ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

กางร่ม กันฝน ให้บ้านโมเดิร์น

กางร่ม กันฝน ให้บ้านโมเดิร์น

ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านทรงกล่องที่ถูกดีไซน์ขึ้นใน ฝั่งยุโรปซึ่งมีอากาศหนาว ไม่มีพายุฝนกระหน่ำ ไร้แดดแรง และไร้ลมมรสุมพัดผ่าน จึงไม่น่าแปลกใจนักที่บ้านสไตล์โมเดิร์นจะไม่ได้ถูกออกแบบให้รองรับสภาพภูมิ อากาศในเขตร้อนชื้นอย่างบ้านเรา แต่ด้วยรูปทรงที่เรียบง่าย เท่ ดูทันสมัย ดูแล้วเหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่อยากจะมีบ้านสักหลังไว้อวดความสำเร็จในชีวิต คำตอบของคนส่วนใหญ่จึงหลีกไม่พ้นดีไซน์ทรงกล่องเรียบๆ ที่เห็นได้เยอะในปัจจุบัน

แต่ด้วยเมืองไทยตั้งอยู่ในเขตทรอปิคอล ปัญหาเรื่องของแดด ความร้อน และฝน จึงเป็นปัญหาที่เหล่าสถาปนิกต่างหาวิธีแก้ปัญหา ให้บ้านทรงเท่สามารถใช้งานได้ทุกส่วนและเหมาะกับเมืองไทย โดยเฉพาะในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงนี้ มาดูวิธีกันฝนให้บ้านโมเดิร์นไม่รั่ว ไม่ซึม ตั้งแต่ขั้นตอนแรกเริ่มกันเลย

1. การเลือกหลังคาเป็นปราการด่านสำคัญในการป้องกันฝน
โดยทั่วไปแล้วเรามักจะเห็นบ้านโมเดิร์นมีหลังคาเป็นทรงแบน (flat Slab roof) ที่เรียบเนียนไปกับดีไซน์ของอาคาร ซึ่งหลังคาที่จะระบายน้ำฝนได้ดีนั้น ต้องลาดเอียงตั้งแต่ 30-45 องศา อย่างหลังคาทรงจั่ว ทรงปั้นหยา ที่อยู่คู่กับสถาปัตยกรรมไทยมานาน แต่เมื่อเป็นบ้านโมเดิร์นทรงกล่อง สิ่งที่จะช่วยระบายน้ำฝนได้คือองศาที่ลาดเอียงและวัสดุที่ใช้มุง ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเมทัลชีท กระเบื้องลอนคู่ หากเป็นหลังคาคอนกรีตควรผสมสารกั้นรั่วซึมในเนื้อคอนกรีตและเคลือบน้ำยากั้น รั่วซึมอีกรอบ พร้อมเจาะช่องระบายน้ำฝนให้ไหลลงท่อระบาย

2. ชายคาที่ยื่นยาวบังฝนได้ดี
แม้ว่าจะเป็นส่วนเกินของอาคารทรงกล่อง แต่ชายคายังคงเป็นเสมือนร่มชั้นดีที่ทำหน้าที่บังแดดบังฝนให้กับตัวบ้าน บ้านในเมืองไทยควรมีชายคายื่นอย่างน้อย 110 เซนติเมตรขึ้นไป สำหรับบ้านโมเดิร์นนิยมใช้ชายคาแบนเรียบยื่นออกจากตัวอาคาร และผนังขอบประตูหน้าต่างควรมีคิ้วยื่นออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำฝนไหลเข้าสู่หน้าต่างโดยตรง

3. ส่วนยื่น-หด ลดแรงกระทบโดยตรงได้
เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นของบ้านโมเดิร์นที่เหล่าสถาปนิกไทย หาทางแก้ปัญหาผนังรั่วซึมโดยออกแบบให้ตัวอาคารมีส่วนหดส่วนยื่น เมื่อสายฝนพัดกระทบใส่ผนัง ส่วนนี้จะเป็นป้อมปราการด่านแรก ส่วนหดและส่วนยื่นนิยมเติมฟังก์ชั่นให้เป็นพื้นที่สามารถใช้งานได้อย่างเป็น ระเบียงสำหรับนั่งเล่น

4. รางน้ำฝนสำคัญ
แม้ว่าจะเป็นดูเกะกะสายตา แต่นั่นคือสิ่งจะเป็นที่ต้องมี ก่อนสร้างบ้านควรตกลงกับสถาปนิกให้ดีว่าควรมีรางน้ำฝนแบบไหน หากกลัวไม่สวยงามสามารถซ่อนไว้ในผนังอาคารได้แต่ต้องป้องกันการรั่วซึมอย่าง ดีเพราะหากเกิดปัญหาขึ้นมาต้องทุบรื้อเป็นเรื่องใหญ่พอตัว

5. ทิศของฝนควรหลบด้วยดีไซน์
การรู้ทิศทางของฝนก่อนสร้างบ้านเป็นอีกหนึ่งสิ่งจำเป็น ที่ช่วยป้องกันฝนสาดเข้าสู่อาคารได้ โดยทั่วไปแล้วเมืองไทยจะเจอลมมรสุมที่เป็นลมประจำฤดูกาลคือลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ หรือลมมรสุมฤดูร้อน ซึ่งจะส่งผลให้มีฝนตกชุก อากาศชื้นในช่วงเดือนพ.ค.ไปถึงเดือนพ.ย.ดังนั้นจึงควรสังเกตทิศทางบนที่ดิน ที่จะปลูกบ้านให้ดี หากเป็นทิศทางฝนควรสร้างที่กำบังเป็นพิเศษ

ทั้งนี้หากอยากเลือกสร้างบ้านโมเดิร์นแล้ว ควรเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความชำนาญและเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ด้วยประสบการณ์ในการแก้ปัญหายิบย่อยครั้งแล้วครั้งเล่า และปรับปรุงพัฒนาให้ดีขึ้นจะทำให้บ้านโมเดิร์นหลังใหม่ของคุณเป็นบ้านที่น่าอยู่ ฝนไม่ซึม อยู่ไม่ร้อน เหมาะกับสภาพอากาศแบบร้อนชื้นของเมืองไทย

Written by  Yok Homedeedee

ข้อมูลและภาพจาก //www.homedeedeeforyou.com

//home.sanook.com/4753/




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2558 8:31:02 น.
Counter : 4105 Pageviews.  

