ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 

15 วิธีเพิ่มสีสัน ให้ห้องน้ำเล็กๆ ในคอนโดและบ้าน

15 วิธีเพิ่มสีสัน ให้ห้องน้ำเล็กๆ ในคอนโดและบ้าน

เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเบื่อมุมเดิมๆ ที่ซ้ำซากจำเจ อย่างเช่น ห้องน้ำ ถึงแม้ว่าห้องน้ำจะเป็นส่วนเล็กๆ ของคอนโด,ใหม่ บ้านหรือโครงการขายบ้าน ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่ จึงไม่จำเป็นต้องแต่งหรือปรับอะไรให้มันดูดีมากนัก แต่...ในวันนี้ทาง Sanook! Home ขอบอกเลยว่า หากคุณได้ดูเทคนิค,เคล็ดลับการจัดห้องน้ำ 15 วิธีที่นำมาฝากนี้ คุณอาจจะอยากจัดหรือแต่งตามเลยล่ะ และอาจเป็นการช่วยลดเวลาในการหาของใช้ในห้องน้ำตอนเช้าได้เป็นอย่างดี ถ้าอย่างนั้นไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1.ติดกรอบให้กระจกของคุณ


ขอบคุณรูปจาก //www.lowes.com

หลายๆ คนอาจคิดว่า แค่ติดกระจกในห้องน้ำที่คอนโดก็พอแล้ว ไม่เห็นจะต้องไปติดกรอบเพิ่มเลย แต่ว่ากรอบกระจกเล็กๆ อันนี้ ก็อาจทำให้คุณอยากส่องมันนานขึ้น และอยากถ่ายรูปเซลฟี่อวดเพื่อนๆ ให้อิจฉาเล่นบ้างก็ได้นะ

2.ติดหรือแขวนชั้นวางโลชั่นและแชมพู

ขอบคุณรูปจาก //suiterevival.blogspot.com

วิธีนี้ถือเป็นการประหยัดเวลาหาโลชันและแชมพูอย่างมาก โดยการจับเอามาแขวนวางไว้ที่เดียวกันซะเลย

3.ใช้ตะขอแขวนแทนการใช้แกนแขวนผ้าขนหนู(สำหรับห้องน้ำที่ใช้ร่วมกันหลายคน)

ขอบคุณรูปจาก //following-friends.com


4.จัดของแยกเป็นประเภทให้ชัดเจน

ขอบคุณรูปจาก //www.stickonpods.com

ตู้ใส่ของใช้ในห้องน้ำถ้าหากมีการจัดเป็นสัดส่วน ก็จะทำให้หยิบใช้ได้ง่าย และประหยัดเวลาหาของอีกด้วย

5.หาแถบแม่เหล็กมาติดในห้องน้ำ

ขอบคุณรูปจาก //sprwmn.blogspot.com

เบื่อไหมครับคุณผู้หญิง? กับการต้องมาหาที่เก็บหรือวางกิ๊บติดผม,แหนบ,กรรไกรตัดเล็บ ฯลฯ.. ถ้าอย่างนั้นลองใช้วิธีนี้เลย หาแถบแม่เหล็กมาติดไว้ในตู้ซะเลย ประหยัดพื้นที่+หาง่ายซะด้วย 55

6.หาตะกร้าเล็กมาแขวน


ขอบคุณรูปจาก //imgur.com

ถ้าหากห้องน้ำที่คอนโด หรือบ้านของคุณ แยกเป็นโซนเปียกและแห้ง การที่จะออกไปหยิบสบู่และแชมพูในโซนแห้งมันก็ดูจะไม่เข้าที งั้นลองหาตะกร้าเล็กๆ มาแขวนตรงราวเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินออกไปหยิบให้ไกลและเปียกด้วย

7.ทำชั้นวางของเหนือประตูซะเลย


ขอบคุณรูปจาก //www.marthastewart.com

หลายๆ คนคงมีความคิดที่ว่า "เฮ้อ พื้นที่ในห้องน้ำมันเล็กซะเหลือเกิน แล้วฉันจะจัดห้องน้ำยังไงดีล่ะเนี่ย" งั้นต้องลองแบบนี้เลย ติดชั้นลอยเหนือประตูก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยนะ

8.สร้างจุดโฟกัสไว้ที่ใดที่หนึ่งในห้องน้ำ


ขอบคุณรูปจาก //www.hgtv.com/

วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยมีผลมากสำหรับผู้ใหญ่ แต่หากเป็นเด็กๆ ล่ะก็ รับรองได้ผลแน่นอน ถ้าหากคุณนำตัวการ์ตูนหรือสิ่งของที่เขาชอบไปติด รับรองลูกๆ ของคุณจะอยากไปอาบน้ำกับคุณโดยไม่งอแงเลยล่ะ

