|
แม้นมั่นคำสัญญา 3
แนะนำ
สำหรับคนที่เพิ่งได้อ่านนิยายเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ขออธิบายล่วงหน้าว่าเรื่องนี้จะเน้นที่ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกสองคนซึ่งเป็นชายทั้งคู่ และอาจมีเนื้อหาบางส่วนไม่เหมาะสมสำหรับเยาวชน หรือคนที่ไม่นิยมเรื่องแนว Boy's Love ดังนั้นหากไม่ชอบอ่านนิยายแนวที่ไม่มีนางเอก ขอแนะนำว่าให้คลิกไปอ่านหน้า About me , เท้าพาไป หรือ พร่ำ(เพ้อ)รายสะดวก ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปค่ะ เราเตือนคุณแล้วนะคะ
++------++
3.
จำเป็นแค่ไหนที่เราต้องใช้เวลาแรมปีในการทำความคุ้นเคยกับใครบางคน?
เงื่อนไขอะไรที่ทำให้ต้องปิดกั้นตัวเองจากมิตรภาพที่พร้อมจะก่อกำเนิด?
หากได้เปิดใจสักครั้ง เวลาไม่กี่วันก็เพียงพอจะชักนำคนสองคนให้ใกล้ชิดกันได้มากกว่าที่ใครจะคาดคิด
เสียงกริ่งโทรศัพท์บ้านที่ตั้งอยู่หลังเคาน์เตอร์ใกล้บันไดดังขึ้นเป็นจังหวะ ร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินลงมาชั้นล่างจึงเอื้อมมือแข็งแรงไปยกหูขึ้นรับ
สวัสดีครับ บ้านนฤมิตรครับ ...ห้องว่างวันเสาร์อาทิตย์ที่ 28-29 เดือนนี้เหรอ.....มีครับ อยากจองห้องทวินเบดสองห้อง...รอแป๊บนึงนะครับ
ตระการเอาหูโทรศัพท์หนีบตรงซอกคอขณะเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบกระดาษโน้ตแบบมีกาวในตัวกับปากกาขึ้นมา จากนั้นจึงยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้ง
ตกลงจองห้องทวินเบดสองห้องในชื่อคุณปาริดานะครับ ลงไว้ให้แล้วครับ...ค่าห้องพักมาจ่ายวันเช็คอินก็ได้ครับ ครับ...ขอบคุณมากครับ
ตระการวางหูโทรศัพท์กลับลงบนเครื่องหลังจบบทสนทนา จากนั้นก็ฉีกกระดาษโน้ตที่เพิ่งจดรายละเอียดขึ้นแปะบนช่องวันที่ที่แขกแจ้งจะมาพักบนปฏิทินข้างฝา ขณะเดียวกัน เจ้าของที่พักตัวจริงก็ชะโงกหน้าออกมาจากในครัว ในมือข้างหนึ่งถือตะหลิวที่มีคราบอาหารติดอยู่ด้วย
พรพฤกษ์มองแผ่นหลังของคนที่กำลังยืนกอดอกจ้องปฏิทิน จากนั้นก็ส่ายหน้ายิ้มๆ ตอนแรกที่โทรศัพท์ดังขึ้นนั้นเขากำลังวุ่นอยู่หน้าเตาจึงออกมารับไม่ทัน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องกังวลว่าปลายสายจะติดต่อเขาไม่ได้แล้ว
...ไปๆมาๆ ดูเหมือนแขกของเขาจะตั้งตำแหน่งผู้ช่วยดูแลเกสต์เฮ้าส์ให้ตัวเองไปแล้วเรียบร้อย...
ตระการรู้สึกได้ว่ามีสายตาจับจ้องจากด้านหลังจึงหันกลับไปหา พอได้สบตากับคนที่กำลังยิ้มจึงเลิกคิ้ว พรพฤกษ์มองสีหน้าไม่เข้าใจของอีกฝ่ายแล้วก็หัวเราะ
ต้นเริ่มคล่องแล้วนะเนี่ย เดี๋ยวเรายกบ้านให้ช่วยดูแลแล้วหนีไปพักร้อนซักระยะดีกว่า
พูดจบ คนที่ยังกำตะหลิวในมือก็หมุนตัวกลับเข้าไปในครัว ตระการจึงยิ้มขณะก้าวออกจากหลังเคาน์เตอร์ อยากทำงั้นก็เอาสิ แต่กลับมาเจอบ้านร้างไม่รู้ด้วย
ชายหนุ่มเย้าขณะเดินตามเข้าไปในครัวที่กรุ่นด้วยกลิ่นกับข้าวที่เพิ่งทำเสร็จ พอเห็นอาหารที่ตั้งอยู่บนโต๊ะก็เอ่ยทักอย่างประหลาดใจ
หือ ทำกับข้าวสามอย่างเลยเหรอวันนี้?
