เปิดรับสมัครสมาชิก
เว็บบล็อก นายแว่นธรรมดา เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยท่านที่สมัครจะได้รับของที่ระลึกจากนายแว่นธรรมดาพวงกุญแจ นกฮูกนำโชคสัญญาลักษณ์แห่งภูมิปัญญา และความโชคดีร่ำรวย สนใจรายละเอียดการสมัครติดตามได้ที่นี่เลยครับ คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดการสมัครสมาชิก
แนะนำเว็บไซค์สำหรับคนอยากมีบ้านหลังแรก และต้องการมองหาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
//www.topofliving.com/ (โดยนายแว่นธรรมดา เช่นเคยครับผม)
1.1 ปีที่มีการซื้อ หุ้น Thai Express 70% แต่ในงบจะได้รายได้ 100% ทำให้รายได้โตเกินจริง แต่ NP Margin ต่ำกว่าความเป็นจริงได้ แต่รายได้มากกว่าความเป็นจริงในแง่ของสัดส่วนความเป็นจริง บางคนใช้รายได้ตัวนี้หรือ NP Margin ในการ Projection ไปก็จะผิดพลาด
1.2 ปลายปี 2011 ซื้อ Thai Express ที่เหลือจบถือหุ้น 100% ตรงนี้จะทำให้กำไรเพิ่มอย่างเดียวรายได้ไม่เิ่พิ่มจะดูเหมือนธุรกิจอาหารมี NP Margin ที่ดูดีขึ้นซึ่งจริงๆ แต่ NP Margin จะไม่ได้สูงขึ้นง่ายๆต่อไปเรื่อยๆ บางท่านเห็นว่าสูงขึ้นก็อาจจะสูงขึ้นไปในเรตนี้ซึ่งถ้าคิดเฉพาะเหตุการณ์นี้อย่างเดียวต้องบอกว่าไม่จริง ( บางคนคิดว่า NP ดีขึ้นก็น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เหตุการณ์นี้จบไปแล้ว ถ้าจะดีขึ้นก็ต้องด้วยเหตุการณ์อื่น )
2.S&P และ Coffee Club ในด้านตัวเลข เป็นบริษัทร่วม ซึ่งในอดีต S&P จะรับรู้เป็นบริษัทอื่นๆ โดยในงบการเงิน Mint จะ Console เอาแต่ เงินปันผลเข้ามา ซึ่ง S&P เองปันผลปีละ 2 ครั้งทำให้ช่วงที่มีการปันผล Mint จะรับรู้รายได้มากกว่าปกติ เป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้กำไรอาหารในบางไตรมาศจะแกว่งตัวได้มาก แต่หลังจากที่ S&P ได้กลายเป็นบริษัท ร่วมเหมือนกับ Coffee Club บริษัทจะรับรู้กำไรจากส่วนแบ่งมาตามสัดส่วนทำให้ดูเป็นจริงมากขึ้นแต่เนื่องจาก 2 บริษัทนี้ไม่รับรู้รายได้ mint รับรู้แต่ส่วนแบ่งทำให้เกิด NP Margin สูงกว่าปกติ เพราะกำไรที่เกิดจากส่วนนี้ไม่บันทึกส่วนของรายได้ ส่วนการปรับมูลค่า S&P ในปีที่แล้วจริงๆแล้วในทางการเงิน Mint จะไม่ได้เงินอะไร แต่จะช่วยลด D/E ได้มาก เป็นการเพิ่ม Equity โดยตรงซึ่งจะทำให้สามารถกู้เงินได้มากขึ้นในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง แต่จะทำให้ ROE ของบริษัทดูต่ำลงกว่าความเป็นจริง เพราะ E ที่เกิดขึ้นใหม่ไม่ได้เกิดจากเงินที่บริษัทใช้ในการลงทุนแต่เป็นเงินที่เกิดจากการปรับมูลค่า
3. การใช้ Asset Light และการลงทุนเองทำไมต้องลงทุนเองด้วย บางท่านอาจมองว่าทำไมเมื่อเรามี Asset Light เช่นสามารถขาย Franchise ได้ ขาย ANANTARA ได้ ทำเองทำไมลุยเปิดเลยก็ได้ โดยใช้เงินคนอื่น ทำได้ครับแต่ไม่ทั้งหมด เพราะหากการโตเป็นแต่ Franchise เมื่อโตไปมากๆ เราจะกลายเป็นผู้เสียเปรียบทันที เอาง่ายๆครับ 7-11 ก็ไม่ได้กุมความได้เปรียบอะไรเลยเหนือ CPALL หรือตัวอย่างกรณี PIZZA HUT ที่เคยเกิดเรื่องก็เป็นข้อบ่งชี้ได้อย่างดีว่าการที่บริษัทแม่ไม่ลงทุนเองเลยอนาคตก็ถูกลูกกลืนไปแทนได้นะครับ สรุปในจุดนี้เลยเป็นอีกเหตุว่าทั้งโรงแรมและอาหาร mint ก็ยังคงต้องขยายสาขาของตนเองต่อไปเช่นกัน
4. การเปิด Franchise ในต่างประเทศ ทำไมไม่ลงทุนเอง ตอนนี้เข้าใจว่านอกจากจีน การเปิดร้านอาหารในต่างประเทศทั้งหมดเป็น Franchise เนื่องจากประสบการณ์การไปเปิดเองที่จีนแล้วจะเห็นได้ว่าการจะสร้าง Economic of Scale ให้ใหญ่พอนี่เป็นไปได้ยากมากๆครับ เอาง่ายๆ PIZZA HUT ของ YUM เองไปจีนใช้เวลาเป็น 10 ปีในการเริ่มทำกำไร เพราะฉะนั้นด้วยประสบการณ์เหล่านี้บริษัทจึงไม่เน้นการไปเปิดต่าประเทศด้วยตนเอง แต่ขาย Franchise เอา ลองคิดง่ายๆก็ไดครับ ว่าค่าโฆษณา ค่า OFFICE ค่าใช้จ่ายผู้บริหารกว่าจะคุ้มต้องเปิกี่สาขา ที่หนักไปกว่านั้นถ้าจะสร้างครัวกลางขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่อยากจะคิดเลยครับ สาขาต้องมากพอจริง เลยเป็นเหตุให้เห็นได้ชัดว่า Stratergy ตอนนี้เป็นการ ซื้อ Chain อาหารที่ประสบความสำเร็จในประเทศประเทศหนึ่ง แล้วเอา Chain นั้นไปเปิดในประเทศที่ mint เองมีเครือข่ายที่ใหญ่พอ เช่นเอา Coffee Club มาเปิดในไทย หรืออีกแนวก็คือเอา Brand ที่ซื้อ ไปขาย Franchise แทนในประเทศที่ mint ไม่มีฐานนั่นเอง
5. การซื้อ mint ราคานี้เท่ากับซื้ออาหารแล้วแถมโรงแรมเลยหรือเปล่า ผมขอไม่บอกว่าจริงหรือไม่ แต่ขอตั้งข้อสังเกตุแล้วกันครับ โดยมากทุกท่านที่คิดแบบนี้ก็มันจะยึดกับ Assumption ที่ว่า PE ของบริษัทควรเท่ากับกลุ่มอาหารหรือค้าปลีก ซึ่งถ้าคำนวนแบบนั้นแล้วเอากำไรหรือบางท่านอาจะใช้ CFO บางท่านใช้ EBIT บางท่านใช้ EBITDA ก็สุดแล้วแต่ ก็เป็นไปได้ที่ว่ามันจะเท่ากับว่าแถมโรงแรม แต่มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเลขสมมตินั้นมากกว่าครับ อีกมุมหนึ่ง การที่เอาบริษัทไปเปรียบเทียบว่า PE ต้องเท่านั้นเท่านี้ ต้องถามกลับว่าแล้วไม่คิดหรือว่าตอนนี้มันอาจจะแพงทั้งตลาดอยู่ก้ได้ อันนี้ไม่ได้บอกว่ามันแพงนะครับ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งถือซื้อหุ้นกลุ่มอาหารไว้มาก และนานมากพอดูครับ แต่อยากให้ข้อสังเกตุว่าเราไม่สามารถเอาบริษัท 2 บริษัทไปเทียบราคากันได้ เพราะบางทีไอ้บริษัทที่ถูกอาจจะไม่ถูกแต่แค่แพงน้อยกว่าอีกบริษัทก็เป็นได้ครับ
6. การเติบโตของบริษัท เป็นเพราะบริษัทดีเยี่ยมจริงหรือไม่ อันที่จริงบริษัทอย่าง Mint นี่ไม่เติบโตสิแปลกครับ แปลกยังไง จริงๆแล้วถ้าเรามองว่าบริษัททำกำไร เงินที่ได้ จะมีทางไป 2 ทางหลักๆครับ คือเก็บไว้ในบริษัท แล้วบริษัทจะเอาไปทำอะไรต่อก็สุดแท้แต่ กับอีกส่วนปันผลออกมาครับ ส่วนที่ปันผลออกมาก็จบไป แต่ส่วนที่เก็บไว้ในบริษัทไม่ต่างอะไรกับการเพิ่มทุนนะครับ เพราะฉะนั้นการที่บริษัทอย่าง mint ไม่ปันผลหรือปันผลน้อยมากๆ ถ้าบอกว่ากำไรเติบโตแล้วถือว่าเป็นฝีมือของผู้บริหารแล้วให้โบนัสกันมากๆ ถือว่าไม่สมควร ( อันนี้ผมสมมตินะครับ ไม่ได้กล่าวหาผู้บริหารแต่อย่างใดครับ ) น่าจะถือว่าเป็นฝีมือของผู้ถือหุ้นมากกว่า ผมแบ่งกรณีอย่างนี้นะครับ
6.1 เก็บเงินไว้แล้วไม่เกิดการเติบโตของกำไร อันนี้ต้องบอกว่าแย่มากๆครับ สำหรับผมจะถือว่ากำไรส่วนนี้เป็นของ ผู้บริหารไม่ได้เป็นของผู้ถือหุ้น ผมจะหักกำไรตรงนี้ทิ้งไปเลยแล้วคิด PE ใหม่โดยใช้ Earning ตัวใหม่ที่หักกำไรส่วนของผู้บริหารออกไปก่อน แล้วคิด PE จากกำไรของผู้ถือหุ้นเท่านั้น
6.2 การที่เก็บเงินไว้ในบริษัทแล้วกำไรโตขึ้นแต่ ROE ตกลง อย่างนี้ผมก็บอกได้เลยว่าผู้บริหารแย่ครับ บางคนอาจบอกว่ายังไงมันก็โตนี่นา บางทีการลงทุนอาจไม่ได้ดีเท่าเดิมแต่ก็ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี เช่นแต่เดิม ได้ ROE 20% แล้วอันใหม่ลงทุนได้ 15% ROE จะตกลง แต่ว่าการลงทุนได้ 15% ก้ยังถือว่าเยี่ยมมิใช่หรือ แต่จริงๆแล้วต้องบอกว่าจริงแต่ไม่ทั้งหมด เพราะถ้าผู้บริหารปันผลออกมาแล้วเราในฐานะผู้ถือหุ้นเอาไปซื้อหุ้นตัวเดิมเพิ่มไม่ดีกว่าหรือ เท่ากับว่าเราลงทุนเองได้บริษัทที่ ROE 20% แต่ถ้าผู้บริหารเอาไปลงทุนเหมือนได้บริษัทใหม่ที่ ROE 15% ( แต่ข้อแย้งตรงนี้บางท่านอาจะบอกว่าเราไม่ได้ซื้อ E นี่นาเพราะบางทีเราต้องซื้อที่ P/BV มากๆก็เป็น premium ที่เราต้องเสียเหมือนกัน ซึ่งจริงๆแล้วตอบยากครับตัวเลขนี้คิดได้หลายมุม ) หรือมองในอีกแง่เท่ากับว่าธุรกิจเริ่มถดถอยหรือไม่ อันนี้ก็น่าคิดครับ
6.3 การที่บริษัทเก็บเงินไว้แล้ว ROE บริษัทสูงขึ้นเรื่อยๆ อันนี้สำหรับผมเป็น Indicator ที่จะบอกได้อย่างหนึ่งว่าผู้บริหารทำงานได้ดี และ บริษัทยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจริงๆ