กินข้าวที่...ลมโชย ปลาเผา 

วัดใจที่...วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) จ.บึงกาฬ



ทริปอีสาน  28  ธันวาคม  2558  -  2  มกราคม  2559







“ภูทอกแหล่งพระธรรม ค่าล้ำยางพารา งามตาแก่งอาฮง บึงโขงหลงเพลินใจ น้ำตกใสเจ็ดสี

ประเพณีแข่งเรือ เหนือสุดแดนอีสาน นมัสการหลวงพ่อใหญ่ ศูนย์รวมใจศาลสองนาง”


คำขวัญจังหวัด  จังหวัดบึงกาฬ   จังหวัดที่ 77  ในประเทศไทย

บึงกาฬเป็นจังหวัดที่มีเขตพื้นที่ติดต่อกับประเทศลาว โดยมีแม่น้ำโขงเป็นแนวพรมแดน

ทิศเหนือ ติดต่อกับแขวงบริคำไชย ประเทศลาว

ทิศตะวันออก ติดต่อกับแขวงบริคำไชย ประเทศลาว และจังหวัดนครพนม

ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดสกลนคร

ทิศตะวันตก ติดต่อกับแขวงบริคำไชย ประเทศลาว และจังหวัดหนองคาย


ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย





12.13 น.  วันที่  31  ธันวาคม  2558  ออกจากวัดอาฮงศิลาวาส





วงเวียนหอนาฬิกา เมืองบึงกาฬ





เที่ยงกว่า วันที่ 31  ช่วงปีใหม่ ร้านปิดเยอะเลยค่ะ หน้ามืดแล้ว แวะร้านนี้ละกัน





ร้านลมโชยปลาเผา  /  เหลือบมองเมนู สั่งอะไรกินดี 





ไม่ค่อยมีให้เลือก สั่งปลาเผาไปค่ะ





ชุดนี้มากับปลาเผา พร้อมผักสดอีกกระจาดใหญ่





น้ำจิ้ม 3 แบบ ซ้ายมือสุด จำไม่ได้ น่าจะเหมือนน้ำจิ้มข้าวมันไก่  กลาง - น้ำจิ้มซีฟู้ด

ขวาสุด  ถาม.. เค้าบอก รสชาติหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ  มีน้ำมะขาม กับอะไรไม่แน่ใจค่ะ  (กินน้ำจิ้มซีฟู้ดอย่างเดียว)




ตำซั่ว เผ็ด สะใจ แต่อร่อยมาก 





สั่งตำไทยใส่ปูมาให้ลูก เผ็ดเกินไป... กินไม่ได้อีก 





เมนูสุดท้าย กะว่า มาช่วยชีวิต ต้มยำปลา -- ซดแต่น้ำแกงค่ะ ปะป๊ารับผิดชอบเนื้อปลา





มื้อนี้ 600 บาท มีข้าว 1 โถ น้ำ 1 ขวด น้ำแข็ง 1 ถัง กินเหลือบานเบอะ





เดินเล่น ... วิวริมโขง ใกล้ ๆ ร้านอาหาร





ฝั่งตรงข้าม แขวงบริคำไชย ประเทศลาว





เตรียมจัดงานปีใหม่













แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ





อิ่มวิว อิ่มท้องแล้ว ... เราจะไปภูทอกกันต่อค่ะ





การเดินทาง

    ภูทอกอยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคายประมาณ 185 กิโลเมตร การเดินทางจากตัวเมือง ใช้ทางหลวงหมายเลข 212

ผ่านอำเภอโพธิ์ชัย อำเภอปากคาด และอำเภอบึงกาฬ เลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 222 ถึงอำเภอศรีวิไล

จากอำเภอศรีวิไลมีทางแยกซ้ายผ่านบ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม สู่บ้านนาคำแคน ถึงภูทอกเป็นระยะทางอีก 30 กิโลเมตร

//www.touronthai.com/






13.45 น.  ขวามือของภาพ - ป้ายบอกทางไปโรงพยาบาลศรีวิไลค่ะ





ซ้ายมือ ป้ายที่ว่าการอำเภอศรีวิไล





13.55 น. ใช้ google map ด้วย คอยมองป้ายบอกทางด้วย





ไม่หลงค่ะ  





วิวข้างทาง ถ่ายรูปไม่ติดสายไฟ  เบลอ ๆ หน่อยนะคะ









ใกล้แล้ว ๆ









14.04  น.   มองเห็นแต่ไกล ไม่แน่ใจ ใช่ภูทอกใหญ่ หรือเปล่าค่ะ





ปลายทางเดียวกันค่ะ ไปภูทอก





ภูทอก อยู่ตรงหน้านี้แล้ว 





14.07 น.





