Group Blog
 
All blogs
 
แม้นมั่นคำสัญญา ตอนพิเศษ 5

แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ


++------++


แม้นมั่นคำสัญญา ตอนพิเศษ 5 สงกรานต์ของครอบครัว


12 เมษายน, วันก่อนวันมหาสงกรานต์

เสียงนกร้องที่ดังลอดมาจากนอกหน้าต่างย่านชานเมืองของกรุงเทพฯ สร้างความรื่นรมย์ในยามเช้า เช่นเดียวกับความสงบสุขที่ดำเนินไปภายในห้องทานอาหารของบ้านสุวรรณฤทธิ์ที่ประกอบด้วยตระการ พรพฤกษ์ และตฤณเหมือนเช่นทุกๆ วัน แต่แล้วความสงบสุขก็สะดุดลงเมื่อตฤณวางหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านแล้วมองพรพฤกษ์ลอดแว่นพร้อมกับเลิกคิ้วสูง

“อะไรนะ?”

ผู้สูงวัยที่สุดในบ้านถามด้วยนึกว่าตนหูเฝื่อน พรพฤกษ์จึงสบตาตระการที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยิ้มๆ ก่อนจะหันกลับไปหาตฤณที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ

“ผมเห็นว่าไหนๆ สงกรานต์ปีก่อนผมกับต้นก็ไปเที่ยวญี่ปุ่น คุณลุงเลยต้องอยู่บ้านคนเดียว ปีนี้เลยอยากชวนคุณลุงไปเยี่ยมบ้านผมที่เชียงใหม่ด้วยกันน่ะครับ”

พรพฤกษ์ตอบตามตรง เพราะว่าตั้งแต่เข้าปีใหม่เป็นต้นมา ตระการก็งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาขึ้นไปเชียงใหม่กับเขาเลย ทั้งสองจึงตกลงกันว่าหยุดยาวสงกรานต์ปีนี้จะไม่ไปไหนไกลและเพียงแต่กลับไปบ้านนฤมิตร เพราะนอกจากจะคิดถึงเพื่อนๆ แล้ว พรพฤกษ์ก็อยากไปทำบุญกระดูกให้ตาที่เสียไปเมื่อหลายปีก่อนด้วย

ตฤณเหลือบตากลับมามองตระการ แต่ก็พบว่าบุตรชายเพียงแต่ยกกาแฟขึ้นจิบพร้อมกับยิ้มบางๆ โดยไม่พูดอะไร ผู้สูงวัยจึงถอดแว่นลงวางทับบนหนังสือพิมพ์ข้างถ้วยข้าวต้ม

“ฉันไม่ไปดีกว่า ได้ยินว่าที่เชียงใหม่เขาเล่นสงกรานต์กันหนักมากไม่ใช่รึ? ฉันไม่ชอบอะไรอึกทึกตึงตัง อยู่กรุงเทพฯ ระหว่างวันหยุดยาวนั่นแหละดีที่สุดแล้ว”

“พวกเราไม่ต้องไปเล่นสงกรานต์กันก็ได้ครับคุณลุง เพราะบ้านผมอยู่นอกตัวเมืองพอสมควร รับรองว่าแถวนั้นไม่อึกทึกครับ”

พรพฤกษ์ยังไม่ยอมแพ้ ดูท่าทางอยากชวนให้เขาไปเยี่ยมบ้านที่เมืองเหนือจริงๆ ตฤณจึงนั่งจ้องหน้าคนรักของลูกชายและยังนับได้ว่าเป็นลูกเลี้ยงของตัวเองนิ่งๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้

“ไม่เอาล่ะ ฉันไม่ชอบเดินทางไกลๆ ยายแสนไปบอกเจ้าสิงห์ให้สตาร์ทรถได้แล้ว ฉันมีนัดกับตาเกริกที่โรงพยาบาล”

ตฤณไม่รอฟังว่าผู้อ่อนวัยกว่าทั้งสองจะว่ากระไร แล้วก็เดินออกจากห้องอาหารไปเลย ตระการมองตามหลังบิดาที่เดินหายลับไปทางหัวมุมบันไดแล้วก็หันกลับมาส่ายหน้ากับพรพฤกษ์ยิ้มๆ

“ต้นก็บอกแล้ว พ่อไม่ยอมไปหรอก”

“แต่ว่า...ให้คุณลุงอยู่บ้านคนเดียวระหว่างที่พวกเรากลับเชียงใหม่กันบ่อยๆ มันรู้สึกแย่นี่นา”

พรพฤกษ์เอ่ยก่อนจะวางช้อนข้าวต้มลงบ้าง ความจริงเขาสังเกตมาตั้งแต่เริ่มเข้ามาอยู่บ้านสุวรรณฤทธิ์ช่วงแรกๆ ว่าตฤณจะชอบปลีกตัวไปอยู่ตามลำพังเวลาเขากับตระการอยู่บ้านพร้อมกัน แต่ในเมื่อบัดนี้พวกเขาก็นับได้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ก็น่าจะใช้เวลาในวันหยุดเทศกาลร่วมกันบ้างจึงจะถูก

ตระการส่ายหน้าพลางลุกขึ้น “ถ้าพ่อเขายืนยันจะไม่ไป ใครก็คงบังคับไม่ได้หรอกไผ่ อีกอย่างวันธรรมดาพวกเราก็อยู่ที่บ้านกับพ่อตลอดนี่นา ไม่ต้องคิดมากไปหรอก”

พรพฤกษ์เดินตามตระการไปที่หน้าบ้าน รถกับคนขับรถของตฤณหายไปจากที่จอดแล้ว เหลือเพียงรถของตระการกับรถของพรพฤกษ์เท่านั้นที่ยังจอดอยู่ แต่เนื่องจากกองบรรณาธิการที่พรพฤกษ์ทำงานนั้นเริ่มหยุดตั้งแต่วันนี้ จึงเหลือเพียงตระการที่ยังต้องไปทำงานก่อนจะหยุดงานในวันรุ่งขึ้น ซึ่งทั้งสองมีกำหนดจะเดินทางไปเชียงใหม่ด้วยกันด้วยเที่ยวบินตอนสายๆ

“งั้นต้นไปแล้วนะ”

ตระการเอ่ยลา พรพฤกษ์จึงยิ้มให้แล้วก็ยืนโบกมือจากบนบนไดหน้าบ้านขณะอีกฝ่ายถอยรถและขับออกจากรั้วไป กระทั่งรถยนต์ยุโรปคันใหญ่ลับสายตาไปแล้ว ชายหนุ่มจึงยืนเอามือกอดอกอย่างใช้ความคิด

ถึงอย่างไรเขาก็รู้สึกผิดที่จะทิ้งตฤณไว้ที่บ้านคนเดียวระหว่างวันหยุดยาวอยู่ดี แต่จะไม่กลับบ้านนฤมิตรก็ไม่ได้เพราะเขาบอกเพื่อนๆ ไว้แล้วว่าจะไปเยี่ยม ไหนยังจะของขวัญสำหรับนำไปฝากลูกสาวคนแรกของดิษยะกับปฏิมาอีก จึงพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรดีให้เทศกาลวันหยุดนี้พิเศษขึ้นมาสำหรับตระการกับตฤณบ้าง

จากที่ป้าแสนซึ่งเป็นแม่บ้านเก่าแก่เล่าให้ฟัง พรพฤกษ์จึงได้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูกเพิ่งจะเริ่มดีขึ้นหลังจากที่เขาย้ายเข้ามาอยู่ด้วยนี่เอง และถึงแม้จะไม่อยากสำคัญตนผิดว่าตัวเองมีอิทธิพลขนาดนั้น แต่เขาก็สังเกตเห็นได้ว่าสองพ่อลูกจะพูดกันมากกว่าปกติเวลาที่เขาอยู่ด้วยจริงๆ ด้วย

ถ้าเป็นสมัยที่ตายังอยู่ ช่วงสงกรานต์เราทำอะไรนะ...

