ปัตตานี เบตง นราธิวาส : วัดชลธาราสิงเห (2) วัดชลธาราสิงเห มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์พรมแดนไทย-มาเลเซีย เนื่องจากเป็นสถานที่ที่รัฐบาลสยามใช้เป็นเหตุผลอ้างอิงในการปักปันเขตแดนใน สมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2452 ในเวลานั้นเมื่อแหลมมลายูได้ตกเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิบริติช จากสนธิสัญญาอังกฤษ-สยาม พ.ศ. 2452 อังกฤษได้พยายามที่จะผนวกจังหวัดนราธิวาสให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพมาลายาด้วย ซึ่งอังกฤษได้อ้างการปักปันเขตแดนโดยใช้สันเขาและแม่น้ำเป็นแนวตามหลักสากล เข้ามาถึงบ้านปลักเล็กเลยจากวัดชลธาราสิงเห 25 กิโลเมตร ซึ่งเส้นแบ่งเขตรัฐกลันตันกับประเทศไทยจะอยู่ที่ตำบลบ้านสะปอม ในเขตอำเภอเมืองและอำเภอตากใบในปัจจุบัน แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐบาลสยามจึงถือยกเอาพระพุทธศาสนา วัด และศิลปะในวัด เป็นเครื่องต่อรองการแบ่งปันเขตแดน โดยให้เหตุผลว่าวัดชลธาราสิงเหเป็นวัดไทยที่มีความสำคัญ เป็นมรดกทางพุทธศาสนา ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวอำเภอตากใบ มีอาคารสถานที่และถาวรวัตถุเป็นแบบไทย ประชาชนนับถือศาสนาพุทธเป็นเวลาช้านาน ประกอบกับท้องที่อำเภอตากใบ มีวัด ชาวพุทธอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงควรไม่รวมพื้นที่เหล่านี้ไปในเขตรัฐกลันตันที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมสุดท้ายอังกฤษยอมจำนนต่อเหตุผลและยอมรับให้เป็นจังหวัดนราธิวาสในประเทศไทยต่อไป ฝ่ายอังกฤษจึงยอมเลื่อนการปักปันเขตแดนถอยลงไปทางใต้จนถึงลำน้ำแม่น้ำโก-ลก ทำให้พื้นที่ทางตอนเหนือแม่น้ำตากใบของจังหวัดนราธิวาสอยู่ในการปกครองของราชอาณาจักรไทยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีผลให้ 4 อำเภอชายแดนไทย คือ อำเภอตากใบ อำเภอแว้ง อำเภอสุไหงปาดี และ อำเภอสุไหงโก-ลก ไม่ต้องผนวกเป็นส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซีย วัดชลธาราสิงเหจึงเป็นที่รู้จักในอีกนามหนึ่งว่า "วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย" ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย กุฏิสิทธิสารประดิษฐ์ หรือ กุฏิพระครสิทธิสารวิหารวัตร (อาคารพิพิธภัณฑ์วัดชลธาราสิงเห)กุฏิสิทธิสารประดิษฐ์ (อาคารพิพิธภัณฑ์วัดชลธาราสิงเห) สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2498 โดยพระครูสิทธิสารวิหารวัตรเป็นอาคารไม้ยกพื้นสูง หลังคาทรงปั้นหยามุงกระเบื้องดินเผา มีหลังคาซ้อนกันหลายชั้น ตรงยอดหลังคาและปลายมุมหลังคาทำเป็นรูปตัวนาคและหางหงส์ หลังคาทรงปั้นหยามุงกระเบื้องดินเผา มีหลังคาซ้อนกันหลายชั้น ตรงยอดหลังคาและปลายมุมหลังคาทำเป็นรูปตัวนาคและหางหงส์เดินขึ้นบันไดมาข้างบน ไม่ได้เข้าไป แค่กล้องส่องถึงค่ะภายในกุฏิตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรม เช่น บริเวณหน้าบันเป็นภาพพระพุทธประวัติตอนปรินิพพานบานประตูเป็นภาพทวารบาล ฝ้าเพดานตกแต่งด้วยรูปพระอาทิตย์ พระจันทร์และเหล่าเทวดาภาพจิตรกรรมพระจันทร์ทรงราชรถเทียมม้าเดินมาบันไดอีกฝั่งกุฏิพระครูวิมลถาปนกิจสวยจริง ๆ ค่ะ กุฏิอดีตเจ้าอาวาสพระเจดีย์หอพระนารายณ์เป็นอาคารเครื่องก่อ ขนาด 5.45 เมตร ยาว 6.30 เมตร มีมุขขนาดกว้าง 3.40 เมตร ยาว 4.06 เมตร มีหน้าต่างด้านละ 1 ช่องส่วนทางด้านหน้าทางทิศตะวันออกมีประตู 3 บาน ตรงหน้าบันมีจารึก “ปฏิสังขรณ์ พ.