ถึงแล้วค่ะ ภูทอก - วัดเจติยาคีรีวิหาร









เจดีย์พิพิธภัณฑ์ พระอาจารย์จวน กุลเชฎโฐ 

(ไม่ได้แวะค่ะ เรามีเวลาไม่มาก ต้องไปนครพนมต่อ)



วันนี้ ฟ้าช่างเป็นใจ  





ภาพนี้  426 kb  ค่ะ  บล็อกแก๊งปรับปรุง ให้ใช้ภาพได้ไม่เกิน 500 kb  

ขอบคุณค่ะ  อัพบล็อกมีความสุขขึ้นอีกเยอะเลย  





crop มา พอมองเห็นไหมคะ





ภูทอก   ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว  เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก)

อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ภูทอกมี 2 ลูกคือ ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย

ส่วนที่นักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวทั่วไปสามารถชมได้คือ ภูทอกน้อย

ส่วนภูทอกใหญ่อยู่ห่างออกไป ยังเป็นป่าไม้ ไม่ได้เปิดให้ขึ้นไปเที่ยวชม

วัดภูทอก เป็นวัดป่าพระกรรมฐาน ที่ท่าน พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ พระป่าสายกรรมฐาน ศิษย์พระอาจารย์มั่น

ได้มาสร้างไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512  เพื่อเป็น "รุกขมูลเสนาสนัง" สถานที่ปฏิบัติธรรม ปลีกวิเวก ตัดกระแสโลกย์ เพ่งเพียรในวัตรปฏิบัติ

เพราะพื้นที่ป่าภูทอก (น้อย) มีความร่มรื่นสงบเงียบ เหมาะสำหรับปฏิบัติธรรมของพระกรรมฐาน

//www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9560000133304





ทางขึ้น ... ป้ายเตือนเยอะเลยค่ะ





ข้อควรปฏิบัติ









ที่สมัครใจกันนั่งรอ นั่งพัก ไม่เดินขึ้น ก็เยอะค่ะ





ก่อนจะขึ้นบันได ชั้นที่ 1 ยังมีป้ายคำเตือนอีกด้านขวามือ





บันไดไม้ แข็งแรง ใช้ได้ค่ะ





มองไปที่จุดหมายปลายทาง แบบให้กำลังใจตัวเองก่อนเนาะ





ซ้ายมือ มีป้ายสีขาว "ชั้นที่ 2"  ค่ะ





ถึงแล้วค่ะ ชั้น 2  เมฆเดินแซงหน้าไปแล้ว หมอก ปะป๊าเดินข้างหน้า แม่รั้งท้าย





เดินมาเรื่อย ๆ หยุดเก็บภาพด้วย พักเหนื่อยด้วยค่ะ




ระหว่างทาง มีคนเป็นลม และไม่ขึ้นไปต่อก็เยอะค่ะ





จุดมุ่งหมายที่มาบึงกาฬ เพื่อมาขึ้นภูทอกนี่ล่ะค่ะ





บันไดบางช่วง ชันเหมือนกัน





มีจุดนั่งพัก เป็นระยะ ๆ  ค่ะ





พยายามรักษาความเป็นธรรมชาติมากที่สุด





ตามมาค่ะ





กุฏิด้านบนเขา





14.33 น.  ป้ายบอกเขตสงฆ์





ถ้ำพระวิหาร  เป็นจุดสำคัญ มีลักษณะเป็นเพิงผาที่มีการก่อสร้างเป็นศาลา มีพระพุทธรูปประดิษฐาน พร้อมด้วยรูปเคารพพระอาจารย์จวน ให้กราบไหว้บูชา 









แวะกราบพระ นั่งพัก รับลม ตรงนี้อยู่พักใหญ่ค่ะ





วิวสวย ๆ ชั้นนี้  ว่าสวยแล้ว ชั้น 6 สวยกว่านี้ค่ะ





ปะป๊า เดินล่วงหน้าไปแล้ว เหลือหมอกรั้งท้ายกับแม่





หน้าปากทางเข้าถ้ำจัดแสดงโครงกระดูกมนุษย์ใส่ตู้โชว์ไว้เพื่อให้ผู้ดูได้ปลงสังขาร อนิจจัง

พร้อมบอกตำแหน่งของกระดูกต่าง ๆ ด้วยภาษาพื้นบ้านและข้อความเตือนใจว่า 

“...นานไปกลายเป็นฝุ่น สูญสิ้นเป็นดิน โลกนี้อนิจจัง ไม่เที่ยงเป็นทุกข์

เป็นอนัตตา สัพเพ สังขารา ทุกขา, สัพเพ สังขารา อนัตตา คนเราเป็นอย่างนี้...”





ต้นไม้ใหญ่ ยังอยู่สุขสบายดี





กุฏิแม่ชี  (ไม่แน่ใจ...)





ถ้ำวิหารคด


















ทางเดินไป ชั้น 6 ค่ะ





ต่อตอนหน้า  ....


พาลูกไปเที่ยวทะเล ... ฝากบล็อกด้วย เจอกันอีกทีหลังสงกรานต์เลยนะคะ

สวัสดีปีใหม่ไทย  ล่วงหน้า ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง

เดินทางไปไหน ใกล้หรือไกล ขอให้ปลอดภัยทั้งไปและกลับค่ะ