เจ้าของบ้านซึ่งควบตำแหน่งพ่อครัวยักคิ้ว พอดีงานที่เพิ่งแปลชิ้นล่าสุดมันเป็นรีวิวแนะนำร้านอาหารน่ะ หลังจากแปลเสร็จเลยคันไม้คันมืออยากทำเองขึ้นมา
พรพฤกษ์อธิบายพลางตักผัดเปรี้ยวหวานใส่ชาม จากนั้นจึงวางลงบนโต๊ะที่มีแกงส้มผักรวมกับไข่ยัดไส้เรียงกันอยู่ก่อนแล้ว ตระการจึงหัวเราะในคอเบาๆ ครับๆ เชื่อแล้วว่าวันนี้นึกครึ้มจริงๆ
ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยก่อนจะหยิบจานเปล่าสองใบขึ้นมาคดข้าวสวยใส่ ขณะเดียวกัน เจ้าของบ้านก็หันไปหยิบแก้วและเหยือกน้ำเย็นออกมาจากตู้เย็น หลังจากจัดวางทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งสองจึงนั่งลงทานอาหารที่โต๊ะในครัวด้วยกัน
เวลาผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ตระการเข้าพักที่บ้านนฤมิตร ด้วยความที่ไม่มีแขกอื่นมาพักในช่วงเดียวกัน และพรพฤกษ์ก็ไม่มีงานเขียนหรือแปลเร่งด่วนในวันแรกๆที่อีกฝ่ายมาถึง ดังนั้นเขาจึงรับเป็นธุระพาตระการตระเวนเที่ยวในเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงเนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้ศึกษาข้อมูลท่องเที่ยวใดๆมาเลย ประกอบกับการที่อายุไล่เลี่ยกันและคุยกันถูกคอ ทั้งคู่จึงสนิทกันอย่างง่ายดายจนเปลี่ยนมาเรียกชื่อเล่นโดยไม่มีสรรพนามนำหน้าตั้งแต่วันที่สอง และพรพฤกษ์ก็ไม่รู้ว่าเพราะอีกฝ่ายเกรงใจหรือเพราะไม่มีอะไรทำ แต่ว่าตระการก็มักจะเสนอตัวช่วยงานต่างๆในเกสต์เฮ้าส์เป็นประจำด้วยความเต็มใจ
ไผ่ทำอาหารเก่งจัง
ตระการเอ่ยชมหลังจากเริ่มทานมื้อเช้าที่ค่อนข้างสายกันได้ครู่หนึ่ง พรพฤกษ์จึงละสายตาจากจานข้าวขึ้นยิ้ม
ก็แค่พอทำได้เท่านั้นแหละ มื้อนี้ก็มีแต่ของง่ายๆ ใครๆก็ทำได้ทั้งนั้น
คนทำกับข้าวพูดถ่อมตัวราวกับเป็นเรื่องธรรมดา แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้า
ทำได้กับทำแล้วอร่อยมันไม่เหมือนกัน ขนาดแค่ผัดกระเพราไก่ที่ไผ่ทำเมื่อวานยังอร่อยกว่าร้านป้าที่เคยสั่งมากินกันเลย
ตระการเอ่ยแล้วก็ตักข้าวทานต่อ พรพฤกษ์ได้ฟังแล้วก็ยิ้ม คงเพราะว่าหลายปีมานี้เขาไม่ค่อยได้ทำอาหารให้คนอื่นทานนัก พอถูกชมมากเข้าจึงรู้สึกเขินๆ
ถ้าจะชมว่าอร่อยก็ต้องขอบคุณสูตรของตานั่นล่ะ เพราะว่าตาคอยให้ช่วยทำกับข้าวมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างตาก็สอนตลอดว่าต้องประหยัดแล้วอย่าซื้อข้าวข้างนอกกินบ่อยนัก ก็เลยติดนิสัยชอบทำกับข้าวเองถ้ามีเวลา
ตระการพยักหน้ารับรู้ อย่างนี้ใครได้ไปเป็นพ่อบ้านสบายเลย
พรพฤกษ์หัวเราะพลางเหยาะซอสลงบนไข่ยัดไส้ในจานของตัวเอง สนใจจ้างไปทำกับข้าวที่บ้านมั้ยล่ะ? แต่บอกไว้ก่อนว่าค่าจ้างแพงนะ
คนพูดเพียงแค่ตามน้ำไปโดยไม่ได้คิดจริงจัง แต่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกลับตอบรับทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด
เอา...ถ้าเป็นไผ่ แพงแค่ไหนก็จ่าย
คำตอบสบายๆนั้นทำให้คนฟังชะงัก ริมฝีปากบางเผยอคล้ายไม่เชื่อว่าตนเพิ่งได้ยินอะไร และหากคนที่ฟังแล้วไม่ได้คิดอะไรก็อาจจะนึกว่าคนพูดเพียงเล่นมุกตามเขาก็ได้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขากลับพบว่าตนเองต่อบทสนทนาไม่ถูก
ตระการเอะใจกับความเงียบที่เข้าครอบคลุมโต๊ะอาหารอย่างกะทันหัน ใบหน้าคมคายเงยขึ้นจากจานอาหารที่ทานเกือบหมดแล้วเพื่อมองคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ทำให้ได้เห็นว่าโหนกแก้มทั้งสองของพรพฤกษ์เป็นสีเข้มขึ้น ชายหนุ่มรีบนึกว่าเมื่อครู่ตนพูดอะไรไปจึงทำให้อีกฝ่ายแสดงกิริยาแบบนั้น ทันทีที่นึกออก เขาก็กระแอมและรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
เออใช่
เกือบลืมไปเลย วันนี้ว่าจะขอยืมรถเข้าเมืองไปร้านหนังสือหน่อย ไผ่จะไปด้วยกันมั้ย? หรือจะฝากซื้ออะไรหรือเปล่า? เห็นว่าผงซักฟอกใกล้หมดแล้วนี่นา ทิชชูกับกาแฟก็ด้วยใช่มั้ย?
คราวนี้ความเงียบถูกทำลายด้วยคำถามรัวเร็วและยาวเหยียด คนถูกถามจึงกะพริบตาปริบๆเพราะปรับอารมณ์ตามเกือบไม่ทัน จากนั้นก็หัวเราะพรืด
ขออยู่บ้านดีกว่า ยังมีงานแปลที่เหลือต้องทำให้เสร็จทันส่งพรุ่งนี้ แต่เดี๋ยวจะจดรายการของที่จะฝากซื้อให้ก็แล้วกัน
พรพฤกษ์เอ่ยแล้วก็ลุกขึ้นพลางหยิบจานอาหารที่กินเสร็จแล้วไปวางในอ่าง ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆดังมาจากด้านหลัง แต่ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินออกจากครัวไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อหากระดาษกับปากกาสำหรับจดรายการของที่จำเป็นต้องซื้อเข้าบ้าน เพราะเขามั่นใจว่าเดี๋ยวตระการก็เก็บล้างให้เองเหมือนทุกครั้ง ซึ่งที่มาของการแบ่งหน้าที่กันชัดเจนเช่นนี้ก็เนื่องจากตั้งแต่วันแรกเป็นต้นมา เวลาพรพฤกษ์ทำอาหารก็จะทำเผื่อตระการด้วยทุกมื้อ แถมเมื่ออีกฝ่ายออกตัวว่าจะจ่ายค่าข้าวให้เขาก็ไม่ยอมรับ ดังนั้นเจ้าตัวจึงอาสาเป็นฝ่ายเก็บล้างหลังจากทานข้าวกันเสร็จเพื่อเป็นการตอบแทน
ร่างสูงเพรียวเดินเข้าไปที่หลังเคาน์เตอร์ข้างบันไดแล้วก็หยิบกระดาษกับปากกาออกจากลิ้นชัก จากนั้นจึงเริ่มจดรายการของที่นึกได้ว่าใกล้จะหมดและจำเป็นต้องซื้อ ระหว่างที่กำลังใช้ความคิด ชายหนุ่มก็เคาะปลายปากกากับริมฝีปากตัวเองเบาๆพลางเหม่อมองเข้าไปในครัว
เพราะลักษณะการวางผังของห้องนั่งเล่น ที่ว่างด้านหน้าเคาน์เตอร์ข้างบันไดจึงโล่งเป็นแนวตรงเข้าไปในห้องครัว ทั้งนี้ก็เพราะว่าระหว่างวันพรพฤกษ์จะเดินเข้าๆออกๆระหว่างเคาน์เตอร์เข้าไปในครัววันละหลายครั้ง ตอนที่ปรับปรุงบ้านหลังนี้ให้เป็นเกสต์เฮ้าส์ก็เลยจัดเฟอร์นิเจอร์บริเวณนี้ให้อำนวยความสะดวกในการเดินไปมา และจากมุมที่เขายืนอยู่หลังเคาน์เตอร์นั้น ยามที่มองเข้าไปในครัวก็จะเห็นคนอีกคนที่กำลังหันหน้าเข้าหาอ่างล้างจานและหันข้างให้เขาได้พอดี
