Group Blog
 
All blogs
 
แม้นมั่นคำสัญญา 25

แนะนำ

สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ


++------++


25.


ภายในโรงแรมระดับสี่ดาวกลางใจเมืองแห่งหนึ่ง หลังจากเช็คอินที่เคาน์เตอร์เรียบร้อยแล้ว ตระการก็รับคีย์การ์ดก่อนจะพาพรพฤกษ์ไปห้องอาหารซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้นกราวด์ ความจริงแล้วฐานะของเขานั้นสามารถเลือกที่จะเข้าพักห้องที่ดีที่สุดในโรงแรมที่หรูและแพงที่สุดในกรุงเทพฯได้อย่างสบายๆ หรือถ้าหากต้องการ เขาจะโทรแจ้งผู้จัดการโรงแรมให้มาคอยต้อนรับเป็นพิเศษก็ยังได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วเขาไม่ได้ชื่นชอบความฟู่ฟ่าหรือเป็นจุดสนใจ ประกอบกับตระหนักดีว่าพรพฤกษ์เองก็คงไม่ได้ต้องการพักในที่หรูหราเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศมากเท่ากับต้องการเป็นอิสระจากคนในครอบครัวของเขาชั่วคราว ตระการจึงเลือกโรงแรมที่ดีเพียงพอจะอำนวยความสะดวกในการมาพักค้างคืนเท่านั้น

เนื่องจากห้องอาหารที่นี่เป็นแบบบุฟเฟต์ หลังจากเลือกที่นั่งซึ่งใกล้กับกระจกแล้วทั้งคู่ก็ลุกไปตักอาหารและเดินกลับมานั่งทานที่โต๊ะ แต่พรพฤกษ์ทานได้เพียงไม่กี่คำก็เขี่ยอาหารไปมาก่อนจะวางมีดกับส้อมลง ทั้งๆ ที่อาหารที่ตักมาก็มีปริมาณน้อยอยู่แล้ว ตระการเห็นจึงถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“ไผ่อิ่มแล้วเหรอ?”

คนถูกถามพยักหน้า “เมื่อบ่ายกินของว่างที่ออฟฟิศไปแล้ว มันก็เลยไม่ค่อยหิวล่ะมั้ง”

พรพฤกษ์ตอบแล้วก็ยกมือขึ้นวางประสานบนโต๊ะพลางมองไปด้านนอก แต่พอเห็นจากหางตาว่าตระการวางมีดกับส้อมลงบ้างก็หันกลับไปหา

“ถ้าต้นยังไม่อิ่มก็กินต่อสิ เดี๋ยวนั่งรอก็ได้ เสียดายค่าบุฟเฟต์”

ตระการส่ายหน้าพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม จากนั้นก็ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง “อาหารโรงแรมมันไม่ค่อยอร่อย ต้นอยากกินที่ไผ่ทำมากกว่า”

พรพฤกษ์กะพริบตา จากนั้นหัวคิ้วที่มุ่นน้อยๆ มาตลอดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลโดยไม่รู้ตัวก็คลายลง ริมฝีปากบางค่อยคลี่ยิ้มได้เมื่อได้ยินที่ตระการพูด

“เอาไว้กลับไปเชียงใหม่ก่อนสิจะทำกับข้าวให้ทุกมื้อเลย อยู่ที่นี่ต้นมีแม่บ้านทำให้อยู่แล้วนี่”

ทั้งคู่เงียบไปหลังจากนั้น ตระการมองพรพฤกษ์ที่กำลังหลุบตาลงมองโต๊ะ จากนั้นก็ยื่นมืออีกข้างไปวางทับบนมืออีกฝ่าย

“พ่อเขาพูดอะไรกับไผ่บ้าง เล่าให้ฟังได้มั้ย?”

พรพฤกษ์เหลือบตาขึ้น จากนั้นก็เบนสายตาลงอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจ ชายหนุ่มตัดสินใจเล่าบทสนทนาสั้นๆ ในห้องผู้ป่วยให้ตระการฟังโดยพยายามเลือกใช้คำให้อ่อนกว่าที่ตฤณพูดจริง แต่ตระการก็เดาได้เองว่าด้วยนิสัยแล้วพ่อของเขาคงใช้คำที่ตรงไปตรงมายิ่งกว่าที่พรพฤกษ์ใช้อย่างแน่นอน

ทั้งสองนั่งฟังเสียงการเคลื่อนไหวของแขกคนอื่นๆ ในห้องอาหารอย่างเงียบๆ หลังพรพฤกษ์เล่าจบ ครู่หนึ่งตระการก็เรียกพนักงานมาเก็บค่าอาหารแล้วเดินนำพรพฤกษ์ขึ้นไปที่ล็อบบี้

“ไผ่จะขึ้นห้องเลยหรือเปล่า? หรือว่าอยากออกไปเดินเล่นก่อน? กลางคืนแถวนี้มีตลาดอยู่”

ตระการเอ่ยหลังจากดูนาฬิกาข้อมือและเห็นว่าเพิ่งจะสองทุ่ม พรพฤกษ์จึงมองไปยังถนนด้านนอกที่เห็นได้ผ่านกระจกล็อบบี้ จากนั้นก็หันกลับมามองตระการที่ยังอยู่ในชุดสูทแม้ว่าจะคลายเนคไทให้หลวมและปลดกระดุมเม็ดบนไว้ พอก้มมองตัวเองที่อยู่ในเสื้อผ้าฝ้ายแขนยาวกับกางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบ ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นยิ้มแล้วส่ายหน้า

“อย่าดีกว่า เดี๋ยวดูเหมือนเสี่ยหิ้วเด็กไปเดินช้อปปิ้ง”

ชายหนุ่มหัวเราะเมื่อเห็นตระการทำหน้างง เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะการได้อยู่ห่างไกลสายตาของคนในครอบครัวของตระการ หรือเป็นเพราะได้บรรเทาความขุ่นมัวในใจด้วยการเล่าเรื่องที่คุยกับตฤณให้อีกฝ่ายฟัง แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าความทุกข์ในใจได้รับการปลดปล่อยจนอารมณ์ดีขึ้นมาก และไม่อยากจะคิดถึงเรื่องที่ทำให้เครียดอีกอย่างน้อยก็ตลอดคืนนี้ จึงดันหลังร่างสูงใหญ่ให้เดินไปที่ลิฟต์ด้วยกัน

“พวกเราขึ้นห้องกันเถอะ ตลาดแถวนี้มีแต่เสื้อผ้ากับของสำหรับขายฝรั่ง ถึงดูไปก็ไม่ซื้ออยู่ดี”

พรพฤกษ์พูดอย่างคุ้นเคย เพราะสมัยที่ยังทำงานในกรุงเทพฯ เขาก็เคยต้องมาทำธุระแถบย่านนี้บ่อยครั้ง จึงพอจะรู้ว่าถนนฝั่งตรงข้ามโรงแรมที่มาพักนั้นขึ้นชื่อในเรื่องอะไร แต่ก็เข้าใจว่าตระการคงไม่ทันได้คิดถึงจุดนี้เพราะเพียงต้องการพาเขามาหาที่พักค้างคืนตามที่ขอเท่านั้น

ทั้งสองกดลิฟต์ซึ่งอยู่บนชั้นลอยถัดจากล็อบบี้ แต่ขณะที่รอให้ลิฟต์ลงมาถึงและคนข้างในเดินออกมาก่อนนั่นเอง หญิงสาวซึ่งเดินควงแขนชายหนุ่มคนหนึ่งออกมาจากในลิฟต์ก็เหลือบมองพวกเขาแล้วชะงัก

“พี่ต้น?”