9.ทำชั้นวางของในห้องน้ำ


ขอบคุณภาพจาก //blissfullydomestic.com/

ลองหาชั้นวางมาใส่ของที่คุณใช้เป็นประจำ และแยกประเภทเป็นชั้นๆ ก็เก๋ไปอีกแบบนะ

10.ติดแม่เหล็กเครื่องสำอางซะเลย


ขอบคุณรูปจาก //alliegrace.tumblr.com/

ความรู้สึกนี้คุณผู้ชายไม่มีวันที่จะเข้าใจได้อย่างแน่นอน! สำหรับการแต่งหน้าของคุณผู้หญิง ใครจะมาเข้าใจหัวอกลูกผู้หญิงที่ต้องสวยพร้อมเสมอตลอดเวลา แต่การจะมานั่งหาตลับแป้ง ดินสอเขียนคิ้ว อายส์ แชร์โด,บรัช ออน ฯลฯ แต่ละอันก็ดูจะเป็นการสิ้นเปลืองเวลา ถ้างั้นก็จับมารวมกันไว้ในหนึ่งเดียวซะเลย โดยการหากรอบรูปและนำกาวติดด้านหลังเครื่องสำอาง วิธีนี้ไม่แนะนำให้ทำกับเครื่องสำอางที่ต้องพกติดตัวตลอดเวลานะครับ

11.ทำขวดเก็บอุปกรณ์ล้างเครื่องสำอาง

ขอบคุณรูปจาก //lovelylittledetails.com/

หาขวดโหลขนาดไม่ใหญ่มากมาเพื่อไว้ใส่ สำลี สบู่ คอตตอนบัด ฯลฯ แล้วแต่คุณจะคิดได้เลยครับ

12.เลือกกระจกขนาดใหญ่

ขอบคุณรูปจาก //freshome.com/

เลือกใช้กระจกไซส์ใหญ่ตกแต่งผนังห้องน้ำ ซึ่งจะช่วยพรางตาทำให้ห้องน้ำที่อาจจะมีขนาดเล็ก แคบดูใหญ่ขึ้น

13.ม้วนผ้าขนหนูอาบน้ำแทนการพับ

ขอบคุณรูปจาก //always-organizing.blogspot.com/

หากคุณกำลังมองหาวิธีใหม่ในการจัดเก็บผ้าขนหนูอาบน้ำของคุณในพื้นที่จำกัด วิธีที่จะใช้แทนการพับผ้าขนหนูอาบน้ำก็คือการม้วน คุณอาจจะม้วนผ้าขนหนูเก็บไว้เป็นอย่างดีในตะกร้าขนาดใหญ่ติดกับอ่างอาบน้ำ หรือบนชั้นเก็บของ โดยวางซ้อนกันในรูปทรงปิรามิด เมื่อเทียบกับการพับจะประหยัดพื้นที่มากกว่า ไม่ว่าคุณเลือกที่จะเก็บไว้ที่ไหนก็ตาม

14.ทำตู้ลิ้นชักเก็บของ

ขอบคุณรูปจาก //images.meredith.com

เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย โดยการหาตู้ที่มีลิ้นชักมาไว้เก็บของไว้ในห้องน้ำ

15.ติดที่แขวนผ้าขนหนูหลังประตูห้องน้ำ


ขอบคุณรูปจาก //www.marthastewart.com

เป็นการใช้สอยพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพให้มากที่สุด คุณอาจจะติดตะขอมากกว่า 3 อันก็ได้ แต่ต้องคำนวณให้ดีถึงขนาดความสูงของประตู และความสวยงามว่าจะมีความสวยงามหรือเปล่า?

15 วิธีจัดห้องน้ำในคอนโดมิเนียม หรือบ้านที่นำมาฝากนี้ อาจจะไม่ต้องทำทั้ง 15 วิธีก็ได้นะครับ เลือกไอเดียที่คุณชอบและทำแล้วคุณมีความสุข แค่นั้นก็น่าจะโอเคแล้วนะครับ

ที่มา://www.buzzfeed.com/




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2558 10:22:32 น.
Counter : 2241 Pageviews.  

15 เทคนิคจัดตู้แบบเลอค่า สำหรับผู้มี “เสื้อผ้า” เต็มบ้าน

15 เทคนิคจัดตู้แบบเลอค่า สำหรับผู้มี “เสื้อผ้า” เต็มบ้าน

เรื่องนี้แม่บ้าน Sanook!Home เข้าใจดีเลยทีเดียว สำหรับคุณสาวๆ ที่ชื่นชอบการช้อปปิ้ง โดยเฉพาะเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายทั้งหลาย บ่อยครั้งที่รู้สึกไม่มีเสื้อผ้าใส่ทั้งๆ ที่ในเต็มไปด้วยของเหล่านั้น เชื่อไหมคะว่าเพียงแค่คุณรู้จักจัดตู้เสื้อผ้าเสียใหม่ คุณอาจจะได้หยิบเสื้อผ้าบางชิ้นกลับมาใส่อีกครั้ง นอกจากจะประหยัดไม่ต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆ ตลอดเวลาแล้ว ตู้เสื้อผ้าของคุณยังเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย

1.เริ่มทำความสะอาดตู้เสื้อผ้าที่รก โดยเอาของทุกชิ้นออกไปให้หมด

2.เลือกเก็บเสื้อผ้าที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น ถามตัวเองว่าชุดไหนที่ยังใช้อยู่บ่อยครั้ง แล้วแยกเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ออกไป เช่นชุดตอนสมัยคุณเป็นนักเรียน ซึ่งตอนนี้คุณอาจจะโตทำงานแล้ว คุณก็ไม่ควรเก็บชุดสมัยนั้นไว้แล้ว

ภาพจาก //www.bhg.com

3.แขวนเสื้อผ้าที่คุณจะใช้ไว้ในตู้ โดยให้คุณสามารถเห็นเสื้อผ้าเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน

4.กลยุทธ์ไม้แขวนเสื้อ ลองสังเกตไม้แขวนเสื้อที่คุณแขวนกลับเข้าตู้เสื้อผ้า หากไม้แขวนเสื้อหันด้านหลังให้กับคุณ แสดงว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นคุณสวมใส่บ่อยที่สุด โดยคุณอาจจะลองเช็คหลังจากใส่เสื้อผ้าชุดต่างๆ ไปแล้ว 2 อาทิตย์

5.เก็บเสื้อผ้าในตู้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยเฉพาะควรใช้ไม้แขวนเป็นแบบเดียวกันทั้งหมดเพื่อความสวยงาม

6.ใช้ป้ายจัดเก็บเสื้อผ้า แบ่งประเภทของเสื้อผ้า ลองแบ่งประเภทการใช้งานเสื้อผ้า ด้วยป้ายจัดเสื้อผ้าแล้วแยกชุดทำงาน ชุดที่ใช้ในฤดูกาลต่างๆ ออกจากกัน

7.เก็บผ้าหนักๆ ไว้ต่างหาก เช่นเสื้อกันหนาว เสื้อที่ทำจากไหมพรมถักไว้ในกล่องโดยเฉพาะ เนื่องจากหากใช้ไม้แขวนเสื้อแขวนเสื้อผ้าประเภทนี้ เสื้ออาจเสียทรงได้

ภาพจาก //pinkpeonies.com

8.เก็บเสื้อผ้าที่ไม่ได้แขวนให้เรียบร้อยเสียก่อนที่จะนำไปใส่ไว้ในลิ้นชัก หรือชั้นวางของ

9.กำจัดเสื้อผ้าที่กองสุมๆ กัน แล้วตัดสินใจว่าชิ้นไหนควรจะขาย

10.เช็คดูว่าเสื้อผ้ายังใช้ได้ไหม หากเสื้อผ้าสีซีด คับไป และเราไม่ได้ใช้ จากนั้นอาจนำไปให้คนอื่น

11.พิจารณาดูว่าเสื้อผ้าเก่าชิ้นไหนเสียหาย ชำรุด ใช้งานไม่ได้ ให้ตัดสินใจทิ้งได้เลย

ภาพจาก //www.atypicaltypea.com

12.การจัดของในลิ้นชัก คุณอาจใช้ช่องสำหรับแบ่งเสื้อผ้าใส่ลงไปในลิ้นชัก ก่อนจะค่อยๆ พับเสื้อผ้าต่างๆ ใส่ไว้ในช่องแต่ละช่องให้เรียบร้อย

13.อย่าปล่อยให้พื้นว่าง ใกล้กับที่แขวนและเก็บเสื้อผ้า คุณอาจนำรองเท้ามาวางไว้ก็ได้ เวลาเลือกเสื้อผ้าใส่จะได้จับคู่ให้เข้ากับรองเท้าได้เป็นอย่างดี