แชร์ไอเดียสร้างกระต๊อบหลังน้อยในสวนให้ลูก

แชร์ไอเดียสร้างกระต๊อบหลังน้อยในสวนให้ลูก

เด็กๆ หลายคนฝันอยากมีบ้านหลังเล็กๆ ของตัวเอง สำหรับคุณ Being a good Mom จากเว็บไซต์พันทิปเอาใจลูกสาวด้วยการสร้างบ้านหลังเล็กๆ ไว้ในสวนที่บ้าน เพื่อให้เขาได้มีพื้นที่ส่วนตัวและอาณาจักรของตัวเอง สำหรับคุณแม่บ้าน พ่อบ้านคนไหนอยากสร้างบ้านไว้ให้ลูกก็ลองทำตามเธอก็ได้นะคะ เพราะมันเป็นบ้านสำเร็จรูปแบบถอดประกอบได้ พร้อมแล้วไปดูซิว่าเธอทำอย่างไรบ้าง

ขอแท็ก จัดสวน และตกแต่งบ้าน ด้วยนะคะ  เพื่อใครจะได้เป็นไอเดียในการจัดสวน

เนื่องจากครบรอบวันเกิดของลูกสาว  คุณลูกบ่นอยากได้บ้านสีม่วงมานานแสนนาน
พ่อ แม่ เลยจัดให้  โดยการสร้างให้คุณลูกซะเลย ถือเป็นกิจกรรมที่สร้างความสามัคคีให้ครอบครัว
บ้านที่สร้างเป็นบ้านสำเร็จรูป  แต่มันจะมาเป็นชิ้นส่วน  ต้องนำไปประกอบแล้วสร้างเอง

หน้าตาต้นแบบเป็นแบบนี้

จัดการทาสีตามคำเรียกร้อง  นั่นก็คือสีม่วงนั่นเอง  แต่สีม่วงอย่างเดียวมันน่าเบื่อ เลยทาสีขาวตามขอบก็สวยไปอีกแบบ

เมื่อทาเสร็จแล้วก็ถึงขั้นตอนก่อร่างสร้างตัว

เมื่อคุณย่าพาเจ้าของบ้านมาคุมงานก่อสร้าง

มือวางอันดับหนึ่ง(ปู่) และสอง(พ่อ) ในการสร้าง ^_^


ที่มา  //home.sanook.com/4705/




 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 13 พฤษภาคม 2558 8:38:02 น.
Counter : 1825 Pageviews.  

PICK IT RIGHT AND SLEEP TIGHT! เลือกเตียงนอนอย่างไรให้หลับสบายแบบฟินเว่อร์ !

PICK IT RIGHT AND SLEEP TIGHT! เลือกเตียงนอนอย่างไรให้หลับสบายแบบฟินเว่อร์ !

มาเริ่มต้นเช้าวันใหม่ให้สดใสกันดีกว่า วันดี ๆ ที่เราสามารถตื่นได้เต็มตาพร้อมรอยยิ้มจะเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ถ้าเราพักผ่อนอย่างเพียงพอ ราว 6-8 ชั่วโมง ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการพักผ่อน การเลือกซื้อเตียงจึงต้องมีความพิถีพิถันเพื่อให้ได้เตียงนอนที่มีคุณภาพเหมาะกับเรา หากใครกำลังมองหาเตียงนอนใหม่อยู่ละก็ วันนี้ smart buy มีเคล็ดไม่ลับในการซื้อเตียงนอนมาฝาก เพื่อเติมเต็มความสุขให้การนอนพักผ่อนของคุณเฟอร์เฟ็คท์สุด ๆ ไปเลย

เลือกซื้อเตียงนอนไซส์ไหนดี

1.เช็คพื้นที่ในห้องนอนว่าเหมาะกับเตียงไซส์ไหน นอกจากนี้อย่าลืมเช็คขนาดเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ที่อยู่ในห้องด้วย  ลองคำนวณพื้นที่ดูคร่าว ๆ ว่าหลังจากที่วางเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างแล้วห้องจะดูแน่นหรือรู้สึกอึดอัดหรือไม่  เช่น ห้องนอนขนาด   4.00 x 6.00 เมตร นอน  2 คน ควรเลือกใช้เตียงขนาด King Size หรือ Queen Size

2.อยากได้เตียงเดี่ยวหรือคู่ รวมถึงสังเกตลักษณะการนอนของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร เช่น ถ้าหากนอนดิ้นควรเลือกเตียงขนาดใหญ่ไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย

3.เลือกเตียงกับฟูกที่นอนให้มีความสูงสัมพันธ์กัน โดยความสูงของเตียงควรพอดีกับท่านั่งหรือสูงเหมือนนั่งเก้าอี้ ความสูงที่เหมาะสมคือ 40-45 เซนติเมตร เป็นระดับที่ช่วยให้ลุกนั่งสบาย

4.เช็คงบประมาณ อย่าลืมว่าเตียงขนาดใหญ่ย่อมมีราคาสูง รวมไปถึงฟูกและชุดเครื่องนอนด้วย

ประเภทของเตียงนอน ปัจจุบันมีเตียงนอนหลายประเภท หลากดีไซน์ให้เลือกมากมาย โดยเตียงแต่ละประเภทมีจุดเด่นหรือข้อดีต่างกันไป เพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน

1.เตียงนอนแบบขาโปร่ง มีหลายรูปแบบให้เลือก แถมยังมิกซ์แอนด์แมทช์เข้ากับห้องนอนได้ง่าย เช่น เตียงสี่เสา ช่วยสร้างบรรยากาศโรแมนติก หากเลือกใช้เตียงสี่เสาอย่าลืมเช็คความสูงของเพดานห้องและขนาดความกว้างของห้องนอนด้วย ทางที่ดีระดับฝ้าควรมีความสูงไม่น้อยกว่าสูง 2.60 เมตร แต่มีข้อเสียคืดเก็บฝุ่นและทำความสะอาดค่อนข้างลำบาก

2.เตียงนอนแบบขากล่อง ช่วยสร้างบรรยากาศลุคโมเดิร์นให้ห้องนอน ฐานเตียงมีลักษณะปิดรอบด้าน มีข้อดีคือไม่เก็บฝุ่น แต่ไม่เหมาะสำหรับห้องนอนขนาดเล็ก เนื่องจากขาเตียงจะทำให้ห้องดูทึบตัน

3.เตียงนอนแบบมีลิ้นชักเก็บสำหรับของ เป็นเตียงที่ออกแบบมาเพื่อการเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน มีที่เก็บของในตัวช่วยจัดระเบียบให้ห้องนอนดูเรียบร้อย ข้อแนะนำควรเลือกเตียงที่ลิ้นชักเปิดออกง่าย เพราะเมื่อใส่ของลงไปแล้ว ด้วยน้ำหนักที่มากขึ้น อาจทำให้ลิ้นชักเปิดออกยาก

4.เตียงนอนแบบพับเก็บได้ สำหรับใช้รับรองแขกหรือในโอกาสพิเศษที่มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น ช่วยในเรื่องประหยัดพื้นที่ สามารถใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชัน เช่น ปรับฟังก์ชันเป็นโซฟาได้

5.เตียงนอนแบบสองชั้น เหมาะกับห้องนอนที่มีพื้นที่จำกัด เพื่อฟังก์ชันการใช้งานในแนวตั้ง ปัจจุบันเตียงสองชั้นได้รับการพัฒนาหลายรูปแบบ อีกทั้งรูปแบบและดีไซน์ยังสวยเก๋ สามารถแยกออกจากกันได้ หรือทำให้เกิดสเปซใหม่ที่กว้างขึ้น

วัสดุที่ใช้ทำเตียง

1. เตียงไม้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นธรรมชาติ ทำความสะอาดง่าย แต่มีข้อเสียคืออาจมีเสียงดัง เนื่องจากไม้ยืดตัวหดตัวตามสภาพอากาศ

2. เตียงบุผ้า มีหลากหลายดีไซน์รวมถึงคุณสมบัติเด่นของผ้าช่วยระบายความร้อนได้ดี สามารถถอดซักได้ ปัจจุบันเตียงบุผ้ามาพร้อมโครงสร้างภายในบุวัสดุ Anti Mite ป้องกันปลวกและป้องกันไรฝุ่น ปลอดภัยต่อสุขภาพ

3. เตียงบุหนัง ให้ความรู้สึกหรูหรา ทนทาน มีอายุการใช้งานยาวนาน ทำความสะอาดง่าย

4. เตียงเหล็ก มีความแข็งแรงทนทาน นอกจากนี้ความสวยงามของลวดลายเหล็กดัด ยังช่วยสร้างบรรยากาศคลาสสิกได้เป็นอย่างดี

การเลือกเตียงนอนขึ้นกับความชอบของแต่ละคน เนื่องจากเตียงแต่ละประเภทมีข้อดีหรือลักษณะเด่นแตกต่างกัน  นอกจากเรื่องรูปแบบและดีไซน์แล้วสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือควรเลือกโครงสร้างเตียงที่แข็งแรง เช่น เลือกระบบ Firm Structure หรือมีแผ่นไม้เต็มแผ่นรองปิดพื้นเตียง รองรับด้วยคานเหล็กบริเวณด้านล่าง ช่วยให้โครงสร้างเตียงแข็งแรงไม่ยุบตัวง่าย และกระจายน้ำหนักได้ดี ก่อนเลือกซื้อจึงควรพิจารณาคุณสมบัติและชนิดของวัสดุที่ใช้ทำเตียงให้รอบคอบ เพื่อช่วยตอบโจทย์อย่างตรงใจ  

DID YOU KNOW? การเลือกขนาดเตียงนอน ขนาดฟูกที่นอน และขนาดพื้นที่ห้องควรมีความสัมพันธ์กัน ขนาดฟูกที่นอน มี 5 ขนาด คือ
1. ที่นอน 3.5 ฟุต (Single Bed หรือ Twin Size) หรือเตียงเดี่ยว มีขนาด 3.5 x 6.5 ฟุต   

2. ที่นอน 4.5 ฟุต (Double Bed) มีขนาด 4.5 ฟุต x 6.5 ฟุต

3. ที่นอน 5 ฟุต (Queen Size) มีขนาด 5 x 6.5 ฟุต

4. ที่นอน 6 ฟุต (King Size) มีขนาด 6 x 6.5 ฟุต  

5. เตียงนอนสั่งผลิตไซส์พิเศษหรือเตียงที่มีขนาดใหญ่กว่าเตียงไซส์มาตรฐาน ฟูกที่นอนและชุดเครื่องนอนต้องสั่งผลิตขนาดไซส์พิเศษไปด้วย