พรพฤกษ์ยอมรับว่าท่าทางคล่องแคล่วของตระการยามล้างจานหรือทำงานบ้านทำให้เขาประหลาดใจในบางครั้ง เพราะถึงแม้เจ้าตัวจะไม่เคยเล่ารายละเอียดว่ากิจการของครอบครัวที่ต้องดูแลนั้นเกี่ยวกับอะไร แต่พรพฤกษ์ก็พอจะเดาได้จากวิธีการวางตัว การใช้คำพูด และเสื้อผ้าข้าวของที่ตระการใช้ว่าเจ้าตัวน่าจะเป็นคนมีฐานะดีทีเดียว ถึงแม้ว่าแต่ละชิ้นจะเป็นแบบเรียบๆไม่เตะตาก็ตาม แต่สุดท้ายก็ปัดข้อสงสัยทิ้งไปเพราะคาดว่าการที่เจ้าตัวเคยใช้ชีวิตในต่างประเทศหลายปีคงทำให้ต้องหัดพึ่งตัวเองพอสมควร
ชายหนุ่มเหม่อมองอีกฝ่ายนิ่งอย่างไม่รู้ตัว พลันก็สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆคนที่มองอยู่ก็หันกลับมาทางเขา อีกฝ่ายเลิกคิ้วก่อนจะส่งยิ้มให้ และรอยยิ้มนั้นก็ทำให้พรพฤกษ์ต้องรีบดึงสายตากลับมาแล้วพยายามนึกชื่อของที่จะฝากซื้อเพิ่ม
ให้มันได้งี้สิน่า...จะอะไรกันนักหนามาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ...
พรพฤกษ์รำพึงกับตัวเองพลางใช้มือข้างที่ไม่ได้ถือปากกานวดขมับ แต่พอปรายตาไปทางครัวอีกครั้งก็สบตากับร่างสูงที่ยืนอยู่จนต้องรีบหันกลับมาอีก แต่ดูเหมือนคราวนี้อีกฝ่ายจะมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เพราะว่าตระการก็แสดงท่าทางตกใจที่ประสานสายตากับเขาเหมือนกัน
คราวนี้คนที่ยืนหลังเคาน์เตอร์รีบจดรายการของจิปาถะทุกชนิดที่นึกออก ชายหนุ่มฉีกกระดาษโน้ตแผ่นนั้นแล้วก็หยิบธนบัตรสีเทาสองใบออกจากกระเป๋าสตางค์ จากนั้นก็เดินอ้อมเคาน์เตอร์กลับเข้าไปในครัวเพื่อขจัดบรรยากาศแปลกๆที่รายล้อมอยู่ในบ้าน
นี่รายการของที่ต้องซื้อ ส่วนนี่เงินสองพันบาท คิดว่าน่าจะพอนะ แต่ถ้าไม่พอต้นก็กลับมาเบิกก็แล้วกัน
ชายหนุ่มเอ่ยแล้วก็ยัดกระดาษกับธนบัตรใส่ในมือของตระการที่ยังเช็ดไม่แห้ง ร่างสูงใหญ่เลิกคิ้วเมื่อโดนพรพฤกษ์จับเขาหมุนตัวแล้วก็รุนหลังไปทางโรงรถ พอมาส่งแล้วร่างเพรียวก็ทำท่าจะหมุนตัวกลับเข้าบ้านทันที ตระการจึงรีบหันไปเรียกอีกฝ่ายไว้
เดี๋ยวไผ่ อยากกินขนมอะไรหรือเปล่า? ถ้าผ่านจะได้ซื้อมาฝาก
พรพฤกษ์หยุดฝีเท้าบนบันไดหน้าระเบียงบ้าน จากนั้นก็หันกลับไปหาคนถามแล้วส่ายหน้า ต้นอยากกินอะไรก็ซื้อมาเถอะ ยังไงฝากเติมน้ำมันกับเช็คลมยางรถตอนขากลับด้วยก็ดี
อีกฝ่ายตอบทั้งที่นัยน์ตามองไปทางอื่น ตระการจึงยิ้มขำ
งั้นจะรีบไปรีบกลับนะ
ร่างสูงเปิดประตูแล้วก็เข้าไปนั่งประจำที่คนขับ จากนั้นก็โบกมือให้เขาก่อนจะถอยรถแล้วขับออกไป ทิ้งไว้เพียงรอยล้อรถบนถนนโรยกรวดแฉะๆ
พรพฤกษ์มองตามหลังรถเก๋งสีน้ำเงินของตัวเองจนกระทั่งลับสายตา ความเป็นไปในบ้านตั้งแต่เริ่มทานอาหารกันจนถึงเมื่อไม่กี่นาทีก่อนปลุกความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยให้แผ่ซ่านช้าๆในอก ส่วนหัวใจก็ดูจะเต้นเร็วขึ้นกว่าปกติมาตั้งแต่นาทีที่บังเอิญสบตากับตระการในครัวเมื่อครู่จนต้องพยายามเลี่ยงการมองหน้าอีกฝ่ายขึ้นมาอย่างกะทันหัน