ภาพจาก //www.abeautifulmess.com

14.ตกแต่งตู้เสื้อผ้าหรือห้องด้วยเสื้อผ้าที่ใช้งานได้ อย่างตัวอย่างที่เห็นเขาเลือกวางรองเท้าไว้บนชั้นใกล้ผนัง นอกจากนี้เราอาจจะวางกระเป๋า เครื่องประดับเพิ่มก็ยังได้

15.ไม่ต้องใช้ประตูสำหรับเปิด-ปิดตู้เท่านั้น แต่ประตูตู้เสื้อผ้ายังใช้เป็นที่เก็บของแบบติดผนังได้อีกด้วย

ที่มา : //www.buzzfeed.com
//home.sanook.com/4861/




 

Create Date : 21 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 21 พฤษภาคม 2558 8:27:33 น.
Counter : 2257 Pageviews.  

15 กฎการตกแต่ง ที่เก็บไว้ใช้กับ “ห้องเช่า ” เท่านั้น

15 กฎการตกแต่ง ที่เก็บไว้ใช้กับ “ห้องเช่า ” เท่านั้น

สำหรับใครที่เช่าห้องพัก อพาร์ทเมนท์หรืออยู่ นอกจากห้องสี่เหลี่ยมรูปแบบเดิมๆ ที่คุ้นเคยแล้ว คงมีความรู้สึกอยากตกแต่งเพิ่มเติมความสวยงามและบรรยากาศของห้องให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น แต่ก็นั่นแหละจะตกแต่งอะไรก็ลำบากเพราะห้องนั้นเราไม่ได้เป็นเจ้าของอย่างแท้จริง

Sanook!Home มีทางออกให้เพราะ 15 ไอเดียต่อไปนี้ น่าจะเป็นคัมภีร์สำหรับการตกแต่งอพาร์ทเมนท์หรือห้องเช่าของคุณได้เป็นอย่างดี



1.แกลลอรี่โชว์ ใช้ชั้นลอยที่ทางห้องติดผนังไว้อยู่แล้วสำหรับวาง จัดเก็บของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อย หากต้องการให้ชั้นวางของสะดุดตาก็ต้องจัดของบนขั้นวางให้มีเอกลักษณ์ สำหรับสิ่งที่สำคัญคือชั้นวางของต้องมีความแข็งแรงสามารถรับน้ำหนักของสิ่งของที่จัดวางได้ และไม่ควรปล่อยให้ชั้นวางของว่าง

2.ตกแต่งบานหน้าต่าง ปกติช่องหน้าต่างในคอนโดมิเนียมหรืออพาร์ทเมนท์ของคุณคงมีไม่มากนัก สิ่งที่เราอยากแนะนำคือคุณควรตกแต่งหน้าต่างของคุณด้วยผ้าม่าน ซึ่งคุณอาจจะลงมือทำเองเป็นงานแบบ DIY ก็ได้

3.เพ้นท์ของภายในห้อง การเพ้นท์ผนังภายในห้องเช่านั้นทำได้ลำบากก็จริง ดังนั้นการเพ้นท์เฟอร์นิเจอร์จำพวกเตียงนอน ชั้นวางของที่เป็นของๆ เราก็จะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศห้องพักของเราได้เหมือนกัน

4.ใช้ถาดเป็นของตกแต่ง ตรงทางเดิน หรือโต๊ะข้างเตียงนอนคุณอาจวางถาดสวยๆ สัก 1 อันเพื่อจัดวางของหรือเครื่องประดับที่เราอยากโชว์ เท่านี้ก็สร้างความสวยงามให้กับห้องแล้ว



5.แนะนำชั้นวางของโลหะ ถ้าชั้นวางของในห้องครัวหรือคอนโดมิเนียมของคุณมีน้อย เราแนะนำให้ใช้ชั้นวางของแบบเปิดโล่งที่ทำจากโลหะเข้ามาวางเพิ่มเติม เพราะชั้นวางของประเภทโลหะจะทำให้ห้องครัวของคุณดูสวยงาม และทำให้รู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพในการทำอาหาร

6.ปูพื้นใหม่ บ่อยครั้งการเช่าอพาร์ทเมนท์ของคุณ คุณจะต้องรู้สึกไม่พอใจกับพรมที่ให้มาพร้อมกับอพาร์ทเมนท์ ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาพรมเก่าไม่สวยคือเอาพรมใหม่ที่ใหญ่กว่ามาปูทับลงไป คุณก็จะได้พื้นห้องใหม่ที่ถูกใจมากยิ่งขึ้น

7.ตกแต่งเพิ่มเติมตรงทางเข้า ถ้าอพาร์ทเมนท์ของคุณออกแบบให้มีทางเข้า คุณอาจจะตกแต่งด้วยชั้นหนังสือ โดยเอาชั้นวางด้านบนออกแล้วติดห่วงสำหรับห้อยของบนผนังสำหรับแขวนเสื้อผ้า ร่ม ฯลฯ ส่วนด้านล่างของชั้นวางให้ใส่ตะกร้า และลิ้นชักเล็กๆ สำหรับเก็บของชิ้นเล็กชิ้นน้อยทั้งแว่นกันแดด ของที่จะนำไปใช้นอกบ้าน นอกจากนั้นอาจจะมีชั้นวางไว้เก็บใบแจ้งหนี้ต่างๆ ให้อยู่ในบริเวณนี้ด้วยก็ได้



8.ควรมีแสงส่อง ในห้องขนาดเล็กการใช้กระจกตกแต่งถือเป็นทริคที่น่าสนใจและเวิร์คมาก เพราะกระจกจะช่วยทำให้ห้องดูมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น สำหรับตำแหน่งที่เหมาะสมคือการแขวนกระจกไว้ในห้องทานข้าว ห้องรับประทานอาหาร หรือในห้องนอนโดยมีตำแหน่งที่อยู่ตรงข้ามกับหน้าต่าง ซึ่งในตำแหน่งนี้จะทำให้กระจกได้รับแสงจากธรรมชาติและสะท้อนเข้ามาภายในห้อง

9.เรื่องความบันเทิงภายใน ติดทีวีที่ผนังโดยด้านหลังแนะนำให้ตกแต่งด้วยกรอบรูป และด้านข้างทีวีมีชั้นวางของ

10.เปลี่ยนของที่ติดถาวรให้ดีขึ้น การปรับเปลี่ยนสภาพของที่ติดตั้งถาวรภายในอพาร์ทเมนท์ จะทำให้ห้องเช่ามีลักษณะเหมือนบ้าน เช่นด้านล่างซิงก์ล้างหน้าในห้องอาบน้ำ เราอาจใช้ผ้าคลุมด้านล่างเพื่อปิดกั้นส่วนที่ไม่อยากให้มองเห็น เช่นส่วนที่เป็นข้อต่อของท่อน้ำ จากนั้นก็นำตะกร้าหรือชั้นวางของเล็กๆ ซ่อนไว้ด้านหลังซิงก์



11.มุมทานข้าวที่อบอุ่น ห้องทานอาหารที่คับแคบสามารถทำให้เป็นห้องทานอาหารในอารมณ์ปาร์ตี้ได้ด้วยกลยุทธ์ 2-3 อย่าง อย่างแรกใช้เก้าอี้หรือชุดโต๊ะกระจกแบบใส เพราะมันจะทำให้ห้องดูกว้างขึ้น แขวนงานศิลปะ โคมไฟ ติดตั้งเชิงเทียนแบบติดผนัง

12.การวางเฟอร์นิเจอร์ การมีภาพห้องโล่งๆ แบบไม่มีเฟอร์นิเจอร์ไว้ในหัวของคุณก่อนจะทำให้คุณนึกถึงการจัดเฟอร์นิเจอร์ได้ง่ายขึ้น ถ้าห้องเช่าหรือคอนโดมิเนียมของคุณใหญ่พอ คุณควรจัดห้องโดยแบ่งเป็นโซน จากนั้นก็ทำให้พื้นที่ในโซนนั้นๆ ใข้งานได้อย่างเต็มที่ จากนั้นคุณก็คิดว่าคุณควรจะจัดห้องของคุณอย่างไร โซฟาจะตั้งอยู่กลางห้อง จากนั้นติดตั้งทีวีไว้กับผนังให้เผขิญหน้ากับโซฟา แล้วแบ่งเป็นส่วนรับประทานอาหาร วางชั้นไว้ด้านหลังเก้าอี้ยาว

13.เอาของจากห้องหนึ่งไปไว้อีกห้องหนึ่ง ลองเอาที่นั่งในสวนแบบสีสันสดใสเข้ามาทำเป็นโต๊ะกลางสำหรับนั่งดื่มกาแฟ หรือจะเอาไปทำโต๊ะข้างเตียงนอน แต่แนะนำให้ใช้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กๆ เพื่อสะดวกในการเคลื่อนย้าย



14.การตกแต่งในห้องน้ำ นำเฟอร์นิเจอร์เข้าไปใส่ในห้องน้ำโดยจะต้องเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เต็มไปด้วยฟังก์ชั่นมากมาย เช่นโต๊ะทรงสวยๆ หนึ่งตัวที่มีลิ้นชักที่สามารถใช้เก็บของและเก้าอี้ที่แข็งแรงที่สามารถขึ้นไปแขวนผ้าเช็ดตัวบนที่สูงได้

15.ประหยัดพื้นที่ เมื่อเรื่องขนาดของพื้นที่มีความสำคัญ อย่างเช่นชั้นวางหนังสือนั้นจะต้องตอบสนองความต้องการในการเก็บของได้ทั้งหมด วางมันไว้ตรงกลางในอพาร์ทเมนท์ และเก็บหนังสือและจานไว้ด้านบนของชั้นวาง ส่วนถัง ตะกร้า หรือลิ้นชักให้วางไว้ชั้นล่างๆ

ที่มา http://www.bhg.com
//home.sanook.com/4817/




 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 20 พฤษภาคม 2558 8:15:36 น.
Counter : 3537 Pageviews.  

25 แบบ “บ้านต้นไม้” ดินแดนในฝันสำหรับเด็กๆ

25 แบบ “บ้านต้นไม้” ดินแดนในฝันสำหรับเด็กๆ

ต้นไม้สำหรับเด็กเปรียบเสมือนสถานที่อันมหัศจรรย์สำหรับพวกเขา ที่พวกเขาสามารถทำกิจกรรม สร้างความสนุกสนานต่างๆ ได้ โดยเฉพาะการได้ชักชวนเพื่อนๆ มาเล่นสนุกร่วมกัน ดังนั้นหากคุณพ่อ คุณแม่คิดอยากสร้างบ้านต้นไม้สักหลังไว้ให้พวกเขาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะจะทำให้พวกเขามีความสุขเหมือนได้อยู่ในโลกแห่งจินตนาการของตัวเอง

Sanook!Home จึงนำเสนอ 25 แบบบ้านต้นไม้ที่อาจจะทำให้คุณพ่อ คุณแม่คิดอยากเนรมิตพื้นที่ในฝันแบบนี้ให้กับพวกเขา ซึ่งหลักการสร้างบ้านต้นไม้ให้กับลูกๆ หลานๆ ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก

สิ่งที่ผู้ออกแบบและสร้างบ้านต้นไม้จะต้องคำนึงถึงคือ บ้านต้นไม้ควรมีโครงสร้างบ้านที่แข็งแรงเพื่อรองรับน้ำหนักเด็กประมาณ  2-3 คน รวมไปถึงการตกแต่งภายในต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องความปลอดภัยที่ไม่ควรมองข้าม การสร้างบ้านบนต้นไม้เราควรเลือกต้นไม้ที่มีความแข็งแรง มีกิ่งก้านสาขาที่สามารถรับน้ำหนักของพื้นและผนังบ้านต้นไม้ได้ มันจะดีมากหากเราเลือกใช้ไม้เป็นท่อนๆ ประกอบกับตัวต้นไม้เพื่อทำเป็นพื้น และผนังบ้าน



บ้านต้นไม้ที่ออกแบบมาเพื่อเด็กๆ จะต้องมีหลังคาที่สวยงามพร้อมมีดาดฟ้าและพื้นที่เปิดโล่งแต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย โดยอาจต้องมีการติดตั้งราวลูกกรงเพื่อป้องกันเด็กตกหล่นลงมา นอกจากนั้นการวางแผนสร้างบ้านต้นไม้แบบที่คุณคิดจะทำเองคุณจะต้องไม่ลืมว่าต้นไม้จะโตขึ้นเรื่อยๆ บ้านต้นไม้ที่สร้างควรมีความคงทนอยู่ได้นานประมาณ 1ปี ดังนั้นลำต้นของมันจะต้องอยู่ได้นานไม่พังไประหว่างที่มีการก่อสร้าง



เรื่องและภาพจาก //www.lushome.com

//home.sanook.com/4801/




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2558 8:08:52 น.
Counter : 2403 Pageviews.  

รู้สักนิด! ขายบ้าน ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง?

รู้สักนิด! ขายบ้าน ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง?

รู้สักนิด! ขายบ้าน ต้องเสียภาษีอะไรบ้าง?


