Group Blog All Blog
|
ย้อนกาลสารทวสันต์ ไห่ชิงหนาเทียนเอ๋อ เขียน ย้อนกาลสารทวสันต์ (2 เล่มจบ) ไห่ชิงหนาเทียนเอ๋อ เขียน พริกหอม แปล สำนักพิมพ์แจ่มใส แนวมากกว่ารัก 698 บาท 1,035 หน้า หลังปก หลินเชียนโม่ ไม่เคยคิดว่าชีวิตของเธอจะเกิดเรื่องที่ทั้งน่าอัศจรรย์และน่าเศร้าเช่นนี้ เธอได้ย้อนกาลเวลามาปรากฏตัวในยุคสมัยชุนชิวได้อย่างไรก็สุดรู้ ทั้งยังอยู่ในฐานะแรงงานหญิงที่ต่ำต้อยในเหมืองแร่ซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นคลี ต้องนอนในเพิงหญ้าโกโรโกโสที่ชุกชุมไปด้วยหมัดและยุง ต้องอยู่ท่ามกลางผู้คนซึ่งล้วนพูดภาษาที่เธอไม่คุ้นชิน แม้สภาพความเป็นอยู่จะดีขึ้นหลังจากเธอจับพลัดจับผลูรักษาโรคระบาดได้ ทว่าเรื่องนี้หาใช่สิ่งที่เธอปรารถนา... ด้วยหัวใจที่เฝ้าคิดคำนึงถึงโลกที่จากมา ด้วยจิตสำนึกที่พร่ำบอกว่าเธอไม่ใช่คนของที่นี่ ความหวังหนึ่งเดียวของเธอจึงเป็นการได้เดินทางไปยังภูเขาลูกนั้น ที่ที่เธอหวังสุดใจว่าจะมีเรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นอีกครั้งเพื่อพาเธอกลับ บ้าน แม้ว่าเธอจะต้องกลายเป็น แรงงานทาสหลบหนี และถูกตามล่า หรืออาจจะต้องแลกมาด้วยการรับใช้ปรนนิบัติบุรุษผู้หนึ่งก็ตาม! คุยกันหลังอ่าน ตอนแรกเล่มนี้ไม่อยู่ในแผนที่จะซื้อ เพราะโอนึกว่ามันมีหลายเล่มจบ กะว่ารอให้จบก่อนแล้วค่อยคิดอีกที ถ้าซื้อมาดองโอมักไม่ได้อ่าน พอจะตามก็ลืม ถ้ารอซื้อทีเดียว โอจะจำได้และมักได้อ่านรวดเร็ว พอรู้ว่ามีสองเล่ม ก็ตัดสินใจซื้อ ดูท่าไม่ยาว ซึ่งโอคิดผิด สองเล่มจริง แต่หนา ตอนหยิบยังไม่คิดอะไร อ่านจริงรู้ซึ้งเลย ข้อมืออักเสบค่ะ ยกอ่านผิดท่า จบช่วงพร่ำรำพันมาเข้าเนื้อหาหนังสือเล่มนี้ดีกว่า เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่นางเอกทะลุมิติจากโลกปัจจุบันมาอดีต แต่ที่อาจจะแตกต่างหน่อยคือนางไปทั้งตัว (รวมเสื้อผ้าหน้าผม กระเป๋า รองเท้าครบ) ไม่ใช่แค่วิญญาณ โดยยุคสมัยที่ย้อนไปคือสองพันกว่าปีก่อนในสมัยชุนชิว ช่วงที่จีนยังแบ่งเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย เชียนโม่ นางเอก หลังจากกลิ้งตกเขาข้ามภพ ราวกับสวรรค์เห็นว่าที่นางต้องย้อนกาลมานั้นยังโชคร้ายไม่พอ นางถูกจับไปเป็นทาส ต้องมีชีวิตลำบาก ทำงานในเหมือง นางก็เรียนรู้ที่จะเอาตัวรอด อันดับแรกคือนางต้องสื่อสารให้ได้ โชคยังดีที่ปู่ของนางเป็นนักศึกษาอารยธรรมโบราณ ทำให้ถึงเชียนโม่จะไม่เชี่ยวชาญ แต่ก็พอจะมีความรู้เอาตัวรอด รู้ภาษาเขียนของฉู่ แม้จะพูดไม่ได้ก็ตาม ตามธรรมชาติของเรื่องราวที่มีการย้อนเปลี่ยนกาลเวลา มักมีการใช้ประโยชน์ของการรู้อดีตหรืออนาคต รวมถึงความรู้ในที่ผิดแปลกช่วงเวลามาใช้ เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน เชียนโม่เป็นหลานของนักศึกษาอารยธรรมโบราณ เป็นนักศึกษาคณะบัญชี เป็นหลานรักของคุณปู่คุณย่า แต่ที่ทำให้นางเป็นคนแกร่ง และเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้ คือนางไม่ยอมแพ้ ส่วนพระเอก เป็นหวังแคว้นฉู่ (เรียก ฉู่หวัง) รู้จักเชียนโม่ครั้งแรกในฐานะแรงงานหญิงโม่ผู้สามารถรักษาโรคระบาดได้ สิ่งที่ทำให้โอชอบในเรื่องนี้อย่างแรกคือตัวละครทุกตัวในเรื่องมีมิติ ไม่ดีหรือเลวสุดโต่ง และมีความเป็นธรรมชาติสอดคล้องกับเรื่องสูง ที่เห็นเด่นชัด คือพระนาง อย่างนางเอก ตั้งแต่นางข้ามกาลเวลามา สิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจคือความหวังที่จะได้กลับบ้าน นางมีความห่วงอาทรผู้อื่น แต่ก็ไม่ใช่แม่พระ มีความเห็นแก่ตัวแฝงอยู่ นางอาจตกใจที่มีการสูญเสีย แต่ย่อมไม่เสียใจเพราะการสูญเสียนั้นไม่รวมถึงนาง ตอนที่นางรักพระเอก นางก็ยังมีความคิดแบบผู้หญิงสมัยใหม่ ที่หวั่นอนาคตที่ชายที่รักจะมีหญิงอื่นเคียงข้าง หรือยามที่เขาอาจหมดรักนาง โอว่าเชียนโม่เป็นนางเอกในลักษณะของคนธรรมดาที่พบได้ยากในนิยาย ตัวพระเอก มีความเข้มแข็งเด็ดขาดตามแบบฉบับผู้นำ มีความเอาแต่ใจเพราะเป็นผู้เป็นใหญ่ ความรู้สึกของเขาต่อความประหลาดของนางเอกคือแปลกแต่ไม่สนใจ ตามฉบับของผู้มั่นใจในตัวเอง พระนางมีความเก่งแบบตัวเอกเหมือนกัน คืออาจจะมีช่วงเวลาแสดงความเก่งกาจให้คนอื่นเขาชื่นชม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะผิดหรือพลาดไม่ได้ ทั้งคู่มีช่วงเวลาที่ไม่แน่ใจ ยากจะตัดสินใจ ไม่ได้มั่นคงตลอดเวลา โอว่าสิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ดูเก่งคือไม่ประมาท ประมาณตน และรู้จักพึ่งพาผู้อื่น แล้วนิสัยที่ต่างกันของพระนางก็ค่อย ๆ ปรับเข้าหากัน หาจุดที่สมดุลในความพอใจของทั้งคู่ ซึ่งเป็นจุดที่แสดงการเรียนรู้และยอมรับกันได้ดีมาก โอชอบนิสัยของคู่นี้นะ อยู่ด้วยกันแล้วดี นางเอกเองถึงนางจะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่เมื่อมาอยู่กับพระเอก นางก็เข้าใจความรู้สึก ความคุ้นเคยของเขา มียอม มีผ่อนผันตามใจ พระเอกก็เช่นเดียวกัน ตอนแรกเขาไม่เข้าใจนางเอกเลย ว่าทำไมถึงดิ้นรนที่จะแตกต่าง ทำไมถึงอยากทำนั่นทำนี่ แต่แล้วเขาก็ค่อย ๆ เปิดใจ เวลาพระนางคุยกันก็ชอบนะ โอว่ามันเป็นสิ่งที่ดีที่มีในเรื่อง แนวคิดของตัวละครก็คือแนวคิดของผู้เขียน หลาย ๆ สิ่งในเรื่อง ดูแล้วเข้าใจโลกดี เนื้อเรื่องยาวแต่ไม่รู้สึกยืด คำว่ายืดของโอคือเป็นช่วงที่ไม่มีอะไรและไม่จำเป็นต่อการดำเนินเรื่อง เรื่องนี้ไม่รู้สึกว่ายืด เพราะนอกจากจะค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ของพระนางแล้ว เรื่องเดินยึดตามเนื้อหาทางประวัติศาสตร์ เหตุการณ์หลายเหตุการณ์จำต้องเกิด ตัวละครหลายตัวละครเลยต้องมี หลายตัวละครที่โอรู้สึกว่าน่าจะต้องมีบทสำคัญแต่กลับหายไป ถ้าเป็นนิยายแต่งธรรมดาโออาจจะติว่าไม่เล่นกับตัวละครมากพอ แต่เมื่อมองจากมุมนิยายอิงประวัติศาสตร์นี้ โอจึงว่าไม่ใช่ข้อผิดพลาด หลายอย่างผ่านมาและผ่านเลยไป ตัวละครหลายตัวก็มีที่ทางของเขาเอง เส้นทางของเขายังไม่สิ้นสุดในเรื่องนี้ แต่เป็นช่วงเวลาอื่น เรื่องมีจุดหนักจุดผ่อน ถ้าเรื่องเคร่งเครียดมากเกินไปก็มีฉากน่ารัก ๆ หวาน ๆ โผล่มาขั้น ฉากตลกมีสีสันมาขัดฉากนองเลือด สลับกันไป ฉากมีตั้งแต่เป็นทาสในเหมืองลำบาก ตกในกลางสงคราม ต้องเป็นเชลย จนเข้ามาถึงในวัง ไต่เต้าจากตำแหน่งต่ำต้อยจนขึ้นมาสูงสุด เป็นเรื่องที่มีความหลากหลายมากเรื่องหนึ่งทีเดียว ออกแบบเรื่องดี ออกแบบตัวละครดี ทุกอย่างละมุนลงตัว แนวคิดดี พอดีไปหมด 5 ดาว เกี่ยวกับรูปเล่ม โออยากให้มีคำอธิบายตำแหน่งไว้ข้างหน้าค่ะ อย่างเรื่องนี้ โอว่าจำเป็นมาก ด้วยตำแหน่งตัวละครมาก (เช่น ลิ่งอิ่น ซือหม่า กงอิ่น ต้าฟู กงซุน จั่วถู ฟูเหริน ซืออี ไท่ไจ่ ฝู่ไจ่ ซือฮุ่ย จั่วอิ่น) จำนวนตัวละครมาก ตัวละครหลายตัวมีตำแหน่งเดียวกัน การอธิบายความหมายตำแหน่งเพียงครั้งเดียวแล้วจำได้เป็นไปแทบไม่ได้เลย เล่มแรกโอเปิดกลับไปกลับมาบ่อยมาก เพื่ออ่านเชิงอรรถอธิบายความหมายตำแหน่ง อย่างน้อยถ้าอยู่ข้างหน้า โอก็รู้ว่าจะเปิดไปหาได้ที่ไหนได้แน่ ๆ อย่างเล่มสอง โอปล่อยเบลอชื่อตำแหน่งหลาย ๆ ตำแหน่ง เพราะจำไม่ได้ และก็กลับไปหายากแล้ว เพราะไม่รู้เชิงอรรถที่อธิบายความหมายนั้นอยู่หน้าไหนกันแน่ แนะนำให้ใส่ไว้ข้างหน้าดีกว่าด้านหลัง เพราะการเปิดช่วงแรก ๆ จะเปิดบ่อยกว่า เมื่อจำได้จะเปิดหาน้อยลง อยู่ด้านหน้าจะเปิดง่ายกว่าและใกล้กว่าการเปิดย้อนไปด้านหลัง ส่วนตัวโอไม่อ่านช่วงแนะนำตัวละครเลย เพราะหลายครั้งเป็นการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ โอจึงคิดว่าช่วงแนะนำตัวละครไม่จำเป็น แต่ถ้าสำนักพิมพ์อยากคงไว้ โอก็อยากให้เพิ่มช่วงอธิบายความหมายตำแหน่งต่าง ๆ แยกไปเลย โอว่าจะเป็นผลดีต่อผู้อ่านมาก อย่างเรื่องนี้ ถ้าไม่เคยอ่านนิยายจีนแปลแล้วมาอ่านเรื่องนี้เรื่องแรก โอว่าหลายคนถอดใจ . . . เรือใหญ่แล่นทวนน้ำ ไม่นับว่าเร็ว หลังจากฉู่หวังออกไปแล้ว เชียนโม่ก็หลับตาลง แต่กลับไม่อาจหลับลงได้ เธอคิดไม่ถึงว่าระดับความสนใจที่ฉู่หวังมีต่อตนจะสูงถึงเพียงนี้ เขาเฉลียวฉลาดมาก สืบข่าวทั้งหมดหลังจากเธอมาถึงโลกแห่งนี้อย่างชัดเจน เขาทำการบ้านมาดีแล้วจึงมาเจรจาเงื่อนไขกับเธอ สายสนกลในทั้งหมดที่เธอมีล้วนเป็นเรื่องโปร่งใสในสายตาเขา เธอไม่มีทางปฏิเสธ เธอเคยมีความรู้สึกเช่นนั้นอยู่ครั้งสองครั้ง รู้สึกว่าตนไม่กลัวตาย ทว่าเวลานี้เธอกลัวขึ้นมาแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก ระทดท้อสิ้นหวังอย่างที่สุด คนเราอาจโยนความหวาดกลัวทิ้ง เผชิญหน้ากับความตายอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่ฉู่หวังหาได้ปิดตายเส้นทางทั้งหมด หากแต่เปิดเส้นทางหนึ่งให้เธอท่ามกลางความอับจน แม้จะเป็นเส้นทางที่เล็กและแคบ แต่ก็สว่างไสวคู่ควรแก่การลอง เธอเชื่อเขาหรือ เชียนโม่ถามตัวเองอยู่ในใจ เชียนโม่ครุ่นคิด รู้สึกว่าปัญหานี้ไม่มีคุณค่าพอที่จะมาถกเหตุผลอะไรแล้ว บาดแผลบนแผ่นหลังเตือนเธอถึงความรู้สึกของการมีชีวิตอยู่ตลอดเวลา ฉู่หวังพูดได้ถูกต้อง เธอไม่มีทางกลับไปซูได้ตามลำพังคนเดียว เธอไม่มีแผนที่ ไม่มีผู้นำทาง และไม่รู้ทิศทาง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องภาษา ในยุคสมัยนี้รอบด้านมีแต่ทุ่งกว้างรกร้างป่าเถื่อน คนเช่นเธอจะเดินข้ามป่าเขาแม่น้ำไปตามลำพังคนเดียว ย่อมเป็นเรื่องล้อเล่นแน่นอน เธอยังมีชีวิตอยู่ เธอไม่อยากตาย เธออยากกลับบ้าน เช่นนั้นทางเลือกเดียวของเธอก็คือยอมรับ เชียนโม่มองเพดานเรือที่อยู่ด้านบน จิตใจที่สับสนว้าวุ่นค่อย ๆ สงบนิ่งลงมา ไม่ต้องกลัว ก็แค่เห็นแล้วน่ากลัวเท่านั้น... เสียงหนึ่งดังขึ้นมาในใจ สมัยเด็กเวลาเธอเห็นสัตว์ประหลาดรูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวเหล่านั้น คุณปู่คุณย่าก็จะบอกเธอเช่นนั้น หน้า 113-114 บทที่ 3 อวิ๋นเมิ่ง เล่ม 1 . . . หญิงสาวผู้นี้ ตอนแรกเขาคิดว่าสิ่งที่ตนชอบคือความแปลกประหลาดไม่เหมือนใครของนาง อาทิ นางเป็นหญิงคนแรกที่บอกเขาว่าอยากยืนอยู่ด้วยลำแข้งของตนเอง นางทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่เป็นได้มากมายหลายอย่าง และคิดในสิ่งที่ผู้อื่นไม่คิด หญิงงามในโลกนี้มีมากมาย คนประหลาดก็มีมากมาย นางก็แค่เป็นคนที่มีข้อดีทั้งสองอย่าง แต่ต่อมาภายหลัง ฉู่หวังรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ก็แค่สิ่งน้าวนำ โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวนางก็ทำให้เขายากจะตัดใจได้ หลายปีมานี้โดยเฉพาะหลังจากขึ้นเป็นฉู่หวัง เขาก็รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่าตนเหมือนนักระบำในพิธีขับไล่ภูตผีคนหนึ่ง สวมหน้ากาก ร้องเพลง เต้นระบำต่าง ๆ นานา แตกต่างกันเพียงเต้นให้ใครดู เขารู้ว่าเวลาใดควรเผยสีหน้าโกรธ เวลาใดควรยิ้ม บางครั้งเขาอยากกระโดดขึ้นมาสังหารคนในทันที แต่บนใบหน้ากลับมีแต่ความสุภาพอ่อนโยน พูดคุยหัวเราะโอนอ่อนผ่อนตาม แต่ยามอยู่ต่อหน้าเชียนโม่ เขากลับทำไม่ได้ เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เขาจะเหมือนเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้ ไม่ว่าโกรธหรือดีใจล้วนมาจากความรู้สึกในใจ เขาชอบฟังนางเรียกเขาด้วยชื่อที่แม้แต่มู่ฟูเหรินก็ไม่เคยเรียกมาหลายปีแล้ว...หลี่ว์ หน้า 311 บทที่ 17 ข้าราชบริพารในบ้าน เล่ม 2 . . .
เรื่องนี้เราว่าโอเคเลยค่ะ อ่านแต่เล่มแรก แต่ชอบตัวละครพระนางมากพอตัว แต่มีแอบงงที่ทั้งสองเริ่มรักกัน รู้สึกมันง่ายไปหน่อย แต่ก็เข้าใจได้ ส่วนตัวชอบนางเอกแบบนี้มาก
โดย: บู IP: 96.30.71.86 วันที่: 16 พฤษภาคม 2561 เวลา:23:05:31 น.
อ่านแล้วค่ะ
timeline ของเรื่องนี้จะเป็นยุคเดียวกับหมี่เยวี่ย....เราเลยไม่ได้สับสนกับตำแหน่งของตัวละครเท่าไร ^ ^ ก่อนอ่านก็แอบคาดหวัง ฉากสงคราม รบพุ่ง ในสมัยชุนชิว นะคะ....แต่ไม่มีเลยอ่ะ เป็นนิยายรักโรแมนติกสไตล์มากกว่ารัก ก็อ่านเพลิน ๆ ค่ะ ชอบนะสำหรับนางเอกที่ย้อมยุคมาก....สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือหาทางกลับบ้านสิ (เรื่องแรกเลยนะที่นางเอกคิดกลับสู่ยุคปัจจุบันให้ได้แบบจริง ๆ จังๆ ) โดย: Serverlus วันที่: 20 พฤษภาคม 2561 เวลา:18:20:35 น.
คุณเอ้ หมี่เยวี่ยยุคนี้เหรอคะ เพิ่งทราบเลย แม่โอซีรีส์ติดเรื่องนี้แหละ โอดูผ่าน ๆ แต่ไม่ค่อยรู้สึกถึงความคล้ายคลึงของยุคนะ น่าจะคนละอารมณ์
โดย: ออโอ วันที่: 11 มิถุนายน 2561 เวลา:0:21:01 น.
|
โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
| |||