คงไม่มีอะไรหรอก...ก็แค่ยังไม่ชินกับการมีแขกที่มาพักนานๆแล้วทำตัวสนิทกันเหมือนเพื่อนแบบนี้เท่านั้นเอง
ชายหนุ่มคิดก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเอาผ้าที่ซักไว้ออกจากเครื่อง เนื่องจากหลายวันมานี้มีฝนหยุมหยิมตกตลอดแถมวันละหลายเวลา เขาจึงต้องรีบฉวยโอกาสที่ฟ้ากำลังปลอดโปร่งรีบเอาผ้าออกตากเสียก่อน
++------++
ราวยี่สิบนาทีหลังออกมาจากบ้านนฤมิตร ตระการก็ขับรถเข้ามาถึงตัวเมือง ชายหนุ่มแตะเบรกเมื่อเห็นสัญญานไฟตรงสี่แยกเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นสัญญานไฟสำหรับคนข้ามถนนก็สว่างวาบพร้อมกับเสียงสัญญานเร่งให้คนเดินข้าม
เมื่อได้มาใช้ชีวิตที่นี่หลายวันเข้า ตระการก็อดคิดไม่ได้ว่าตัวเมืองเชียงใหม่บางมุมก็ทำให้เขาคิดถึงกรุงเทพ เพราะความเจริญของถนนหนทางและย่านร้านค้าที่ไม่ต่างจากบางย่านที่เขาคุ้นเคยแถวบ้าน แต่ในบางมุมก็มีกลิ่นอายที่บ่งบอกความเป็นเมืองเหนือที่ยังมีเอกลักษณ์แตกต่างไปจนสัมผัสได้ ดังนั้นถึงแม้จะเพิ่งได้มาอยู่ที่นี่ไม่นาน แถมส่วนมากยังเป็นที่เกสต์เฮ้าส์ของพรพฤกษ์ที่นอกเมืองอีกด้วย แต่เขาก็เริ่มจะชอบบรรยากาศที่ไม่ค่อยวุ่นวายหรือพลุกพล่านเกินไปของที่นี่มากขึ้นทุกที
ระหว่างที่กำลังรอสัญญานไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว สามีภรรยาชาวตะวันตกคู่หนึ่งก็เดินข้ามทางม้าลายผ่านหน้ารถของเขา บนบ่าของผู้เป็นพ่อมีเด็กชายแก้มแดงยุ้ยนั่งคร่อมอยู่ ตระการเดาว่าเจ้าตัวน้อยที่ผมสีน้ำตาลอ่อนนั้นน่าจะอายุราวสองถึงสามขวบเท่านั้น มือเล็กทั้งสองข้างเกาะศีรษะของพ่อเอาไว้ขณะที่นัยน์ตากลมโตสอดส่ายไปรอบตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ชายหนุ่มเหม่อมองตามครอบครัวสามพ่อแม่ลูกจนกระทั่งเดินหายไปในตรอกเล็กๆ ภาพที่เห็นเรียกความทรงจำของเขาเองให้หวนกลับมา แต่ไม่ว่าจะนึกย้อนกลับไปตอนที่ยังเด็กขนาดไหน เขาก็ไม่สามารถจำภาพบรรยากาศที่อบอุ่นชื่นมื่นเช่นที่ได้เห็นออกเลย ตรงกันข้าม สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเขากลับมีแต่สิ่งที่ไม่น่านึกถึง
คุณคะ ให้ต้นได้เลือกเรียนอย่างที่เค้าชอบเถอะนะคะ
เธอก็ดีแต่ตามใจ มันก็รู้ว่ายังไงมันก็ต้องกลับมาสานต่อกิจการที่ฉันเริ่มไว้ แล้วทำไมฉันจะต้องให้มันเสียเวลาไปเรียนอะไรที่ไม่มีประโยชน์อย่างนั้นด้วย
คุณตฤณ
ถือว่าเห็นแก่พิม อย่างน้อยตอนนี้ให้แกได้ทำสิ่งที่อยากทำเถอะค่ะ
ตระการสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงแตรรถคันหลังบีบไล่ นัยน์ตาคมเหลือบมองไฟสัญญานที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว จากนั้นจึงเปลี่ยนเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งอย่างแรงจนยางล้อรถบดถนนเป็นเสียงแหลมกรีดหู
คิดถึงเรื่องนี้ไปก็เปล่าประโยชน์...