ตระการกับพรพฤกษ์หันไปตามเสียงเรียก และถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยพบตัวจริงของอีกฝ่ายมาก่อน แต่ภาพในข่าวที่เคยได้เห็นเมื่อนานมาแล้วยังคงติดตา พรพฤกษ์จึงจำได้ทันทีว่าสาวสวยตรงหน้าคือลลิตา นางแบบสาวที่เคยเป็นข่าวกับตระการ

“สวัสดีครับลิลลี่ มาทานข้าวที่นี่หรือ?”

ตระการค้อมศีรษะแล้วเอ่ยทัก อาจเพราะเขาไม่เคยคิดอะไรกับเธออยู่แล้ว ดังนั้นแม้ว่าจู่ๆ จะมาพบกันก็ไม่ทำให้ตกใจเหมือนตอนที่เจอเจนใจที่เชียงใหม่

ลลิตาเหลือบมองผู้ชายที่ตนยืนควงแขนอยู่อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หันกลับมายิ้มให้ตระการ แต่พรพฤกษ์ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ที่รอยยิ้มนั้นดูฝืดเฝือเล็กน้อย

“ค่ะ พอดีขึ้นไปคุยงานที่บาร์ข้างบนเพิ่งจะเสร็จ แล้วพี่ต้นมาทำอะไรที่นี่คะ ลี่นึกว่าพี่ต้นยังไม่กลับมาเมืองไทยเสียอีก”

“ก็กลับมาได้สักพักแล้วล่ะครับ ทันได้ข่าวของลิลลี่กับหนุ่มนักร้องพอดี ยินดีด้วยนะครับ ถ้ายังไงผมขอพาแฟนขึ้นไปที่ห้องก่อน”

พรพฤกษ์กะพริบตาปริบเมื่อจู่ๆ ตระการก็ยกแขนขึ้นโอบบ่าเขาแล้วรั้งตัวเข้าไปในลิฟต์ ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลงเขายังทันเห็นสีหน้าตกใจของชายหนุ่มกับหญิงสาวที่ยังยืนตะลึงอยู่ตรงนั้นได้ชัดเจน นัยน์ตาสีนิลวาวตวัดขึ้นมองคนข้างตัวเพราะรู้สึกได้ว่าร่างอีกฝ่ายกำลังสั่น และทำให้พบว่าตระการกำลังกลั้นหัวเราะอยู่

“นี่! เมื่อกี้จะไปบอกเขาแบบนั้นทำไมเล่า! เดี๋ยวก็ได้เป็นข่าวหรอก!!”

พรพฤกษ์ตำหนิทั้งที่ความร้อนเริ่มแผ่บนผิวหน้า เพราะเขารู้ดีว่าด้วยฐานะของตระการนั้นไม่ยากเลยที่จะเป็นข่าวโดยเฉพาะกับเรื่องส่วนตัวแบบนี้ แต่คนถูกว่าดูจะไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวแม้แต่น้อย ตระการเพียงแต่กอดอกพิงผนังลิฟต์แล้วมองเขายิ้มๆ

“ต้นไม่ได้เป็นดารานะไผ่จะได้เป็นข่าวง่ายๆ แล้วกับลิลลี่น่ะไม่ต้องห่วงหรอก อีกอย่างถ้าต้นไม่ทำแบบนี้เดี๋ยวไผ่ก็หึงเหมือนตอนที่เจอเจนอีกน่ะสิ”

ร่างสูงใหญ่ยิ้มชอบใจเมื่อเห็นพรพฤกษ์จ้องเขาตาขุ่นทั้งที่โหนกแก้มเป็นสีเข้มขึ้น เมื่อมาถึงชั้นที่ต้องการแล้ว ตระการจึงกุมมืออีกฝ่ายไว้แล้วก็จูงไปที่ห้องอย่างอารมณ์ดีจนคนที่เดินตามแปลกใจ

“เป็นอะไรน่ะต้น ดีใจที่เจอแฟนเก่าขนาดนั้นเลยหรือไง?”

ชายหนุ่มเอ่ยถาม แล้วก็ส่งเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อหลังจากปิดประตูแล้วตระการรั้งเขาเหวี่ยงลงไปนอนบนเตียงก่อนจะตามขึ้นทาบทับทั้งที่อยู่ในชุดสูท ยังไม่ทันที่เขาจะยันตัวขึ้นนั่งแล้วถามว่าเกิดบ้าอะไรขึ้นมา อีกฝ่ายก็จับมือทั้งสองข้างของเขาตรึงไว้กับเตียงแล้วแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากของเขา

นัยน์ตาสีนิลเบิ่งกว้างอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูกเพราะถูกจู่โจมอย่างกะทันหัน แต่เมื่อตระการเลื่อนมือหนึ่งขึ้นแนบแก้มของเขาแล้วเปลี่ยนมุมจูบ พรพฤกษ์ก็เลิกตั้งคำถามแล้วยกมือข้างที่เพิ่งเป็นอิสระขึ้นโอบคออีกฝ่ายไว้ ชายหนุ่มไล้เรียวลิ้นและขบกลีบปากของตระการเช่นเดียวกับที่อีกฝ่ายทำให้ ก่อนจะส่งเสียงครางในคออย่างขัดใจเมื่อร่างสูงใหญ่ผละออก เพียงเพื่อจะพบว่าตระการเพียงแต่ลุกขึ้นถอดเสื้อสูทและเชิ้ตออกก่อนจะทาบร่างที่เปลือยท่อนบนลงหาเขาอีกครั้ง

“อื้อ...ต้น ไม่ได้บอกว่าอยากมานอนนอกบ้านเพื่อให้ทำอย่างนี้นะ”

พรพฤกษ์ท้วงทั้งที่ร่างกายโอนอ่อนไปตามการปลุกเร้า อาจเพราะความอ่อนเพลียในวันนี้ประกอบกับความดีใจลึกๆ กับเรื่องเมื่อครู่ทำให้เขาไม่นึกอยากปฏิเสธสัมผัสจากร่างสูงใหญ่ เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจึงทอยิ้มยั่วก่อนจะก้มลงจูบพรพฤกษ์เร็วๆ จนเกิดเสียงดัง จากนั้นก็รั้งชายเสื้อผ้าฝ้ายขึ้นโดยไม่ได้รับการขัดขืน ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือแข็งแรงลูบไปตามผิวกายที่ลื่นละมุนมือก่อนจะก้มลงจูบบนหน้าท้องของพรพฤกษ์อย่างแผ่วเบา

“ไหนๆ ก็อุตส่าห์ออกมานอนนอกบ้านกันแล้วนี่นา แถมต้นก็ไม่ได้กอดไผ่มาหลายคืนแล้วด้วย พี่ชายใจดีกับต้นหน่อยนะ”

พรพฤกษ์ฟังแล้วให้นึกอยากถองคนเบื้องบนขึ้นมาติดหมัด ทีแบบนี้ล่ะทำปากดีมาเรียกพี่ชาย ทั้งที่ปกติต่อให้เขาแค่แทนตัวเองเล่นๆ ด้วยคำนี้ก็จะเห็นตระการทำหน้านิ่วทุกครั้ง แต่แล้วชายหนุ่มก็ได้แต่ยกมือขึ้นอุดเสียงร้องหลังตระการรั้งกางเกงของเขาลงแล้วใช้ริมฝีปากดุนที่ส่วนอ่อนไหว

“ต้น...อื้อ...ม”

เขาไม่รู้ว่ากางเกงถูกดึงไปจนพ้นขาได้อย่างไร หรือว่าตระการใช้วิธีไหนถอดเสื้อผ้าที่เหลือโดยที่เขาไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายผละไปสักเสี้ยววินาที แต่เมื่อรู้ตัวอีกครั้ง เรือนร่างที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้ออุ่นจัดก็แนบชิดลงมาจนไม่เหลือที่ว่างระหว่างทั้งคู่ ตระการไล้ปลายลิ้นเคลียไปบนแผ่นอกเรียบที่เริ่มกระเพื่อมถี่ตามแรงหอบหายใจ ส่วนมือทั้งสองข้างก็ลูบสะโพกตึงแน่นและเรียวขาเพรียวไปมาอย่างไม่รีบร้อน พรพฤกษ์รู้ดีว่าเนื่องจากนี่เป็นเพียงครั้งที่สอง ตระการจึงยังแตะต้องเขาอย่างระมัดระวังและอ่อนโยน และถึงแม้ครั้งแรกนั้นเขาจะตอบรับอย่างเงอะงะไม่เต็มใจ แต่ครั้งนี้เขาต้องการจะมอบทุกสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการให้โดยไม่อิดออดอีก จึงแนบฝ่ามือทั้งสองลงบนแก้มของคนที่กำลังพรมจูบบนยอดอกของเขาแล้วเอ่ยเสียงพร่า

“ต้น...จะทำเต็มที่ก็ได้นะ”

ตระการชะงักและเงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาสีนิลที่ฉ่ำเยิ้มด้วยความปรารถนาซึ่งถูกทำให้ตื่นตัว ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ เลื่อนตัวขึ้นจนสายตาของทั้งสองเสมอกันแล้วใช้มือหนึ่งเสยผมพรพฤกษ์ที่แนบติดหน้าผากให้

“ไผ่แน่ใจเหรอ?”

นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสะท้อนความรู้สึกห่วงใยอันลึกซึ้ง ขณะเดียวกันก็ไม่อาจบดบังประกายไฟของความปรารถนาซึ่งลุกโชนอยู่ภายใน และบัดนี้พรพฤกษ์ก็ตระหนักแล้วว่าอีกฝ่ายใช้แววตาแบบนี้เพื่อมองเขาเพียงคนเดียว จึงพยักหน้าโดยไม่ตะขิดตะขวงใจถึงแม้ว่ายิ่งถูกจ้องมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเขินก็ตาม

ร่างสูงใหญ่คำรามในคอเมื่อรู้สึกถึงการเสียดสีจากร่างกายท่อนล่างที่กำลังบดเบียดกัน และนั่นก็ราวกับเป็นสัญญาณให้เขาปลดปล่อยความต้องการที่กักเก็บไว้ออกมา พรพฤกษ์รู้สึกราวกับในหัวว่างเปล่าจนจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น รู้แต่ว่าการเคลื่อนไหวที่สอดประสานกันของทั้งคู่เป็นไปอย่างเร่าร้อนและบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันก็อ่อนโยนและหวานซึ้งจนเขาไม่คิดว่าคนคนหนึ่งจะปลุกทุกความรู้สึกในตัวเขาให้ปะทุขึ้นพร้อมกันได้แบบนี้ และนั่นก็ทำให้เขายิ่งโหยหาอยากจะเก็บความอบอุ่นและเร่าร้อนนี้ให้เป็นของเขาเพียงคนเดียวตลอดไปเช่นกัน

ตระการแสดงความรักกับเขาอย่างเปิดเผย ชื่นชมร่างกายของเขาโดยไม่ปิดซ่อนความพึงพอใจ ตักตวงความสุขจากเขาโดยไม่ลืมที่จะมอบสิ่งเดียวกันตอบแทนให้ และพรพฤกษ์ก็พบว่ายิ่งตระการปรนเปรอสิ่งเหล่านี้ให้กับเขาด้วยความทะนุถนอมมากแค่ไหน เขาก็ยิ่งอยากตอบสนองผ่านการแสดงออกเพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้มากขึ้นเท่านั้น

ตราบจนพายุอารมณ์ที่ปั่นป่วนพัดโหมขึ้นถึงขีดสุด ตระการก็ก้มลงจูบและกอดพรพฤกษ์เอาไว้แน่นราวกับแทนคำสัญญาว่าจะไม่มีวันปล่อยมือชั่วชีวิต และพรพฤกษ์ก็มั่นใจว่าต่อให้ใครจะไม่ยอมรับหรือขัดขวาง เขาก็จะไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปจากชีวิตเขาอย่างแน่นอน ชายหนุ่มฟังเสียงหอบหายใจที่คลุกเคล้าอย่างไม่เป็นจังหวะขณะที่ร่างเบื้องบนยังไซ้ปลายจมูกกับซอกคอของเขาอย่างอ้อยอิ่ง และรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิที่ถ่ายทอดผ่านทางผิวชื้นเหงื่อและร่างกายที่ยังคงประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน จากนั้นจึงเอียงหน้าไปยิ้มอย่างอ่อนเพลียพลางกระซิบคำที่รู้ดีว่าตระการชอบฟังที่สุด

“พี่ชายรักต้นนะ”


++------++


สายน้ำที่ไหลวนในอ่างส่งเสียงตามการเคลื่อนไหวของสองร่างที่นั่งแช่น้ำอุ่นด้วยกัน พรพฤกษ์นั่งพิงอกของตระการซึ่งใช้อ้อมแขนโอบเขาไว้หลวมๆ พลางยกมือหนึ่งรองน้ำขึ้นแล้วดูหยาดหยดที่ไหลผ่านร่องนิ้วของเขาซ้ำๆ อย่างไม่เบื่อหน่าย ครู่หนึ่งตระการจึงกดปลายจมูกลงบนแก้มของเขาแล้วเอ่ยถาม

“ไผ่หายเมื่อยหรือยัง?”

พรพฤกษ์หยุดเล่นกับน้ำในมือแล้วก็หันไปยิ้มให้คนข้างหลัง “ดีขึ้นแล้วล่ะ แต่ขออยู่แบบนี้ต่ออีกหน่อยได้หรือเปล่า? ยังไม่อยากลุกไปนอนเลย”

“เอาสิ ไผ่อยากขึ้นเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”

ตระการเอ่ยพลางรั้งเอวของพรพฤกษ์ให้เอนลงพิงเขาอีกจะได้นั่งสบายขึ้น จากนั้นก็ใช้สองมือบีบไปตามไหล่และแขนให้เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ พรพฤกษ์จึงระบายลมหายใจยาวแล้วก็หลับตาลง ริมฝีปากบางยกยิ้มน้อยๆ เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากชื้นของคนข้างหลังที่แนบลงบนหัวไหล่

เมื่อครู่นี้หลังจากที่ทั้งสองนอนพักสั้นๆ จนเริ่มหายเหนื่อย ตระการก็เริ่มท่วงทำนองรักกับเขาใหม่อีกครั้ง แต่ว่าครั้งหลังเป็นไปด้วยความอ่อนโยน ละมุนละไมและใช้เวลานานกว่าครั้งแรก ราวกับอีกฝ่ายอยากยืดเวลาที่จะมอบความสุขและเชยชมร่างกายของเขาให้นานที่สุด จวบจนการแสดงความรักบทนั้นจบลงแล้ว ตระการจึงอุ้มเขาที่เหนื่อยจนลุกเองไม่ไหวมาอาบน้ำให้และลงแช่น้ำอุ่นด้วยกัน

เนื่องจากห้องนอนของพวกเขาอยู่ชั้นค่อนข้างสูง ดังนั้นเมื่อมองผ่านผ้าม่านโปร่งตรงกระจกออกไปจึงสามารถเห็นแสงไฟจากถนนและตึกรามในย่านใกล้เคียงได้อย่างชัดเจน พรพฤกษ์เหม่อมองภาพภายนอกอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปหาคนที่เขานั่งพิงอยู่

“ต้น...ถามหน่อยสิ”

“อื้อ?”

“ลิลลี่น่ะ ที่ต้นบอกว่าไม่ต้องห่วงตอนที่เรายังอยู่ในลิฟต์กัน...มันหมายความว่ายังไง?”

ตระการมองแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของพรพฤกษ์ จากนั้นก็ยิ้มบางๆ “ถ้าต้นเล่าให้ฟัง ไผ่ต้องสัญญาว่าจะไม่ไปเล่าให้ใครฟังต่อนะ?”

พรพฤกษ์กลอกตา เขารู้ว่าถึงจุดนี้ตระการคงพร้อมที่จะเล่าทุกเรื่องที่เขาขอให้ฟังอยู่แล้ว เพียงแต่ยังแกล้งทำเป็นเล่นตัวก็เท่านั้น “จะให้ไปเล่าให้ใครฟังล่ะ ไม่ได้เป็นนักเขียนข่าวกอสซิปนี่ ถ้าหากไม่อยากเล่านักก็ไม่ต้องเล่าก็ได้”

คราวนี้ตระการหัวเราะจนพรพฤกษ์รู้สึกได้ว่าแผ่นอกด้านหลังกระเพื่อม “ยอมเล่าแล้วก็ได้ครับ นี่ต้นยอมเสียวาจาลูกผู้ชายที่ว่าจะไม่บอกใครเรื่องนี้เด็ดขาดเลยนะเนี่ย”

คนที่ถูกกอดแน่นขึ้นแกล้งทำเสียงจึ๊กจั๊กในคอ แต่ก็รอให้อีกฝ่ายเริ่มเล่าเองโดยไม่เซ้าซี้ ชั่วอึดใจตระการจึงเอ่ยขึ้น

“จะว่าไปลิลลี่ก็เป็นเด็กน่าสงสาร พ่อเขาเจ้าชู้แล้วก็แอบมีเมียน้อยหลายคน ตอนที่ลิลลี่ไปเรียนภาษาที่อเมริกาก็เลยค่อนข้างจะติดต้นเพราะว่าเราเคยรู้จักกันก่อนหน้านั้น แต่พอต้นคบเจนแล้วลิลลี่ก็เริ่มไปเที่ยวกับเด็กต่างชาติที่ไปเรียนภาษาพร้อมกับเขา ตอนนั้นต้นก็ไม่รู้หรอกเพราะว่าไม่ได้ไปคอยติดตาม แล้วจู่ๆ วันหนึ่งก็มีโทรศัพท์มาจากผู้ชายฮ่องกงที่ลิลลี่คบอยู่ตอนนั้น เขาบอกว่าลิลลี่เพิ่งไปทำแท้งแล้วก็เรียกจะหาแต่ต้นคนเดียว ต้นเลยต้องไปหาที่อพาร์ตเม้นท์ของเขาทั้งที่ไม่ได้บอกให้เจนรู้ด้วยซ้ำ”

พรพฤกษ์ทำตาโตแล้วก็หันขวับไปหาคนเล่า สิ่งที่ได้รับรู้นั้นเหนือความคาดหมายจนเขาคิดไม่ออกในทันทีว่าควรจะแสดงความเห็นอย่างไร

“ตอนต้นไปถึงอพาร์ตเม้นท์คนฮ่องกงนั่นก็ยังรออยู่ แต่พอถามเขาก็บอกว่าเขาไม่ใช่พ่อของเด็กแล้วก็กลับไปเลย ช่วงนั้นต้นเลยต้องช่วยพยาบาลลิลลี่อยู่หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ทำเอาเกือบทะเลาะกับเจนเพราะต้นบอกเจนได้แค่ว่าลิลลี่ไม่สบาย แต่บอกเรื่องที่ไปทำแท้งมาไม่ได้”

เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ตระการก็ระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ พรพฤกษ์จึงลูบแขนอีกฝ่ายที่โอบรอบเอวเขาเบาๆ และเริ่มจะเข้าใจว่าเพราะอะไรก่อนหน้านี้ลลิตาถึงชอบให้ข่าวว่ากำลังคบกับตระการ อาจจะทั้งเพราะความอ่อนโยนของอีกฝ่ายตอนที่ช่วยโอบอุ้มในช่วงที่ชีวิตลำบากที่สุดในต่างประเทศ และทั้งเพราะจะได้ปิดโอกาสไม่ให้ผู้ชายคนอื่นได้รับรู้ถึงประวัติอันไม่น่าเปิดเผยของเธออีก

“ถ้างั้น...ตอนนี้ต้นกับเขาก็ต่างคนต่างกุมความลับของอีกฝ่ายแล้วสิ?”

ชายหนุ่มถามขึ้น ตระการจึงทำท่าคิดแล้วก็ส่ายหน้า “ก็ไม่เชิงนะ เพราะถ้าพูดถึงความลับลิลลี่น่าจะมีเรื่องให้กังวลมากกว่าต้นเยอะ อย่างผู้ชายคนที่เราเจออยู่กับเขาที่หน้าลิฟต์นั่น...ถ้าต้นจำไม่ผิดรู้สึกว่าจะเป็นลูก ส.ส. ที่เพิ่งจะแต่งงานไป ก็น่าคิดเหมือนกันว่าแล้วนักร้องที่ลิลลี่กำลังควงอยู่เขารู้เรื่องนี้หรือเปล่า”

คราวนี้พรพฤกษ์เลิกคิ้วอย่างสงสัย เพราะตระการดูเหมือนจะรู้เรื่องต่างๆ ดีทั้งที่ไปคอยดูแลเขาที่เชียงใหม่อยู่ตั้งหลายเดือน จึงอดจะค่อนอย่างหมั่นไส้ไม่ได้

“รู้เยอะเหมือนกันนี่เราน่ะ”

“ก็แค่เก็บไว้เป็นข้อมูลเผื่อจำเป็น ต้นไม่ได้ตั้งใจจะเอาไปแฉให้ใครเดือดร้อนนี่นา นี่ก็เพิ่งจะเล่าให้ไผ่ฟังคนแรกเลยนะ”

ตระการยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาที่โดนเหน็บ พรพฤกษ์จึงได้แต่ถอนหายใจ แต่อย่างน้อยก็เบาใจว่าอีกฝ่ายรู้จักเล่ห์กลมากพอสำหรับหน้าที่ที่จะต้องสืบทอดกิจการอันใหญ่โตต่อไป “ก็ดีแล้วล่ะ ไม่ต้องไปเล่าให้ใครฟังอีกหรอก เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ แค่รู้ว่าจากนี้เขาคงไม่มายุ่งกับต้นอีกก็พอแล้ว”

เช่นเดียวกับความขุ่นเคืองของเขาที่เคยมีให้ตระการกับพ่อของเจ้าตัว...เขาก็ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องในอดีตที่ผ่านไปแล้วเช่นกัน และได้แต่หวังว่าสักวันตฤณจะก้าวผ่านความรู้สึกไม่ยอมรับพวกเขาไปได้ในที่สุด หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่เขาที่เป็นลูกของผู้หญิงที่รัก ก็เพื่อความสุขของตระการที่เป็นลูกชายคนเดียวก็ยังดี…

ร่างสูงใหญ่มองคนตรงหน้าที่นิ่งเงียบไป จากนั้นจึงเอาคางเกยบนไหล่แล้วโยกตัวเบาๆ “น้ำเริ่มจะเย็นแล้วนะ ไผ่อยากขึ้นหรือยัง?”

เมื่อถูกถาม พรพฤกษ์ก็ยกนิ้วมือของตัวเองซึ่งเริ่มย่นขึ้นดูแล้วก็หันไปพยักหน้า ตระการจึงลุกขึ้นก่อนพลางถอดจุกอุดน้ำออก จากนั้นก็เอาผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่มากางรอระหว่างที่เขาขึ้นจากอ่าง เมื่อซับหยดน้ำตามเนื้อตัวให้จนหมาดแล้วก็ช่วยอุ้มออกไปที่เตียง อาจเพราะช่วงที่เขายังใส่เฝือกหลังออกจากโรงพยาบาลใหม่ๆ นั้นตระการก็คอยทำแบบนี้ให้เป็นประจำอยู่แล้ว พรพฤกษ์จึงไม่ได้รู้สึกประดักประเดิดเท่าไหร่ที่ถูกทำเหมือนเป็นตุ๊กตาให้อีกฝ่ายแต่งตัวและเช็ดผมให้ และคิดว่าดีเหมือนกันที่มีคนมาคอยเอาใจ ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เขาอยู่คนเดียวแล้วต้องทำทุกอย่างเองตลอด

อาจจะเพราะเริ่มชินกับการอยู่ด้วยกันแล้วกระมัง...

หลังจากสวมเสื้อคลุมที่โรงแรมเตรียมไว้ให้ในห้องพักแทนชุดนอน ทั้งคู่ก็ปิดไฟแล้วล้มตัวลงบนเตียงด้วยกัน กระนั้นภายในห้องก็ไม่ถึงกับมืดสนิทเพราะเห็นแสงไฟจากในตัวเมืองผ่านผ้าม่านที่ไม่ได้รูดปิดจนสุดไว้ ทั้งสองนอนคุยกันเรื่องจิปาถะอีกเล็กน้อย และน่าแปลกที่ทั้งที่พรพฤกษ์น่าจะหลับก่อนเพราะความอ่อนเพลียจากกิจกรรมก่อนอาบน้ำ กลับกลายเป็นว่าตระการคือคนที่ผล็อยหลับก่อนหลังจากนอนคุยกันได้ไม่นาน แต่พรพฤกษ์ก็เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงอ่อนเพลีย เพราะถ้าหากเทียบกันจริงๆ ตระการคือคนที่ต้องคอยรับเรื่องเครียดและน่าเหน็ดเหนื่อยมากกว่าเขามาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องที่ต้องไปทำงานต่างประเทศแล้วบินกลับมาดูแลเขาหลังอุบัติเหตุ หรือเรื่องงานที่ต้องกลับมารับช่วงต่อและยังความกังวลกับอาการป่วยของพ่อที่เพิ่งจะกำเริบไปหยกๆ เมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องเหล่านี้ พรพฤกษ์จึงคิดว่าไม่ควรเอาภาระในใจของตัวเองไปสุมเพิ่มให้อีกฝ่ายต้องหนักใจมากขึ้นไปอีก

แค่นี้ก็มีเรื่องให้ต้องคิดเยอะแล้วสินะต้น...บางทีอาจมีวิธีที่ทุกฝ่ายสามารถจะพบกันครึ่งทางและเราไม่ต้องทำร้ายความรู้สึกใครก็ได้...

พรพฤกษ์คิดในใจพลางยกมือหนึ่งขึ้นลูบแก้มของตระการอย่างแผ่วเบา แต่อาจเพราะอีกฝ่ายยังหลับไม่สนิท ตระการจึงปรือตาขึ้นแล้วก็ยกมือขึ้นทาบมือเขาเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ยิ้มให้พลางถามด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความสะลึมสะลืออย่างปิดไม่มิด

“ยังไม่หลับอีกเหรอไผ่? ดึกแล้วนะ”

ชายหนุ่มยิ้มตอบ แม้จะไม่แน่ใจนักว่าท่ามกลางความมืดสลัวและความง่วงงุนของอีกฝ่ายจะทำให้รอยยิ้มของเขาส่งไปถึงหรือไม่ จากนั้นก็ขยับตัวไปแนบริมฝีปากลงกับริมฝีปากบางเบาๆ แล้วกระซิบ

“เดี๋ยวก็หลับแล้วล่ะ ต้นนอนต่อเถอะ”

ร่างสูงใหญ่ส่งเสียงรับในคอก่อนจะหลับตาอย่างว่าง่ายราวกับเด็กเล็กๆ ทว่าอ้อมแขนอุ่นก็กระชับให้ร่างของคนที่นอนข้างกายแนบชิดมากขึ้น พรพฤกษ์ระบายลมหายใจยาวออกมาเฮือกหนึ่งเมื่อคิดว่าพวกเขาต้องผ่านอะไรมาด้วยกันแค่ไหนกว่าจะถึงวันที่นอนเคียงกันได้อย่างเป็นธรรมชาติแบบนี้ และนับจากนี้ไปจะต้องพบเจอกับอะไรในอนาคตด้วยกันอีกมากสักเท่าไหร่ จากนั้นก็ยกแขนขึ้นโอบเอวของอีกฝ่ายบ้าง

นอนพักผ่อนเถอะนะต้น ต้นคอยทำอะไรๆ ให้มาเยอะแล้ว ต่อจากนี้ให้ไผ่ได้ทำอะไรเพื่อต้นบ้างก็แล้วกัน...

ภายในห้องนอนของโรงแรมที่มืดสลัว บนเตียงหนานุ่มขนาดใหญ่ซึ่งมีร่างสองร่างนอนเคียงคู่พลางแลกเปลี่ยนลมหายใจที่เต็มไปด้วยไออุ่นและกลิ่นอายของกันและกัน พรพฤกษ์นอนลืมตาขณะใช้ความคิดถึงเรื่องของเขากับตระการ ตลอดจนเรื่องของผู้คนรอบตัวพวกเขากลับไปกลับมาอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิดตราบจนค่อนคืน


++---tbc---++


A/N: ตอนใหม่มาแล้วค่า ตอนนี้ก็พยายามจะลดความอึมครึมลงมาอีกนะ แต่ไม่รู้ทำไมทั้งที่บอกว่าจะไม่ครึมแต่คนอ่านก็ยังบอกว่าครึมทุกที ไม่รู้ฉากหวานๆ ของตอนนี้จะพอช่วยอัพมู้ดได้บ้างหรือเปล่า ^^"

แล้วก็ไหนๆ เรื่องนี้ก็ใกล้จะจบแล้ว ก็ขอแจ้งข่าวอย่างไม่เป็นทางการหน่อย (แต่มีแนวโน้มสูง) ว่าตอนรวมเล่มคงต้องแบ่งเรื่องนี้เป็นสองเล่มจบค่ะ เพราะดูท่าทางจะหนากว่า เมื่อหัวใจเราใกล้กัน ซึ่งนั่นก็ปาไป 400 กว่าหน้าแล้ว ตอนนี้ก็คุยกับน้องที่วาดปกแล้วด้วยว่าให้เตรียมทำสำหรับสองปกไปเลย ยังไงกว่าจะได้เห็นปกและได้รายละเอียดแน่นอนก็คงตอนที่เขียนจบแล้วหรือว่าหลังจบเล็กน้อยนู่น แต่คาดว่าคงเปิดจองได้ในมกรานั่นแหละ ยังไงจะคอยอัพเดทเป็นระยะค่ะ

หวังว่าสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์เริ่มต้นการทำงาน + เรียนที่ดีของทุกๆ คน แล้วพบกันตอนหน้าค่า


Create Date : 13 ธันวาคม 2553
Last Update : 13 ธันวาคม 2553 14:05:47 น. 11 comments
Counter : 753 Pageviews.

 
อ่านตอนนี้แล้วยิ้มค่ะพี่ริน :)
รู้สึกอบอุ่นดีจัง ต้นกะไผ่รักกันขนาดนี้ เชื่อว่าเด๋วคุณพ่อก็คงยอมอ่อนลงแล้วล่่ะค่ะ
ส่วนลิลลี่ ถึงจะเคยหมั่นไส้ แต่ก็พอเข้าใจว่าคนทุกคนก็มีปัญหาของตัวเองทั้งนั้นอะเนอะคะ แล้วเพราะเค้ามีบางอย่างที่เป็นปมอยู่ในใจก็เลยต้องแสดงออกอะไรที่บางทีเรามองแล้วไม่ชอบใจออกมาเพื่อปกป้องตัวเอง :)
จะจบแล้วเหรอคะเนีื่ย แอบใจหายเหมือนกัน ยังไงอยากให้พี่รินช่วยกะงบคร่าวๆเผื่อเก็บตังล่วงหน้าแต่เนิ่นๆด้วยนะคะ 555
ขอบคุณมากค่ะ


โดย: milphinne* IP: 124.121.243.121 วันที่: 13 ธันวาคม 2553 เวลา:17:46:52 น.  

 
ต่างคนต่างกุมความลับ
แต่เรื่องของลิลลี่ดูเหมือนจะหนักกว่าจริงๆ ด้วย ตอนนี้แอบหวานเนอะ โฮกด้วย คึคึ
ไผ่คิดจะทำอะไรเพื่อต้นหรอ ขออย่าให้มีใครต้องเจ็บปวดละกันเนอะ


โดย: both^^ IP: 125.24.108.54 วันที่: 13 ธันวาคม 2553 เวลา:18:23:07 น.  

 
โหห แอบสงสารน้องลิลลี่เนอะ มิน่าล่ะ ...

แต่ตอนนี้ต้นน่ารักจัง บริการพี่ชายทุกอย่างเลยน้า คิคิ

เค้าคิดถึง น้องบอยยยยย //ไม่เกี่ยว -*-


โดย: NannY IP: 182.52.197.36 วันที่: 14 ธันวาคม 2553 เวลา:1:36:04 น.  

 
หวานจังเลยนู๋ริน น่ารักทั้งต้น-ไผ่ ความรักที่ทั้งสองคนมีให้แก่กัน จะช่วยพาทั้งสองก้าวผ่านช่วงเวลาอึมครืมนี้ไปได้นะค่ะ // จองหนังสือ 1 ชุดนะค่ะ


โดย: เอิงเอย IP: 118.172.59.4 วันที่: 14 ธันวาคม 2553 เวลา:19:00:02 น.  

 
น้องนุ่น เรื่องปมของลิลลี่นี่ก่อนจะเอามารีไรท์ยังมึนอยู่เลยค่ะว่าจะใส่เข้ามาตอนไหน แต่เป็นหนึ่งในปมที่แพลนไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มเขียนนู้นนนแน่ะ มานั่งนึกตอนนี้ก็...ไหงน้องเขาต้องผ่านเรื่องแย่มาขนาดนี้เนี่ย? (-*-)
ใจหายที่ใกล้จะจบแล้วเหมือนกันค่ะ ถ้าไม่ผิดพลาดก็น่าจะได้อ่านตอนจบกันภายในช่วงปีใหม่นี่ละ สำหรับค่าหนังสือนี่เดี๋ยวไว้ข้อมูลแน่นอนกว่านี้จะบอกนะคะ แต่คงเปิดจองยาวสองเดือนจะได้มีเวลาให้เก็บเงินค่ะ


ตาล อิอิอิ มาแบบไม่ให้ตั้งเนื้อตั้งตัวเลยเนอะ ว่าแต่ไผ่จะทำอะไรเพื่อต้นละเนี่ย ต้องติดตามๆ


คุณแนน ต้นนี่เป็นน้องชายที่ดีจริงๆนะคะเนี่ย 555 ว่าแต่น้องบอยนี่กระแสดีแฮะ ขนาดโผล่ออกมาน้อยแท้ๆ ต้องหาเรื่องให้ได้ออกมามั่งซะแล้วสิ ^^"


พี่เอิง ดีใจที่เรื่องหวานๆ ของต้นกับไผ่ช่วยสลายมู้ดอึมครึมได้บ้างนะคะ สำหรับหนังสือด้วยความยินดีเลยค่า


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 15 ธันวาคม 2553 เวลา:11:40:45 น.  

 
ก่อนอื่นขอ " เย้ๆๆๆๆๆๆ " ให้กับข่าวดีก่อน ที่พี่จะได้น้องต้นกะน้องไผ่ไปครอบครองในจำนวนเกินกว่า 1 เล่ม นั่นหมายถึงว่า พี่จะได้เชยชมภาพน้องต้นกะน้องไผ่เกินกว่า 2 หน้า ( ปกหน้า 2 ปกหลัง 2 ) + กล้ามไม่ขึ้น และ หมดกังวลว่าหนังสือจะตกลงมาตีหน้าที่มันเยินอยู่แล้วให้ไปกันใหญ่ (กรณีนอนอ่านแล้วเผลอหลับ ซึ่งเป็นเรื่องปกติชนอย่างมากสำหรับพี่ เหอๆๆๆ )


เข้าเรื่องดีกว่า

ความรู้สึก : ไม่ทันค่ะ พี่ตั้งรับไม่ทันจริงๆ ไม่คิดว่าจะมีฉากสวีทวี้ดบึ้ม (ที่รอคอยนักหนา) ด้วย เลยไม่ทันได้เตรียมตัว อ่านไปอ่านมาเกิดอาการชะงักชั่วครู่ เพราะต้องวิ่งไปหาพร๊อบไว้เช็ดน้ำหมาก เอ๊ยยยย ม่ายช่ายยย งานนี้มีเสียพร๊อบไปกับฉากเรียกน้ำลายพอสมควรอยุ่ ดีหน่อยที่ไม่ถึงขั้นเรียกเลือด เพราะถ้าถึงขั้นนั้นคงลำบากน่าดูเนื่องจากพร๊อบที่หามาได้มีจำนวนจำกัด 55555+ แต่ตอนนี้นอกจากจะวาบหวิวแล้ว ยังให้ความรู้สึกอบอุ่นด้วยนะเออ รู้สึก " แหม... รักกั้นรักกันจังเลยนะพ่อคู้ณณณณณ " อะไรประมาณนั้น (อิจฉาเล็กๆ เหอๆๆๆ)


คำคมประจำวันนี้ :

“ถ้าต้นยังไม่อิ่มก็กินต่อสิ เดี๋ยวนั่งรอก็ได้ เสียดายค่าบุฟเฟต์”

เอิ๊ก... เพิ่งรู้ว่าน้องไผ่งก อนาคตตระกูลสุวรรณฤทธิ์คงไม่ลำบากแน่นอนค่ะ เค้าว่ามีภรรยาดีเป็นศรีแก่ตัวนะค่ะน้องต้น


“ไผ่จะขึ้นห้องเลยหรือเปล่า? หรือว่าอยากออกไปเดินเล่นก่อน? กลางคืนแถวนี้มีตลาดอยู่”

อร๊ายยยย คิดอะไรอยู่ค่ะน้องต้น แหม... กินอิ่มแล้วจะหลับนอนเลยเหรอค้า... ไอ้ประโยคแรกเนี่ยเป็นประโยคจริงจังที่ต้องการคำตอบส่วนไอ้ประโยคหลังเนี่ยเป็นประโยคเสริมเพื่อไม่ให้ประเจิดประเจ้อใช่มั้ยค่ะเนี่ย


“อย่าดีกว่า เดี๋ยวดูเหมือนเสี่ยหิ้วเด็กไปเดินช้อปปิ้ง”

"เสี่ยต้น" ฮิ้วๆๆๆๆๆๆ


“พวกเราขึ้นห้องกันเถอะ ตลาดแถวนี้มีแต่เสื้อผ้ากับของสำหรับขายฝรั่ง ถึงดูไปก็ไม่ซื้ออยู่ดี”

น้องไผ่ ไม่เอาไม่พูดค่ะลูกเป็นสาวเป็นนาง แบบนี้เข้าทางน้องต้นเค้านะค่ะ ไม่เห็นสายตาวิบวับที่ตาต้นมองตอนถามประโยค " ไผ่จะขึ้นห้องเลยหรือเปล่า? " เหรอค่ะ เฮ้อ... ลูกแม่เสียรู้เค้าซะแล้ว


“ก็กลับมาได้สักพักแล้วล่ะครับ ทันได้ข่าวของลิลลี่กับหนุ่มนักร้องพอดี ยินดีด้วยนะครับ ถ้ายังไงผมขอพาแฟนขึ้นไปที่ห้องก่อน”

ป๊าดดดดด ประโยคเด็ดประโยคโดนใจ " ผมขอพาแฟนขึ้นไปที่ห้องก่อน" พูดได้โดนใจมากค่ะ น้องต้นน่ารักที่ซู้ดดดด


“ต้น...จะทำเต็มที่ก็ได้นะ”

โอ้วววววววว กำลังดูดยกล้อ (โอเลี้ยงใส่นม) อยู่ ยกล้อพุ่งปรี๊ดเกือบโดนจอแนะ เหอๆๆๆๆ น้องไผ่แร๊งส์มากกกกก รู้สึกว่าอ่านมาทั้งหมด ประโยคนี้ยกให้เลย 5 ดาว 5555+


“พี่ชายรักต้นนะ”

กรี๊ดดดดดด แม่ก็รักหนูนะหนูต้นหนูไผ่ (หนูรินด้วย เดี่ยวน้อยใจ เหอๆๆๆ )


“รู้เยอะเหมือนกันนี่เราน่ะ”

รู้เยอะ กับ แสนรู้ เนี่ยเหมือนกันป่าว

ปล. เม้นต์ตอนนี้เวิ่นเว้อเหลือเกิน กินพื้นที่ชาวบ้านน่าดู เหอๆๆๆ ไปดีกว่าต้องรีบไปปั้มเงินรอรวมเล่ม


โดย: aew IP: 125.27.83.173 วันที่: 15 ธันวาคม 2553 เวลา:17:03:29 น.  

 
พี่แอ๋ว อิอิ ตอนแรกคิดนานมากเลยนะเนี่ยว่าจะทำเล่มเดียวหรือสองเล่ม แต่พอคิดได้ว่าถ้าเกิดทำหนากว่าอ๊อฟ-นะ ตัวเองก็ลำบากเวลาอ่านเหมือนกัน เลยตัดสินใจได้ว่าทำสองเล่มน่าจะดีที่ซู้ด

สำหรับฉากวาบหวิวที่ใส่มาในตอนนี้ พอมาอ่านทวนแล้วแอบรู้สึกว่า "งืม...สั้นจังแฮะ" 555 ก็คาดว่าตอนรวมเล่มซึ่งต้องรีไรท์อยู่แล้วคงจะปรับตรงนี้นิดหน่อยค่ะ แต่เพราะโทนเรื่องนี้จะผู้ใหญ่ๆ เลยอาจไม่เรียกเลือดมากเท่า เป้-วิว กับ อ๊อฟ-นะ แต่ก็ไม่แน่ ในตอนพิเศษสำหรับรวมเล่มอาจมีเซอร์ไพรส์ก็ได้ใครจะรู้ (คนเขียนเองยังไม่รู้เลย รู้แต่ว่าต้องเอาเรื่องหลักให้จบก่อน)

คอมเม้นต์ยาวๆ ดีแล้วค่ะรินชอบ จะได้รู้ว่าคนอ่านคิดเห็นยังไงกับแต่ละประโยคที่เขียนออกไป ว่าแต่ รู้เยอะ กับ แสนรู้ นี่น่าจะเหมือนกันนะ อิอิ ไว้ได้ข้อมูลสำหรับจองเมื่อไหร่จะรีบแจ้งนะค้า


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 16 ธันวาคม 2553 เวลา:12:36:50 น.  

 
อู๊ยยยยยย อิจฉาไผ่จริงๆ ต้นทำให้ทุกอย่างเลย
ทั้งอุ่น ทั้งหวาน จะตาร้อนตาแฉะไปหมดแล้วค่าคุณริน

เชื่อว่าไผ่กับต้นและพ่อจะหาวิธีที่จะมาเจอกันครึ่งทางได้นะคะ เอาใจช่วยจ้า

ไฟท์ติ้งงงงงงงงงงงงง


โดย: joomjaa IP: 192.168.11.24, 58.9.112.211 วันที่: 17 ธันวาคม 2553 เวลา:10:21:51 น.  

 
พี่จุ๋ม รับผ้าเย็นเช็ดตาก่อนได้นะคะ หุหุ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจแทนไผ่กับต้นค่า


โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 18 ธันวาคม 2553 เวลา:19:30:49 น.  

 
กรี๊ดดดดดดดดดดด เปิดฉากมาก็หวานเลย “อาหารโรงแรมมันไม่ค่อยอร่อย ต้นอยากกินที่ไผ่ทำมากกว่า” เจอประโยคนี้เข้าไป รักตายเลยค่า ไม่กินก็เอามานี่มามะ เดี๋ยวแนนกินเอง ฮา....

ชอบตอนเปิดเผยเรื่องไผ่ต่อหน้าลิลลี่ด้วย สุดยอดค่าต้น ตรงไปตรงมาจริง แบบนี้ไผ่จะไม่รักมากได้ยังไงไหว

“เสี่ยหิ้วเด็ก” คิดได้ยังง้ายยยยไผ่- - อิมเมจอาเสี่ยนี่ต้องแบบ อ้วน ลงพุง หัวโล้น แต่ทั้งไผ่ทั้งต้นไม่ใช่เลยแม้แต่น้อย


พาร์ทนี้มาหวานจริงๆ “พี่ชายรักต้นนะ” ฮู้ยยยยย ชอบค่า น่ารักดีจังเลย
แต่พาร์ทต่อไปจะหวานเหมือนพาร์ทนี้มั้ยน้า


โดย: Aikiiz IP: 125.24.111.102 วันที่: 26 มิถุนายน 2554 เวลา:1:04:11 น.  

 
แมนมั่กๆอ่ะค่ะต้น เล่นประกาศโต้งๆไปเลยว่าจะขึ้นห้องไปพักผ่อนกะแฟน โอวววว ไผ่สบายใจได้แล้วนะ เล่นเปิดตัวไม่มีปิดบังกันซะขนาดนี้ แค่ระวังอย่าให้กระทบมาถึงงานก็พอแล้ว เดี๋ยวไม่งั้นมีหวังระเบิดลูกใหญ่ลงกลางวงแน่นอน เหลือก็แต่ทำให้พ่อยอมรับความรักครั้งนี้ให้ได้สินะ สู้เขาน๊าาาา


โดย: khun only IP: 49.49.166.116 วันที่: 26 กรกฎาคม 2556 เวลา:1:19:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.