่องการใส่ปุ๋ย เมื่อไม้ดอกอายุเฉลี่ยที่ 15 และ 25 วัน ควรใส่ปุ๋ย สูตร 15-15-15 อัตรา 1 ช้อนชาต่อถุง และเมื่อไม้ดอกมีอายุ 35 และ 45 วัน ควรใส่ปุ๋ยสูตร 15-24-12 อัตรา 1 ช้อนชาต่อถุง เช่นกัน การใส่ปุ๋ยควรใส่ให้ห่างโคนต้นประมาณ 6 นิ้ว โดยฝังลงในดินประมาณครึ่งนิ้ว การใส่ปุ๋ยทุกครั้งจะต้องรดน้ำให้โชกเสมอ

เรื่องแสงแดดเป็นที่น่าแปลกที่ ไม้เมืองหนาวก็ชอบแสงแดดที่แรงเช่นเดียวกับไม้ดอกแบบร้อนชื้นบ้านเรา แต่อุณหภูมิจะต้องต่ำเพื่อจะให้สามารถพักตัวและออกดอกได้ ซึ่งช่วงอุณหภูมิสำหรับไม้เมืองหนาวควรอยู่ที่ 18-25 องศา
สุดท้ายเรื่อง การตัดแต่งควรตัดใบแก่ออก หากต้องการจะนำไปขยายพันธุ์หรือเพาะพันธุ์ควรเก็บหัวหรือเมล็ดไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิต่ำเพื่อให้พืชมีอัตราการงอกที่สูง

Written by  Golf Pota

ข้อมูลและภาพจาก www.homedeedeeforyou.com




 

Create Date : 30 มีนาคม 2558    
Last Update : 30 มีนาคม 2558 8:14:06 น.
Counter : 1041 Pageviews.  

4 ออฟฟิศน่าอยู่ จนไม่อยากเลิกงาน

4 ออฟฟิศน่าอยู่ จนไม่อยากเลิกงาน

วันนี้โฮมดีดีฟอร์ยูเราขอแนะนำโฮมออฟฟิศ 4 สไตล์ที่น่าอยู่ จนทำให้คุณไม่อยากเลิกงานเลยทีเดียว เรามาดูกันว่าแบบไหนบ้างที่เหมาะกับคุณ หรือเป็นโฮมออฟฟิศที่คุณใฝ่ฝัน ว่าแล้วอย่ารอช้า เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

CMO GROUP พื้นที่แห่งการสร้างสรรค์

ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Work Live Play” สถานที่ทำงานที่ได้ใช้ชีวิตและได้เล่นสนุก จึงทำให้ออฟฟิศของ บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) หรือ CMO Group ผู้นำธุรกิจสื่อสารการตลาดแบบครบวงจรแห่งอาเซียน เต็มไปด้วยพื้นที่สำหรับการสร้างสรรค์ และมอบแรงบันดาลใจในการทำงานให้กับพนักงานทุกคน ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทันทีตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ออฟฟิศ

ตัวอาคารเป็นอาคารปูนเปลือยรูปทรงทันสมัย 3 ชั้น กรุกระจกใสรอบด้านเปิดมุมมองสู่พื้นที่ด้านนอก ให้มองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาแต่ละวัน มีพื้นที่สวนสีเขียวตรงกลางอาคารไว้เปลี่ยนบรรยากาศการทำงาน พื้นที่ทำงานชั้น 1 จะมีแนวคิดแบบอนุรักษ์พลังงาน ออฟฟิศของแต่ละทีมจะอยู่ในอาคารแยกเป็นห้องกระจกในขนาดที่ต่างกัน บริเวณนี้นอกจากจะแบ่งเป็นห้องๆ แล้ว ยังมีเวทีสันทนาการสำหรับจัดงานปาร์ตี้อีกด้วย

จุดเด่นของออฟฟิศแห่งนี้อีกอย่างหนึ่งคือ มีงานประติมากรรมสอดแทรกอยู่ในทุกส่วนของอาคาร ทั้งด้านนอกและด้านใน ในรูปแบบและสีสันที่แตกต่างกันไป เพื่อเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้แก่พนักงานในฐานะที่ทำงานด้านครีเอทีฟ ซึ่งต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา

PM CENTER ฉีกกฎออฟฟิศแบบเดิมๆ

โครงสร้างของบริษัท PM CENTER ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด 3 mass ประกอบด้วยตัวอาคารที่มีรูปทรงคล้ายกล่องขนาดใหญ่ 3 กล่อง คือส่วนแรกตั้งอยู่ด้านหน้ามีลักษณะคล้ายกล่องสีดำ วางตัวเป็นแนวขวางอยู่บนฐานด้านล่าง มีห้องกระจกใสวางตัวอยู่ด้านบนเป็นแนวยาว และทะลุเข้าไปในส่วนสุดท้ายคือพื้นที่สำหรับจัดเก็บอุปกรณ์ขนาดใหญ่ด้านหลัง โดยทั้งหมดมีสเปซภายในที่สัมพันธ์กันอยู่

ด้านการตกแต่งภายในเน้น ความสวยงาม ทันสมัย ที่แฝงมากับความดิบ ทั้งพื้นขัดมันและการเปิดฝ้าเพดานเปลือยโชว์งานระบบไฟฟ้า รวมไปถึงวัสดุโครงเหล็กและผนังกระจก และยังให้ความสำคัญกับที่ว่างกึ่งภายนอก บริเวณศูนย์ประชุมด้านล่างของอาคารพื้นที่เปิดโล่จากพื้นถึงเพดานประมาณ 15 เมตร เน้นการรับแสงสว่างจากธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศเปิดโล่งและโปร่งสบายตา

โครงสร้างของบริษัท PM CENTER ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด 3 mass ประกอบด้วยตัวอาคารที่มีรูปทรงคล้ายกล่องขนาดใหญ่ 3 กล่อง คือส่วนแรกตั้งอยู่ด้านหน้ามีลักษณะคล้ายกล่องสีดำ วางตัวเป็นแนวขวางอยู่บนฐานด้านล่าง มีห้องกระจกใสวางตัวอยู่ด้านบนเป็นแนวยาว และทะลุเข้าไปในส่วนสุดท้ายคือพื้นที่สำหรับจัดเก็บอุปกรณ์ขนาดใหญ่ด้านหลัง โดยทั้งหมดมีสเปซภายในที่สัมพันธ์กันอยู่

ด้านการตกแต่งภายในเน้น ความสวยงาม ทันสมัย ที่แฝงมากับความดิบ ทั้งพื้นขัดมันและการเปิดฝ้าเพดานเปลือยโชว์งานระบบไฟฟ้า รวมไปถึงวัสดุโครงเหล็กและผนังกระจก และยังให้ความสำคัญกับที่ว่างกึ่งภายนอก บริเวณศูนย์ประชุมด้านล่างของอาคารพื้นที่เปิดโล่จากพื้นถึงเพดานประมาณ 15 เมตร เน้นการรับแสงสว่างจากธรรมชาติ เพื่อสร้างบรรยากาศเปิดโล่งและโปร่งสบายตา

The Eyes แตกต่างอย่างโดดเด่น

บริษัท ดิอายส์ จำกัด ผู้ให้บริการด้านการผลิตสื่อประเภทวีดีโอ มัลติมีเดีย และอินเตอร์แอคทีฟมีเดีย อันดับต้นๆ ของประเทศมาอย่างยาวนาน ซึ่งในด้านของตัวสถานที่ทำงานก็มีความโดดเด่นทั้งโครงสร้างที่แปลกตา มาพร้อมกับการออกแบบฟังก์ชั่นที่แหวกแนว สร้างความยั่งยืนให้แก่บรรยากาศในการทำงาน

ตึกดิอายส์มีลักษณะของอาคารเป็นรูปกล่องทึบคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด ใหญ่ ถูกเปิดผิวหน้าด้วยตะแกรงอลูมิเนียม ให้ระยะห่างระหว่างตะแกรงประมาณ 40-50 ซม. เพื่อระบายอากาศ ทำให้ความร้อนที่ไปกระทบกับกระจกลดลงกว่า 70% ก่อให้เกิดการประหยัดพลังงานภายในอาคาร และยังส่องผ่านแสงธรรมชาติเข้าสู่พื้นที่

