พัฒนาชีวิตด้วยปัญญา และความดี
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
1 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
CKP ผู้นำพลังงานในภูมิภาคอาเซียน

 ผู้นำพลังงานในภูมิภาคอาเซียน

เมื่อ “ปลิว ตรีวิศวเวทย์” ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ช.การช่าง หรือ CK ในฐานะหุ้นใหญ่ 31.78 เปอร์เซ็นต์ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ หรือ CKP ประกาศให้ “ธุรกิจพลังงาน” เป็น Flagship ของกลุ่มช.การช่าง สิ้นเสียงคำสั่งพ่อ ลูกสาวคนโต "หนิง-ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์" กรรมการผู้จัดการ CKP รีบน้อมรับโจทย์พร้อมเดินหน้าสร้างฝันของพ่อทันที

“ซีเค พาวเวอร์” บริษัท Holding Company ด้านพลังงานของกลุ่มช.การช่าง เข้าตลาดหุ้นมาตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 2556 ด้วยการเสนอขายหุ้นไอพีโอราคา 13 บาทต่อหุ้น แม้จะเปิดตัวสวยงามในวันแรกของการซื้อขายที่ระดับ 16.70 บาท แต่ปัจจุบันราคาหุ้นหลุดราคาจองไอพีโอลงมาซื้อขายเฉลี่ย 12.30 บาท แม้บริษัทจะพยายามโชว์ “จุดขาย” หลังโกยกำไรสุทธิไตรมาสแรกของปี 2557 สูงถึง 122.31 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 92.88 ล้านบาท แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นสู่พื้นฐาน

“ที่ผ่านมาเคยมีนักลงทุนวีไอขอเยี่ยมชมกิจการของเราเยอะมาก เรียกว่าสอบถามทุกเรื่องละเอียดยิบ นั่นแสดงให้เห็นว่า เขามีความสนใจหุ้น CKP เพราะเชื่อว่าอนาคตเราจะเติบโตอย่างมั่นคง เขาคงไม่ได้เข้ามาเก็งกำไรอย่างแน่นอน” “ดร.สุภามาส ตรีวิศวเวทย์" เล่าให้ “กรุงเทพธุรกิจ Biz Week” ฟัง

ก่อนจะลงลึกในแผนงานของ CKP เธอย้อนประวัติชีวิต โดยไม่ขอเปิดเผยตัวเลขแท้จริงของวัยว่า เราเป็นลูกสาวคนโตของตระกูล น้องอีก 2 คนเป็นผู้ชาย คนรองอายุ 35 ปี ตอนนี้คุณพ่อมอบหมายให้เขาดูแลโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 ใน สปป.ลาว และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี ส่วนน้องชายคนสุดท้อง อายุ 33 ปี หลังเรียนจบจากประเทศสหรัฐอเมริกาเขาได้เข้ามาดูแลงานวิศวะกรรมของบริษัทแล้วกว่า 1 ปี

จำความได้เด็กๆวิ่งเล่นอยู่ในโรงไสไม้ วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างของคุณพ่อ ด้วยความที่ท่านไม่มีเวลา ทำให้ต้องอุ้มเราไปเลี้ยงที่ทำงานเป็นประจำ ยิ่งรับทำงานชิ้นใหญ่ โดยเฉพาะงานสร้างสนามบินดอนเมือง ท่านยิ่งยุ่ง..

หลังเรียนจบคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เราเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโท คณะบริหารรัฐกิจ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทันทีที่จบการศึกษาก็กลับเมืองไทย เพื่อไปทำงานตำแหน่งนักวิจัยในธนาคารโลก ประจำประเทศไทย (World Bank) ประมาณ 1 ปีกว่า

ช่วงนั้นหัวหน้าที่ World Bank แนะนำว่า หากชอบทำงานด้านการวิจัยน่าจะไปเรียนต่อปริญญาเอก เมื่อความคิดตกผนึกเราตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาเอก ด้านการบริหารองค์กรและบริหารทั่วไป ประเทศสหรัฐอเมริกาทันที

เมื่อจบปริญญาเอกกลับมาเมืองไทย ตัดสินใจเข้ามางานครอบครัว เพราะช่วงนั้นกลุ่มช.การช่างกำลังขยายตัวค่อนข้างมาก พ่อไม่ได้บังคับ (หัวเราะ) ที่ผ่านมาท่านให้อิสระทางความคิดตลอด แม้กระทั่งออกไปหาความรู้ในบริษัทอื่นท่านยังเป็นคนบอกเองเลย เพราะพ่ออยากให้รู้ระบบการทำงานว่าเวลามีหัวหน้ามันมีความรู้สึกอย่างไร

“เจเนอเรชั่น 2” เล่าต่อว่า เริ่มฝึกงานใน “ช.การช่าง” เมื่อ 8 ปีก่อน ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการสำนักกรรมการใหญ่ มีหน้าที่ดูแลเรื่องการประชุมของคณะกรรมการบริษัท ทำให้เห็นการวางกลยุทธ์ การวางแผนด้านการเงิน บรรยากาศภายในห้องประชุมทำให้เรามีมุมมองที่กว้างมากขึ้น

