พอดีว่ามีเพื่อนของผมคนหนึ่ง ทำงานอยู่ในแวดวงนี้ เพราะอยู่ในบริษัทที่ถือว่าเป็นคู่แข่งของ SAWAD แห่งหนึ่ง เลยได้โอกาสคุยกันเล็กน้อยถามไถ่ดูว่า ธุรกิจของ SAWAD เป็นอย่างไร เพราะผมบอกเขาตรงๆว่า แบรนด์ "มีบ้าน มีรถ เงินสดทันใจ" เนี่ย ผมไม่เคยได้ยินจริงๆนะ เราจะรู้จักแต่ศรีสวัสดิ์ เงินติดล้อ ที่ขายให้กับ BAY ไปแล้วเท่านั้น
เพื่อนรายนี้บอกว่า ในเมืองอาจไม่ค่อยได้ยิน แต่ต่างจังหวัดนี่แจ่มเลยนะ เพราะว่ามีสาขาเยอะมาก ปล่อยกู้ข้าราชการ คนระดับล่างเยอะมาก และที่สำคัญก็คือ สโลแกนของ SAWAD ก็คือ "ดอกเแพง ทวงโหด"
อืมมม ทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นว่า การที่เราเป็นคนกรุงเทพแลปริมณฑล ก็เหมือนอยู่ในกะลาครอบนะเนี่ย เราไม่รู้จักเลยว่า ธุรกิจที่หากินกับคนต่างจังหวัดนั้นมันมีอะไรบ้าง
ดอกแพง - อันนี้ก็คอนเฟิร์มได้เลยจากคนที่ใช้บริการอยู่ ดอกเบี้ยไม่ต่ำกว่า 2% ต่อเดือน และที่สำคัญคือ มันเป็นการปล่อยกู้แบบ "มีหลักประกัน" นะ ดอกเบี้ยมันยังสูงขนาดนี้เลย
พอได้ลองไปดูข้อมูล yield ของปี 2555 ดอกเบี้ยรับของบริษัทสูงถึง 31.06% ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นอยู่พอสมควร ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินเพียง 5.45% ซึ่งใกล้เคียงกับรายอื่น
ทำให้บริษัทมีส่วนต่างดอกเบี้ยรับ-จ่ายสูงถึง 25.61% ขอบอกได้เลยว่า โคตรสูง
บางคนอาจคิดว่า บริษัทนี้หมกเม็ดอะไรหรือเปล่ามันไม่น่าจะสูงขนาดนี้นะ ก็ต้องบอกกันเลยว่า ไม่ผิดหรอกครับ ตัวผมเอง สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ก็เคยลงขันปล่อยเงินกู้กับเพื่อนในกรุงเทพนี่ล่ะ ปล่อยกับรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยว ดอกเบี้ยเป็นวันนะครับ และคิดแล้วเดือนหนึ่งก็เกือบจะ 100% อยู่แล้ว
ดังนั้น สำหรับคนรากหญ้า หรือระดับล่างแล้ว การมากู้กับ SAWAD ที่คิดดอกเดือนละ 2% ก็นับว่าถูกกว่าการไปหาเงินกู้นอกระบบมาก และคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นพวกที่ไม่มีทางเลือกในการกู้เงินที่ได้ดอกถูกกว่านี้ได้
นั่นก็เป็นข้อดีของการที่ทำธุรกิจกับคนระดับล่างที่ไม่ค่อยมีทางเลือกในการหาแหล่งเงินกู้มากนัก ดอกเบี้ยที่คิดจึงสูงกว่ามาตรฐานโดยทั่วไป
ทวงโหด - อันนี้ก็คอนเฟิร์มเลยนะครับ ทวงเช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอนด้วย บางทีมาเคาะถึงหน้าบ้านเลย เรียกได้ว่าโหดกว่าเจ้าอื่น แต่ก็เป็นลักษณะทั่วไปของธุรกิจประเภทนี้ เพียงแต่อาจจะดูลูกทุ่งกว่าพวก อีซี่บาย หรือพวกที่ให้บริการในกรุงเทพเป็นหลัก
ในแง่ของ NPL ของ SAWAD สูงถึง 3% ปลายๆ นับว่าสูงกว่ารายอื่น แต่มีการตั้งสำรองเพียงแค่ 85.8% ของยอด NPL เท่านั้น
หลายคนอาจเป็นห่วงจุดนี้ว่า แล้วมันไม่เสี่ยงเหรอ?? แต่หากเราลองดูให้ดี จะเห็นเลยว่า ธุรกิจหลักของ SAWAD เป็นการจำนำทะเบียนรถ โฉนด ซึ่งเป็นหนี้ที่ "มีหลักประกัน"
และนโยบายของ SAWAD ก็ปล่อยกู้เพียง 30 - 70% ของมูลค่าหลักประกันเท่านั้น
หากลูกค้าเบี้ยวหนี้ไม่จ่าย บริษัทก็สามารถติดตามเอาหลักประกันมาได้ไม่ยากเพราะจะเลือกปล่อยกู้เฉพาะคนในละแวกไม่เกิน 20-30 กิโลจากสาขาเท่านี้น และมีการไปดูหลักประกันก่อนทุกครั้ง
ถ้ายึดหลักประกันมาได้ ก็สามารถเอามาขาย ซึ่งมูลค่าตลาดของหลักประกันก็สูงกว่ายอดหนี้อยู่แล้ว
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า มันจะไม่มีโอกาสเสียหายนะครับ ทำธุรกิจยังไงก็ต้องมีความเสี่ยงอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้ ผมถึงได้เข้าใจแล้วว่า ทำไมนักลงทุนขาใหญ่ถึงได้ให้ความสนใจหุ้นตัวนี้กันมากนัก เพราะการทำธุรกิจของเขา มันทำให้เขาได้กำไรมากกว่าคนอื่น และมีโอกาสเติบโตได้ การ IPO ครั้งนี้จะทำให้ตัวเลขอัตราส่วนทางการเงินต่างๆดูดีขึ้นมาอีก
หลายคนอ่านแล้วอาจต่อต้าน เพราะคิดว่าเป็นการทำธุรกิจที่ขูดเลือดขูดเนื้อ แล้วแต่คนคิดครับ จะไม่สนับสนุนไม่ว่ากัน แต่ผมเป็นนักลงทุน ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรกับตรงนั้น ผมคิดแค่ว่า มันดูโดดเด่นกว่าตัวอื่นในอุตสาหกรรม และหุ้นควรจะมี PE สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม
สมมติถ้า SAWAD สามารถขึ้นไปเทรดที่ PE 20 เท่าเหมือนกับ GL ที่เป็นหุ้นที่มี PE สูงสุดในกลุ่มเช่าซื้อ ราคาของ SAWAD ควรอยู่ที่ 11.60 บาท (ใช้ EPS ที่ ไดลูทจาก IPO แล้วของปี 2556)
และหากใช้ประมาณการที่นักวิเคราะห์ทำไว้ คือ สิ้นปี 2557 SAWAD จะมีกำไร 762 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.76 บาทต่อหุ้น
หากหุ้น SAWAD ซื้อขายที่ PE 20 เท่า เท่า GL ราคาหุ้นควรขึ้นไปได้ถึง 15.20 บาทนะครับ
ที่นำมาเขียนเพิ่มเติมในวันนี้เพราะเห็นว่า ผ่านช่วงการจองไปแล้ว ไม่ส่งผลใดๆต่อการตัดสินใจจองหุ้นตัวนี้แล้วนะครับ