พรพฤกษ์คิดย้อนไปถึงช่วงเวลาที่ญาติผู้ใหญ่หนึ่งเดียวยังมีชีวิตอยู่ เนื่องจากช่วงบั้นปลายชีวิตนั้นตาของเขาป่วยหนักจนแทบไม่ได้ลุกจากเตียง ทำให้ธรรมเนียมหลายอย่างที่เคยทำร่วมกันสมัยเขายังเด็กถูกละเลยไป แต่แล้วเมื่อนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่เขากับตามักทำด้วยกันในช่วงเทศกาลนั้นมีอะไรบ้าง นัยน์ตาสีนิลวาวก็ฉายประกายสดใสขึ้น

จริงสิ ทำไมลืมนึกถึงเรื่องง่ายๆ แบบนี้ไปได้นะ ปีที่แล้วก็มัวยุ่งกับทริปไปญี่ปุ่นเลยไม่ได้ถามต้นเลย แต่ดูท่าทางบ้านนี้คงไม่เคยทำกันแน่ๆ

เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำตามที่คิด พรพฤกษ์ก็เดินขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อใส่ออกไปข้างนอก เมื่ออเดินลงบันไดมาอีกครั้งก็พบยายแสนที่ทำหน้าแปลกใจ

“อ้าว? ตกลงวันนี้คุณไผ่ไม่ได้หยุดหรอกเหรอคะ?”

แม่บ้านสูงวัยถามเมื่อเห็นพรพฤกษ์ถือพวงกุญแจอยู่ในมือ ชายหนุ่มจึงยิ้มพลางส่ายหน้า “เปล่าหรอกครับ ผมจะไปซื้อของกับเดินเล่นหน่อย ป้าแสนจะฝากซื้ออะไรไหมครับ?”

“อุ้ย ตามสบายค่ะพ่อคุณ ไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากหรอกค่ะ”

แม่บ้านสูงวัยตอบยิ้มๆ เธอถูกชะตาพรพฤกษ์ตั้งแต่แรกเห็นเพราะหน้าตาคล้ายกับพิมผกาที่เสียไปแล้วมาก แต่เมื่ออีกฝ่ายย้ายมาอยู่ที่นี่ในฐานะคนสำคัญของเจ้านายหนุ่ม ความอ่อนน้อมถ่อมตนและนิสัยชอบเข้าหาผู้ใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็นกับแม่บ้านก็ยิ่งทำให้ยายแสนรู้สึกดีด้วยมากขึ้นไปอีก

“ก็ได้ครับ ถ้างั้นบ่ายๆ คงกลับนะครับ ถ้าคุณลุงกลับมาแล้วป้าแสนโทรบอกผมหน่อยก็ได้ เผื่อผมจะได้กลับมาอยู่เป็นเพื่อน”

ยายแสนพยักหน้าและยิ้มรับขณะมองพรพฤกษ์เดินออกจากบ้านไป จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมทำความสะอาดบ้านต่อ ในใจของแม่บ้านอาวุโสอิ่มเอมด้วยความสุขกับบรรยากาศที่สมกับความเป็นครอบครัวซึ่งแจ่มชัดมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่พรพฤกษ์เข้ามาเป็นสมาชิกในบ้าน



++------++



13 เมษายน, วันมหาสงกรานต์


เวลาเช้าตรู่ที่พระอาทิตย์บนขอบฟ้ายังลอยขึ้นไม่เต็มดวง ตฤณลุกตื่นจากห้วงนิทราด้วยลางสังหรณ์แปลกๆ ปกติผู้สูงวัยก็เป็นคนตื่นเช้าโดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้เขาจึงรู้สึกราวกับว่ามีอะไรบางอย่างแปลกไป ทว่าพยายามคิดหาสาเหตุเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

หรือว่า...เพราะวันนี้สองคนนั้นจะไปเชียงใหม่กระมัง...

นายใหญ่บ้านสุวรรณฤทธิ์พยายามคิดว่าคงเป็นเหตุผลจากเรื่องที่รู้ดีอยู่แล้ว เมื่อสรุปกับตัวเองได้ดังนั้นจึงอาบน้ำแต่งตัวเพื่อลงไปทานมื้อเช้าเหมือนเช่นทุกวัน แต่แล้วก็ชะงักเมื่อลงมาถึงหัวบันไดชั้นล่าง

“อรุณสวัสดิ์ค่าคุณท่าน วันนี้ตื่นเช้าจังเลยนะคะ”

ตฤณกะพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นยายแสนยืนยิ้มรออยู่หน้าทางเลี้ยวไปห้องอาหาร เพราะปกติอีกฝ่ายจะเพียงแต่คอยยืนดูแลความเรียบร้อยอยู่ด้านใน แต่ที่ทำให้วันนี้หัวหน้าแม่บ้านอาวุโสดูแปลกตากว่าทุกวันก็คือเสื้อเชิ้ตลายดอกสีสันสดใสซึ่งสวมทับผ้าซิ่นและมีผ้าขาวม้าผืนเล็กคาดเอว บนแก้มสองข้างมีรอยประแป้งน้ำเป็นวง รอบคอคล้องพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองแสดดอกใหญ่ แล้วยังมีดอกมะลิที่ร้อยสลับกับกลีบกุหลาบแดงมุ่นเอาไว้รอบผมมวยด้วย

“ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ วันนี้ไม่ได้ทำมื้อเช้าหรือไง?”

ตฤณถามพลางเดินต่อไปยังห้องอาหาร ยายแสนที่เดินตามจึงตอบพลางยิ้มแป้น “วันนี้อิฉันไม่ได้ทำค่ะคุณท่าน คุณไผ่อาสาเป็นคนจัดการเองค่ะ เสื้อชุดนี้คุณไผ่ก็ซื้อมาให้ด้วยนะคะ”

นายใหญ่ของบ้านเหลือบมองหัวหน้าแม่บ้านที่อยู่ด้วยกันมานานแล้วก็เลิกคิ้ว เริ่มจะเข้าใจว่าลางสังหรณ์แปลกๆ ที่รู้สึกเมื่อเช้าคืออะไร แต่แล้วเมื่อเดินเข้าไปในห้องอาหารก็ยิ่งประหลาดใจกว่าเดิม

บนโต๊ะอาหารที่ปกติปูผ้าสีครีมและมีแจกันดอกไม้วางตรงกลางดูแปลกตากว่าทุกวัน เพราะว่าแจกันที่ปกติยายแสนจะปักดอกไม้ซึ่งตัดมาจากสวนในบ้านหายไป แต่ถูกแทนที่ด้วยพานสีทองใบใหญ่ที่มีขันเงินและพวงมาลัยวางอยู่ ตรงกลางพวงมาลัยคือพระพุทธรูปองค์เล็กที่คงนำลงมาจากห้องพระ ส่วนบนโต๊ะก็มีกลีบดอกไม้ไทยหลากสีทั้งดอกมะลิ กลีบกุหลาบ และกลีบดอกดาวเรืองโรยไว้บางๆ

ตระการซึ่งนั่งที่เก้าอี้ประจำตัวอยู่แล้วลุกขึ้นเมื่อเห็นบิดา ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะให้ “อรุณสวัสดิ์ครับพ่อ”

ตฤณยังงุนงงกับภาพที่เห็นตรงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ตระการมาเลื่อนเก้าอี้ให้ แต่ก็เดินไปนั่งลงบนที่ประจำแม้จะรู้สึกว่าวันนี้มีแต่เรื่องเหนือความคาดคิดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกที แต่อย่างน้อยการที่เห็นบุตรชายใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาก็ทำให้เขาค่อยวางใจว่าท่ามกลางบรรยากาศแปลกๆ อย่างน้อยก็ยังมีสิ่งที่คุ้นเคยให้สบายใจอยู่บ้าง

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณลุง เช้านี้กินข้าวแช่นะครับ”

พรพฤกษ์ถือถาดเดินออกมาจากในครัวแล้ววางลงตรงหน้าตฤณ เมื่อผู้สูงวัยเหลือบตาลงมองก็เห็นว่าในถาดมีข้าวแช่โรยดอกมะลิในถ้วยแก้วใส และมีเครื่องเคียงทั้งลูกกะปิทอด หัวไชโป๊วผัดหวาน ปลาแห้งผัดหวานและพริกหยวกสอดไส้

ตฤณปรายตากลับจากชุดอาหารตรงหน้าขึ้นมองพรพฤกษ์ที่ใส่เสื้อผ้าฝ้ายแขนยาวไม่ฟอกสีกับกางเกงสะดอสีเข้ม จากนั้นก็ถามด้วยเสียงแสดงความสงสัย

“นี่ทำเองรึ?”

พรพฤกษ์ยิ้มแล้วส่ายหน้า “เปล่าครับ นี่ไปซื้อมา เจ้านี้เจ้านายผมแนะนำมาว่าอร่อย”

เด็กแม่บ้านอีกคนและยายแสนยกถาดข้าวแช่อีกสองชุดมาให้สำหรับตระการและพรพฤกษ์ จากนั้นก็ถอยไปยืนรออยู่ด้านข้าง ตฤณเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าแม้แต่เด็กสาวก็แต่งตัวเหมือนหัวหน้าแม่บ้านไม่ผิดเพี้ยน

“นึกอะไรกันขึ้นมา ปกติไม่เห็นเคยแต่งตัวแบบนี้”

“ผมซื้อให้เองแหละครับคุณลุง ไหนๆ วันนี้ก็วันสงกรานต์ทั้งที แล้วเดี๋ยวผมกับต้นก็จะไม่อยู่ ผมเลยคิดว่าถ้าเราได้ทำอะไรตามประเพณีกันบ้างก็ดีเหมือนกัน”

พรพฤกษ์ตอบแทนแม่บ้านทั้งสอง ตฤณจึงมองหน้าคนตอบ จากนั้นก็หันไปเลิกคิ้วมองตระการราวจะถามด้วยสายตาว่ารู้เห็นเป็นใจอยู่แล้วหรือไม่ ตระการจึงยิ้มพลางยกช้อนขึ้นมาถือ

“กินข้าวกันเถอะครับพ่อ”

บุตรชายโทนตัดบท พรพฤกษ์เองก็เพียงแต่ยิ้มแล้วนั่งลงตักข้าวแช่ขึ้นทาน สุดท้ายตฤณจึงต้องทานบ้างเพราะดูจะไม่มีใครอยากขยายความให้เขากระจ่างเพิ่มขึ้นสักคน

หลังจากที่ทั้งสามทานมื้อเช้าเสร็จและให้แม่บ้านยกถาดไปเก็บแล้ว พรพฤกษ์ก็ยกพานตรงกลางโต๊ะมาวางตรงหน้าตฤณแล้วยกขันใบใหญ่ลงวางข้างๆ ในขันมีน้ำลอยดอกไม้ซึ่งเหยาะแป้งร่ำหอมฟุ้งเอาไว้และขันเงินใบเล็กๆ อีกใบลอยอยู่ ตรงกลางพานทองตอนนี้จึงเหลือเพียงพระพุทธรูปองค์เล็กกับพวงมาลัยที่ร้อยสลับสีอย่างพิถีพิถัน

ตฤณเลิกคิ้วมองพรพฤกษ์อย่างไม่ค่อยเข้าใจ

“ตั้งแต่ตอนเด็กๆ ที่ผมอยู่กับตาสองคน พอถึงวันสงกรานต์เราจะไปทำบุญที่วัดด้วยกันแล้วก็รดน้ำพระสงฆ์กับพวกผู้ใหญ่ แต่ตั้งแต่ตาป่วยก็ไม่ได้ทำอีกเลย พอดีผมเพิ่งนึกได้ว่าไหนๆ ที่บ้านนี้ก็มีผู้ใหญ่อยู่ด้วย ก็น่าจะรดน้ำขอพรให้เป็นสิริมงคลกันบ้าง”

“...แล้วแกก็เห็นด้วย?”

ตฤณหันไปถามตระการ ซึ่งเจ้าตัวก็เพียงแต่ยิ้มบางๆ เท่านั้น

“บ้านเราไม่เคยทำแบบนี้กันเลยนะครับพ่อ ตอนไผ่เสนอขึ้นมาผมเลยคิดว่าก็เข้าท่าดี”

พรพฤกษ์ยื่นขันใบเล็กให้ตฤณ ผู้สูงวัยมองใบหน้าที่ส่งยิ้มมาให้แล้วก็ยื่นมือไปรับขันอย่างปฏิเสธไม่ได้ เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพรพฤกษ์ทำให้เขานึกถึงพิมผกา หรือเพราะว่าเขาแพ้วิธียิ้มเพื่อเอาใจของอีกฝ่ายกันแน่ เนื่องจากตระการซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ยังไม่เคยประจบเขาแบบนั้นสักครั้ง

“เอ้า....อยากทำกันก็ตามใจ”

พรพฤกษ์กับตระการลอบสบตากันแล้วก็ยิ้ม หลังจากที่ตฤณสรงน้ำพระพุทธรูปเสร็จ พรพฤกษ์ก็เข้าไปสรงน้ำพระต่อบ้าง ตระการยืนจับจ้องอิริยาบถตอนอีกฝ่ายตักน้ำรดไปบนพระพุทธรูปแล้วพนมมือไหว้อย่างไม่ให้คลาดสายตา ขณะที่ริมฝีปากบางก็มีรอยยิ้มน้อยๆ แต้มอยู่ตลอด

ไม่น่าเชื่อว่าแม้จะคบกันมาเกือบห้าปี และพรพฤกษ์ก็เข้ามาอยู่ที่บ้านนี้จะครบสองปีแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังคงทำให้เขาประหลาดใจกับความสามารถที่จะเกลี้ยกล่อมแม้กระทั่งคนหัวแข็งที่สุดในโลกอย่างพ่อของเขาได้ และการที่เจ้าตัวพยายามจะช่วยสร้างบรรยากาศของครอบครัวให้เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ก็ยิ่งทำให้ตระการภูมิใจที่ไขว่คว้าหัวใจดวงนี้มาครองได้สำเร็จมากขึ้นไปอีก

ต้นคิดไม่ผิดจริงๆ นะ ที่ขอให้ไผ่มาอยู่ด้วยกันที่นี่...

ตฤณมองสายตาของตระการที่ส่งให้พรพฤกษ์ขณะอีกฝ่ายยื่นขันใบเล็กให้เพื่อสรงน้ำพระบ้าง จากนั้นผู้อาวุโสก็ส่งเสียงหึขึ้นจมูกเบาๆ

ดูท่าทางลูกชายเขาคงหลงเด็กคนนี้จนกู่ไม่กลับแล้ว…

“เรียบร้อย ทีนี้ขอพวกผมรดน้ำคุณลุงบ้างนะครับ”

“หือ?”

ตฤณยังคิดอย่างกระหยิ่มได้ไม่ทันไร พรพฤกษ์ก็หันมาหาเขา พวงมาลัยดอกมะลิที่ไม่รู้ว่าเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ถูกสวมลงมารอบคอก่อนที่เขาจะถูกดึงให้นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง และยายแสนก็ยกอ่างเปล่าอีกใบมาให้เพื่อจะได้เอาไว้รองน้ำ

“รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ไงครับคุณลุง ต้นจะรดให้พ่อก่อนมั้ย?”

ท้ายประโยคพรพฤกษ์หันไปถามตระการที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ คนถูกถามจึงส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ล่ะ ไผ่ทำให้ดูก่อนก็แล้วกัน ต้นไม่เคยทำ”

พรพฤกษ์ฟังคำตอบแล้วก็เลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ ดูเหมือนคนบ้านนี้จะไม่คุ้นเคยกับการทำอะไรตามประเพณีกันเอาเสียจริงๆ เขาจึงเริ่มก่อนด้วยการนั่งคุกเข่าลงกับพื้นหน้าตฤณ จากนั้นก็ลากอ่างเปล่ามารองไว้ใต้มือของผู้สูงวัยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ แล้วค่อยหันไปเอาขันใบเล็กตักน้ำลอยดอกไม้ที่เหลือในขันใบใหญ่มารดลงไปบนฝ่ามือของตฤณช้าๆ

“ขอให้คุณลุงสุขภาพแข็งแรง โรคหัวใจไม่กำเริบอีก เจอแต่เรื่องดีๆ แล้วก็อยู่กับผมกับต้นไปนานๆ นะครับ”

พอรดน้ำหมดขัน พรพฤกษ์ก็ยกมือไหว้ พอเห็นนัยน์ตาสีนิลสดใสที่เหลือบขึ้นมองเขาอีกครั้ง ตฤณก็อ้ำๆ อึ้งๆ ไปครู่หนึ่ง

คำอวยพรของพรพฤกษ์นั้นช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับคำอวยพรจากพวกลูกน้องหรือคู่ค้าทางธุรกิจที่มักเพียงแต่มอบให้เขาตามมารยาท และผู้อาวุโสก็ประดักประเดิดด้วยไม่เคยชินกับการแสดงความห่วงใยอย่างตรงไปตรงมาเช่นนั้น

ด้วยอายุที่ผ่านโลกมาหกสิบกว่าปี เขาย่อมต้องเคยทำพิธีรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่สมัยยังเป็นหนุ่ม กระนั้นความที่ไร้ญาติมิตรก็ทำให้ไม่เคยเป็นฝ่ายถูกรดน้ำเองจากลูกหลานเช่นนี้ อึดใจหนึ่งผ่านไปจึงค่อยนึกได้ว่าต้องอวยพรให้อีกฝ่ายกลับ

มือผอมกร้านที่ยังหมาดชื้นจากน้ำลอยดอกไม้เมื่อครู่ยกขึ้นลูบผมของพรพฤกษ์เบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแห้งเล็กน้อย

“ขอบใจ ขอให้เธอสุขภาพแข็งแรงเหมือนกัน”

พรพฤกษ์ยิ้มตอบก่อนจะกราบลงบนตักเขา ร่างเพรียวลุกขึ้นพลางหันไปยื่นขันใบเล็กในมือให้ตระการ ร่างสูงใหญ่จึงค่อยหันไปตักน้ำลอยดอกไม้แล้วนั่งคุกเข่าลงหน้าตฤณ

ความเงียบแขวนอยู่ในอากาศระหว่างพ่อลูกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ตระการจะกระแอมเบาๆ แล้วค่อยรดน้ำลงบนมือของบิดาที่ยื่นออกมา

ตฤณจ้องมองกระหม่อมศีรษะของลูกชายที่กำลังรดน้ำใส่มือนิ่ง

“ผมหวังว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีของพ่อ เช่นเดียวกับปีต่อๆ ไปหลังจากนี้ ขอให้ปัญหาทางสุขภาพหมดไป จะได้คอยดูความสำเร็จของผมไปเรื่อยๆ นะครับ”

ตระการอวยพรเสร็จก็วางขันที่รดน้ำกลับลงในขันใบใหญ่ จากนั้นก็ก้มลงกราบบนตักของพ่อตัวเอง เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เขาก็ประสานสายตากับตฤณที่มองลงมาอยู่แล้ว

คำอวยพรนั้นแทนความในใจของเขาได้ดีที่สุด ว่าจะมุ่งมั่นดูแลธุรกิจที่ได้รับมอบหมายต่อไป เช่นเดียวกับความปรารถนาดีที่มีต่อบิดาไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้ทั้งคู่จะเคยห่างเหินและไม่เข้าใจกันมายี่สิบกว่าปีก็ตาม