ศ. 2499” เพดานมุขมี 2 ห้อง ตกแต่งลวดลายเป็นภาพดวงดาราภายในมณฑปมีรูปพระนารายณ์ 4 กร บนฐานชุกชีมีพระพุทธรูปปางมารวิชัย 3 องค์เพดานด้านในประธานตกแต่งลายดวงดารา พื้นหลังประดับด้วยภาพผีเสื้อ หงส์ ช่อดอกไม้และดาวดวงเล็ก ๆ กระจายอยู่ทั่วไป พื้นหลังมีสีขาว ตกแต่งลวดลายดอกไม้ร่วง คอสองเป็นลายพุ่มข้าวบิณฑ์ คานตกแต่งลายก้านปู ด้านนอกมีการตกแต่งลายเขียนสีและประดับกระจกกรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะตัวหลังคาและโครงสร้างหอพระนารายณ์ในปี พ.ศ. 2541หลังคาทรงมณฑป 4 ชั้นยอดแหลม มุงกระเบื้องดินเผาเกาะยอ ฐานสี่เหลี่ยมก่ออิฐ มุมหลังคาแต่ละชั้นประดับด้วยหัวนาค ส่วนยอดของหลังคาหล่อด้วยปูนซีเมนต์วิหารพระพุทธไสยาสน์ ตั้งอยู่บริเวณหน้าเจดีย์ เป็นวิหารคลุมพระไสยาสน์ มีขนาดกว้าง 5.90 เมตร ยาว 9.90 เมตรสร้างโดยพระครูสิทธิสารวิหารวัตรเมื่อปี พ.ศ. 2484ภายในวิหารมีพระพุทธไสยาสน์ประดิษฐานอยู่ตอนท้ายของวิหารโถงและติดกับฐานเจดีย์เป็นอาคารเครื่องก่อมีฝาผนังทั้งสี่ด้าน มีประตูทางเข้าทางทิศตะวันตก (สันนิษฐานว่าอาคารโถงน่าจะเป็นการต่อเติมในสมัยหลัง)องค์พระพุทธไสยาสน์เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ประดับด้วยกระจกสีทองโดยประทับอยู่บนนาคประดิษฐานอยู่ในคูหาที่ประดับด้วยเครื่องถ้วยยุโรป จีน และ ญี่ปุ่นอีกมุมของหอพระนารายณ์มะขามป้อม เพิ่งเคยเห็นต้นค่ะแม่ลูกอ่อน ความเดิม ปัตตานี : วัดช้างให้ วังยะหริ่งปัตตานี : หาดตะโละสะมิแล ชุมชมตลาดจีน ย่านเมืองเก่าปัตตานีปัตตานี : ริมน้ำปัตตานี สกายวอล์คปัตตานีปัตตานี : สะพานไม้บานา การท่องเที่ยวเชิงนิเวศในชุมชน จ.ปัตตานีปัตตานี : สุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มัสยิดกรือเซะ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวปัตตานี เบตง : มัสยิดกลางปัตตานี, เดินทางไปเบตงปัตตานี เบตง : เดินเล่น ชมเมืองเบตงปัตตานี เบตง : สกายวอล์ค อัยเยอร์เวงปัตตานี เบตง : น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.๙, เฉาก๊วย เบตงปัตตานี เบตง : อุโมงค์ปิยะมิตร, บ่อน้ำร้อนเบตง, ป้ายใต้สุดสยามปัตตานี เบตง : วัดพุทธาธิวาส, หอนาฬิกาเบตงปัตตานี เบตง : ทะเลหมอกฆูนุงซีลีปัต ปัตตานี เบตง นราธิวาส : เดินทางไปนราธิวาส, พักที่ใจดีจริงจริง&คาเฟ่ ใจใสปัตตานี เบตง นราธิวาส : วัดชลธาราสิงเห (1) Create Date :28 มิถุนายน 2564 Last Update :28 มิถุนายน 2564 15:48:42 น. Counter : 2127 Pageviews. Comments :0 twitter google ผู้โหวตบล็อกนี้...คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณThe Kop Civil, คุณkatoy, คุณเริงฤดีนะ, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณhaiku, คุณtoor36, คุณชีริว, คุณmcayenne94, คุณโอพีย์, คุณหอมกร, คุณKavanich96, คุณnonnoiGiwGiw, คุณ7Flowers, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณtuk-tuk@korat, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณkae+aoe, คุณปรศุราม, คุณทนายอ้วน, คุณอุ้มสี, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse, คุณออโอ, คุณSweet_pills, คุณกะว่าก๋า, คุณ**mp5**, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณThe Kop Civil, คุณkatoy, คุณเริงฤดีนะ, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณhaiku, คุณtoor36, คุณชีริว, คุณmcayenne94, คุณโอพีย์, คุณหอมกร, คุณKavanich96, คุณnonnoiGiwGiw, คุณ7Flowers, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณtuk-tuk@korat, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณkae+aoe, คุณปรศุราม, คุณทนายอ้วน, คุณอุ้มสี, คุณสองแผ่นดิน, คุณnewyorknurse, คุณออโอ, คุณSweet_pills, คุณกะว่าก๋า, คุณ**mp5**, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา