“ข่าวร้อน TCAP โต้กลับ EARTH”

ข่าวร้อน Earth ฟ้อง TCAP กว่าหกหมื่นล้านบาททำให้ TCAP หรือ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ต้องฟ้องกลับ EARTH จึงกลายเป็นเรื่องวุ่น ๆ ระหว่าง TACP กับ EARTH ซึ่งเป็นอีกประเด็นที่ต้องจับตามอง และถือเป็น Case Study ที่น่าสนใจทีเดียว

ทำไมหุ้น EARTH ถึงมีปัญหา?

สำหรับพื้นฐานหุ้น EARTH กิจการมีสินทรัพย์อยู่ 3.5 หมื่นล้าน แต่มีหนี้สินสูงถึง 2.5 หมื่นล้าน ในส่วนของยอดขาย ต้องบอกว่า “แทบจะไม่เติบโต” ประเด็นก็คือ กิจการที่มียอดขายหลักพันล้านบาทต่อปี จำเป็นต้องมีหนี้สินหลักหมื่นล้านบาทต่อปีหรือไม่? แถมหนี้สินยังโตเร็วกว่ารายได้มากมายทีเดียวครับ

นักลงทุนดังๆ หลายท่านได้บอกให้เราหลีกเลี่ยงกิจการที่มีหนี้สินเกินกว่าส่วนของทุน เพราะในยามวิกฤติกิจการเหล่านี้อาจจะไปก่อนเพื่อน สำหรับหุ้นหนี้สินมากๆ แบบนี้ ถ้าเจอเหตุการณ์ไม่ดี อาจเกิดการ “ขาดสภาพคล่อง” เอาได้ง่ายๆ เมื่อขาดสภาพคล่องก็จะทำให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างยากลำบาก จนอาจถึงขึ้น “ล้ม” ก็เป็นไปได้เหมือนกัน

ประเด็นร้อนระหว่าง TCAP กับ EARTH

และประเด็นร้อนๆ เมื่อเร็วๆ นี้ EARTH ฟ้องธนชาตข้อหานำข้อมูลลูกค้าไปบอกกับ KTB จนทำให้ถูกระงับธุรกรรม รวมถึงการสั่งจ่ายเงินต่างๆ อีกทั้งเรียกร้องค่าเสียโอกาสจากส่วนนี้สูงถึง 6 หมื่นล้านบาท (มันสูงมากๆ นะครับ มูลค่าของเม็ดเงินที่ฟ้องสูงกว่า Market Cap ของทั้ง EARTH และ TCAP เสียอีก!!)

แต่อย่างไรก็ตาม … ทางธนชาตได้ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าว โดยทางธนาคารยืนยันว่ามีระบบการบริหารจัดการในการ “รักษาความลับของลูกค้า” เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเห็นจากธนาคารในจุดนี้เหมือนกันนะครับ

“ประเด็นหนี้ปริศนาของ EARTH”

จากที่ผมเข้าไปดูงบการเงินของหุ้น EARTH พบว่า เดิมมีหนี้สินอยู่แค่ 2 หมื่นกว่าล้าน แต่พอเกิดเหตุการณ์ขึ้น กลับมี “หนี้ปริศนา” เพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 หมื่นกว่าล้านบาท ประเด็นก็คือ … หนี้ปริศนานี้มาจากไหน?       

นอกจากนั้นแล้วเท่าที่ผมสำรวจในงบการเงินของ EARTH พบว่ามีสินทรัพย์ 3.5 หมื่นล้านบาท แต่ทาง EARTH กลับไปฟ้องเอาความมูลค่าสูงถึง 6 หมื่นกว่าล้านบาท มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลซักเท่าไร?

และประเด็นสุดท้ายก่อนที่ใครหลายคนจะตกใจกับหุ้น TCAP ก็คือ การฟ้องนั้น จริงๆ แล้ว ศาลได้ประทับรับฟ้องไปหรือยัง?

อย่างไรก็ตามในส่วนของ KTB ที่เป็นเจ้าหนี้ของ EARTH นั้นเขาย่อมต้องทำตามหน้าที่ คือ การรักษาผลประโยชน์ของธนาคาร แม้ทาง KTB จะไม่อยากทำ เพราะถ้าทำอาจต้องตั้งสำรองก้อนโต ทำให้กระทบกำไรของ KTB ได้เช่นกัน (ในจุดนี้ก็น่าเห็นใจทางธนาคารเหมือนกันครับ) ซึ่งเรื่องนี้คงต้องหาข้อสรุป โดยต้องเฝ้าติดตามกันต่อไปครับ ขอให้ทุกอย่างจบลงด้วยดีนะครับ เป็นกำลังใจให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านครับ

(นายแว่น–ลงทุน)