ชายหนุ่มคิดในใจ จากนั้นก็หักเลี้ยวรถเข้าในตลาดแห่งหนึ่งและถอยรถเข้าจอดในที่ว่าง เมื่อล็อครถเรียบร้อยก็เดินเข้าไปด้านในตลาด นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองหาตู้โทรศัพท์แบบใช้บัตรที่จำได้ว่าเคยเห็นตอนเข้าเมืองมาซื้อของกับพรพฤกษ์เมื่อคราวก่อน ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อพบสิ่งที่มองหา ตระการก้าวยาวๆไปที่ตู้โทรศัพท์แล้วหยิบบัตรโทรจากกระเป๋าเสื้อขึ้นเสียบและกดหมายเลขเก้าหลักที่เขาจำได้ขึ้นใจ หลังจากฟังสัญญานเรียกอยู่ครู่หนึ่ง เสียงของหญิงวัยกลางคนที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจากปลายสาย
สวัสดีค่ะ ที่นี่บ้านสุวรรณฤทธิ์ค่ะ
ตระการระบายลมหายใจที่ไม่รู้ตัวว่ากลั้นไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ออกมา นี่เขาคิดว่าใครจะเป็นคนมารับสายกันล่ะ...พ่อของเขางั้นรึ...
ป้าแสน ผมต้นนะ พ่ออยู่ไหมครับ?
ชายหนุ่มยังถามไม่ทันจบประโยค เสียงของคู่สนทนาก็ดังขึ้นด้วยความตื่นเต้น คุณต้น!! ตายแล้วพ่อคุณ! อยู่ดีๆก็หายไปจากบ้าน คุณท่านก็อารมณ์เสียตลอดที่ติดตามคุณต้นไม่ได้เลย แล้วนี่คุณต้นอยู่ที่ไหนคะ?
ตระการตัดบทโดยไม่ตอบคำถามของหญิงแม่บ้านเลยสักคำถาม ถ้าพ่ออยู่ ขอผมคุยด้วยหน่อยครับ
น้ำเสียงที่เหมือนคนพูดกำลังสะกดอารมณ์ทำให้หญิงวัยกลางคนอึ้งไป อีกฝ่ายรีบรับคำอย่างละล่ำละลักก่อนจะบอกให้เขารอ หลังจากตระการยืนถือหูโทรศัพท์รออยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่ค่อนข้างแหบดังขึ้น
แกอยู่ที่ไหน?
คำถามสั้นห้วน น้ำเสียงนิ่งแต่ทรงพลังราวจะคุกคามเขาอยู่ในที ไม่มีแม้คำถามไถ่สารทุกข์สุขดิบตามแบบที่บิดาทั่วไปพึงถามลูกชายที่จู่ๆก็หายตัวไปจากบ้าน ทว่าตระการก็มิได้คาดหวังอยู่แล้วว่าจะได้ยินคำพูดที่แสดงความห่วงใยจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้กำเนิด เพราะดูเหมือนชีวิตที่ต้องต่อสู้สร้างฐานะมาตลอดในวัยหนุ่มคงเผาผลาญความรู้สึกอ่อนโยนของพ่อเขาให้เหือดแห้งไปหมดแล้ว
ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบกลับ ผมเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้แล้วนี่ครับว่าไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องงานผมก็ฝากคุณวรชัยไว้แล้ว ตอนนี้ไม่มีเรื่องที่ต้องตัดสินใจเร่งด่วน อาวีเขาจัดการได้พ่อก็รู้
ดูเหมือนคำตอบที่ได้จะไม่ใช่สิ่งที่คู่สนทนาต้องการ เพราะน้ำเสียงที่เอ่ยประโยคต่อมาอาจจะเรียกได้ว่าดุดันยิ่งกว่าประโยคแรก แต่ตอนนี้เรามีโครงการลงทุนร่วมที่ต้องคุยกับคุณลิขิตอยู่นะ
ตระการกลอกตา แต่เราไม่ใช่รายเดียวที่ทางนั้นกำลังเจรจาอยู่นี่ครับ
ชายหนุ่มเพียงแต่ตอบไปตามที่คิด แต่สิ่งที่พูดไปกลับกระตุ้นต่อมฉุนเฉียวของอีกฝ่ายจนเสียงเข้มมากยิ่งกว่าเก่า ไม่ต้องมาเถียง! แกคิดว่าแกมีสิทธิ์อะไรถึงจะมาทำให้ธุรกิจในเครือที่ฉันสร้างมาต้องตกต่ำเพราะแกไม่ดิ้นรน ฉันให้อิสระที่แกต้องการมามากเกินพอแล้วต้น! ตื่นจากความฝันแล้วมาเจอกับชีวิตจริงได้แล้ว!!
