|
แม้นมั่นคำสัญญา ตอนพิเศษ 4
แนะนำ
สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ
++------++
แม้นมั่นคำสัญญา ตอนพิเศษ 4 สายสัมพันธ์ในคืนจันทร์แรม
พระอาทิตย์ตกดินไปนานแล้ว แต่ที่โต๊ะอาหารของบ้านสุวรรณฤทธิ์กลับมีเพียงสองพ่อลูกที่นั่งทานมื้อเย็นด้วยกัน เนื่องจากสมาชิกใหม่อีกคนของบ้านมีภารกิจต้องอยู่ปิดต้นฉบับที่กองบรรณาธิการ และยังไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่
"พ่ออิ่มแล้วเหรอครับ?"
ตระการถามเมื่อเห็นบิดาวางช้อนและส้อมลงบนจาน ผู้สูงวัยกว่าจึงพยักหน้าพลางหยิบยาที่ต้องทานหลังอาหารขึ้นใส่ปากและดื่มน้ำตาม
"แกเองก็ดูกินอะไรไม่ค่อยลงนี่ แล้วตกลงวันนี้ไผ่จะกลับบ้านหรือเปล่า?"
หลังจากพรพฤกษ์มาอยู่ที่บ้านสุวรรณฤทธิ์ได้นานเข้า ความคุ้นเคยก็หล่อหลอมให้เขาถูกปฏิบัติด้วยเสมือนหนึ่งสมาชิกในบ้าน และจากที่ตฤณเคยใช้คำเรียกว่า 'เด็กคนนั้น' บัดนี้ผู้สูงวัยเรียกชื่ออีกฝ่ายแม้ไม่ได้อยู่ต่อหน้าได้อย่างเต็มปาก
ซึ่งเป็นพัฒนาการที่ตระการพอใจมากที่สุด
"เมื่อคืนก็ถึงกับค้างที่ออฟฟิศไปแล้ว คิดว่าคืนนี้น่าจะกลับนะครับ เมื่อตอนบ่ายก็ยังโทรคุยกับผมอยู่เลย"
"ถ้างั้นก็ดี ฉันจะขึ้นข้างบนล่ะ"
ตฤณหันไปพยักหน้ากับแม่บ้านซึ่งเป็นผู้ช่วยยายแสน เด็กสาวจึงเข้ามาเก็บสำรับจานชามที่เจ้านายทั้งสองทานเสร็จแล้วอย่างรู้หน้าที่ ตระการยกแก้วน้ำขึ้นดื่มจนเกลี้ยงแล้วก็เดินตามบิดาออกมาจากห้องทานข้าวบ้าง
"พ่ออย่าอยู่ดึกนักนะครับ นอนพักผ่อนเยอะๆ หน่อย เมื่อคืนก็นอนตั้งห้าทุ่ม"
ผู้เป็นบิดาเหล่ตามองบุตรชายคนเดียวที่เดินเยื้องอยู่ด้านหลัง จากนั้นก็ทำเสียงหึขึ้นจมูก
"ฉันรู้เวลานอนของฉันหรอกน่ะ แกเองก็เถอะ ถ้าอยากให้เขารีบกลับบ้านก็ไปรับเสียสิ"
ตฤณเอ่ยแล้วก็ขึ้นบันไดไปชั้นบน ซึ่งตระการเข้าใจว่าคงเพื่อไปทำสมาธิและสวดมนต์ในห้องพระตามปกติที่ทำทุกคืน แต่ประโยคทิ้งท้ายของผู้สูงวัยก็ทำให้เขาหัวเราะเบาๆ
จริงๆ ก็อยากให้ไผ่รีบกลับบ้านเหมือนกันนั่นแหละ ผมรู้ว่าพ่อคิดอะไรหรอกน่า...
อาจเพราะพวกเขาสองพ่อลูกอยู่ด้วยกันอย่างห่างเหินมานาน การมีพรพฤกษ์เข้ามาเป็นสมาชิกอีกคนจึงช่วยละลายกำแพงที่ขวางกั้นระหว่างผู้ให้กำเนิดกับบุตรชายให้ลดเลือนลง และดูเหมือนบรรยากาศในบ้านที่ดีขึ้นก็จะส่งผลกับสุขภาพของตฤณด้วย เพราะจากที่เมื่อก่อนท่านประธานเคยทรุดจนตระการวิตกว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรง บัดนี้แม้จะพูดไม่ได้เต็มปากว่าสภาพของตฤณ 'ดีขึ้นมาก' แต่หากเปรียบเทียบกับช่วงก่อนและหลังที่จะรับพรพฤกษ์มาอยู่ที่บ้านด้วย เขากล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าพัฒนาการที่เห็นได้นั้นน่าทึ่งทีเดียว
"คุณต้นจะรับชาหรือกาแฟไหมคะ?"
เด็กสาวคนเดิมเดินมาถามเมื่อเห็นตระการยังยืนอยู่หน้าบันได ชายหนุ่มจึงยิ้มแล้วส่ายหน้า "นิดไปนอนได้แล้วล่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกหน่อย จะไปรับไผ่ที่ออฟฟิศ"
"อ๋อ ได้ค่ะ อ้าว? นั่นเสียงรถคุณไผ่นี่คะ?"
ตระการเองก็ได้ยินเสียงรถยนต์ที่เลี้ยวผ่านรั้วเข้ามาพร้อมๆ กับที่เด็กสาวทักขึ้น เขาจึงตบไหล่บางเบาๆ ก่อนจะรีบสาวเท้าไปที่หน้าบ้าน พอเลื่อนบานประตูกระจกด้านหน้าออกก็พบว่าพรพฤกษ์กำลังเลี้ยวรถจี๊ปเข้าจอดบริเวณที่จอดประจำข้างบ้านพอดี รถคันนี้เป็นรถที่เขาซื้อให้หลังอีกฝ่ายประสบอุบัติเหตุเพื่อเอาไว้ขับพาไปไหนมาไหน หลังย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว พรพฤกษ์จึงใช้รถคันนี้เป็นรถประจำตัวไปเลย
"งานเป็นไงบ้าง ต้นกำลังจะโทรไปถามพอดีว่าจะให้ไปรับหรือเปล่า ไผ่จะได้ไม่ต้องขับรถกลับมาเอง"
พรพฤกษ์ยิ้มพลางเปิดประตูด้านหลังเพื่อหยิบแฟ้มกับกระเป๋าโน้ตบุ๊คออกมา ตระการจึงช่วยรับกระเป๋ามาถือให้ ถึงแม้วันนี้อีกฝ่ายจะกลับมาในเวลาที่ค่อนข้างเร็วแล้วสำหรับฤดูปิดเล่มคือสองทุ่มครึ่ง แต่ชายหนุ่มก็ยังสังเกตเห็นร่องรอยของความอิดโรยบนสีหน้าได้ชัด
"ไม่เป็นไรหรอก โชคดีว่าตรวจปรู๊ฟเสร็จหมดแล้วก็ส่งงานเข้าโรงพิมพ์แล้ว พรุ่งนี้ถึงเข้าออฟฟิศสายหน่อยก็ไม่เป็นไร"
พรพฤกษ์ตอบพลางเดินเข้าบ้านพร้อมกับตระการ ร่างสูงเพรียวเดินตรงขึ้นบันไดเพื่อไปที่ห้องนอนของทั้งคู่ แต่ระหว่างทางเห็นไฟในห้องพระเปิดอยู่จึงเคาะประตูก่อนจะผลักเข้าไป