Room’s Tip เพื่อตกแต่งห้องนอนในฝันให้ครบครัน และช่วยเติมเต็มการนอนหลับให้สมบูรณ์แบบ เตียงนอนที่ดีนอกจากจะนอนสบาย มีดีไซน์สวยถูกใจแล้ว ควรมีสไตล์เข้ากันดีกับห้องนอน โดยเตียงนอนและฟูกที่นอนควรซื้อพร้อมกัน รวมถึงการเลือกใช้ชุดเครื่องนอน (หมอน ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน) ช่วยเสริมให้เรารู้สึกสบายตัวเวลานอนหลับพักผ่อน เพราะเป็นส่วนที่สัมผัสกับตัวเราโดยตรง

ขอบคุณข้อมูล : SB Design Square  
โทร. 0-2744-1111, www.sbdesignsquare.com

ที่มา






//home.sanook.com/4681/




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2558 8:53:36 น.
Counter : 1967 Pageviews.  

10 FLOORS FOR YOUR STYLE ว่าด้วยเรื่อง พื้น-พื้น

10 FLOORS FOR YOUR STYLE ว่าด้วยเรื่อง พื้น-พื้น

เพราะเราเชื่อว่า ไม่ใช่แค่เรื่องพื้น-พื้นที่จะมองข้ามไปได้ โดยเฉพาะทุกวันนี้ที่มีวัสดุใหม่ ๆ ออกมาหลากหลายให้เราสนุกกับการสร้างสรรค์พื้นสวย ๆ ได้ตามใจชอบ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่นิยมใช้พื้นไม้จริง หินอ่อน หรือกระเบื้องลายเรียบ ๆ วันนี้เราจึงมีตัวอย่างพื้นสวย 10 สไตล์มาฝาก เพื่อเป็นทางเลือกให้คุณนำไปใช้หรือดัดแปลงให้เข้ากับบ้านในฝัน



1. Polished Concrete
ยังคงฮิตไม่เลิกสำหรับพื้นปูนซีเมนต์ขัดมันที่หลาย ๆ คนชื่นชอบ เพราะนอกจากจะดูเรียบเท่แล้วยังดูแลรักษาง่าย แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกันคือ หากต้องการเทซีเมนต์ขัดมันในพื้นที่กว้าง ๆ อาจทำได้ยาก และคุณภาพงานอาจออกมาไม่ดี แก้ปัญหาได้ด้วยการตีเส้นเซาะร่องเพื่อซอยให้พื้นที่มีขนาดเล็กลง หลังการขัดมันควรทาน้ำยาเคลือบผิวประเภทซิลิโคนหรือน้ำยาเคลือบเงา เพื่อช่วยป้องกันความชื้นและทำความสะอาดง่าย (ราคารวมค่าแรงและวัสดุอยู่ที่ตารางเมตรละ 300-350 บาท)



2. PVC Tile
แมน ๆ อย่างคุณผู้ชายที่ชื่นชอบการขับขี่มอเตอร์ไซค์ คงต้องการพื้นที่สามารถวางชุดขับขี่หรืออุปกรณ์ซ่อมแซมเบื้องต้นได้แบบไม่ต้องกลัวเลอะเทอะ ลองใช้กระเบื้องยางลายเท่อย่างลายแผ่นเหล็กที่เข้ากับบ้านสไตล์ลอฟต์ดูสิ  เพราะกระเบื้องยางสามารถป้องกันไม่ให้รถคันโปรดของคุณเป็นรอย เก็บเสียงได้ดี กันน้ำ ไม่ขึ้นสนิม แถมยังมีลายให้เลือกหลากหลาย ส่วนการดูแลรักษาก็แสนง่าย ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำก็พอแล้ว แต่ถ้าไม่มีเวลาทำความสะอาดทุกวัน แค่ทาแว็กซ์ชนิดน้ำเพื่อรักษาพื้นให้คงทนเงางามเท่านี้ก็ดูเอี่ยมเหมือนใหม่แล้ว (ราคาติดตั้งเริ่มต้นที่ตารางเมตรละ 100 กว่าบาท)



3. Rustic Industrial
หากคุณหลงใหลสไตล์รัสติกอินดัสเทรียลที่ให้ความรู้สึกเหมือนโรงงานกึ่งเรือนกระจกเก๋ ๆ ละก็ เราขอแนะนำการปูพื้นด้วยอิฐมอญธรรมดา ๆ ที่หาได้ง่ายในบ้านเรา นำมาดัดแปลงจากปกติที่เคยก่อเป็นผนัง พลิกแพลงมาใช้ปูพื้นแทน ก่อนปูควรนำอิฐไปแช่น้ำให้อิ่มตัวเสียก่อน แล้วนำไปผึ่งให้หมาด ปูโชว์ด้านกว้างเหมือนลายผนังอิฐ  ส่วนระยะห่างของแต่ละก้อนก็แล้วแต่ความพอใจ แต่โดยมากมักปูให้ห่างกันประมาณ 1.5 - 2.0 เซนติเมตร และอย่าลืมทาน้ำยากันซึมสำหรับทาอิฐ เพื่อป้องกันตะไคร่น้ำเกาะบนผิวด้านหน้าด้วย



4. Alternative Wood
นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่ชอบลวดลายของไม้ แต่มีงบประมาณจำกัด และต้องการใช้วัสดุที่มีความทนทานยาวนาน กระเบื้องยางลายไม้ถือเป็นวัสดุที่อยากแนะนำ เพราะสามารถตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการ แถมยังมีลายไม้สวย ๆ ให้เลือกมากมาย  นำเข้ามาทั้งจากจีนและเกาหลี  ส่วนความหนาก็มีหลากหลายตั้งแต่ 2,3,4,และ 5 มิลลิเมตร ตามแต่ละพื้นที่ที่จะนำไปใช้งาน และหลังการติดตั้งยังรับประกัน 1 ปี ด้วย  (ราคาค่าติดตั้งตารางเมตรละ 350 บาท)  

TIPS
1. ก่อนปูกระเบื้องยาง พื้นต้องขัดเรียบไม่มีเม็ดทราย หรือจะปูบนแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์แต่ต้องแน่ใจว่าไม่เปียกชื้น
2. ควรเก็บกระเบื้องยางก่อนปูที่อุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส



5. Random Movement
กระเบื้องเป็นวัสดุที่หาได้ง่าย ลวดลายแรนดอมสีแบบนี้ก็มีในท้องตลาดมากมาย แต่ถ้าคุณอยากได้สีสันที่แตกต่างออกไป ลองตัดกระเบื้องแผ่นใหญ่ให้ได้ขนาด 3x12 นิ้ว  แล้วเลือกเฉดสีโทนเดียวกันสัก 3-4 เฉด นำมาปูแบบแรนดอม แค่นี้พื้นห้องของคุณก็จะดูสวยไม่ซ้ำใคร

แต่ถ้าต้องการนำวิธีนี้ไปใช้กับพื้นห้องน้ำ อย่าลืมเลือกกระเบื้องที่เหมาะกับการใช้งานผิวหน้าไม่ลื่นจนเกินไป  ปกติกระเบื้อง 1 กล่อง จะปูได้ 1 ตารางเมตร แต่ถ้าใครกะไม่ถูก สามารถคำนวณโดยนำความกว้าง x ความยาว (เมตร) ของพื้นที่ที่ปู ออกมาเป็นหน่วยตารางเมตร แล้วจึงค่อยไปซื้อกระเบื้องตามชอบ แนะนำให้ซื้อเผื่อไว้สัก 5-10 กล่อง ในกรณีมีปัญหาที่หน้างาน เช่น กระเบื้องแตกหัก รวมถึงการซ่อมแซมในอนาคต ถ้าหากโรงงานเลิกผลิตกระเบื้องล็อตนั้นไปแล้ว

TIPS    
- ควรนำกระเบื้อง 3-5 กล่องมาปูคละกันเพื่อให้เกิดสีที่ดูกลมกลืน และก่อนปูต้องนำไปแช่น้ำให้อิ่มตัวเสียก่อน (ยกเว้นกระเบื้องแกรนิตโต้)
- เมื่อปูกระเบื้องและยาแนวแล้ว ควรทิ้งให้อยู่ตัวประมาณ 24 ชั่วโมง และจะอยู่ตัวได้ดีใน 14 วัน
- เลือกใช้กระเบื้องให้ถูกประเภท เพราะกระเบื้องสำหรับกรุผนังจะบางกว่าและปูพื้นไม่ได้
- หากเลือกปูกระเบื้องบริเวณภายนอกอาคารหรือพื้นที่มีความชื้นสูงอย่างห้องน้ำ ในขั้นตอนการเทปูนซีเมนต์ปรับระดับควรผสมน้ำยากันซึมลงไปด้วย  



6. Artificial Wood (มีบรรยายภาพ)
เลือกใช้ไม้สังเคราะห์เฉดสีอ่อนและเข้มมาปูสลับกันเป็นลวดลายซิกแซกหรือลายก้างปลา ซึ่งยังคงเป็นลายยอดนิยมมาถึงปัจจุบัน  ขั้นตอนการปูควรเว้นขอบให้ห่างจากผนังเล็กน้อยเพื่อให้ไม้ขยายตัวได้ และด้วยลักษณะของลายที่ดูเหมือนมีการเคลื่อนไหว จึงเหมาะกับห้องที่มีกิจกรรมสร้างความรู้สึกตื่นตัว อย่างห้องอ่านหนังสือ ห้องชมภาพยนตร์ หรือห้องดนตรีก็เท่ไม่ซ้ำใคร ปัจจุบันมีวัสดุใช้ทดแทนพื้นไม้จริงให้เลือกมากมาย อย่างพื้นไม้ปิดผิวลามิเนต พื้นไม้ปิดผิวด้วยวีเนียร์ พื้นไม้จริงเทคนิคเอนจิเนียร์ หรือถ้าชอบไม้จริงก็สามารถใช้เป็นพื้นไม้จริงแบบสำเร็จรูปได้ มีให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ 1,6,8 นิ้ว หรือมากกว่านั้น แต่ส่วนใหญ่จะผลิต 4 นิ้ว  ยาว 0.90 เมตร ราคาอยู่ที่ตารางเมตรละ 700 - 2,000 บาท

TIPS
- หากต้องการให้ใต้พื้นเรียบหรือต้องการให้พื้นไม้แข็งแรงขึ้น ให้รองด้วยแผ่นไม้อัดชนิดกันปลวกหรือแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์
- การปูแบบก้างปลานี้จะมีราคาสูงกว่าการปูแบบชนิดอื่น เนื่องจากต้องซื้อไม้เผื่อตัดเยอะกว่า
- หากห้องมีขนาดเล็กไม่ควรใช้ไม้ปูขนาดใหญ่เพราะจะยิ่งทำให้ห้องดูแคบลง



7. Gorgeous Marble Mosaic
ตกแต่งให้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่ในรีสอร์ต แต่ก็ไม่ทิ้งรายละเอียดของพื้นที่ให้ความรู้สึกหรูหราด้วยการปูพื้นหินอ่อนโมเสก โดยเลือกใช้โทนสีเทาสลับเฉดที่ดูนิ่งเรียบแต่ไม่น่าเบื่อ นอกจากความสวยงามแล้ว หินอ่อนยังมีข้อเสียอยู่ตรงที่เนื้อวัสดุมีความไม่แข็งแรงนัก ซ้ำยังมีรูพรุนเล็ก ๆ ในเนื้อหิน จึงเกิดรอยขีดข่วน และสิ่งสกปรกซึมลงไปได้ง่าย การดูแลรักษาทั่วไปควรใช้ผ้าชุบน้ำธรรมดาเช็ดทุกวัน และใช้น้ำยาเช็ดหินอ่อนสัปดาห์ละครั้ง หลีกเลี่ยงน้ำยาที่มีสารเคมีจำพวกกรดและด่าง หรือถ้าเป็นรอยมาก ๆ แนะนำติดต่อให้ช่างใช้เครื่องมือมาขัดลอกผิวหน้าใหม่จะดีกว่า

TIP
ขนาด 30x60 เซนติเมตร หินอ่อนภายในประเทศ ตารางเมตรละ 750-1,500 บาท และหินอ่อนนำเข้าจากต่างประเทศ ตารางเมตรละ 2,300-3,500 บาท



8. Graphic Carpet
เพิ่มลูกเล่นให้ห้องสนุกขึ้นด้วยพรมทอลายกราฟิกบ่งบอกความชื่นชอบของคุณ จริง ๆ แล้วในบ้านเรามีการนำพรมมาใช้ในงานตกแต่งมานานแล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นแบบเรียบ ๆ  หรือไม่ก็เป็นลายที่มีขายเหมือน ๆ กันตามท้องตลาด เพื่อสร้างความแตกต่างปัจจุบันมีร้านพรมที่ให้บริการทอลายตามสั่งมากขึ้น ให้คุณได้พรมที่มีลวดลายตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกชนิดและสีสัน เหมาะนำไปใช้ให้เข้ากับอารมณ์ห้อง อย่างในห้องนั่งเล่นหรือห้องดูหนังเหมาะตกแต่งด้วยพรมลายกราฟิกเพื่อสร้างความรู้สึกสนุกสนาน มีราคาขึ้นอยู่ความยากง่ายและขนาดของลวดลาย นอกจากคุณจะถูกใจกับพรมที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลกแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่เพลิดเพลินไม่น้อยสำหรับคนรักการแต่งบ้านเช่นคุณ  



9. Gradient Element
ลองเปลี่ยนอารมณ์แข็ง ๆ ของพื้นบริเวณกึ่งเอ๊าต์ดอร์อย่างทางเดินที่เชื่อมระหว่างบ้านหรือระเบียงให้สนุกยิ่งขึ้น ด้วยการไล่สีกระเบื้องเหมือนการปูโมเสกขนาดยักษ์ โดยเลือกปูไล่สีจากเข้มไปหาอ่อน ให้ความรู้สึกเหมือนการกระจายน้ำหนัก และเนื่องจากเป็นกระเบื้องที่ใช้ภายนอก จึงต้องดูรักษามากกว่ากระเบื้องทั่วไป และควรออกแบบให้มีความลาดเอียงเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังที่สเกล 1:200  และควรเลือกกาวซีเมนต์และกาวยาแนวที่มีความยืดหยุ่น เนื่องจากพื้นภายนอกอาจเจอทั้งความร้อนและความชื้น ทำให้เกิดการขยายและยืดหดตัวมากกว่ากระเบื้องที่ใช้ในบ้าน

TIPS
สำหรับพื้นทางเดินที่มีขนาด 1.5 x 4 ตารางเมตร หรือ 6 ตารางเมตร แนะนำให้ใช้กระเบื้อง 3 เฉดสี
1. กระเบื้องสีดำ ผิวด้านขนาด 8x8 นิ้ว  จำนวน 2 กล่อง
2. กระเบื้องสีเทา ผิวด้านขนาด 8x8 นิ้ว จำนวน 3 กล่อง
3. กระเบื้องสีครีม ผิวด้านขนาด 8x8 นิ้ว จำนวน 2 กล่อง
- หากใช้กระเบื้องสีดำมากเกินไป จะทำให้ทางเดินดูหนักและตัน
- กระเบื้องขนาด 8x8 นิ้ว 1 กล่องมี 25 แผ่น (อย่าลืมซื้อเผื่อ 5-10 กล่องด้วย)



10. Refined Classic
สไตล์คลาสสิกนับเป็นสไตล์ที่ถูกเลือกมาใช้แต่งบ้านอยู่เสมอ ด้วยองค์ประกอบที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนยิ่งเพิ่มคุณค่าและทรงเสน่ห์ให้น่าหลงใหล การเลือกประเภทและสีสันของพื้นก็นับว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญ วันนี้เราขอแนะนำการปูพื้นให้ออกมาในสไตล์คลาสสิกที่ไม่ยากและแพงอย่างที่คิดมาฝาก ด้วยการเลือกกระเบื้องแกรนิตสีขาว-ดำขนาด 8x8 นิ้ว อย่างละ 4 แผ่น ปูสลับเหมือนตารางหมากรุกและเพิ่มลูกเล่นด้วยการปูแนวทแยง (แบบไดมอน) เพียงเท่านี้บ้านของคุณก็จะได้ลุคคลาสสิกที่ดูดี แต่ราคาสบายกระเป๋า (ราคาปูกระเบื้องธรรมดาตารางเมตรละ 100-130 บาท และกระเบื้องแกรนิตโต้ ตารางเมตรละ
130-150 บาท)

TIPS
1. ถ้าเป็นการปูกระเบื้องลงบนพื้นเดิม ควรกะเทาะผิวพื้นเดิมให้เป็นหลุมเล็ก ๆ เพื่อให้ปูนสำหรับปูกระเบื้องยึดเกาะได้ดี
2. การปูกระเบื้องควรเริ่มจากกลางห้องหรือจากด้านใดด้านหนึ่ง
3. หากต้องการจัดหรือปรับตำแหน่งกระเบื้องใหม่ ควรทำภายใน 10 นาที ก่อนกาวกระเบื้องจะแห้งสนิท

ที่มา

//home.sanook.com/4433/




 

Create Date : 10 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 10 พฤษภาคม 2558 10:07:42 น.
Counter : 2535 Pageviews.  

Before & After จัดสวนด้วยตัวเอง จากที่คิดว่าไม่ไหว 4 เดือนผ่านไป “ไฉไล” เกินจริง

Before & After จัดสวนด้วยตัวเอง จากที่คิดว่าไม่ไหว 4 เดือนผ่านไป “ไฉไล” เกินจริง

สำหรับคุณ inghappy จากเว็บไซต์พันทิป ตอนแรกเธอไม่มั่นใจว่าจะจัดข้างบ้านของเธอได้อย่างที่ตัวเองคิดฝัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้วก็ตัดสินใจตกแต่งสวนด้วยตัวเอง จากสนามหญ้ารกๆ กลายเป็นสวนข้างบ้านร่มรื่นและน่ารัก ลองมาดูกันไหมคะว่า เธอทำอย่างไรกันบ้างตั้งแต่เริ่มต้น เลียนแบบได้เลยค่ะเพราะเธอยินดี

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้ขออนุญาตเสนอการจัดสวนด้วยตัวเอง (2 คน เรากับแฟน) นะคะ
ก่อนอื่นที่ออกตัวว่าคิดว่าไม่ไหว เพราะเราเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ค่ะ ปกติเรี่ยวแรงไม่ค่อยจะมี ส่วนแฟนก็ตัวเล็กเหมือนกันค่ะ สรุปตัวเล็กทั้งคู่ 55

ตอนแรกจะให้คนสวนในหมู่บ้านจัดให้ทั้งหมด เพราะจ้างเขามาถมดินด้วย (ดินรอบบ้านทรุดค่ะ อยู่มา 6 ปี) แต่รูปตัวอย่างจัดสวนที่เขาเอามาให้ดูยังไม่ถูกใจ เลยตัดสินใจว่าค่อยๆ ทำไป ไม่รีบ ใช้เวลาตั้งแต่เริ่มถมดินก็ร่วม 4 เดือนค่ะ

มาดู Before กันก่อนค่ะ

ด้านข้างของบ้าน สวนรกมากค่ะ ไม่ทันได้ถ่ายรูปก่อนรื้อ อันนี้คนสวนมารื้อหญ้ารกๆ ออก
จะเห็นว่าหญ้ายาวมากค่ะ เป็นหญ้าคา และวัชพืชทั้งนั้นเลย

ดินรอบบ้านทรุดจนแท่นปูนหักค่ะ

หน้าบ้าน วัชพืชอะไรก็ไม่รู้ค่ะ หมดหน้าฝนก็มากันตรึม

อีกฝั่งของบ้านค่ะ รกเหมือนกัน

กำจัดวัชพืชแล้วก็เริ่มถมดินเป็นอันดับถัดมา ก่อนถมดินติดแผ่น smartboard รอบบ้าน กันดินไหลเข้าใต้โพรงบ้านค่ะ

ทิ้งไว้ประมาณ 2 สัปดาห์ให้ดินแน่นค่ะ

หน้าบ้านหลังถมดินเสร็จ ไม่มีต้นไม้ใหญ่เลยค่ะ ที่โครงการปลูกให้ก็ตายหมด ขาดน้ำเพราะไม่ค่อยดูแล และหน้าบ้านก็แดดแรงมาก บ้านหันทิศตะวันตกเฉียงใต้ T T

อีกฝั่งนึงหลังถมดินเสร็จค่ะ

พอถมดินเสร็จก็เริ่มลงต้นไม้ใหญ่ค่ะ ศึกษาว่าต้นไหนชอบแดดจัดๆ บ้าง ต้นแรกชงโคฮอลล์แลนด์

ต้นจันผาอีกต้นที่อึด และชอบแดด

หน้าบ้านลงต้นคำมอกหลวงค่ะ
ชอบแดด มีดอกสีเหลือง ออกดอกปีละครั้ง ใบร่วงน้อยดีด้วยค่ะ นับใบได้เลย

ถัดมาคุณแฟนอยากให้บ้านมีเสียงน้ำค่ะ เลยไปหาซื้อม่านน้ำตกมา สั่งทำขนาดบ่อใหญ่กว่าที่ร้านขายอยู่ เผื่อไว้เลี้ยงปลาด้วย  อ้อ เราทาสีกำแพงใหม่ด้วยค่ะ

โจทย์ต่อไปคือ ไม่อยากมีหญ้าเยอะ เดิมทีโครงการจัดมาเป็นหญ้ารอบบริเวณเลยค่ะ พอไม่มีเวลาตัดบ่อยๆ วัชพืชก็บุก ประกอบกับอยากมีที่นั่งเล่นนอกบ้าน เลยให้ช่างมาทำระแนงไม้ ติดกับม่านน้ำตก ลงต้นตีนเป็ดแดงเพิ่ม กะว่าจะให้ร่มเงากับบ่อน้ำ

เสร็จแล้วเริ่มทำทางเดินหลักจากหน้าบ้านไปขึ้นระแนงไม้ค่ะ เรากับแฟนชอบหินกาบฟรีฟอร์ม
ลองเอามาวางๆ ดูแนวก่อน เหนื่อยสุดก็ทำทางเดินอันนี้ค่ะ เพราะต้องยกย้ายหลายรอบกว่าจะได้มุมที่ลงตัว

เริ่มทำแนวทางเดิน เลือกทำเป็นทางโค้ง ให้ดูมีมิติมากขึ้นค่ะ ขอบกั้นคิดไว้หลายอย่างตั้งแต่อิฐ หินกรวดเบอร์ 5 (ก้อนใหญ่) ซื้อมาลองวางๆ ดู ปรากฏว่าทำให้โค้งตามที่ต้องการยากค่ะ สุดท้ายยอมควักกระเป๋า ใช้ขอบฝังดิน ดัดโค้งได้

จากนั้นเอาหินกาบมาลองวางดู ไม่ได้มุมก็ยกย้ายค่ะ แต่ละแผ่นหนักมากโดยเฉพาะแผ่นใหญ่ๆ
ช่องว่างๆ จะเอาหินกรวดโรยค่ะ ต้องตัดตาข่ายสีดำตามแนวร่องที่เหลือ ก่อนโรยกรวด กันกรวดจม

เสร็จแล้วค่ะทางเดิน แค่ทางเดินตรงนี้ใช้เวลาตั้ง 2 วันเต็มๆ

มาดูจุดอื่นบ้างค่ะ หลังบ้านติดลานซักล้าง เลือกเป็นแผ่นทางเดินลายดอกไม้ ทำเป็นโล่งๆ ไว้ เผื่อเลี้ยงสัตว์เลี้ยงค่ะ เป็นจุดที่ร่มของบ้าน

อีกฝั่ง ใช้อิฐมอญที่ไว้ก่อสร้างปูสลับฟันปลา ก่อนปูรองพื้นด้วยตาข่ายสีดำ กันหินกรวดจมค่ะ
ใช้อิฐไป 2 พันก้อน หมดไป 2 พันกว่าบาทเองค่ะ

เรียงอิฐเสร็จ ใช้ทรายละเอียดโรยให้ทั่ว ฉีดน้ำให้ลงตามร่องเพื่อให้พื้นอิฐแน่นค่ะ

เกือบลืมค่ะ เราทำสปริงเกอร์รดน้ำ ฝังท่อ PE ไว้ใต้ดินรอบบ้านด้วย เพื่อแก้ปัญหาไม่มีเวลารดน้ำค่ะ งานนี้ก็ใช้เวลาและแรงไม่น้อยเลยค่ะ

ระหว่างนี้ก็ตระเวนซื้อต้นไม้อยู่หลายรอบ ลงต้นไม้เพิ่มให้บ้านดูร่มรื่น หน้าบ้านปูหญ้าญี่ปุ่น

เรียบร้อยประมาณนึงแล้ว เหลือเก็บความเรียบร้อยบางจุดค่ะ มาดูกันเลย

ที่นั่งระแนงด้านข้างสวน

มุมนี้โดนแดดทั้งแต่เช้าถึงบ่ายต้น เลือกต้นที่ทนแดดได้ อย่างจันผา ฤาษีผสม ชวนชม กุหลาบหิน หลิวทอง
ที่นั่งบนระแนงไม้ กำลังจะหาเก้าอี้ไม้แบบเอนได้ ตอนนี้ใช้ของ 7-11 ไปก่อน ^ ^

อีกมุมนึง เห็นทางเดินชัดๆ

มุมทางขึ้นระแนง เอาตอไม้มาตั้ง วางต้นปริกหางกระรอกไว้ด้านบน

มองจากระแนงไม้ไปหน้าบ้าน มีต้นไม้บังสายตาจากข้างนอก

ม่านน้ำตก ให้ความสดชื่น มีเสียงน้ำในบ้าน ต้นไม้บริเวณนี้เลือกเป็นต้นที่ชอบความชื้น

มุมมองจากด้านบนค่ะ

มาที่หน้าบ้านกันบ้าง โดนแดดทั้งวัน เลือกต้นที่ชอบแดดอย่างดอนญ่า แต่เจอแดดปีนี้เข้าไป ใบไหม้เยอะเลย ต้องคอยรดน้ำบ่อยๆ

หน้าบ้าน มุมมองด้านบน

ส่วนด้านหลังบ้าน ที่จะทำต่อคือหาระแนงไม้มาบังแอร์

บริเวณนี้โดนแดดนิดหน่อย มีเงาต้นไม้ใหญ่บัง เลือกเป็นหญ้ามาเลเซีย

อีกฝั่งของบ้าน ปูอิฐมอญ 2 รู โรยช่องว่างๆ ด้วยหินกรวดสีน้ำผึ้ง

ฝั่งนี้จะไว้ปลูกพืชสวนครัวเป็นภารกิจต่อไปค่ะ

มุมมองจากด้านบน มีต้นส้มโอ น้อยหน่า ชะอม

ปิดท้ายด้วยภาพ Before After มุมต่างๆ กันค่ะ เริ่มจากหน้าบ้าน

ลากันไปด้วยภาพดอกไม้สวยๆ ค่ะ กระทู้อาจจะยาวไปนิดนึง หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังจัดสวนนะคะ จัดสวนเองเหนื่อยหน่อย ใช้เวลาเยอะด้วย แต่ทำเสร็จแล้วภูมิใจมากมายเลยค่า

มีอะไรก็แนะนำ ติชมกันได้จ้า


ที่มา //home.sanook.com/4645/




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 9 พฤษภาคม 2558 9:15:40 น.
Counter : 5870 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.