วัดทางสาย  (เขาธงชัย)


ทริปนี้ วันที่  18 - 24  ตุลาคม  2558


ความเดิมตอนที่แล้ว ออกจากอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ เราไปต่อที่วัดทางสาย






ที่ตั้งพุทธธรรมสถานอุทยานวัดทางสาย  (เขาธงชัย)

ตั้งอยู่ที่ ม.9 ต.ธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีลักษณะคล้ายเต่ายื่นลงไปในทะเล อยู่กึ่งกลางระหว่าง 2 อ่าว

คือ อ่าวบ้านกรูดและอ่าวบ้านทางสาย มีความสูงจากน้ำทะเลถึงยอดเขา 110 ฟุต 

มีถนนขึ้นสู่ยอดเขาโดยสะดวก ระยะทาง 1 กิโลเมตร

ห่างจากสถานีรถไฟบ้านกรูด 4 กิโลเมตร ห่างจากถนนเพชรเกษม 12 กิโลเมตร










พระพุทธกิติสิริชัย หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อใหญ่

เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง แบบศิลปะคันธาระ ปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 10 เมตร สูง 13.82 เมตร ฐานสูง 4.18 เมตร






ทางคณะสงฆ์วัดทางสายร่วมกับชาวบ้านสร้างขึ้นถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ วันที่ 12 สิงหาคม 2535 






สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานพระนามว่า "พระพุทธกิติสิริชัย"  และทรงประทานพระบรมสารีริกธาตุ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในวันที่ 6 มิถุนายน 2536






พระพุทธกิติสิริชัย  ลักษณะนั่งขัดสมาธิบนดอกบัว หันพระพักตร์ออกสู่ทะเล  มีผ้าทิพย์พระนามาภิไธย ส.ก. มีพระพักตร์ที่งดงามมาก






องค์พระก่ออิฐถือปูน ลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 5 วา อันเปรียบได้กับขันธ์ทั้ง 5

มีความสูงพร้อมฐาน 9 วา อันเปรียบได้กับนวโลกุตตรธรรม 9 กล่าวคือ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1

มีฐานกว้างโดยรอบ 16 วา อันเปรียบได้กับ โสฬสญาณ คือ ญาณ 16














อยู่บนยอดเขาสูง มองไป วิวสวย 






















กราบหลวงพ่อใหญ่แล้ว เดินไปพระมหาเจดีย์กันค่ะ


















พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ

สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2539 เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติ

ในวโรกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงครองสิริราชสมบัติ ครบ 50 ปี ซึ่งได้รับการออกแบบจาก ม.ร.ว.มิตรารุณ เกษมศรี

สถาปนิกประจำราชสำนัก และศิลปินแห่งชาติ ด้วยความพิถีพิถันและทุ่มเทออกแบบอย่างสุดฝีมือ จนถูกยกเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่ง

โดยพระมหาธาตุเจดีย์เป็นแบบสถาปัตยกรรมไทยกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลที่ 9 มีความงดงามและโดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเห็น

คล้ายกับวิมานที่ลอยฟ้าอยู่บนสรวงสวรรค์ อยู่บนยอดเขาธงชัย โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ

พระราชทานนามว่า "พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ"

ปะป๊ายืนรอ...














แนวคิดการก่อสร้างเป็นวัดไทยแบบใหม่ โดยรวมเอาโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ มารวมอยู่ในตึกเดียวกันในแนวตั้ง

อีกทั้งภายในอาคารยังมีพระพุทธรูปปางงดงาม 37 องค์ ที่เลือกสรรแล้วจากทั่วประเทศสร้างใหม่มารวมไว้






  รูปลักษณ์เป็นอาคารชุดหลังเดียวขนาดใหญ่ในเนื้อที่กว่า 3 ไร่

ฐานอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างด้านละ 50 เมตร สูง 50 เมตร มีความหมายถึงการครองราชย์ครบ 50 ปี






ประกอบด้วยหมู่เจดีย์ 9 องค์ มีเจดีย์ประธานองค์ใหญ่ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุวางในบุษบก อยู่ภายใต้โดม

โดยมีเจดีย์รายล้อมอยู่ 4 ทิศ 8 องค์ ซึ่งเจดีย์ทั้ง 8 องค์ออกแบบเป็นเจดีย์ทรงลังกา






หอระฆัง






หอกลอง






ชั้นที่ 1 ชั้นใต้พื้นดินเป็นที่เก็บน้ำฝนขนาดใหญ่

พื้นที่ในส่วนนี้ เป็นถังเก็บน้ำ และมีห้องเก็บของ โดยแยกออกเป็น 2 ปีก ทางด้านมุขทิศตะวันออกและมุขทิศตะวันตก


ชั้นที่ 2 เป็นโถงอเนกประสงค์และสำนักงานมูลนิธิ เพื่อพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ

พื้นที่ในชั้นนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนใหญ่คือ พื้นที่ภายในอาคาร และพื้นที่ลานประทักษิณด้านนอก ซึ่งบนลานประทักษิณนั้น มีบันไดเชื่อมสู่ชั้นที่ 2

และเป็นที่ตั้งของ หอกลอง หอระฆัง และศาลารายอีก 4 หลัง และที่บริเวณมุมของฐานชั้นนี้เป็นที่ตั้งของใบเสมารวมทั้งหมด 8 ใบ

ส่วนพื้นที่ภายในอาคารนั้นเป็นโถงโล่งขนาดใหญ่สามารถใช้งานได้อเนกประสงค์ ส่วนหนึ่งของพื้นที่นั้นถูกกันไว้สำหรับเป็นห้องเครื่องปั๊มน้ำ และห้องเก็บของ


ชั้นที่ 3 เป็นวิหาร บริเวณใจกลางเป็นแท่นประดิษฐาน พระพุทธรูปปางอิริยาบถสี่ จำนวน 4 องค์

ทางเข้าภายในวิหารเป็นซุ้มทำด้วยไม้สักทองแกะสลัก แท่นและซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป 4 องค์ทำด้วยหินอ่อน

ผนังโดยรอบเขียนจิตรกรรมภาพ 5 ธันวามหาราช 1 ภาพ พระราชพิธีสิบสองเดือน 12 ภาพ และประเพณีท้องถิ่นภาคต่างๆ ของประเทศไทยอีก 50 ภาพ


ชั้นที่ 4 เป็นอุโบสถ ซึ่งประดิษฐานพระประธาน มีชื่อว่า  "พระพุทธลีลากาญจนวบพิตร"

พระประธานในอุโบสถจัดสร้างโดยยึดถือรูปแบบ พุทธลักษณะปางลีลาโดยจำลองแบบมาจาก

พระพุทธรูปปางลีลาสมัยกรุงสุโขทัยซึ่งมีอายุกว่า 800 ปี ที่มีความงดงาม อ่อนช้อยถึงพร้อมด้วยคุณค่า แห่งพุทธศิลปะ

โดยได้รับการยอมรับในระดับสากลว่า เป็นพระพุทธรูปปางลีลาที่งามที่สุดในโลก

ด้านหลังพระประธานเขียนจิตรกรรม ตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาววดึงส์อยู่ภายในกรอบ 12 นักษัตร

ด้านหน้าพระประธานตอนบน เขียนพระพุทธเจ้าเสด็จประทับบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ขณะโปรดพระพุทธมารดา มีต้นปาริชาติ และพระจุฬามณีส่วนตอนล่าง

ตามช่องหน้าต่างเขียนพระราชนิพนธ์เรื่อง พระมหาชนกบนกระจกสีโปร่งแสงสเตนกล๊าส

ส่วนบนเป็นพระปรมาภิไธยย่อ "ภปร" และ ตราพระราชสัญจกรประจำพระองค์รัชกาลที่ 9 จำนวน 20 ภาพ

บานประตูเขียนสีปิดทองเป็นรูปทวารบาล เทวดายืนแท่นมียักษ์แบก

ชั้นที่ 5 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงที่สุด เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ภายในบุษบก และประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ

ปางประจำพระชนมวาร ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยใช้เวลาในการก่อสร้างนาน 9 ปี 8 เดือน 12 วัน (ระหว่าง 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 - 25 มกราคม พ.ศ. 2548)

ใช้งบประมาณการก่อสร้างที่ได้รับจากแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ที่ร่วมกันบริจาคมากกว่า สองร้อยล้านบาท

ในส่วนของชั้นที่ 5 จะเปิดให้พุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยว

ได้สักการะเฉพาะเทศกาลวันวิสาขบูชา จำนวน 3 วัน คือ ขึ้น 14 ค่ำ ขึ้น 15 ค่ำ และแรม 1 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี

แต่ในส่วนของชั้นที่ 1 - 4 เปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 - 17.00 น.

และในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาจะมีการเปิดแสงไฟรอบพระมหาธาตุเจดีย์ภักดี ประกาศเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ยลความงดงามยามค่ำคืนอีกด้วย

//www.teeteawthai.com/

//www.prachuaptown.com/travel/bangsapan/wattangsai.php






ชั้นที่สอง






ชั้นที่สาม






































จิตรกรรม ภาพ 5 ธันวา มหาราช






ชั้นที่สี่










วิวหาดบ้านกรูด














พระพุทธรูปปางต่างๆ ที่จัดสร้างขึ้นใหม่














แม่เดินขึ้นมากับปะป๊าสองคน เมฆนั่งรอ อยู่ตรงหลวงพ่อใหญ่






ปะป๊าเก็บมุมกว้างให้ กล้องแม่เก็บไม่หมด






ลงค่ะ






ลั่นทม - ลีลาวดี ระหว่างทางลง










เมฆเดินมาตาม






ยักษ์ แต่งองค์ทรงเครื่อง งามค่ะ






ทางลง - ทางไปพระตำหนักเสด็จเตี่ย


















พระบรมรูป พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์


























ลานจอดรถกว้างขวางใช้ได้ค่ะ