"สวัสดีครับคุณลุง"
ตฤณที่นั่งทำสมาธิอยู่ลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วหันกลับมา ริมฝีปากไม่ได้ยิ้มก็จริง แต่ในแววตานั้นฉายความอ่อนโยนแก่ผู้ที่ทักทายอยู่เจือจาง
ซึ่งอาจนับว่ามากที่สุดเท่าที่ตฤณจะเคยมอบให้ใครนอกจากพิมผกาได้แล้ว
"กลับเร็วนี่"
ถึงแม้ใจจะยอมรับแล้ว ทว่านิสัยและการใช้คำพูดนั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ตอนอายุหกสิบกว่า และพรพฤกษ์ก็ไม่ได้ถือสากับคำถามที่ฟังแล้วเหมือนประชดประชัน เพราะเข้าใจว่านั่นคือวิธีทักทายที่แสดงออกว่าคนถามกำลังห่วงใยเขา
"พอดีเพื่อนๆ ช่วย คืนนี้ก็เลยเสร็จเร็วกว่าที่คิดไว้น่ะครับ ความจริงเขาจะชวนไปกินข้าวเย็นฉลองกันต่อด้วย แต่ผมอยากพักก็เลยกลับมาก่อน"
คำตอบนั้นทำให้ผู้สูงวัยเลิกคิ้ว "ไม่ได้กินข้าวรึ? กับข้าวมื้อเย็นก็ยังพอมีอยู่นี่ หรือไม่อย่างนั้นก็ให้ยายนิดทำให้ใหม่ก็ได้ ถ้าไม่กินข้าวเดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะกันพอดี"
พรพฤกษ์หัวเราะ "เมื่อเย็นเจ้านายสั่งพิซซ่ามาเลี้ยงไปรอบนึง ผมเลยกินไปตั้งสองชิ้นแล้วล่ะครับ ตอนนี้อยากอาบน้ำนอนมากกว่า คุณลุงก็อย่าอยู่ดึกมากนะครับ"
ชายหนุ่มพนมมือทำความเคารพอีกครั้งก่อนจะผละไป ส่วนตระการที่ยืนคอยอยู่ด้านหลัง พอจะงับประตูห้องปิดให้จึงทันได้ยินเสียงบ่นงึมงำเบาๆ จากคนในห้อง และทำให้มุมปากกระตุกยิ้มอย่างห้ามไม่ได้
"แฟนกันพูดสั่งสอนพ่อมันเหมือนกันไม่มีผิด"
++------++
พรพฤกษ์วางแฟ้มงานที่เอากลับมาลงบนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ตอนนี้เขาเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรนอกจากทำความสะอาดร่างกายแล้วนอนพักผ่อน พอกลับออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง เขาก็พบว่าตระการกำลังนอนดูโทรทัศน์รออยู่บนเตียงแล้ว
ชายหนุ่มกระชับสายคาดเสื้อคลุมแล้วปิดสวิทช์ไฟดวงใหญ่กลางห้อง ตระการจึงหันไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียงเพื่อให้ความสว่างแทนแล้วปิดโทรทัศน์ ความจริงแล้วเขายังไม่ง่วงเลยสักนิดเพราะเพิ่งจะสามทุ่มกว่าๆ แต่ในเมื่อพรพฤกษ์อยากนอน เขาก็จะนอนเป็นเพื่อน
"พรุ่งนี้ไผ่จะเข้าออฟฟิศสายใช่มั้ย?"
