Group Blog
 
All blogs
 

ตลาดน้ำซึฟู้ด ที่ไม่ได้อยู่ในตลาดน้ำ @ ย่านศาลาแดง

 

ไม่ค่อยได้อัพบล็อกในส่วนของรีวิวอาหารเท่าไหร่ เพราะไปกินร้านไหนมาก็ดูจะซ้ำกับรีวิวของคนอื่นไปซะหมด เพิ่งมีร้านนี้ล่ะที่ไปกินมาแล้วประทับใจ แต่หาคนพูดถึงน้อยมาก อาจเพราะบรรยากาศที่เป็นแค่ร้านในตรอกเล็กๆ ใช้โต๊ะเหล็กพับกับเก้าอี้พลาสติก แต่พอได้ไปกินแล้วประทับใจเพราะรสชาติอร่อยและราคาก็ไม่แพงเลย ว่าแล้วเลยขอแนะนำสักหน่อยค่ะ






ร้านนี้ล่ะค่ะ "ตลาดน้ำซีฟู้ด" แต่ไม่ได้อยู่ในตลาดน้ำนะ อยู่กลางย่านสีลมเลย นั่งบีทีเอสไปสะดวกมากๆ


คำบรรยายของร้านนี้ จากเว็บ edtguide.com "เดิมเป็นร้านรถเข็นอยู่ริมฟุตบาท ด้วยความเก๋าในฝีมือปรุงอาหารทะเลจึงเป็นที่รู้จักของผู้คนย่านนี้จนเป็นที่นิยม โดยเฉพาะอาหารทะเลที่สดๆ กุ้งตัวเป็นๆ ปรุงรสชาติได้ยอดเยี่ยมตามสั่ง เนื้อหวานอร่อยเด็ด ที่สำคัญราคาไม่แพง"


ที่ได้ไปร้านนี้เพราะเปรยๆ ขึ้นมากับเหล่าเจ๊ๆ ที่สนิทกันว่าอยากกินซีฟู้ด แต่เพราะแต่ละคนก็ทำงานกันในเมือง สะดวกนัดกันหลังเลิกงานวันธรรมดา งั้นจะไปที่ไหนที่เดินทางกันง่ายๆ และราคาไม่แพงบ้าง เนื่องจากต่างเคยทำงานที่อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ด้วยกันมาก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานที่อื่น ก็พากันนึกขึ้นได้ว่ามีร้านนี้นี่นา แต่เราเคยแต่ไปกินในตรอกนี้ตอนกลางวันที่ขายข้าวแกง ก็เลยตอบตกลงเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าซีฟู้ดที่ขายเฉพาะตอนเย็นเป็นยังไง





ส่วนข้างบนนี้คือหลักใหญ่ใจความที่ทำให้อยากกินซีฟู้ดแบบปัจจุบันทันด่วน "หอยนางรมสด" นั่นเอง ตอนสั่งไปแล้วเขายกมาให้แทบกรี๊ดค่ะ หอยตัวใหญ่ อวบสด ตักน้ำจิ้มซีฟู้ดราดทั้งบนเปลือกนั่นแหละก่อนดูดเข้าปาก เนื้อหอยฉ่ำหวานมากๆ ตัวละ 50 บาทถ้วน ให้กินเป็นโหลๆ ก็กินได้นะเนี่ย

ปล. ก่อนกังวลเรื่องคอเลสเตอรอล พอดีมีรุ่นพี่อีกท่านเคยหาข้อมูลมาบอกว่าจริงๆ แล้วหอยนางรมมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ธาตุเหล็กสูง และความจริงแล้วคอเลสเตอรอลน้อยค่ะ เลยไม่รู้เหมือนกันว่าสรุปความจริงเป็นไง แต่ขอเชื่อตามพี่เขาละกัน กินแล้วจะได้สบายใจ 5555