ตัวอาคารยังดูมีฟอร์มที่ดูลื่นไหลไดนามิกอย่างมาก และสเปซส่วนกลางมีความแปลกตา เป็นจุดเชื่อมโยงไปยังอาคารอีกหลัง ทั้งยังมีการจัดวางฟังก์ชั่นที่แหวกแนวมากมาย เพื่อดึงส่วนเอาท์ดอร์เข้ามาผสมผสาน เพื่อให้พนักงานรับรู้ถึงสภาพดิน ฟ้า อากาศ ซึ่งเป็นปรัชญาสำคัญอย่างหนึ่งในการออกแบบของคุณเสริมคุณ

The Jam Factory สำนักงานสถาปนิกสุดเท่

จากโรงงานเก่าที่ไม่ได้ใช้งานมานาน มีสภาพผุพังไปตามกาลเวลา แต่คุณดวงฤทธิ์ บุนนาค ได้เนรมิตที่แห่งนี้ใหม่ด้วยการรักษาโครงสร้างเดิมของโกดังไว้แทนที่จะรื้อ ทิ้งหมด เพื่องานออกแบบที่ประหยัด จนกลายมาเป็นออฟฟิศของ บริษัท ดวงฤทธิ์ บุนนาค จำกัด

คุณดวงฤทธิ์ปรับปรุงโครงสร้าง และส่วนหลังคาสังกะสีก็เปลี่ยนใหม่หมด แล้วใช้หลังคาโลหะ 2 ชั้นแบบมีฉนวนกลางแทน ซึ่งช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวออฟฟิศได้เป็นอย่างดี พร้อมนำไม้เก่าที่ถูกรื้อทิ้งมาใช้ใหม่ เพื่อนำมาเสริมเป็นโครงหลังคาและเสาบางส่วน เพิ่มช่องแสงให้กับพื้นที่ด้วยการใช้หลังคาโปร่งแสงพร้อมกรุกระจกใสรอบโกดัง สร้างความโปร่งโล่งให้กับพื้นที่

ภายในออฟฟิศเน้นการตกแต่งโทนสีเข้ม ดิบด้านด้วยพื้นปูนขัดเรียบมองเห็นงานระบบต่างๆอย่างไม่มีปิดบัง พื้นที่ในการใช้งานกว่า 800 ตารางเมตรเป็นพื้นที่โล่ง มีชั้นวางหนังสือไม้คอยแบ่งกั้นความเป็นสัดส่วน โดยฝ่ายสถาปนิกและแลนด์สเคปจะอยู่รวมกัน กั้นพื้นที่ด้วยชั้นเก็บเอกสารและวัสดุก่อนเดินไปสู่ฝ่ายอินทีเรียร์และโต๊ะทำงานคุณดวงฤทธิ์ด้านหลังสุด พร้อมห้องประชุมอีกหนึ่งห้อง

Written by  Golf Pota

ข้อมูลและภาพจาก www.homedeedeeforyou.com




 

Create Date : 27 มีนาคม 2558    
Last Update : 27 มีนาคม 2558 8:59:09 น.
Counter : 2384 Pageviews.  

แต่งบ้านสไตล์ “โบฮีเมียน” ฮอตฮิตอย่าบอกใคร

แต่งบ้านสไตล์ “โบฮีเมียน” ฮอตฮิตอย่าบอกใคร

ซัมเมอร์ ฤดูร้อน (ร้อนมากถึงมากที่สุด) ที่ทำให้ใครหลายคนมักจะมีอารมณ์หงุดหงิดเกิดขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว แน่นอนเรื่องอากาศก็มีผลกับจิตใจของคนเรา….
ลองมาหาอะไรที่ทำแล้วสบายใจ สุขใจกันดีกว่าไหมล่ะ? นั่งคิดอยู่นาน ถ้าใครยังคิดไม่ออกเรามีคำตอบมาแนะนำค่ะ

ขอบคุณภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/485192559824499351/

เลือกทำสิ่งที่ชอบ ทำสิ่งที่ใช่ ยกตัวอย่างงานอดิเรกที่อยู่ใกล้ๆ ตัว เช่น การแต่ง หยิบโน่น แต่งนี่ ในวันหยุดพักผ่อนสบายๆ เรื่องง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้
แต่แหมถ้าจะแต่งบ้านทั้งทีถ้าจะให้เหมาะกับช่วงซัมเมอร์แบบนี้ สไตล์ที่เหมาะและดูแปลกใหม่ไม่ซ้ำซากจำเจและอินกับกระแสกันสักหน่อย ต้องนี่เลย “การแต่งบ้านสไตล์โบฮีเมียน” แต่ก่อนจะไปเริ่มแต่งบ้านด้วยสไตล์นี้ เราจะพามารู้จักกับคำว่า “โบฮีเมียน” กันก่อนค่ะ

ขอบคุณภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/410460953513739336/

โบฮีเมียน (bohemian) หรือ โบโฮ (boho) เป็นสไตล์ย้อนยุคที่มีความเท่ปนเซอร์ อิสระมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ซึ่งจริงๆแล้วก็มีที่มาจากกลุ่มชนใน “โบฮีเมีย” ในสาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) หรือพวกที่เรียกตัวเองว่า “ยิปซี” จะเป็นกลุ่มคนที่ไม่ยืดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่แต่งตัวตามแฟชั่น เราจึงเห็นว่ากลุ่มคนที่เป็นแนวยิปซีจะแต่งตัวเป็นเอกลักษณ์มากๆ ไม่ว่าจะเป็นใช้ผ้าทอผ้าถักที่ไม่เหมือนใคร ขนนก ลูกปัดหรือหินสีมาเป็นเครื่องประดับ…และนี่ก็คือที่มาของสิ่งของที่เราต้องใช้นำมาเป็นของแต่งบ้านสไตล์โบฮีเมียนด้วยนะคะ

ขอบคุณภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/167336942380971396/

พอเรารู้กันแล้วว่าที่มาของโบฮีเมียนคืออย่างไร เราลองไปดูไอเดียแต่งบ้านชิคๆ สไตล์โบฮีเบียนกันเลยจ้า

ขอบคุณภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/416653403001546353/

โดยส่วนใหญ่แล้วที่เราเห็นกันนั้นสไตล์โบฮีเมียนจะเน้นสีสันและความเป็นอิสระเป็นหลัก ไม่ต้องมีกฎเกณฑ์ตายตัวที่แน่นอน แต่ที่เด่นชัดที่สุดที่สัมผัสได้คือ ลวดลายและสีสันที่ถูกถ่ายทอดมาตามลายผ้าหรือสิ่งที่นำมาเป็นของตกแต่ง ดังนั้นผ้าจึงเป็นอุปกรณ์หลักๆ ในการแต่งบ้านสไตล์นี้เลยก็ว่าได้ (แอบกระซิบว่าผ้าลายสวยๆ แบบนี้ถ้าอยากได้ มุ่งตรงไปพาหุรัดเลยจ้า มีมากมายหลายแบบให้เลือก)

ขอบคุณภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/501377370989368284/

นอกจากนี้สไตล์โบฮีเมียนยังเน้นความเป็นธรรมชาติ อาจจะเพราะมีต้นกำเนิดมาจากชนเผ่าซึ่งใกล้ชิดกับป่าไม้ที่เป็นธรรมชาติสุดๆ ถ้าอยากได้กลิ่นอายเสมือนอยู่ในป่า ก็ลองหาต้นไม้เถาวัลย์มาประดับตกแต่งเพื่อให้ดูใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้นค่ะ


ขอบคุณภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/339458890636076273/
และเพื่อเพิ่มความสดใสให้กับบ้านไม่ให้ดูลึกลับจนเกินไป เดี่ยวจะออกแนวน่ากลัวกว่าสวยงามไปซะก่อน สามารถหาเม็ดหินสีๆ หรือลูกปัดที่ร้อยเป็นเส้นมาประดับ หรืออาจจะมีโมบายสวยๆ มาแขวนก็ช่วยให้บรรยากาศดูผ่อนคลายขึ้นได้เยอะเลยค่ะ

ขอบคุณภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/290130400964952768/

แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยไม่อย่างนั้นบ้านของคุณอาจจะดูไม่ใช่สไตล์โบฮีเมียนเต็มตัวก็คือ “ดรีมแคชเชอร์” หรือตาข่ายดักฝัน จริงๆ แล้วสิ่งนี้เป็นเหมือนเครื่องรางของชนเผ่าในสมัยก่อน แต่มาในปัจจุบันนี้ก็นิยมนำมาเป็นของตกแต่งหรือทำเป็นเครื่องประดับสวมใส่เก๋ๆ กันแล้วล่ะค่ะ ก็ลองเลือกดูตามแบบที่ชอบได้เลย มีหลายแบบและหลายขนาดด้วยนะ

ขอบคุณภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/523050944193233725/

แต่ถ้าหากว่าบ้านไหนไม่ถนัดที่จะตกแต่งแบบโมบายหรือใช้ตาข่ายดักฝัน ลองหาเป็นของโบราณวินเทจอย่างเช่นหน้ากากมาประดับตกแต่งก็ได้เหมือนกันค่ะ นอกจากนั้นสีของผนังบ้านก็สำคัญเช่นกัน ถ้าลองฉีกแนวเดิมๆ เน้นสีสดๆ ก็จะยิ่งช่วยให้บ้านคุณเก๋เริดยิ่งเข้าไปอีกค่ะ

ขอบคุณภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/342414377893497743/

และวิธีสุดท้ายสำหรับคนที่อยากลองอะไรแปลกๆ ก็ย้ายออกมาตั้งแค้มป์นอกบ้านกันดูสักหน่อยเพื่อให้ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติแบบชนเผาโบฮีเมียนเต็มตัว แต่อาจจะไม่ต้องไปถึงป่าไหนไกล ลองใกล้ๆ ที่สนามหญ้าหรือสวนในบริเวณบ้านก่อนก็ได้ค่ะ…
แถมอีกนิดเพื่อให้อินกันแบบสุดๆ ลองแต่งตัวแบบสไตล์โบฮีเมียนอยู่บ้านด้วยรับรองว่าครบสมบูรณ์แบบเลยจ้า

ขอบคุณภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/311944711661965337/

และนี่ก็เป็นไอเดียการแต่งบ้านธรรมดาให้เป็นสไตล์โบฮีเมียนแบบง่ายๆ ค่ะ เลือกเอาแบบที่พอจะทำได้ ใครที่อยากดูไอเดียเพิ่มเติมดูได้ที่รูปภาพด้านล่างเลยค่ะ
เรื่องโดย Babeburin
ภาพประกอบจาก www.pinterest.com




 

Create Date : 25 มีนาคม 2558    
Last Update : 25 มีนาคม 2558 8:43:52 น.
Counter : 5081 Pageviews.  

10 เทคนิคเปลี่ยน “ห้องกินข้าว” จิ๋ว ให้กลายเป็น “แจ๋ว”

10 เทคนิคเปลี่ยน “ห้องกินข้าว” จิ๋ว ให้กลายเป็น “แจ๋ว”

จะทนอุดอู้อยู่ในห้องเล็กๆ แคบๆ กันทำไม โดยเฉพาะห้องรับประทาอาหารที่บาง หรือคอนโดมิเนียมบางห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้อย่างจำกัด Sanook!Home จึงสรรหาเทคนิคทำให้ห้องรับประทานอาหารขนาดเล็ก ดูกว้าง โอ่โถง และน่าใช้เวลาอยู่นานๆ มาฝากทุกคน

1.กระจกวิเศษ: กระจกเป็นของตกแต่งบ้านชนิดหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมพื้นที่ภายในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณติดกระจกไว้บริเวณผนังห้อง แล้ววางโต๊ะรับประทานอาหารใกล้กับกระจก จากปกติที่นั่งภายในโต๊ะอาหารที่มี 4 ที่นั่ง จะมองคล้ายมีที่นั่งทั้งหมด 8 ที่นั่งในทันที

2.เฟอร์นิเจอร์ทรงต่ำ: การเลือกเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในห้องรับประทานอาหาร จะช่วยทำให้พื้นที่ในบริเวณนั้นดูโปร่ง โล่งขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นการประหยัดพื้นที่ภายในห้องอีกด้วย

3.เฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กๆ: เก้าอี้แบบไม่มีที่วางแขนเป็นเก้าอี้ที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะวางไว้ภายในห้องรับประทานอาหาร เนื่องจากช่วยประหยัดพื้นที่

4.ขนาดโต๊ะที่เหมาะสม: สำหรับห้องรับประทานอาหารขนาดเล็กแนะนำให้เลือกโต๊ะรับประทานอาหารรูปวงรีแทนโต๊ะรับประทานอาหารทรงกลมที่ดูจะกินพื้นที่มากกว่า

5.แชนเดอเลีย: จริงอยู่ที่แชนเดอเลียเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ให้ความรู้สึกหรูหรา แต่หากคุณตั้งใจจะเลือกแชนเดอเลียมาประดับภายในห้องอาหารจริงๆ แล้วละก็ เรื่องของการเลือกขนาดแชนเดอเลียถือเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุด หากคุณเลือกแชนเดอเลียที่มีขนาดใหญ่หรือหนาจะทำให้ห้องไม่มีความสมดุล แต่ถ้าแชนเดอเลียเล็กเกินไปก็ไม่เหมาะสมอีกเช่นกัน ดังนั้นคุณจึงควรเลือกแชนเดอเลียที่มีขนาดพอเหมาะพอดีกับขนาดของห้อง

6.ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน: เมื่อห้องรับประทานอาหารมีขนาดเล็ก เรื่องการแบ่งหน้าที่ประโยชน์ใช้สอยภายในห้องรับประทานอาหารเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นโต๊ะที่จะนำมาวางไว้ในห้องรับประทานอาหารต้องเป็นโต๊ะที่ใช้ประโยชน์ต่างๆ ได้ครอบคลุม

7.ความโปร่ง: วัสดุอีกประเภทหนึ่งที่เหมาะสำหรับห้องรับประทานอาหารคือวัสดุแบบโปร่งเช่นแก้ว อะครีลิค เพล็กซี่กลาส ซึ่งเนื้อใสๆ ของเฟอร์นิเจอร์ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้หรือโต๊ะรับประทานอาหารจะทำให้ห้องดูใหญ่และกว้างขึ้น

8.สี: สีอ่อนและสีขาวทำให้ห้องที่มีขนาดเล็กดูกว้างขึ้น แต่หากคุณชอบสีดำ หรือสีเข้มคุณก็สามารถนำมันเป็นของประดับภายในห้องได้ แต่ถึงอย่างไรคุณก็ควรคุมโทนสีให้มันเป็นสีเดียว ซึ่งถือเป็นเทคนิคที่จะทำให้ห้องนั้นดูใหญ่ขึ้นกว่าความเป็นจริง

9.แสงธรรมชาติ: เมื่อต้องอยู่ภายในห้องขนาดเล็ก แสงธรรมชาติจากภายนอกเป็นสิ่งที่เหมาะสมและมีความจำเป็นที่สุด โดยเราควรปล่อยให้แสงส่องผ่านม่านภายในห้องตลอดทั้งวัน

10.การตกแต่งสไตล์สแกนดิเนเวียน: ความเรียบง่ายดูจะเหมาะสมสำหรับห้องขนาดเล็ก แต่ถึงกระนั้นสไตล์การตกแต่งแบบเรียบง่ายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป ซึ่งการตกแต่งในสไตล์สแกนดิเนเวียนนั้นถือเป็นการตกแต่งที่มีความเรียบง่ายและสร้างความสมดุลเป็นอย่างมากด้วยการใช้องค์ประกอบจากธรรมชาติทั้งแสง สี เส้นตรง ซึ่งทำให้ห้องดูสว่างและใหญ่ขึ้น

ข้อมูลจาก //decoholic.org  โดย Melina Divani

ภาพประกอบจาก //decoholic.org




 

Create Date : 24 มีนาคม 2558    
Last Update : 24 มีนาคม 2558 8:52:50 น.
Counter : 2605 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.