ตระการถามขณะมองคนรักถอดเสื้อคลุมออกเพื่อหยิบกางเกงกับเสื้อมาใส่นอน และพรพฤกษ์ก็รู้ว่ากำลังโดนสายตาของอีกฝ่ายจับจ้อง แต่ตอนนี้ถ้าหากคิดจะชวนทำอะไรกันเขาก็คงต้องบ่ายเบี่ยงเท่านั้นเพราะความเหนื่อยล้า โชคดีที่ตระการก็ดูจะไม่ต้องการบังคับ เพราะคนบนเตียงเพียงแต่นอนตะแคงเท้าศอกมองอาหารตาตรงหน้ายิ้มๆ
"ก็คงต้องดูว่าจะตื่นกี่โมงนั่นล่ะ แต่พรุ่งนี้คิดว่าคงเข้าสายกันแทบทุกคนยกเว้นพี่เอก ไม่แน่ก็อาจจะเข้าช่วงบ่ายเลยก็ได้"
พรพฤกษ์ตอบพลางดึงกางเกงสะดอขายาวขึ้นทบเอวแล้วผูกเชือก จากนั้นจึงค่อยหยิบเสื้อผ้าฝ้ายเนื้อบางแขนยาวมาสวม ถึงแม้จะมาอยู่กรุงเทพฯ ได้เป็นปีแล้ว แต่เขาก็ยังชินกับการใส่เสื้อผ้าแบบที่เคยใส่ตอนอยู่เชียงใหม่ ถึงแม้บางทีจะโดนคนร่วมเตียงบ่นในบางครั้งว่า 'ถอดลำบาก' ไม่เหมือนเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้น แต่เขาก็ชอบแต่งตัวแบบนี้มากกว่า
ร่างสูงเพรียวเดินไปที่เตียงพลางเลิกผ้าห่มฝั่งตัวเองขึ้น จากนั้นก็ทรุดตัวลงเอนหลังพิงหมอนแต่ยังไม่ได้นอนลงทันที ตระการเลยถือโอกาสเลื่อนตัวลงไปหนุนบนหน้าท้องแล้วสูดกลิ่นสบู่จากคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ
"ถ้างั้นเข้าบ่ายเลยเถอะ นานๆ จะได้ว่างตรงกันตอนกลางวันสักที เดี๋ยวหาร้านกินข้าวเที่ยงกันก่อนแล้วไผ่ค่อยไปทำงานดีกว่า"
"ท่านรองประธานจะโดดงานตอนเช้าหรือไงครับ?"
พรพฤกษ์เอ่ยอย่างหยอกล้อพลางใช้มือหนึ่งสางผมคนที่นอนหนุนท้องตัวเอง ฝ่ายตระการได้แต่หัวเราะเบาๆ โดยไม่ปฏิเสธแล้วปล่อยให้พรพฤกษ์สางผมเล่น ครู่หนึ่งร่างสูงใหญ่ก็ตะแคงหน้าแล้วเอียงคอมองคนรักทั้งที่ยังหนุนอยู่ที่เดิม
"จะว่าไป...ต้นไม่เคยได้ยินไผ่อู้คำเมืองให้ฟังเลยนะ ตั้งแต่ตอนที่ไปบ้านนฤมิตรครั้งแรกแล้ว"
คนถูกทักเลิกคิ้ว เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายพูดเรื่องนี้
"ก็...ปกติแขกที่ไปพักก็มีแต่คนกรุงเทพฯ นี่นา อีกอย่างกับพวกเพื่อนๆ ก็พูดภาษากลางกันตลอดด้วย มีแต่ตอนเด็กๆ ที่อยู่กับตานั่นแหละถึงจะพูดแต่ภาษาเหนือ"
แววตาของตระการเป็นประกายวิบวับขึ้นมา คนตัวใหญ่ขยับตัวนอนตะแคงหนุนศอกตัวเองเพื่อจะได้ไม่ทับพรพฤกษ์ก่อนจะยิ้มยิงฟัน
"ต้นอยากฟังเสียงไผ่เวลาพูดภาษาเหนือ พูดให้ฟังหน่อยสิ"
พรพฤกษ์มองหน้าคนขอ นัยน์ตาฉายแววงุนงงเพราะไม่คิดว่าจู่ๆ ตระการจะสนใจเรื่องนี้
อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะรีบนอนแต่หัวค่ำซะหน่อย แต่โดนขอแบบนี้ก็...คงเลี่ยงไม่ได้สินะ...
"จะหื้ออู้ว่าจะไดผ้อง?"
คราวนี้รอยยิ้มบนมุมปากของคนตัวใหญ่ดูจะขยายกว้างกว่าเดิม แถมนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มยังฉายแววตื่นเต้นอย่างเปิดเผยราวกับเด็กเล็กๆ
"อะไรก็ได้ อย่างถ้าไผ่อยากถามอะไรต้นก็ถามเป็นภาษาเหนือได้เลย"
เอ้า...แล้วจู่ๆ ก็มาขอกันแบบนี้ จะให้คิดคำถามยังไง...
พรพฤกษ์บ่นในใจอย่างระอา แต่ก็ไม่ขัดใจคนขอและถามประโยคต่อไปด้วยสำเนียงพื้นเมืองที่ถนัดต่อ
"เมื่อแลงกิ๋นข้าวลำก่อ?"
คราวนี้คิ้วเข้มของคนฟังมุ่นขึ้นเนื่องจากตีความไม่ออก "แปลว่าอะไรน่ะ? เป็นคำถามใช่มั้ย?"
คนพูดพยักหน้า "ถามว่าเมื่อเย็นกินข้าวอร่อยมั้ย"
"อืม เสียงไผ่เวลาพูดคำเหนือเพราะจัง พูดอีกสิ ขอยาวๆ เลย"
ตาบ้านี่...จริงๆ เล้ย...
พรพฤกษ์ทั้งขำทั้งฉุน แต่ใจหนึ่งก็เขินและดีใจที่ตระการชมว่าภาษาถิ่นของเขาเพราะ จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะรัวประโยคถัดไปอย่างยาวเหยียด
"วันนี้เยี๊ยะก๋านยุ่งขนาด ปิ๊กบ้านยังต้องมาเอาใจ๋ละอ่อนหน้อยติดปี้แห๋ม แล้วมาบอกหื้ออู้จะอั้น จะอี้ อะหยังก่อบ่ฮู้ อิดจะต๋ายแล้ว"
ตระการฟังแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว ถึงแม้ประโยคเมื่อครู่จะเต็มไปด้วยสำเนียงท้องถิ่นที่เขาฟังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าคงไม่ใช่ประโยคชมเชยแน่ๆ ยิ่งพอเห็นพรพฤกษ์หัวเราะเมื่อเห็นหน้าเขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น
"เห็นเราฟังไม่รู้เรื่องเลยบ่นยาวเลยเหรอ"
พรพฤกษ์ได้ยินคำตัดพ้อ บวกกับเห็นสีหน้าคนตัวใหญ่กว่าที่แกล้งทำแก้มอูมก็ยิ่งหัวเราะดังขึ้นจนต้องใช้นิ้วเช็ดน้ำตาบนหางตา "ก็ดันขอให้พูดยาวๆ เองนี่ ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วก็เลยบ่นให้ฟังน่ะสิ"
คนขอให้พูดเห็นอีกฝ่ายหัวเราะก็หัวเราะบ้าง ร่างสูงใหญ่ก้มลงแล้วใช้ศีรษะดุนไหล่อีกฝ่ายอย่างหยอกล้อ "ขอโทษทีเถอะที่เอาแต่ใจ ก็อยู่ๆ ก็อยากฟังนี่นา"
"วันนี้หยั๋งมาอ้อนแต้ว่า ถึงจะเอาแต่ใจ๋ตั๋วเองก่อจ้างเต๊อะ แต่ก็ยังน่าฮักเนาะ"
คราวนี้พรพฤกษ์พูดช้าๆ ชัดๆ เพื่อให้ตระการฟังทัน ถึงแม้บางคำจะเป็นสำเนียงเฉพาะถิ่น แต่หากตั้งใจฟังดีๆ แม้จะไม่ใช่คนเหนือก็สามารถเข้าใจได้ไม่ยาก ตระการทำท่าใช้ความคิดครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้นยิ้ม
"ถึงยังไงต้นก็ยังไม่น่ารักเท่าไผ่หรอก"
ประโยคโต้ตอบนั้นทำให้พรพฤกษ์รู้ว่าตระการเข้าใจที่เขาพูดจริงๆ จึงยิ้มแล้วยกนิ้วขึ้นดีดจมูกของอีกฝ่ายเบาๆ "อ้ายฮักน้องกะ ทีนี้จะยอมให้นอนได้หรือยัง?"