ตฤณจ้องมองนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่มองตรงมา ถึงแม้จะไม่อาจพูดได้ว่าเขารักแม่ของตระการเท่ากับพิมผกา แต่ถึงอย่างไร...ชายหนุ่มตรงหน้าก็คือเลือดเนื้อเชื้อไขที่เขาเลี้ยงดูและทุ่มเทฝากความหวังมาตลอด และหลายปีที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่าอีกฝ่ายทำทุกอย่างที่เขาต้องการได้อย่างไม่บกพร่อง แถมยังทำได้ดีเกินกว่าที่เขาคาดหวังเอาไว้เสียด้วยซ้ำ

ถึงแม้ว่าการที่ไม่เคยบอกรักบุตรชายมาก่อนจะทำให้คำนั้นยากจะหลุดจากปาก แต่อย่างน้อยตฤณก็ยังมีวิธีแสดงความรู้สึกของเขา ถึงแม้จะอ้อมค้อมไปบ้างตามประสาคนแก่ที่ไม่ชินกับการแสดงความอ่อนโยนก็ตาม

มือผอมกร้านยื่นออกไปลูบผมที่ตัดสั้นของลูกชาย ฝ่ามือนั้นค้างไว้นานกว่าตอนที่อวยพรกลับให้พรพฤกษ์เล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยเอ่ยขึ้น

“อย่าทำให้ฉันผิดหวังก็แล้วกัน”

ตระการยิ้มก่อนจะก้มลงกราบเขาอีกครั้ง พรพฤกษ์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกเต็มตื้นอยู่ในอก อาจเพราะเขาเริ่มชินแล้วที่สองพ่อลูกคู่นี้จะไม่พูดแสดงความรู้สึกห่วงใยกันตรงๆ แต่อย่างน้อย...สิ่งที่สัมผัสได้ในน้ำเสียงและแววตาก็ชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปจากคำพูดที่ฟังเผินๆ อาจดูเหมือนห่างเหินได้แล้ว

“จริงสิ...ป้าแสนกับนิดจะรดน้ำคุณลุงด้วยไหมครับ?” พรพฤกษ์หันไปทางหัวหน้าแม่บ้านเมื่อนึกขึ้นได้ คนถูกถามจึงยกมือขึ้นตบอกพร้อมกับสีหน้าตกใจ

“อุ้ย! ได้เหรอคะ?”

ยายแสนทำน้ำเสียงตื่นๆ พลางหันไปมองเด็กผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งกำลังยิ้มแหยๆ พรพฤกษ์จึงหันกลับไปหานายใหญ่ของบ้านพลางเอ่ยยิ้มๆ

“ต้องได้สิครับ ป้าแสนกับนิดก็ทำงานกับคุณลุงมาตั้งนานแล้วนี่นา”

ตฤณเลิกคิ้ว แต่ก็พบว่ามาถึงขั้นนี้ จะวางท่าปฏิเสธไปก็เสียเวลาเปล่า จึงเพียงปรายตามองไปทางสองแม่บ้านต่างวัยแล้วพูดเสียงนิ่ง

“ถ้าจะรดน้ำก็รีบมา”

“ว้าย! ขอบคุณค่ะคุณท่าน”

ยายแสนยิ้มแย้มพลางรดน้ำขอพรตฤณ ก่อนที่นิดจะทำตามบ้างด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ หลังจากทั้งสองรดน้ำขอพรจากนายใหญ่ของบ้านเสร็จเรียบร้อย หัวหน้าแม่บ้านก็ทำท่าจะหยิบขันน้ำลอยดอกไม้และอ่างไปเททิ้ง พรพฤกษ์จึงรีบห้ามไว้และหยิบขันมาถือเอง

“เดี๋ยวก่อนครับป้าแสน ผมว่าจะเอาขึ้นไปรดน้ำรูปของแม่บนห้องพระด้วย ยังไม่ต้องเก็บก็ได้ครับ”

“อ้อ? จะเอางั้นเหรอคะคุณไผ่?”

หัวหน้าแม่บ้านสูงวัยเลิกคิ้ว ตระการหันไปมองพรพฤกษ์แล้วก็เข้าใจ จึงหยิบอ่างน้ำในมือของยายแสนไปถือบ้าง

“เดี๋ยวผมช่วยไผ่เอาไปข้างบนเองครับ”

พรพฤกษ์หันไปทางตฤณ “คุณลุงก็ไปด้วยกันสิครับ”

ตฤณที่กำลังหยิบทิชชู่มาซับมือเพียงแต่พยักหน้าบางๆ แต่ไม่ได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ “ไปกันก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันค่อยตามขึ้นไป”

เมื่อคล้อยหลังชายหนุ่มทั้งสอง ตฤณยังคงนั่งนิ่งมองมือของตนที่เพิ่งถูกรดน้ำไป กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแป้งร่ำและดอกไม้ยังคงอวลอยู่เจือจางแม้จะไม่ยกมือขึ้นแตะจมูก และความอบอุ่นของบรรยากาศที่ยังอ้อยอิ่งก็ทำให้ในอกของผู้สูงวัยอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกอันไม่เคยคุ้น

วันของครอบครัว....เป็นแบบนี้เองสินะ เด็กคนนั้นก็พยายามเกินคาด…

มุมปากของตฤณยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงสิ่งที่พรพฤกษ์ทำในวันนี้เพื่อให้เขากับตระการได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่แล้วเมื่อกำลังจะลุกจากเก้าอี้ก็เห็นแม่บ้านอาวุโสที่ยืนอยู่ไม่ห่างยิ้มแป้น เขาจึงวางสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิมและถามด้วยน้ำเสียงติดรำคาญหน่อยๆ

“ไม่มีงานอะไรต้องไปทำหรือไง?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสูงวัยขยายกว้างกว่าเดิม “มีเจ้าค่ะคุณท่าน แต่พอดีอิฉันเพิ่งนึกได้ ว่าจริงๆ แล้วที่คุณท่านไม่ยอมไปเชียงใหม่กับคุณต้นคุณไผ่ จริงๆ ไม่ใช่เพราะเกลียดการเดินทางอย่างเดียวหรอก แต่เพราะไม่อยากไปเป็น ก.ข.ค. สองคนนั้นใช่ไหมล่ะคะ?”