น้ำเสียงและคำพูดอันเกรี้ยวกราดนั้นราวกับมีดที่บาดลึกในใจคนฟัง อีกแล้ว
คำพูดเดิมๆ บทสนทนาเดิมๆที่ซ้ำซากอยู่กับเรื่องเก่าๆราวกับอัดเสียงเอาไว้ บ่อยครั้งที่ตระการรู้สึกเหมือนกับตัวเองเกิดผิดที่ และบ่อยครั้งเช่นกันที่เขาถามตัวเองว่า ถ้าหากเขาได้เติบโตมาในครอบครัวของคนชั้นกลางทั่วไป ไม่ใช่ครอบครัวที่ผู้นำเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พันล้าน ชีวิตของเขาจะมีอิสระเสรีและมีความสุขมากกว่านี้สักเพียงไหน ทว่าชายหนุ่มยังไม่ทันจะได้เอ่ยโต้ตอบ พ่อของเขาก็สำทับใส่โทรศัพท์ตามมาอีก
แล้วก็หนูลิลลี่น่ะ เขาโทรมาหาแกที่บ้านหลายรอบแล้ว ยังไงฝ่ายนั้นก็เป็นผู้หญิง อย่าทำให้เขาต้องงามหน้าไปมากกว่านี้ ติดต่อกลับไปหาเขาซะด้วย
ตระการจับอะไรบางอย่างได้จากน้ำเสียงของบิดา ชายหนุ่มจึงรีบแก้ตัว พ่อ... ผมกับลิลลี่ไม่ได้เป็นอะไรกันนะครับ เราเจอกันในงานเลี้ยงบ้างก็จริง แต่นักข่าวเอาไปเขียนข่าวกันเอง ผมไม่เคยนัดเจอเขาเป็นการส่วนตัวเลยสักครั้ง
หึ...งั้นที่เขาให้สัมภาษณ์สื่อไปปาวๆว่าพวกแกสนิทสนมกันมากนั่นจะว่ายังไง ยังไงบ้านเขาก็มีหน้ามีตา ถ้าแกจะดองกับเขาฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ช่วยรักษาหน้าฉันด้วยการทำอย่างเปิดเผยด้วย
น้ำเสียงลงท้ายนั้นมีประกายเหยียดหยันอยู่ในที ตระการกำหูโทรศัพท์แน่นจนข้อนิ้วเป็นสีขาว อันที่จริงเขาควรจะชินได้แล้วกับการที่บิดามักโยงเรื่องความสัมพันธ์ของคนให้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ถ้าไม่เพียงเพราะเขาเคยประสบมาแล้วด้วยตนเองว่าอย่างน้อยผู้ให้กำเนิดก็ยังมีความรู้สึกรัก โลภ โกรธ หลงตามประสาผู้ชายทั่วไปกับผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง เขาคงคิดว่าตฤณ สุวรรณฤทธิ์ ผู้ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นหนึ่งในนักธุรกิจชั้นนำของประเทศนั้นมีหัวใจที่ตายด้านไปแล้วจริงๆ
...เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะติดต่ออาวีเรื่องโปรเจ็กต์ของคุณลิขิตเองก็แล้วกัน ส่วนเรื่องลิลลี่...ผมจะตัดสินใจเองว่าจะทำยังไงต่อไป
ตระการตอบด้วยน้ำเสียงที่หวังว่าจะไม่ทำให้อีกฝ่ายจับอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นได้ และอย่างน้อยๆ การคุยโทรศัพท์ที่ไม่ต้องเห็นหน้ากันก็คงช่วยให้พ่อของเขาไม่ระแวงสงสัยได้บ้างว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหน
แต่ก็นั่นแหละ...พ่อของเขาเคยสนใจว่าเขาคิดอะไรหรือรู้สึกอย่างไรตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...
แกจะทำอะไรก็รีบทำ แล้วก็รีบๆกลับมากรุงเทพฯได้แล้ว อย่าให้ฉันต้องให้คนไปพาแกกลับมา รู้ไว้ว่าจะตามตัวแกน่ะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับฉัน
ปลายสายตัดบทด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปิดบังถึงความรำคาญ ตระการได้ฟังดังนั้นก็นิ่งไป เขาตระหนักดีว่าเวลาแห่งความสุขอันหอมหวานที่ตนเองลิ้มรสอยู่นั้นกำลังหดสั้นลงทุกที แต่อย่างน้อยเขาก็อยากจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนจะต้องกลับไปเผชิญกับชีวิตที่แตกต่างไปจากตอนนี้
ชีวิตที่จะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ...
ผมรู้ว่าพ่อทำได้ อย่างน้อยผมขอทำตามคำขอของแม่ให้เรียบร้อยก่อน แล้วราวสัปดาห์หน้าผมจะกลับไป
น้ำเสียงของเขาแผ่วกว่าที่ตั้งใจ แต่ดูเหมือนพ่อของเขาจะไม่ได้สังเกต เพราะอีกฝ่ายเพียงบ่นพึมพำรับรู้ในคอก่อนจะวางสายไป ตระการยืนฟังเสียงสัญญานสักครู่ก็วางหูโทรศัพท์ลงบ้าง ทว่าร่างสูงใหญ่กลับพบว่าร่างกายของตนหนักอึ้งจนไม่สามารถขยับเขยื้อนไปจากที่
ชายหนุ่มนึกย้อนไปยังวันแรกที่เขาออกจากเมืองหลวงมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเหนือเมื่อเกือบสองสัปดาห์ก่อน พลันในหัวก็มีแต่ภาพของใครบางคนฉายซ้ำไปมา ภาพของใครคนนั้นที่ยามยิ้มและหัวเราะทำให้หัวใจของเขาพองฟูด้วยความอิ่มเอมในใจ แล้วมือใหญ่ที่ยังไม่ละจากหูโทรศัพท์ก็กำแน่นมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ขอเพียงตอนนี้... แม้มันจะเป็นแค่ความฝัน แต่ขอให้เขาได้อยู่ในฝันนี้นานขึ้นอีกนิดก็ยังดี...
+---tbc---+
A/N: เอิ้ก สำหรับเนื้อหาตอนนี้ พอเอามารีไรท์แล้วถึงเพิ่งรู้ตัวว่าในฉบับออริจินอลเราข้ามรายละเอียดไปหลายอย่างเลยค่ะ หวังว่าตอนนี้คนอ่านคงไม่สะดุดกันนะ หนทางยังอีกยาวไกลสำหรับเรื่องของสองคนนี้และการรีไรท์ของเราค่ะ แล้วพบกันตอนหน้า วันจันทร์หน้านะคะ
Create Date : 12 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 15 กรกฎาคม 2553 9:19:50 น. |
|
26 comments
|
Counter : 721 Pageviews. |
|
|
|
โดย: prontip IP: 113.53.173.150 วันที่: 12 กรกฎาคม 2553 เวลา:18:49:28 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:27:09 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 202.12.118.61 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:48:52 น. |
|
|
|
โดย: leeO5 IP: 124.120.144.149 วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:8:05:01 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 14 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:27:04 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 202.12.118.61 วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:6:55:20 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:52:32 น. |
|
|
|
โดย: พี่ยู IP: 202.12.118.61 วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:6:59:12 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 16 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:11:06 น. |
|
|
|
โดย: milphinne* IP: 124.122.148.46 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:2:35:47 น. |
|
|
|
โดย: milphinne* IP: 124.122.148.46 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:2:40:27 น. |
|
|
|
โดย: ิำิำิำbellbomb (Applebee ) วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:34:16 น. |
|
|
|
โดย: milphinne* IP: 124.120.146.173 วันที่: 18 กรกฎาคม 2553 เวลา:3:53:36 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 18 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:08:34 น. |
|
|
|
โดย: leeO5 IP: 124.120.147.207 วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:33:36 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 19 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:06:24 น. |
|
|
|
โดย: คุณพีทคุง (ลายปากกา ) วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:11:43:15 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:22:02:53 น. |
|
|
|
โดย: Aikiz IP: 125.25.130.225 วันที่: 12 เมษายน 2554 เวลา:1:35:33 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 12 เมษายน 2554 เวลา:10:19:32 น. |
|
|
|
โดย: ตัวกลม IP: 10.0.0.27, 58.11.142.188 วันที่: 25 พฤศจิกายน 2554 เวลา:20:26:21 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 26 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:09:55 น. |
|
|
|
โดย: อันจร้า IP: 182.53.204.30 วันที่: 28 กรกฎาคม 2555 เวลา:22:15:53 น. |
|
|
|
โดย: bellbomb (Applebee ) วันที่: 28 กรกฎาคม 2555 เวลา:23:04:53 น. |
|
|
|
โดย: khun only IP: 223.204.177.6 วันที่: 22 กรกฎาคม 2556 เวลา:14:51:31 น. |
|
|
|
โดย: khun only IP: 223.204.177.6 วันที่: 22 กรกฎาคม 2556 เวลา:15:00:14 น. |
|
|
|
| |
|
|
ทำให้รู้สึกถึงเรื่องราวที่กว้างขึ้น
สงสารต้นที่ไม่ค่อยลงรอยกับคุณพ่อ
และรอลุ้นพัฒนาการของต้นกับไผ่ค่ะ
ตอนนี้ชักมีแอบมองกันแล้วนะ^-^