ความหวานละมุนที่อวลซ่านจากคำพูดนั้นช่วยเติมความอบอุ่นให้จนในอกพองฟู ตระการจึงยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มพรพฤกษ์เร็วๆ ก่อนจะพูดเลียนแบบด้วยคำที่เขาพอจะผูกได้จากที่เก็บตกเมื่อครู่
"ละอ่อนก็ฮักอ้าย"
พรพฤกษ์เลิกคิ้วก่อนจะหัวเราะเบาๆ ผิวแก้มซับสีโลหิตอ่อนจางขณะแซวอีกฝ่ายกลับ
"เรียนรู้เร็วเหมือนกันนี่"
"ถ้าไผ่ตั้งใจสอนต้นจะพูดได้เยอะกว่านี้อีก"
คนอายุมากกว่าส่ายหน้าแล้วกระถดตัวลงใต้ผ้าห่ม "ไว้วันหลังก็แล้วกัน คืนนี้หมดโควต้าแล้ว ถ้าขืนยังไม่ยอมให้อ้ายนอนอีกคราวนี้ละอ่อนโดนตีแน่ๆ"
ตระการหัวเราะพลางเอี้ยวตัวกลับไปปิดโคมไฟ ทั้งห้องจึงตกอยู่ในความมืดมิด มีเพียงแสงลางๆ จากจันทร์ข้างแรมที่ส่องผ่านช่องว่างของผ้าม่านลงมาบนปลายเตียง
"มื้อกลางวันพรุ่งนี้ไผ่อยากกินอะไร?"
พรพฤกษ์ปิดปากหาวก่อนจะหลับตาลงแล้วตอบเสียงงึมงำ "อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่อิตาเลียน เมื่อตอนเย็นได้กินทั้งพิซซ่าทั้งสปาเก็ตตี้ พรุ่งนี้ไม่เอาแล้ว"
"โอเค งั้นเดี๋ยวค่อยเลือกพรุ่งนี้ก็ได้ แล้วห้ามไผ่ตื่นหนีต้นไปทำงานก่อนนะ"
"รู้แล้วล่ะน่า"
พรพฤกษ์ตัดบทพลางทุบไหล่ตระการเสียทีหนึ่งราวจะบอกว่าให้หยุดพูดเสียที คนถูกทุบจึงหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปตะแคงโอบอีกฝ่ายไว้ ไม่นานเสียงหายใจสม่ำเสมอก็ดังประสานจากคนทั้งคู่
เงาดำจากร่างที่ยืนหลบอยู่หลังประตูค่อยๆ ยื่นมือไปดึงประตูปิดเมื่อมั่นใจว่าคนในห้องหลับกันแล้ว ตฤณอดส่ายหน้าไม่ได้เมื่อนึกถึงคำพูดโต้ตอบกันระหว่างบุตรชายกับบุตรบุญธรรม มุมปากของผู้สูงวัยกระตุกเป็นรอยยิ้มเบาบางที่แทบไม่เผยให้ใครเห็นในช่วงเวลาหลายปี
ใครสอนให้ต้นมันหัดอ้อนได้แบบนั้นน่ะ พิมรึ? หรือว่าไผ่?
ความจริงเขามายืนอยู่ข้างประตูตั้งแต่ตอนที่ตระการบอกพรพฤกษ์ว่าอยากให้พูดภาษาเหนือให้ฟังแล้ว ตอนแรกเขาตั้งใจจะเตือนทั้งสองให้รู้ว่าประตูปิดไม่สนิทแล้วก็จะเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง แต่พอได้ยินพรพฤกษ์เริ่มพูดด้วยสำเนียงบ้านเกิดให้ตระการฟัง เขาก็เหมือนถูกสะกดให้หยุดยืนฟังไปด้วยโดยไม่ตั้งใจ
น่าเสียดายนะพิม...ถ้าหากตอนที่เรายังอยู่ด้วยกันฉันรู้จักอ้อนเธอแบบนี้บ้าง...บางทีฉันคงไม่ต้องเห็นแต่ภาพของเธอที่มักจะมองมาด้วยแววตาน้อยใจก็ได้...
เมื่อกลับมาถึงห้องนอนของตัวเอง ชายสูงวัยก็ระบายลมหายใจยาวเมื่อนึกถึงความหลังครั้งอดีต แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์มากมายมาจนอายุล่วงเข้าปูนนี้ เขาก็รู้แล้วว่าไม่มีวิธีใดจะแก้ไขความผิดพลาดที่เคยทำได้ เช่นเดียวกับความเจ็บปวดที่แม้เวลาจะช่วยเยียวยาอย่างไร มันก็ไม่มีวันหายสนิทราวไม่เคยเกิดอะไรขึ้นอยู่วันยังค่ำ
แต่อย่างน้อย...การได้เห็นว่าผลพวงอันเกิดจากสิ่งที่เขาทำ แม้จะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เคยคาดหวังไว้ แต่ก็ทำให้คนสำคัญในชีวิตเขาและตัวเขาเองได้ปรับความเข้าใจและมีความสุขในบั้นปลายร่วมกับใครอีกคน เท่านี้ก็อาจนับว่าเป็นโชคดีในโชคร้าย เพราะเขาได้เรียนรู้บางสิ่งที่สำคัญก่อนที่เวลาซึ่งคงเหลืออีกไม่กี่ปีจะอำนวยแล้ว
กับคนนอกที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคู่ของเด็กสองคนนั้น แต่กลับถูกความรักที่พวกเขามีให้กันส่งผ่านความอบอุ่นมาให้จนหัวใจที่แห้งเหี่ยวเกือบหยุดเต้นรู้สึกปรีดาที่เจ้าของมันยังหายใจ...ตฤณได้แต่ต้องยอมรับกับตัวเองขณะนั่งบนเตียงซึ่งถูกอาบไล้ด้วยแสงจันทร์ข้างแรม ว่าความรักช่างเป็นเรื่องของปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่และงดงามโดยแท้...
++---End สายสัมพันธ์ในคืนจันทร์แรม---++
A/N: ตอนพิเศษนี้เกิดขึ้นมาจาก เคยคิดอยากเขียนตอนพิเศษที่ไผ่ได้พูดเหนือแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยบ้าง เนื่องจากในเวอร์ชันบอร์ดจะพูดแต่ภาษากลางตลอดเลย (แต่ในเวอร์ชันรวมเล่ม ภาษาของไผ่เวลาพูดกับตาตอนเด็กๆ จะถูกแก้ให้เป็นภาษาท้องถิ่นหมด ใครอยากอ่านก็ไปหาซื้อหรือหายืมเอาเน่อ) แล้วก็เพราะคิดถึง อยากเห็นช่วงเวลาหวานๆ ของคู่นี้หลังจากย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันโดยมีคุณตฤณเป็นเจ้าบ้านด้วย ถ้าหากหวานเลี่ยนไปก็ขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้ชีวิตส่วนตัวคนเขียนกำลังขาดหวานอย่างแรงเลยต้องเขียนเอา ใครถลำเข้ามาอ่านแล้วก็ฝากความคิดถึงให้ไผ่กับต้นได้เลยค่ะ เดี๋ยวคนเขียนเอาไปส่งต่อให้เอง ^___^
สำหรับผู้ที่อ่านภาษาเหนือของไผ่แล้วยังงงๆ ว่าแปลว่าอะไร ด้านล่างนี้คือคำที่ถอดความเป็นภาษากลางให้แล้ว ขอขอบคุณพี่คอป Copter Forwriter อย่างใหญ่หลวงที่ช่วยเหลือในการแปลด้วยเจ้าค่า จุ๊บๆๆ
"จะหื้ออู้ว่าจะไดผ้อง?" - จะให้พูดว่าอะไรล่ะ?