ส่วนหมึกนึ่งมะนาวนี่เพิ่มคอเลสเตอรอลของจริง เมนูนี้คุณเพื่อนรีเควสต์ เสียดายนิดหน่อยที่ร้านนี้ไม่มีหมึกไข่ (สงสัยซื้อมาแต่หมึกตัวผู้?) แต่ก็หนึบๆ เคี้ยวเพลินดีเหมือนกัน





ส่วนเมนูนี้ ไม่แน่ใจว่าหอยเชลล์ย่างเนยรึเปล่า แต่เราเรียกมันว่า "หอยเชลล์มังสวิรัติ" เพราะว่ามีผักและกระเทียมสับโปะมาอย่างเยอะ เพิ่มสารอาหารกันเต็มที่ ใครชอบหอยเชลล์ก็ไม่น่าพลาด มีเมนูหอยเชลล์อย่างอื่นด้วยนะ





นี่ก็ปลาทับทิมทอดน้ำปลา มีน้ำจิ้มใส่ถ้วยมาให้ แต่แค่กินเปล่าๆ ก็รู้สึกได้ถึงความสดของเนื้อปลาแล้ว ทอดได้กรอบนอกนุ่มใน ฉ่ำหวานมากๆ


ร้านนี้มีเบียร์ให้เลือกสามอย่าง คือสิงห์ ลีโอ และไฮเนเก้น มีแต่ขวดใหญ่ค่ะ ไปกันสี่คนแต่กินหมดแค่สองขวด พอกรึ่มๆ ให้อาหารซีฟู้ดย่อยง่ายขึ้น สำหรับค่าเสียหาย ไปกันสี่คน หมดคนละเกือบๆ 500 เพราะสั่งกระหน่ำอยู่



ขอทิ้งท้ายด้วยภาพหอยนางรมอีกรอบ ที่เห็นด้านหลังนั่นหอยแครงเผาค่ะ เจ๊ที่ไปด้วยบ่นว่าเขาเผาจนแห้งไปหน่อย แต่เราชอบนะ เลือดจะได้ไม่เลอะมือดี ไม่แน่ถ้าไปอีกอาจสั่งเป็นหอยแครงลวกแทนจะได้มีน้ำๆ บ้างอย่างที่เจ๊เขาอยากกินหน่อย




จริงๆ มีเมนูข้าวผัดกุ้งด้วยแต่ลืมถ่ายรูปมา สำหรับวิธีเดินทางไปร้านนี้ ถ้านั่งบีทีเอสไปสะดวกสุดสำหรับเรา ลงสถานีศาลาแดงแล้วออกทางที่จะไปซอยคอนแวนต์ แต่อย่าลงตรงที่เป็นบันไดเลื่อน ให้ลงตรงที่เป็นบันไดธรรมดา พอลงไปก็จะเจอร้านเลยค่ะ หน้าร้านจะมีป้ายตลาดน้ำซีฟู้ดแขวนบนรถเข็นที่เป็นตู้ปลาตู้กุ้ง ถ้าเห็นตู้ว่างๆ โล่งๆ ไม่ต้องตกใจ ส่วนใหญ่อาหารเขาเก็บไว้ในครัว ไม่ได้เอาออกมาโชว์เท่าไหร่ ด้านขวาของร้านเป็นร้านรับทำตรายาง ทางซ้ายเป็นร้านข้าวมันไก่

ส่วนใครที่ขับรถ ด้านล่างเป็นวิธีเดินทางจากเว็บ edtguide.com (มีอยู่เว็บเดียวจริงๆ ที่พูดถึงร้านนี้ในอากู๋)

จากถนนพระราม 4 มุ่งหน้าบ่อนไก่ เลี้ยวขวาเข้าถนนสีลมบริเวณสี่แยกศาลาแดง ตรงไปจนเลยซอยศาลาแดง และสีลมคอมเพล็กซ์ เลยร้านเซเว่นฯ ไป ร้านตลาดน้ำซีฟู้ดจะอยู่ในซอย มีป้ายชื่อร้านบอกชัดเจน (ติดกับร้านสมัยศึกโภชนาข้าวมันไก่)

ที่จอดรถ : จอดที่สีลมคอมเพล็กซ์ (เสียค่าบริการ) หลัง 22.00 น.จอดได้ในซอยคอนแวนต์

เวลาเปิดร้าน ทุกวัน 18.00-02.00 น.

โทร. 081 457 4455

ขอบคุณที่มาอ่านรีวิว ขอให้เบิกบาน อยากทานซีฟู้ดกันถ้วนหน้าค่ะ (มาดูรูปแล้วก็อยากกลับไปกินอีกแฮะ)




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2555    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2555 22:38:19 น.
Counter : 4583 Pageviews.  

รีวิวบุฟเฟต์มื้อกลางวัน @ ฮอลิเดย์ อินน์ สีลม


เพิ่งได้ไปบุฟเฟต์ที่ฮอลิเดย์ อินน์ สีลมมาสดๆ ร้อนๆ เนื่องจากเพื่อนซื้อดีลมาค่ะ (คราวนี้จาก Big Deal ไม่ใช่ Ensogo คาดว่าถ้าไม่มีดีลพวกนี้คงไม่ไปกินบุฟเฟต์ที่ไหนเลยเพราะไม่อยากจ่ายราคาเต็ม ฮ่าๆๆ สารภาพความงกออกไปซะแร้ว) ดีลที่ได้มานี้ราคาเหลือ 399 บาท เห็นว่าปกติราวๆ 800 มั้งนะ

พอดีตอนเช้านัดเจอเพื่อนที่แม็คโดนัลด์ข้างสตรีวิทยาเพราะจะติดรถไป แต่ว่าเราไปถึงก่อนครึ่งชั่วโมงเลยเดินเล่นศึกษาภัณฑ์ เดี๋ยวนี้ที่นี่เปิด 7 วันต่อสัปดาห์เลยตั้งแต่ 9.00-17.00 น. ค่ะ เลยได้สอยหนังสือมาตามรูปที่แปะ พอดีช่วงนี้เพิ่งได้อ่านนิยายแนวหิมพานต์มาเลยกำลังอิน (ดาราแดง,เพลิงสีน้ำเงิน, ธารทับทิมของคุณศรีสุรางค์) ส่วนหนังสือภาพกรุงรัตนโกสินทร์สองร้อยปีก็ให้เกร็ดความรู้หลายอย่างดี หนังสือดอกไม้ในวรรณคดีไทยก็มีรูปสีน้ำประกอบสี่สีตลอดเล่ม + ตัวอย่างโคลงกลอนที่ดอกไม้แต่ละชนิดถูกอ้างถึง ดูเพลินๆ ดีค่ะ ชื่อดอกไม้ก็สวยน่าเอาไปตั้งชื่อทั้งนั้นเลย




มาถึงห้องอาหารที่ชั้นลอบบี้ของโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สีลม ตอนเที่ยงนิดๆ ห้องอาหารเพิ่งเปิดพอดี แต่ส่วนใหญ่เขาเลือกนั่งกันริมหน้าต่างเพราะจะได้มองวิวถนนสีลมด้วยได้ ขณะที่เรากับเพื่อนอีกคนทำงานบนถนนเส้นนี้กันจนเอียนเลยขอนั่งด้านใน อ้อ คราวนี้มากันห้าคนค่ะ




เริ่มกันจากมุมพาสต้า มีเส้นกับซอสให้ลูกค้าเลือกให้เชฟทำให้ ซอสก็มีทั้งซอสครีมและซอสแดง แต่เราไม่ได้แตะพาสต้าเลย ส่วนตัวไม่ค่อยอะไรกับพวกอาหารอิตาเลียนเท่าไหร่ยกเว้นพิซซ่า (ต้องแบบเตาถ่านนะ แบบ Pizza Hut หรือ Pizza Company ไม่ค่อยมัก) แต่เท่าที่ชิมเพนเน่ครีมซอสใส่กุ้งกับแซลมอนของเพื่อนก็อร่อยดีค่ะ




ที่โต๊ะอาหารหลังจากแต่ละคนไปตักอาหารกันมาบ้างแล้ว ที่อยู่มุมล่างใกล้กล้องที่สุดคือจานแรกของเราเอง มีสลัดมะเขือเทศกับมอสซาเรลล่าสด ชีสนุ่มอร่อยเข้ากับมะเขือเทศหวานๆ ดี มีแซลมอนรมควัน แต่รู้สึกชิ้นหนาไปนิด แล้วก็แฮมเจลลี่ แต่ในรูปนี้เห็นไม่ชัดเพราะโดนเสี้ยวพริกหวานกับมะเขือเทศจิ๋วทับอยู่ และขาดไม่ได้คือหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวอวบๆ กินไปสิบกว่าตัวได้ค่ะ เห็นหอยทีไรหยิบๆๆๆ ตลอด ไม่ต้องกลัวจะขาดธาตุเหล็ก (และโคเลสเตอรอล) แน่ๆ




อันนี้จานที่สองแล้ว เรียงจากด้านบนตรงกลางมาตามเข็มนาฬิกา มีไส้กรอกเนื้อแน่นท่อนโตแบบเยอรมันอบกับซอสไวน์แดง ซุปผักราทาทูอีล์ ขนมปังฟอคคาเซียหั่นลูกเต๋า นุ่มและหนึบมากจนอยากขนกลับบ้านทั้งถาด แผ่นปาปั๊ดกับมิ้นท์ซอส (อาหารอินเดีย แต่แผ่นจะบางกรอบเหมือนข้าวเกรียบ ไม่นิ่มเหมือนโรตี) ผักย่างอันประกอบด้วยซูกินี่ มะเขือม่วงและมันหวาน แล้วก็แซลมอนไวท์ครีม




ซุ้มอาหารทะเล มีแค่สองอย่างคือหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์กับกุ้ง ส่วนตัวเราเฉยๆ กับกุ้งเพราะขี้เกียจแกะ (เว้นว่าเป็นล็อบสเตอร์ เพราะไม่ค่อยได้กิน) เลยตักมาแต่หอยนั่นแหละ รู้สึกจะหมดเร็วด้วย พนักงานมาเติมไม่ค่อยทัน เลยได้รูปที่ดูโหรงเหรงไปหน่อย แต่จริงๆ มีให้ทานเรื่อยๆ จนหมดเวลามื้อกลางวันคือบ่ายสามค่ะ




ส่วนนี่คือแฮมเจลลี่ที่พูดถึงข้างบน ลักษณะเป็นเจลลี่ที่ทำจากน้ำซุปใสและมีแฮมกับถั่วลันเตาและแครอทลวกอยู่ข้างใน เวลาเสิร์ฟเขาหั่นมาเป็นแผ่นๆ เราว่ามันดูแปลกดี แต่ด้านรสชาติแล้วธรรมดาค่ะ ออกจะค่อนไปทางจืดด้วย




จริงๆ อาหารคาวเราสั่งสเต็กเนื้อไปด้วยสองจานแน่ะ เนื้อนุ่มและฉ่ำมาก ใครชอบเนื้อเราว่าคุ้มนะ สำหรับคนที่ไม่กินเนื้อวัวก็มีเนื้อหมูกับไก่ให้เลือก สามารถชี้บอกเชฟตรงเคาน์เตอร์ได้เลย แล้วจะเดินกลับไปรับเองหรือรอให้พนักงานมาเสิร์ฟที่โต๊ะก็ได้ สเต็กนี่จะเสิร์ฟมาให้พร้อมกับผัดผักค่ะ (ลิมถ่ายรูปเพราะมัวแต่กิน แฮ่)


ต่อไปก็มาของหวานกันบ้าง สำหรับที่นี่ก็มีฟรุ้ตสลัดและผลไม้สดพวกแตงโม สัปปะรด แอ๊ปเปิ้ล (มาเป็นลูกๆ เลย) แล้วก็พวกเบเกอรี่ ก็มีให้เลือกหลายอย่างอยู่ค่ะ ส่วนใหญ่มาแบบหั่นเป็นชิ้นๆ ให้พอคำแล้วทั้งนั้น เช่นเค้กช็อกมูส เค้กช้อกส้ม เลมอนทาร์ต ฟรุ้ตเค้ก พุดดิ้งเวียนนามะม่วง มูสมะม่วง เยลลีฟรุตสลัด เค้กบลูเบอร์รี มูสบลูเบอร์รี คัสตาร์ด แครมบูเล่ เค้กมะพร้าว ใครชอบความหลากหลายก็น่าจะชอบนะ




อีกมุมสำหรับของหวาน คุ้กกี้ในโถนั่นไม่แน่ใจว่าประดับอย่างเดียวหรือกินได้ด้วย พอดีส่วนตัวไม่ค่อยนิยมคุ้กกี้ เพราะกินของกรอบแล้วชอบติดร่องฟัน (จริงๆ กินอะไรมันก็ติดฟันได้ทั้งนั้นแหละ )




ส่วนของหวานไทยก็มีค่ะ เท่าที่เห็นก็วุ้นกรอบ ข้าวเหนียวสังขยา ขนมใส่ไส้ ขนมน้ำดอกไม้ ขนมตาล ขนมถ้วยฟู หวานเย็นทับทิมกรอบมะพร้าวกะทิ มีไอศกรีมด้วย แต่มีให้เลือกสามรสเท่านั้นคือวานิลา เลมอนซอร์เบต์ แล้วก็ช็อกชิพ เพื่อนที่กินไอศกรีมบอกว่าอร่อยอยู่ ซึ่งก็คงจริงเพราะเห็นซัดไปสองถ้วย แต่เรากินแค่พวกเบเกอรี่กับกาแฟที่รวมอยู่ในเซ็ท กาแฟไม่อร่อยเท่าไหร่ แต่ด้านปริมาณแล้วแก้วใหญ่พอสมควร




จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ อ้อ ใครที่เคยผ่านย่านนี้จะรู้ว่าส่วนใหญ่แขกของที่นี่จะเป็น "แขก" จริงๆ เพราะแถวนี้ก็เป็นชุมชนแขก จากโรงแรมก็เดินไปวัดแขกไม่ไกล หรือถ้าใครเคยได้ยินชื่อร้านอาม้าเบเกอรีอันขึ้นชื่อย่านสีลม ก็เดินไปจากโรงแรมไม่ไกลเหมือนกันค่ะ




 

Create Date : 25 กันยายน 2554    
Last Update : 26 กันยายน 2554 12:48:13 น.
Counter : 4108 Pageviews.  

รีวิวบุฟเฟต์มื้อกลางวัน @ Le Meridien Bangkok


พอดีเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งได้ไปกินบุฟเฟต์ที่ห้องอาหาร Latest Recipe โรงแรม Le Méridien Bangkok ถนนสุรวงศ์มาค่ะ (อานิสงส์จากอาเจ๊ท่านหนึ่งที่ได้ซื้อดีลจาก ensogo ไว้แล้วชวนไป ขอบคุณกั๊บ) ก็เลยขอประเดิมกระทู้แรกสำหรับห้อง "กินแล้วมาเล่า" ด้วยการรีวิวที่นี่ละกัน


อาจรูปน้อยไปหน่อยนะคะ (มัวแต่กินอยู่) แต่โชคดีว่าไปกันตั้งแต่เที่ยง คนอื่นยังไปไม่ถึง อาหารและของหวานแทบทุกอย่างเลยอยู่ในสภาพที่ยังไม่โดนปู้ยี่ปู้ยำ รูปที่ถ่ายมาเลยได้อาหารและของหวานในสภาพสมบูรณ์ หุหุ