เพราะว่าทำงานรับใช้มานานสามสิบกว่าปี หัวหน้าแม่บ้านอาวุโสจึงมีสัญชาตญาณเกี่ยวกับทั้งนายใหญ่และนายน้อยของบ้านมากพอจะอ่านสีหน้าท่าทางของแต่ละคนออก ดังนั้นนอกจากจะมองออกว่าตระการทั้งรักทั้งหลงพรพฤกษ์เอามากๆ แล้ว ยายแสนก็มองออกด้วยว่าสายตาของตฤณมักจะอ่อนโยนกว่าปกติเวลาที่เห็นตระการกับพรพฤกษ์แสดงความห่วงใยกันและกัน ซึ่งอาจเป็นเพราะนึกถึงตัวเองสมัยยังหนุ่มกับพิมผกาซึ่งเป็นผู้หญิงที่เคยรักที่สุดก็เป็นได้

ตฤณมองแววตารู้ทันของหัวหน้าแม่บ้านอย่างหน่ายๆ แต่ก็คร้านจะเอ็ดเพราะเดี๋ยวจะทำลายบรรยากาศดีๆ ที่พวกลูกชายสร้างไว้เสียหมด จึงเพียงเลื่อนเก้าอี้เข้าที่เดิมแล้วเดินผ่านหน้าอีกฝ่ายไป

“ฉันไม่จำเป็นต้องไปขัดเวลาความสุขของลูกฉันนี่”

ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ยอมรับตรงๆ ต่อหน้า แต่หลังจากที่ทำใจยอมรับพรพฤกษ์และอนุญาตให้ตระการพามาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ผู้สูงวัยก็สังเกตเห็นว่าบุตรชายมีชีวิตชีวามากขึ้น และดูเหมือนความอ่อนโยนและช่างเอาใจใส่ของพรพฤกษ์จะทำให้บรรยากาศที่เคยอึมครึมระหว่างพ่อลูกและคนอื่นๆ ในบ้านค่อยๆ จางหาย เพื่อเป็นการตอบแทน และชดเชยที่เคยพรากทั้งสองจากกัน เขาจึงอยากปล่อยให้ตระการกับพรพฤกษ์ได้ใช้เวลาด้วยกันอย่างเป็นอิสระโดยที่มีเขาไปข้องเกี่ยวให้น้อยที่สุด

ยายแสนส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มเมื่อนายใหญ่ของบ้านเดินออกจากห้องอาหารไป ความเปลี่ยนแปลงของตฤณจากที่เคยเห็นมาตลอดสามสิบกว่าปีทำให้แม่บ้านสูงวัยอดคิดไม่ได้ว่าแม้แต่ไม้แก่ก็ยังอาจดัดได้ ถึงแม้ว่าจะยากกว่าไม้อ่อนอยู่มากก็ตาม แต่หากไม้แก่ต้นนั้นได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างระมัดระวังเพียงพอ แม้แต่สิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่ใครๆ ก็ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นก็สามารถเป็นไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดูจากท่าทีของตฤณที่เริ่มโอนอ่อนให้ผู้คนรอบตัวมากขึ้น แล้วยังอาการโรคหัวใจที่ดีวันดีคืนนั่นเป็นตัวอย่างปะไร

โชคดีจริงๆ ที่คุณต้นพาคุณไผ่มาอยู่ที่นี่...

แม่บ้านสูงวัยเดินกลับเข้าไปในห้องครัวเพื่อสั่งให้เด็กผู้ช่วยทำความสะอาดห้องอาหาร ก่อนที่ตัวเองจะเดินต่อไปยังห้องด้านหลังเพื่อนำผ้าที่ซักไว้ออกตาก ท้องฟ้าที่สดใสและมีกลิ่นสดชื่นของสายลมจางๆ เป็นสัญญาณที่ดีว่าวันนี้คงจะอากาศแจ่มใสไปทั้งวันโดยไม่ต้องกลัวว่าผ้าจะไม่แห้ง

ในวันธรรมดาที่พิเศษกว่าวันอื่นๆ เช่นนี้....ความสงบสุขก็ยังคงกรุ่นกำจายภายในบ้านสุวรรณฤทธิ์เหมือนเช่นทุกวัน…



++---End---++



A/N: อันว่าทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไป อย่างตอนพิเศษสำหรับสงกรานต์ของต้นกับไผ่นี่ก็ไม่เคยมีไอเดียมาก่อนเลยว่าจะเขียน แต่พอดีเมื่อช่วงต้นเดือนไปเที่ยวเชียงใหม่มา แล้วเมื่อไม่กี่วันก่อนก็หยิบแม้นมั่นคำสัญญาฉบับรวมเล่มมาอ่านทวนอีกครั้ง ทีนี้พอกำลังจะเปิดโน้ตบุ๊คเพื่อทำงาน ไอเดียของตอนพิเศษนี้มันก็ดันไหลเข้ามาเองซะอย่างนั้นล่ะค่ะ เพียงแต่บรรยากาศโดยรวมจะเน้นไปทาง ‘ความเป็นครอบครัว’ มากกว่าความหวานแหวว ก็ได้แต่หวังว่าจะช่วยให้แฟนๆ ที่เคยทักว่าอยากอ่านตอนพิเศษของต้นกับไผ่หายคิดถึงกันบ้าง แล้วก็ไหนๆ แล้ว ใครที่เคยบอกไว้ว่าอยากอ่านตอนพิเศษคู่นี้ก็มาลงชื่อและทิ้งคอมเม้นต์ให้คนเขียนชื่นใจกันหน่อย จะได้มีกำลังใจเขียนตอนใหม่มาให้อ่านกันอีกน้า

ปล. เพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้เรื่องนี้เขียนจบและรวมเล่มมาครบปีแล้วล่ะ เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ

ปล.2 ที่นับตอนนี้เป็นตอนพิเศษ 5 เนื่องจากตอนพิเศษ 2 กับ 3 นั้นอยู่ในรวมเล่มเท่านั้นนะคะ


Create Date : 15 เมษายน 2555
Last Update : 15 เมษายน 2555 10:56:56 น. 18 comments
Counter : 2672 Pageviews.

 
ขอบคุณคะ วันหยุดที่ดีจริงๆๆ ได้นอนอ่านนิยายตอนพิเศษ แม้จะไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนก็สุขได้เหมือนกัน อ่านแล้วก็แอบหวังว่าจะได้อ่านตอนต่อ พาร์ทสองหนุ่มคู่หวาน ณ เชียงใหม่ อิอิ


โดย: sunisa IP: 125.24.30.94 วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:12:00:31 น.  

 
อบอุ่นเช่นเคยกะเรื่องนี้
ไผ่กลายเป็นที่รักที่หลงของคนทั้งบ้านซะแล้ววว อิอิ

แล้ว แล้ว แล้ว เค้าจะไปรำลึกความหลังอะไรกันที่เชียงใหม่ไหมคะ อิอิ


โดย: Niii IP: 118.174.59.7 วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:13:09:30 น.  

 
วันสงกรานต์ คือวันครอบครัวที่แสนอบอุ่นจริง ๆ ค่ะ

ไผ่น่ารัก ไม่แปลกใจที่ใคร ๆ ก็หลงรักไผ่ (โดยเฉพาะต้น เอิ้กกกกกกกกกก)


โดย: Phueng IP: 124.122.130.43 วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:16:04:45 น.  

 
กรี๊ดดด กรีดร้องมีความสุขมากๆเลยที่ได้อ่านเรื่องนี้ ขอบคุณที่รับฟังคำขอของเรานะคะ(ใช่ปาวไม่รู้ตู่ไว้ก่อน5555) ชอบไผ่มากๆเลยเป็นนายเอกที่อ่อนโยนและมีเหตุมีผลมากๆ แม้แรกๆจะคิดเยอะไปหน่อย แต่ก็มีที่มาที่ไปอ่ะนะ ว่าไปนิยายทุกเรื่องของคุณรินเนี่ยถูกจริตเรามากเลยนะ ดราม่าพองาม ตัวละครเหมือนมีจริง มีที่มาที่ไป เอ๊ะหรือจริง555 ยิ่งเรื่องนี้ชอบมากๆอาจเพราะเริ่มต้นที่เชียงใหม่ เมืองที่เรารักและต้องไปเยือนทุกๆ3เดือนก็ได้ ขอบคุณมากๆที่ทำให้เรามีความสุข เนื่องจากเม้นท์ไม่เก่ง เอาเป็นว่าจะสนับสนุนผลงานตลอดไปละกัน รอรวมเล่มน้องภัทรอยู่นะ 5555


โดย: Ning kulanit IP: 58.8.133.162 วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:20:34:52 น.  

 
สงกรานต์ปีนี้เค้าไปทำงานทุกวันเลย
ไม่ได้ไปเล่นน้ำที่ไหน (ทุกปีก็ไม่เคยเล่นสงกรานต์อ่ะนะ)
ได้อ่านตอนพิเศษวันสงกรานต์ของบ้านสุวรรณฤทธิ์แล้วรู้สึกอบอุ่นในใจมากเลย
ดูก็รู้เลยว่านายใหญ่ของบ้านใจดีกะเค้าเป็น เอ้ยเป็นผู้ใหญ่ใจดีตามแบบฉบับคนไทย
ตอนแรกเราก็ลุ้นว่าไผ่อาจจะหาวิธีหลอกล่อให้คุณตฤณไปเชียงใหม่ให้ได้เสียอีก
ตอนพิเศษหน้าขอให้กล่อมให้คุณตฤณไปเที่ยวบ้านนฤมิตรให้ได้นะค่ะคุณรน
แต่ว่าตอนหน้าคงต้องเป็นเรื่องที่ทั้งคู่ไปเที่ยวกันก่อนนะ
เอหรือให้คุณตฤณเปลี่ยนใจไปพร้อมลูกชายเดี๋ยวนี้เลยแล้วกัน
รอตอนต่อไปแน่นอนค่ะ ^__^


โดย: oato IP: 124.121.71.109 วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:20:56:43 น.  

 
ดีใจที่คุณรินคิดถึงต้นไผ่เหมือนกับฝนค่ะ ตั้งแต่คุณรินไปเชียงใหม่แล้ว ยิ่งเห็นรูปในเฟสที่ถ่าบ้านเส-ลามา ฝนยิ่งคิดถึงหนุ่มๆตอนที่อยู่บ้านนฤมิตร อยากอ่านตอนพิเศษมากๆ
พอได้มาอ่านตอนนี้ บอกเลยว่าอ่านไปยิ้มไป อบอุ่นหัวใจจริงๆ ขอบคุณสำหรับตอนนี้นะคะ
ฝนจะรออ่านตอนพิเศษคู่นี้อีกนะ. ลั้ลลามีความสุข


โดย: ฝน IP: 118.174.92.159 วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:22:42:49 น.  

 
อ่านแล้วก็สมกับเป็นคู่นี้เลยค่ะ เรียบๆง่ายๆ
แต่เข้าใจกัน ดีที่ได้อ่านตอนพิเศษค่ะเงียบเหงามาก ปีนี้เราไม่ได้เล่นน้ำเลยอ่ะ ทำงานทุกวันยังไม่เปียกเลย แต่คู่นี้มีแต่ความอบอุ่นในครอบครัว อ่านแล้วมีความสุขคิดถึงพ่อกับแม่ที่บ้านเลยค่ะพี่ริน แต่ยังไม่ได้กลับบ้านเลย


โดย: maioo2000 IP: 223.204.130.64 วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:23:17:01 น.  

 
กรี๊ดดด กรีดร้องมีความสุขมากๆเลยที่ได้อ่านเรื่องนี้ ขอบคุณที่รับฟังคำขอของเรานะคะ(ใช่ปาวไม่รู้ตู่ไว้ก่อน5555) ชอบไผ่มากๆเลยเป็นนายเอกที่อ่อนโยนและมีเหตุมีผลมากๆ แม้แรกๆจะคิดเยอะไปหน่อย แต่ก็มีที่มาที่ไปอ่ะนะ ว่าไปนิยายทุกเรื่องของคุณรินเนี่ยถูกจริตเรามากเลยนะ ดราม่าพองาม ตัวละครเหมือนมีจริง มีที่มาที่ไป เอ๊ะหรือจริง555 ยิ่งเรื่องนี้ชอบมากๆอาจเพราะเริ่มต้นที่เชียงใหม่ เมืองที่เรารักและต้องไปเยือนทุกๆ3เดือนก็ได้ ขอบคุณมากๆที่ทำให้เรามีความสุข เนื่องจากเม้นท์ไม่เก่ง เอาเป็นว่าจะสนับสนุนผลงานตลอดไปละกัน รอรวมเล่มน้องภัทรอยู่นะ 5555


โดย: Ning kulanit IP: 110.168.245.218 วันที่: 16 เมษายน 2555 เวลา:14:53:16 น.  

 

ว่าจะตอบคอมเม้นต์ซะหน่อย แต่วันนี้บล็อกแก๊งค์ล่มทั้งวันเลยล็อกอินไม่ได้ ถ้างั้นก็ตอบแบบไม่ล็อกอินแล้วกันนะคะ แหะๆๆ

คุณสุนิ เราก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนไกลๆ เหมือนกันค่ะ ปกติสงกรานต์ทีไรจะเป็นช่วงกบดานเพราะงานเข้าเยอะทู้กที ส่วนต้นกับไผ่นี่ ไม่ต้องไปเชียงใหม่เขาก็หวานกันอยู่ตลอดละค่ะ เอิ้ก เอิ้ก


********************


น้องนิ งืม ถ้าไปรำลึกความหลังกันคงต้องไปหลายที่ เพราะว่าไผ่เคยพาต้นไปเที่ยวหลายที่มากกกกกก คนเขียนยังจำไม่ได้เลยว่าพาไปที่ไหนบ้างอะจ้ะ (เยอะจัด)


********************


ผึ้ง อันนี้เรื่องจริงเนอะ คนน่ารักอย่างไผ่ ใครๆ ก็รัก ฮิฮิฮิ


********************

คุณหนิง (ตอบรวบนะคะ สงสัยโพสต์เบิ้ล) จะว่าไปคุณหนิงก็เป็นหนึ่งในแรงกระตุ้นให้ตอนนี้โผล่มาเหมือนกันนะเนี่ย อิอิอิ มีคนถามถึงทีไรเราจะเกิดลูกฮึดค่ะ ดีใจที่แนวที่เราเขียนเข้าทางคุณหนิงนะคะ บอกว่าจะสนับสนุนผลงานตลอดไปแล้วห้ามกลับคำน้าตัวเองงงงงงงง

ปล. ชอบเชียงใหม่เหมือนกันค่ะ อย่างน้อยต้องไปปีละครั้งสองครั้ง จริงๆ อยากไปถี่กว่านั้นแต่ต้องไปเที่ยวที่อื่นบ้าง เดี๋ยวการท่องเที่ยวฯ น้อยใจ หุหุหุ


********************


คุณโอ๊ต ขอบคุณค่า เราก็ไม่ได้เล่นน้ำเหมือนกัน (จงใจเลี่ยงเองด้วยล่ะ แฮ่) ว่าแต่คุณตฤณจะยอมใจอ่อนเวลาไผ่กล่อมอีกไหมละหนอ...ต้องคอยดูกันต่อไปเนอะ


********************

คุณฝน ด้วยความยินดีค่า ความจริงต้นแบบของบ้านนฤมิตรก็เป็นเกสต์เฮ้าส์แห่งนึงบนถนนนิมมานเหมินทร์ที่เชียงใหม่จริงๆ แต่ไม่ใช่บ้านเส-ลา จะเป็นเกสต์เฮ้าส์ที่ออกแนวเรียบง่ายกว่า ชั้นล่างเป็นร้านขายหนังสือค่ะ (ชะอุ้ย บอกไปแบบนี้คงเดากันออกหลายคน) ดีใจที่คุณฝนคิดถึงคู่นี้นะคะ จะได้มีกำลังใจเขียนตอนใหม่ให้อ่านกันอีกค่ะ ^____^


********************


น้องไหม ทำงานทุกวันระหว่างที่คนอื่นได้หยุดนี่มันก็เซ็งเนอะ เพราะถึงพี่ได้หยุดแต่ก็ต้องทำงานเหมือนกันเลย (งานนอก T__T) ขอให้ได้มีเวลาว่างกลับไปเยี่ยมบ้านไวๆ นะคะ ถึงไม่ใช่ช่วงหยุดยาว แต่เวลาไหนที่ได้กลับบ้านก็มีความสุขอยู่แล้วล่ะเนาะ


โดย: bellbomb (ไม่ได้ล็อกอิน) IP: 58.9.249.227 วันที่: 16 เมษายน 2555 เวลา:22:27:10 น.  

 
น้องไผ่ของพี่เหมือนน้ำทิพย์ชะโลมใจคนบ้านนี้จริงๆน้อ ขนาดไม้แก่ยังดัดซะเกือบโง้วเลยนะเนี่ย อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกดีบอกไม่ถูก มันเหมือน... รู้สึกภูมิใจอ่ะนะ

ภูมิใจแทนต้น ที่มีไผ่เป็นคนรัก คนรักที่เกินบรรยายจริงๆ ให้ตายเหอะ (ชาตินี้กูจะหาดีแบบนี้ได้มั้ยว้า... T^T )

ภูมิใจแทนคุณป๋า ที่มีลูกเลี้ยง+ลูกสะไภ้ในคนๆเดียวกัน และที่สำคัญน่ารักซะขนาดเน้

ภูมิใจแทนทุกคนในบ้าน ที่มีโอกาสได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ที่แสนน่ารักคนนี้

จะว่าไปน้องไผ่ก็มีคุณสมบัติประหนึ่ง " ยาสามัญประจำบ้าน " สำหรับครอบครัวนี้เหมือนกันนะ หึหึหึ ชักอยากมีแบบนี้ติดบ้านไว้ซักคนซะแล้วซิ อิจฉาจัง....



โดย: aew IP: 125.27.111.6 วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:10:36:26 น.  

 
พี่แอ๋ว สรุปเรื่องนี้คนที่น่าอิจฉาสุดคงเป็นต้นกับคุณป๋านี่ละเนอะ เพราะถ้าไม่มีไผ่เข้ามาก็คงยังมึนๆ ตึงๆ ใส่กันต่อไปแหง แล้วอาการคุณป๋าก็คงแย่ลงๆ เพราะไม่มีคนมาคอยพยาบาล สรุปว่า “ยาสามัญประจำบ้าน” ขนานนี้เวิร์คกว่ายาจากโรงพยาบาลเป็นไหนๆ อิอิอิ

พูดไปก็อยากได้ “ยา” แบบไผ่มาอยู่ที่บ้านสักคนเหมือนกันค่ะ กร๊าซซซซซซซ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:10:30:40 น.  

 
อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขมากมากเลยจ้านู๋ริน...อยากมียาสามัญประจำบ้านแบบนี้บ้างจังเลยค่ะ คุณแอ๋ว...จะไปหาได้ที่ไหนน้อ


โดย: เอิงเอย IP: 182.53.128.210 วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:17:15:30 น.  

 
พี่เอิง คิดถึงจังเลยค่ะ ดีใจที่พี่เอิงได้อ่านตอนนี้นะคะ ถ้าไปหายาขนานนี้เจอกับพี่แอ๋วที่ไหนอย่าลืมเอามาฝากกันด้วยน้า ^_____^


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 21 เมษายน 2555 เวลา:8:59:38 น.  

 

อ่านจบพบกับบรรยากาศอบอุ่นของคำว่าครอบครัว







โดย: ภัทร IP: 58.11.150.74 วันที่: 21 พฤษภาคม 2555 เวลา:12:48:21 น.  

 
คุณภัทร ตั้งใจอย่างนั้นเลยค่า


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 23 พฤษภาคม 2555 เวลา:19:32:06 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่มีนิยายดีดีมาให้อ่าน
เป็นกำลังให้ค่ะ


โดย: หมูหวาน IP: 223.207.108.215 วันที่: 1 กันยายน 2555 เวลา:20:07:05 น.  

 
คุณหมูหวาน ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ กำลังใจจากนักอ่านเป็นยิ่งกว่าอาหารทิพย์สำหรับคนเขียนอีกค่ะ


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 2 กันยายน 2555 เวลา:16:15:42 น.  

 
แวะตามเข้ามาอ่านอีกรอบ อุอุอุ น่าตีเน๊าะ สารภาพค่ะว่าอ่านไปรอบแรกครั้งก่อนโน้นไม่ได้แปะเม้นต์ไว้ อ่านใหม่เข้าเทศกาลอีกรอบความน่ารักของไผ่ก็ยังนำความอบอุ่นมาสู่ครอบครัวของต้นอย่างสม่ำเสมอ แล้วยังงี้จะไม่ให้หลงรักให้รักได้ไงจริงป่าวคะ รักกันไปนานๆนะต้นไผ่ รอคุณริรรีปริ้นท์อีกรอบยังมีเรื่องนี้ล่ะที่ยังไม่ได้สอย ถ้าจะให้ดีฝากความหวังไว้พร้อมกับน้องตี้เลยได้รึเปล่าคะ


โดย: khun only IP: 223.207.183.234 วันที่: 13 เมษายน 2557 เวลา:10:24:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.