"เมื่อแลงกิ๋นข้าวลำก่อ?" เมื่อเย็นกินข้าวอร่อยมั้ย?
"วันนี้เยี๊ยะก๋านยุ่งขนาด ปิ๊กบ้านยังต้องมาเอาใจ๋ละอ่อนหน้อยติดปี้แห๋ม แล้วมาบอกหื้ออู้จะอั้น จะอี้ อะหยังก่อบ่ฮู้ อิดจะต๋ายแล้ว" - วันนี้ทำงานยุ่งมากเลย แต่กลับบ้านแล้วยังต้องมาเอาใจเด็กติดพี่อีก แล้วมาบอกให้พูดพล่ามอะไรก็ไม่รู้ เหนื่อยเป็นบ้า
"วันนี้หยั๋งมาอ้อนแต้ว่า ถึงจะเอาแต่ใจ๋ตั๋วเองก่อจ้างเต๊อะ แต่ก็ยังน่าฮักเนาะ" - วันนี้อ้อนจังนะเรา ถึงเอาแต่ใจก็ช่างเถอะ ก็ยังน่ารักแหละน่า
"อ้ายฮักน้องกะ" - พี่ชายรักน้องนะ
ปล. ที่นับตอนนี้เป็นตอนพิเศษ 4 เนื่องจากตอนพิเศษ 2-3 ซึ่งไม่ลงในบอร์ดนั้นจะอยู่ในรวมเล่มค่ะ หวังว่าคนที่ไม่ได้อ่านรวมเล่มจะไม่งงกันเนาะ
Create Date : 11 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 12 สิงหาคม 2554 23:00:00 น. |
|
26 comments
|
Counter : 989 Pageviews. |
|
|
|
โดย: คอปเตอร์ IP: 223.207.5.18 วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:12:05:53 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:12:22:38 น. |
|
|
|
โดย: sunisa IP: 115.87.157.130 วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:12:34:12 น. |
|
|
|
โดย: ohmpresto IP: 203.147.2.131 วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:12:50:20 น. |
|
|
|
โดย: NannY IP: 101.109.31.209 วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:13:25:28 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:13:53:29 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:14:01:24 น. |
|
|
|
โดย: mickybravo IP: unknown, 202.28.17.5 วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:15:21:30 น. |
|
|
|
โดย: น้ำค้าง IP: 202.41.167.241 วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:16:12:47 น. |
|
|
|
โดย: phueng IP: 125.24.250.102 วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:16:14:27 น. |
|
|
|
โดย: Moddy IP: 58.11.5.159 วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:22:51:21 น. |
|
|
|
โดย: maew IP: 125.24.174.104 วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:0:30:40 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:9:42:31 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 12 สิงหาคม 2554 เวลา:17:58:56 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 13 สิงหาคม 2554 เวลา:17:20:06 น. |
|
|
|
โดย: aew IP: 125.27.100.211 วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:15:04:01 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 125.24.81.209 วันที่: 16 สิงหาคม 2554 เวลา:19:10:50 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:9:32:18 น. |
|
|
|
โดย: ภัทร IP: 124.120.37.114 วันที่: 18 สิงหาคม 2554 เวลา:9:22:43 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 18 สิงหาคม 2554 เวลา:9:48:25 น. |
|
|
|
โดย: Niii IP: 202.12.73.65 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:23:12:05 น. |
|
|
|
โดย: เอิงเอย IP: 182.53.128.210 วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:17:05:08 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:18:27:08 น. |
|
|
|
| |
|
|