ช่วงที่เข้ามาทำงานใหม่ๆพ่อและผู้ใหญ่ในบริษัทให้โอกาสเรามากๆ สไตล์การทำงานของพ่อคือ ท่านจะให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม งานจะสำเร็จได้ต้องมีทีมที่แข็งแกร่ง พ่อบอกอย่างนั้น ที่สำคัญพ่อจะให้ความเคารพผู้อาวุโส ถือเป็นวัฒนธรรมการทำงานของกลุ่มช.การช่าง

เมื่อเริ่มมีประสบการณ์ ผู้ใหญ่จึงเสนอให้เราไปทำงานเกี่ยวกับธุรกิจโรงไฟฟ้า หลังเห็นว่าบริษัทกำลังจะขยายกิจการโรงไฟฟ้า เมื่อผู้ใหญ่แนะนำเราจึงรับปากทำทันที โดยยึดแนวทางการทำงานเป็นทีมเหมือนคุณพ่อและไม่ลืมที่จะเคราพผู้อาวุโส รวมถึงให้เกียรติและให้อิสระในการทำงานกับลูกน้องทุกคน

ถามถึงอนาคตของ “ซีเค พาวเวอร์” เธอบอกว่า อยากเห็น CKP เป็นผู้ประกอบการชั้นนำด้านพลังงานในภูมิภาคอาเซียน ควบคู่ไปกับการเป็นผู้พัฒนาพลังงานให้มีความหลากหลายทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค ทุกโครงการของเราต้องมีผลตอบแทนที่ดี และเป็นประโยชน์ต่อสังคม

สำหรับแผนธุรกิจในช่วงปี 2557-2562 จริงๆ บริษัทวางพอร์ตการลงทุนต่างๆไว้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว โดยในปี 2562 เราอยากมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 2,320 เมกะวัตต์ หรือเติบโตกว่า 200 เปอร์เซ็นต์ จากวันนี้ที่มีกำลังการผลิตรวม 755 เมกะวัตต์ ซึ่งมาจากโรงไฟฟ้า 5 แห่ง แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ 1 แห่ง กำลังการผลิต 615 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าโซล่า 3 แห่ง กำลังการผลิตรวม 22 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าโคเจนเนอเรชั่น (แก๊ส) 1 แห่ง กำลังการผลิต 117.5 เมกะวัตต์

ปัจจุบันบริษัทมี 3 โครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ประกอบด้วย โครงการบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น เฟส 2 กำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ ตอนนี้อยู่ในช่วงดูราคา และเตรียมเจรจาเรื่องเงินลงทุน ภายในปีนี้น่าจะได้ข้อสรุปเรื่องสัญญา ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มสร้างรายได้ในปี 2560 โดยเราจะขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ประมาณ 90 เมกะวัตต์ ที่เหลือจะขายให้กับผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน

นอกจากนั้นยังมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ภายใต้ชื่อ โครงการน้ำบาก ใน สปป.ลาว กำลังการผลิต 160 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสร้างรายได้ในปี 2561 สุดท้ายคือ โครงการไซยะบุรี ใน สปป.ลาว กำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ ปัจจุบันการก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้วประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จ และเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562

“หลังจากปี 2563 เราอยากมีโครงการโคเจนเนอเรชั่นเพิ่มอีก 1,000 เมกะวัตต์ ปัจจุบันเราเตรียมพื้นที่ไว้เรียบร้อยแล้ว”

เธอ พูดถึง ”จุดแข็ง” ของบริษัทว่า ข้อแรก การที่มีโรงไฟฟ้าที่มีความหลากหลายในแง่ของเชื้อเพลิงจะทำให้บริษัทสามารถบริหารความเสี่ยงได้ดีขึ้น ข้อสอง การที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในต่างประเทศจะทำให้เราเป็น Holding Company รายแรกในเมืองไทยที่มีสินทรัพย์การลงทุนอยู่ในต่างประเทศ ข้อสุดท้าย คือ การที่เราเป็นบริษัทในกลุ่มช.การช่างจะทำให้มีจุดแข็งหลากหลายด้าน เพราะธุรกิจของบริษัทแม่จะคอยเกื้อหนุนเรา

ถามถึงทิศทางรายได้ในปี 2557 “กรรมการผู้จัดการ” บอกว่า รายได้คงเติบโต 30 เปอร์เซ็นต์ โดยบริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1(BIC 1) ประมาณ 2,800 ล้านบาท นอกจากนั้นยังรับรู้รายได้จากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าเต็ม “ร้อยเปอร์เซ็นต์”

สำหรับงบลงทุนในปีนี้น่าจะอยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยจะใช้ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการ 2 (BIC 2) คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 2558 รวมถึงโครงการพลังน้ำ น้ำบาก สปป.ลาว น่าจะเริ่มขายเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2561 หลังเริ่มก่อสร้างไปแล้วเมื่อเดือน ส.ค.2556

แม้ปี 2557 เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวจากปัจจัยการเมือง แต่บริษัทเชื่อว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง เพราะจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าบางปะอินโคเจนเนอเรชั่น โครงการ 1 เต็มปี เธอย้ำ

ขณะเดียวกันเรายังคงมุ่งมั่นพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารโรงไฟฟ้าทุกแห่ง รวมถึงลดค่าใช้จ่ายทางการเงิน และทยอยชำระเงินกู้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น “ดร.สุภามาส” สรุปทิ้งท้าย

“กำไรโต” 137% เป้าหมาย 15 บ.

บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” หุ้น ซีเค พาวเวอร์ โดยได้ปรับราคาเป้าหมายปี 2557 เพิ่มขึ้นเป็น 14 บาท จากเดิมที่ให้ราคาไว้ระดับ 13.80 บาท หลังเชื่อว่า “กำไรสุทธิ” ในปี 2557 ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 520 ล้านบาท

โดยเป็นผลจากต้นทุนทางการเงินของ CKP ที่ปรับตัวลดลง หลังจากบริษัทลูกทำการรีไฟแนนซ์หนี้กับธนาคารเมื่อปลายปี 2556 ส่งผลให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 16 ล้านบาทต่อไตรมาส

บริษัทในเครือที่ปรับโครงสร้างหนี้ คือ บริษัท เซาท์อีสท์ เอนเนอร์จี จำกัด (SEAN) ซึ่งลงทุนในโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) และบริษัท บางเขนชัย จำกัด (BKC) ที่ลงทุนในโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมเจรจาปรับหนี้ในส่วนของบางปะอินโคเจน (BIC1)

ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทยังเดินเครื่องโรงไฟฟ้า บางปะอินโคเจน (BIC1) ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังบริษัทมีปัญหาในการใช้เชื้อเพลิงให้มีประสิทธิภาพ จากเหตุผลดังกล่าวจะทำให้ในปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น 137 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำ Trading Buy หุ้น ซีเค พาวเวอร์ โดยให้ราคาเป้าหมาย 15 บาท หลังคาดผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/2557 มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา ตามปัจจัยฤดูกาลของการใช้ไฟฟ้าที่มักขยับขึ้นในช่วงฤดูร้อน ฉะนั้นการผลิตไฟฟ้าจาก NN2 คงจะเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นการขายไฟฟ้าและไอน้ำของ BIC 1 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนลูกค้าที่สูงขึ้นในช่วงก่อน

เชื่อว่า หุ้น CKP จะเริ่มจ่ายเงินปันผลได้ในปี 2557 หลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้นำส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญจำนวน 170 ล้านบาท มาล้างขาดทุนสะสมในงบเฉพาะกิจการของบริษัท เราประเมินผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2557 อยู่ที่ 1.7 เปอร์เซ็นต์

“บริษัทยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ความผันผวนของเงินบาทเทียบกับเหรียญสหรัฐ รวมถึงปริมาณน้ำในเขื่อน NN2 และความล่าช้าของการก่อสร้างของโครงการต่างๆ”




“เปิดรับสมัครสมาชิก”

เว็บบล็อก“นายแว่นธรรมดา” เปิดรับสมัครสมาชิกรายปีครับ โดยท่านที่สมัครจะได้รับของที่ระลึกจากนายแว่นธรรมดาครับใครยังไม่สมัครต้องรีบหน่อยนะครับ ของแถมล็อตนี้ใกล้หมดละครับสนใจรายละเอียดการสมัครติดตามได้ที่นี่เลยครับ คลิ๊กเพื่อดูรายละเอียดการสมัครสมาชิก

แนะนำเว็บไซค์สำหรับคนอยากมีบ้านหลังแรก และต้องการมองหาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์

//www.topofliving.com/ (โดยนายแว่นธรรมดา เช่นเคยครับผม)

logo-topofliving2





Create Date : 01 มิถุนายน 2557
Last Update : 1 มิถุนายน 2557 21:06:11 น. 0 comments
Counter : 2196 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตี๋2555
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




สวัสดีครับผม "นายแว่นธรรมดา" ผู้เขียนหนังสือขายดี "รวยหุ้นแบบ VI ไม่เสี่ยง" หนังสือ "หุ้น 5 พารวย" และเป็นผู้ก่อตั้ง http://www.naiwaen.com เว็บไซค์การลงทุนในหุ้น กองทุนรวม และ Money Market อีกมากมาย
และ http://www.topofliving.com เว็บไซค์เกี่ยวกับการเลือกซื้อบ้านหลังแรก การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยนิยามส่วนตัวก็คือ ทำให้ความมั่งคั่ง กลายเป็นเรื่อง "สนุก"
หากต้องการข้อมูลข่าวสารการลงทุนอย่างรวดเร็ว และเชื่อถือได้ แวะไปกด LIKE ที่นี่นะครับ https://www.facebook.com/NaiwaenTammada

ผมยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่าน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
Free counters!
New Comments
Friends' blogs
[Add ตี๋2555's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.