          ในปัจจุบันปัจจัยหลักๆ ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เราหลายๆ คนคิดจะเก่าหรือคอนโดเก่าแล้วไปซื้อบ้านใหม่ ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าบ้านเดิมของตัวเองนั้นตั้งอยู่บนพื้นที่ที่มีราคาประเมินสูง อยากย้ายถิ่นฐานทำมาหากิน ต้องการเปลี่ยนที่อยู่ บ้างก็มีเหตุผลที่ว่าการซ่อมบ้านเก่าหรือคอนโดเก่านั้นเป็นตัวเลือกที่ได้ไม่คุ้มเสีย โดยตั้งใจจะขายบ้านเก่าแล้วไปหาซื้อบ้านใหม่เพื่อความสบายใจ ซึ่งหลายคนคาดหวังกับการขายบ้านว่าจะได้เงินมาเป็นทุนในการซื้อบ้านใหม่/คอนโด แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อต้องเจอกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการขายบ้านเดิม หรือที่เรียกว่า ภาษีจากการขายบ้าน

          ซึ่งนั่นจะทำให้เงินที่ได้จากการขายบ้านลดน้อยลงกว่าที่คาดไว้ และส่งผลให้มีเงินทุนในการซื้อบ้านใหม่น้อยลงกว่าที่คิดไว้ จนต้องยอมควักเนื้อตัวเองมากขึ้น ดังนั้น วันนี้เรามาดูกันสักนิดว่า ภาษีจากการขายบ้าน นั้นมีอะไรกันบ้าง เพื่อที่จะได้เตรียมตัวให้ดี ก่อนคิดที่จะขายบ้าน โดยที่ท่านต้องไม่ลืมว่า ภาระในการเสียภาษีทั้งหมดทั้งมวล ผู้ที่จะต้องรับภาระตามกฏหมายนั้นก็คือผู้ ขาย และหากจะให้ผู้ซื้อรับภาระในการเสียภาษีด้านใดด้านหนึ่ง ก็ควรจะต้องตกลงกันให้เรียบร้อยก่อนที่จะดำเนินการทางนิติกรรม

1.ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

          ราคาขายบ้านที่จะนำมาใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหักภาษี ณ ที่จ่าย นั้น โดยจะใช้ราคาประเมินของกรมที่ดินเป็นเกณฑ์ ซึ่งจะเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้น โดยจะไม่คำนึงว่าราคาซื้อขายจริงนั้นจะเป็นเงินเท่าใด เช่น การซื้อขายบ้านหลังนี้ราคาจริงอยู่ที่ 4 ล้านบาท แต่ว่าราคาประเมินอยู่ที่ 5 ล้านบาท ก็ต้องคำนวณภาษีจากราคา 5 ล้านบาท หรือถ้าหากราคาประเมินอยู่ที่ 2 ล้านบาท แต่จะซื้อขายกันในราคา 3 ล้านบาทก็จะคำนวนภาษีจากราคา 2 ล้านบาท

ตารางการหักภาษีตามปีที่ถือครอง
จำนวนปีที่ถือครองบ้าน หักค่าใช้จ่าย (%)
1 92%
2 84%
3 77%
4 71%
5 65%
6 60%
7 55%
8 ขึ้นไป 50%

          โดยวิธีนับจำนวนปีถือครองนั้น จะยึดหลักตามปี พ.ศ.ที่ถือครอง ยกตัวอย่างเช่น ซื้อบ้านวันที่ 10 ธันวาคม 2556 และขายวันที่ 10 มกราคม 2558 เท่ากับจำนวนปีถือครอง 3 ปี ซึ่งสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 77% และสมมติว่าราคาขายบ้านตั้งไว้ที่ 11 ล้านบาท แต่กรมที่ดินประเมินราคาให้ 9 ล้าน เจ้าของบ้านต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หัก ณ ที่จ่ายดังนี้

**เงินได้ตั้งแต่ 500,001 ถึง 1 ล้านบาท จะต้องเสียภาษีในอัตรา 20%

ราคาประเมิน 9,000,000 บาท
หัก – ค่าใช้จ่ายเหมา (ถือครอง 3 ปี หักได้ 77%) 6,930,000 บาท
คงเหลือ 2,070,000 บาท
หาร – ปีที่ถือครอง (2,070,000 ÷ 3) 690,000 บาท
คำนวณภาษี

-100,000 แรก × 5%
-400,000 × 10%
-190,000 × 20%
83,000 บาท
ภาษี ณ ที่จ่าย (ภาษี × จำนวนปีที่ถือครอง) 249,000 บาท


          และจากตัวอย่างข้างต้น ก็จะเห็นได้ว่าการคำนวณภาษีจากการขายบ้านจะแตกต่างจากการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประเภทอื่น นั่นก็คือ จะไม่มีการยกเว้นภาษีเงินได้สุทธิ 150,000 บาทแรก เนื่องจากไม่ใช่การคำนวณเงินได้จากเงินได้สุทธิ ส่งผลให้เงินได้ 100,000 บาทแรกต้องเสียภาษี 5,000 บาท ส่วนเงินได้ตั้งแต่ 200,000 ถึง 500,000 บาท ต้องเสียภาษีที่อัตรา 10%

2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ

          สำหรับภาษีประเภทนี้จะเป็นภาษีที่จะคิดในกรณีที่บ้านที่เราขายนั้น เราถือครองมาไม่ถึง 5 ปีครับ โดยนับตั้งแต่วันที่รับโอนบ้านมา ซึ่งภาษีธุรกิจเฉพาะนี้จะคิดอยู่ที่อัตรา 3.3% ของราคาขายจริงหรือราคาประเมิน แล้วแต่ว่าราคาไหนสูงกว่ากันก็ให้ใช้ราคานั้นในการคำนวณ

          ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่กล่าวไปในข้อแรก หากเราขายบ้านในราคา 11 ล้านบาท โดยมีราคาประเมินอยู่ที่ 9 ล้านบาท และเราถือครองบ้านหลังนั้นมา 3 ปี (น้อยกว่า 5 ปี) เราจึงต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะอีก 3.3% โดยคำนวณจากราคาขายจริง (เพราะราคาสูงกว่าราคาประเมิน) ดังนั้น เราจึงต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะอีก 363,000 บาทครับ

ทั้งนี้แล้ว นอกจากเงื่อนไขถือครองบ้านไม่ต่ำกว่า 5 ปีแล้ว ก็ยังมีเงื่อนไขอื่นๆ ที่ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะเพิ่มเติม ดังนี้ครับ

  • ท่านมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกินกว่า 1 ปี ที่ได้รับบ้านหลังนั้นมา
  • เมื่อถูกเวนคืนบ้านหรือที่ดิน
  • การขายบ้านหรือที่ดินนั้นที่ได้มาโดยมรดก

3. อากรแสตมป์

          สำหรับ รายรับจากการขายบ้านหรือที่ดินนั้น ท่านจะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ในอัตรา 0.5% ของราคาประเมิน ซึ่งในกรณีตัวอย่างข้างต้น ต้องเสียค่าอากรแสตมป์ 45,000 บาท (0.5 x 9,000,000) แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการเสียภาษีธุรกิจเฉพาะอยู่แล้ว จะได้รับการยกเว้นการเสียค่าอากรแสตมป์ หรือสรุปได้ว่า เมื่อเราขายบ้าน ก็จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะหรือค่าอากรแสตมป์อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นจะไม่เรียกเก็บทั้ง 2 ประเภท นั่นเองแหล่ะครับ

4. ค่าธรรมเนียมในการโอน

          ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียมการโอนของกรมที่ดิน จะคิดอยู่ที่ 2% ของราคาประเมิน ซึ่งในกรณีตัวอย่างข้างต้น เราจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการโอน 180,000 บาท (2 x 9,000,000) 

          และจาก 4 ข้อที่กล่าวมานั้น รวมแล้วหากเราขายบ้านในราคา 11 ล้านบาท และมีราคาประเมินอยู่ที่ 9 ล้านบาท เราจะต้องจ่าย “ภาษีจากการขายบ้าน” ถึง 792,000 บาท หรือคิดเป็น 7.92% ของราคาขาย (ในกรณีต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ) หรือเสียขั้นต่ำอยู่ที่ 474,000 บาท คิดเป็น 4.74% ของราคาขาย (ในกรณีไม่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ จึงต้องเสียค่าอากรแสตมป์) ซึ่งก็นับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงอยู่ไม่น้อยเลยนะครับ

          ท้ายนี้เมื่อท่านมีความต้องการที่จะขายบ้านหรือคอนโดมิเนียม ก็ควรที่จะศึกษารายละเอียดรวมทั้งคำนวณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นออกมาคร่าวๆก่อน เพื่อที่ท่านจะได้ตกลงราคาขายบ้านที่แน่นอนได้ และข้อสำคัญเลย หากท่านติดต่อทำการซื้อขายบ้านผ่านนายหน้า ก็อย่าลืมบวกค่าตอบแทนให้นายหน้าเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะถ้าหากท่านไม่บวกเข้าไปด้วยล่ะก็ ราคาบ้านที่ได้มาอาจจะขาดทุนหนักไปมากกว่าเดิมด้วยนะครับ

ที่มาของข้อมูล //www.rd.go.th/publish/286.0.html

ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.facebook.com/DSteelFrame

//home.sanook.com/4805/




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2558    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2558 9:22:05 น.
Counter : 1203 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.