เริ่มจากการตกแต่งก่อนแล้วกัน ห้องอาหารนี้อยู่ชั้นสอง จากทางเข้าก็เดินขึ้นบันไดไปได้เลย เปิดโล่งดีไม่แออัดค่ะ (หรือเพราะไปตอนคนน้อยด้วยมั้ง) สำหรับเคาน์เตอร์อาหารจะแบ่งเป็นเคาน์เตอร์ของร้อนพวกแกงกับสตูว์ เคาน์เตอร์ของหวาน แล้วก็เคาน์เตอร์ที่ทำกันสดๆ อย่างพิซซ่า หรือสเต็ก เราเคยอ่านรีวิวจากคนอื่นมาว่าอาหารที่นี่ค่อนข้างน้อย ซึ่งโดยส่วนตัวเราว่ามันก็พอๆ กับที่ Swissotel Park Nai Lert ถนนวิทยุนะ แต่เสียดายที่ที่นี่ไม่มีหอยนางรมสดเหมือน Swissotel T_T





รูปอาหารจากบางหม้อของซุ้มจานร้อนค่ะ เรียงลำดับลงไปเลยนะ อันแรกหอยแมงภู่นิวซีแลนด์อบชีส (ไอ้เส้นดำทอดกรอบที่รองอยู่คาดว่าไว้ประดับเฉยๆ) ตรงชีสจะแห้งๆ ไปหน่อย แต่เนื้อหอยชุ่มดี เลยกินแล้วไม่ฝืดคอค่ะ อร่อยใช้ได้




ลำดับต่อไปคือเนื้อแกะตุ๋นโรสแมรี ใส่เครื่องเทศเยอะเลยไม่มีกลิ่นสาบ แล้วก็ตุ๋นจนนุ่มเปื่อย เคี้ยวง่ายมาก เหมาะกับคนที่ไม่กินเนื้อวัว แต่กินเนื้อแกะได้ (แต่ จขบ. ไม่ค่อยเกี่ยงอยู่แล้วว่าเป็นเนื้ออะไร อย่าให้พิสดารเกินไปอย่างเนื้อสุนัขหรือเนื้อช้างก็กินได้หมด)




นี่คือจานแรกของเราเอง ก็ตักนั่นนิดนี่หน่อยมารวมๆ กันเป็นแซมเปิลก่อนจากเคาน์เตอร์จานร้อน มีแกงเผ็ดเป็ดย่างใส่ผลไม้ด้วย เป็ดก็นุ่มดีหนังไม่เหนียวหรือเหม็นหืน มันอบก็อร่อยดีค่ะ ไม่แฉะหรือเละ แล้วก็มีผักนึ่งน้ำแดง นุ่มกำลังพอดีไม่นิ่มเละจนเกินไป




ส่วนรูปนี้ทางซ้ายสุดของจานที่คลุกกับมะเขือเทศและพริกใหญ่คือยำเนื้อย่าง ด้านบนสุดในจานคือยำซีฟู้ด ส่วนหอยแมงภู่นิวซีแลนด์นึ่งจะมาจากเคาน์เตอร์อาหารทะเลคนละจุดกับที่มีหอยแมงภู่อบชีส หอยตัวใหญ่คับฝามาก ดูในรูปอาจเหมือนไม่ใหญ่แต่จริงๆ แล้วเท่าฝ่ามือเลย ใครชอบกินหอยแมงภู่นิวซีแลนด์รับรองเต็มอิ่มแน่ๆ




จริงๆ ของคาวเรากินสเต็กเนื้อไปด้วย เนื้อนุ่มมาก ยิ่งอันที่เป็นแรร์เนื้อตรงกลางแดงๆ ยิ่งชอบสุดๆ ซัดไปเยอะเหมือนกัน แต่ลืมถ่ายรูป...เอิ้ก เอาเป็นว่าไปต่อของหวานกันดีกว่าเนอะ (อ้อ ที่นี่มีซุ้มปลาดิบด้วยนะ แต่เราไม่ได้กินเพราะมัวแต่กินสเต็กเนื้อ)


สำหรับของหวานมีหลายอย่างค่ะ ทั้งไอศกรีม เค้กสารพัดชนิด แล้วก็พุดดิ้ง แพนนาค็อตต้า ชีสเค้ก ขนมไทยพวกตะโก้ ขนมลืมกลืน ขนมตาล ฯลฯ แล้วก็ชีสกับผลไม้แห้งและขนมปังกรอบ ได้กินชีสบรีไปแบบชิ้นเบ้อเริ่ม เป็นของโปรดที่นานๆ ได้กินทีเลยชอบมาก สำหรับไอศกรีมนี่ก็มีเป็นสิบรส แต่ละรสเข้มข้นทั้งนั้น เราสั่งรสแพชชั่นฟรุตเชอร์เบ็ตกับกาแฟไป อร่อยทั้งสองรสค่ะถ้ากินแยกกัน แต่เวลาตักเข้าปากในคำเดียวกันแล้วรสแหม่งๆ ^^; อ้อ แล้วก็มีท็อปปิ้งให้เลือกตักเยอะแยะมากมาย ทั้งลำไย มะม่วง ลิ้นจี่ คิทแคท วิปครีม ไซรัปหลากรส น้ำตาลสี ฯลฯ ไม่เหมือนบุฟเฟต์โรงแรมบางที่ที่มีให้แค่วนิลากับช็อกโกแลต หรือบางที่ก็มีแต่ไอศกรีมกะทิ รับรองว่าคอไอศกรีมมาที่นี่ละก็เพลินแน่ๆ




สุดท้าย รวมมิตรภาพของหวานแบบเต็มๆ ตา นี่ผ่านการปรับแสงสีให้ล่อตาล่อใจเล็กน้อย แต่ตอนเห็นของจริงก็กรี๊ดกร๊าดเหมือนกัน เราว่าเขาแต่งเค้กสวยจนไม่กล้ากินเลยอะ เรียงจากซ้ายไปขวาทีละแถวนะคะ เค้กช็อกโกแลตฟัดจ์, เค้กช็อกโกมูสมะม่วง, เชอร์รี่ชีสเค้ก, เค้กพุดดิ้ง (จำไม่ผิด), บลูเบอร์รีโรล, และขนมไทยค่ะ สำหรับตรงขนมนี่จะหนักไปทางขนมเบเกอรี่ เพราะขนมไทยมีชอยส์ให้เลือกแค่ที่เห็นในถาดนั่นละ




เนื่องจากเราไปตอนบุฟเฟต์อาหารกลางวัน เลยไม่รู้ว่าถ้าเป็นบุฟเฟต์กลางคืนจะมีรายการอาหารต่างไปไหม สำหรับราคานี่ถ้าไม่ใช้เวาเชอร์น่าจะตกราวๆ หนึ่งพันบาทต่อหัว ถือว่าค่อนข้างสูง (ไปนิด) แต่เดี๋ยวนี้โปรโมชั่นดีลมีเยอะ ถ้าสนใจก็ลองเสิร์ชหาดูแล้วค่อยไปกินดีกว่า ไม่งั้นถ้าสำหรับราคาเต็มเราว่ามัน overpriced ไปนี้ดค่ะ แล้วถ้ากินไม่คุ้มเดี๋ยวจะเสียดายตังค์เอา




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2554    
Last Update : 26 กันยายน 2554 12:47:37 น.
Counter : 1816 Pageviews.  


Applebee
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 29 คน [?]






ลายปากกา



~ สงวนลิขสิทธิ์ตามพรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ~
ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดโดยนำข้อความทั้งหมดหรือส่วนใดไปเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดี
ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด!!

Friends' blogs
[Add Applebee's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.