ช่วงนี้ชีวิตวุ่นวายเกินพิกัด...แล้วจะกลับมาเขียนเรื่องที่ค้างไว้ให้จบครับ...สักวัน
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2561
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
4 มีนาคม 2561
 
All Blogs
 
แจ้ง (29)

29.

“คคงปลอดภัยแล้ว”

อีกอร่าร้องบอกกับทุกคน การไล่ล่าที่เริ่มขึ้นอย่างตื่นเต้น กลับจบลงเร็วกว่าที่เธอคาดหวังไว้ เหล่าชาวบ้านพากันตัดใจเร็วเกินไปในความคิดเห็นของเธอ แต่นั่นก็ไม่อาจโทษว่าพวกเขาได้ทั้งหมด เพราะการวิ่งตามรถม้าเข้าไปในป่าในเวลากลางคืนนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องสนุก ถึงแม้ว่าเธอจะพยายามไม่เร่งความเร็วให้มากเกินไป และบางครั้งก็ถึงกับปล่อยให้พวกเขาตามมาจนเกือบทันด้วยก็ตาม

“เราน่าจะหาที่หยุดพักสักครู่ เพื่อคุยกันว่าจะทำอย่างไรกันต่อ” ครูยุทธตะโกนบอกจากทางด้านหลังตัวรถ และดูเหมือนทุกคนจะเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้

รถม้าค่อยๆ ลดความเร็วลงจนหยุดนิ่งในพื้นที่ว่างแถบหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทุกคนที่ชอบความคิดนี้ เพราะ ชโรดิงเจอ แคท เริ่มส่งเสียงเอะอะโวยวายไม่เป็นภาษาขึ้นทันที แข่งกับคำอธิบายตะกุกตะกักจากปากของอีกอร่า ที่พยายามจะทำให้เจ้านายของเธออย่างน้อยก็เบาเสียงลงเสียก่อน

ผืนป่าแถบนี้แม้ยังไม่ถึงกับรกทึบจนเกินไปนัก แต่เมื่อครูยุทธสำรวจมองช่องว่างระหว่างต้นไม้แต่ละต้นโดยอาศัยแสงสว่างบางส่วนจากไฟฉายในมือของอีกอร่า นำมาเปรียบเทียบกับความกว้างของรถม้าสีดำคันโตที่วิ่งผ่านพวกมันมาได้จนถึงตอนนี้ เขาก็ได้ข้อสรุปที่ไม่ได้นึกถึงในขณะที่โดยสารอยู่บนนั้น คือมันต้องนับเป็นเรื่องมหัศจรรย์เลยทีเดียวที่รถม้าคันนี้วิ่งมาได้โดยไม่ชนเข้ากับอะไรสักอย่าง

'ที่จริงแล้ว มันน่าจะเป็นไปไม่ได้เลยต่างหาก'

ครูยุทธเหลือบมองไปยังผู้ที่ทำหน้าที่ขับรถม้า และต้องรีบหรี่ตาลงเมื่ออีกอร่าส่องไฟมาทางเขาพอดีราวกับไม่ได้ตั้งใจ แต่อันที่จริงแล้วเธอตั้งใจ เพราะรู้สึกได้ถึงความรู้สึกคุกคามจากสายตาคู่นั้น เธอกำลังพยายามจัดชายผู้นี้ที่ไม่ใช่ มิตร แน่ๆ ให้เข้าอยู่ในกลุ่มความสัมพันธ์ของเธอ แต่เขาจะอยู่เลยไปไกลจนใกล้เคียงกับการเป็น ศัตรู มากแค่ไหนเธอก็ยังไม่อาจตกลงใจได้ในตอนนี้

'คคงต้องคอยจับตาดูเขาต่อไป' นับเป็นข้อสรุปในเบื้องต้นของเธอ

“อเอาล่ะ ขขยับมารวมกันตรงนี้”

อีกอร่าชูไฟฉายในมือขึ้นพร้อมกับตั้งตัวเป็นเจ้าภาพเนื่องจากถือว่าทุกคนต่างโดยสารมาบนรถม้าของเจ้านายของเธอ และในเมื่อเจ้านายของเธอไม่อาจสื่อสารกับคนอื่นๆ เธอจึงต้องทำหน้าที่เป็นตัวแทนนั่นเอง

ตำแหน่งที่ทุกคนล้อมวงเข้ามานั้นสามารถบ่งบอกอะไรได้บางอย่าง อีกอร่ายืนอยู่หน้ารถม้าเป็นกึ่งกลาง เด็กหนุ่มสาวทั้งสามต่างยืนรวมกลุ่มกันอยู่ทางด้านซ้าย ไม่ห่างจากเธอมากนัก คนที่อยู่ใกล้เธอที่สุดคือใหญ่ ส่วนครูยุทธนั้นยืนอยู่เพียงลำพังทางด้านขวา ห่างไกลจากคนอื่นๆ ที่เหลือ

“...เราเคยพบกันมาก่อนหรือเปล่า” เป็นคำถามแรกที่คาดไม่ถึงจากครูยุทธถึงอีกอร่า และจากสายตาที่ครุ่นคิดคู่นั้นดูเหมือนเขาจะหมายความตามนั้นจริงๆ ไม่ใช่แค่เพียงคำทักทายเพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง

“ฉฉันคิดว่าไม่ บบางทีคุณอาจเคยพบเจอกับใครบางคนในครอบครัวของฉันมาก่อนก็เป็นได้ หหน้าตาของพวกเราทุกคนจะคล้ายกัน”

“...อาจจะเป็นอย่างนั้น” เขาต้องการที่จะนึกให้ออก เพราะมันอาจเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ก็เป็นได้

“ฉฉัน ออีกอร่า ตตัวแทนของ ชชโรดิงเจอ คแคท จเจ้านายของฉันผู้อยู่ภายในรถม้า พพวกเราจะเดินทางไปทางเหนือเพื่อติดตามหาข้อมูลสำคัญสำหรับการทดลองที่จะเปลี่ยนแปลงความเข้าใจเกี่ยวกับโลกนี้ไปจากเดิมได้อย่างสิ้นเชิง...” เธอเหลือบมองไปรอบๆ เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของทุกคนในที่นั้น และตัดสินใจว่าเธอพูดมากเกินไปหน่อย “...พพวกเราจะเดินทางขึ้นเหนือต่อ พพวกเธอทุกคนที่ รร่วมทาง กกันมาจนถึงตอนนี้จะทำอย่างไรต่อไป”

“ผมชื่ออรุณ เขาชื่อใหญ่ ส่วนเธอชื่อรัต พวกเราจะติดตามไปข่วย รุ่ง ผู้เป็นเพื่อน และพี่สาวของเธอซึ่งถูกลักพาตัวไปจากหมู่บ้าน” เขาหันไปสบตากับรัตที่พยักหน้าตอบรับ

“เขาจะตามไปช่วยว่าที่แฟนของเขา” ใหญ่พูดขึ้นหน้าตาย พร้อมกับรีบขยับหลบมือของอรุณที่พลาดจากการคว้าไหล่ของเขาไปอย่างฉิวเฉียดโดยไม่ต้องหันไปมอง

“หยุดพูดเล่นได้แล้ว” รัตดุเบาๆ โดยที่ใหญ่ทำเป็นไม่ใส่ใจ

ทั้งอีกอร่า และครูยุทธต่างพยายามที่จะทำความเข้าใจกับความสัมพันธ์ระหว่างเด็กหนุ่มสาวทั้งสามอย่างรวดเร็ว

“ผมชื่อยุทธ อดีตทหารรับจ้าง อดีตครูฝึกทหารอาสา ตอนนี้กลับมาเป็นนายพรานอีกครั้ง ผมกำลังติดตามสัตว์ที่พิเศษตัวหนึ่ง และร่องรอยของมันก็ได้นำพาผมมายังพื้นที่แถบนี้”

“...ดดูเหมือนว่าพวกเราต่างมีจุดหมายที่แตกต่างกัน” อีกอร่าสรุป แต่ที่เธอไม่ได้พูดออกมาก็คือทั้งหมดต่างมีจุดเริ่มต้นที่เหมือนกันอยู่ประการหนึ่ง เด็กหนุ่มสาวต่างขัดขืนคำสั่ง เธอและเจ้านายถูกขับไล่ และนายพรานคนนั้นก็แอบลอบเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากใครคนเดียวกันนั้น

'ทท่านยาย' ดูเหมือนว่านางจะเป็นตัวปัญหาร่วมกันของทุกคนในที่นี้

“เธออาจรีบสรุปเกินไปหน่อย” ครูยุทธพูดขัดขึ้น

“คคุณหมายความว่าอย่างไร” อีกอร่าถาม และดูเหมือนจะเป็นการถามแทนทุกคนที่เหลือด้วย

“ที่ว่าพวกเราต่างมีจุดหมายที่ต่างกัน เพราะไม่แน่ว่าที่จริงแล้ว ทั้งหมดอาจมีจุดหมายร่วมกันทั้งๆ ที่มีวัตถุประสงค์ของการเดินทางที่แตกต่างกันก็เป็นได้”

แม้จะไม่ค่อยชอบนายพรานผู้นี้ตั้งแต่แรกพบ แต่อีกอร่าต้องยอบรับว่าคำพูดนี้ของเขาก็มีเหตุผล “ตแต่เราก็ไม่อาจรู้ จจนกว่าจะได้ข้อสรุปถึงจุดหมายปลายทางของแต่ละคน”

ครูยุทธพยักหน้าว่าเห็นด้วยตามนั้น

“ตอนแรกครูบอกพวกเราว่าจะเดินทางขึ้นเหนือไม่ใช่หรือครับ” อรุณถามด้วยความสงสัย เขายังจำข้อเสนอในตอนก่อนกลับจากค่ายได้

“นั่นก็ใช่...แต่เมื่อฉันเริ่มออกเดินทาง ก็ได้พบกับร่องรอยบางอย่างของสัตว์...ที่น่าสนใจ มันอาจเป็นสัตว์ที่ไม่เคยมีใครรู้จักมาก่อน ฉันเลยติดตามมันมา”

“...เอ่อ...” อรุณนึกถึงเจ้ามังกรประหลาดตัวนั้นขึ้นมาทันที และกำลังจะพูดถึงมัน

“ใช่แล้ว หมู่บ้านของพวกเราถูกฝูงกวางยักษ์ พวกสัตว์มืดฝูงใหญ่บุกจนวุ่นวายเสียหายไปทั่ว กิ่งก้านบนเขาของพวกมันทั้งแหลมทั้งใหญ่...มองดูน่ากลัวเหมือนกับสัตว์ประหลาดเลยทีเดียว” ใหญ่เหมือนกับต้องการขัดจังหวะ และเพื่อนของเขาก็พอจะเข้าใจความหมายว่าไม่อยากให้พูดถึงเจ้ามังกรตัวนั้นในตอนนี้ ซึ่งเขาก็ยอมทำตามถึงแม้ว่าจะยังไม่รู้เหตุผลของเพื่อนก็ตาม

บางทีที่ใหญ่พยายามปฏิเสธข้อเสนอจากครูยุทธตั้งแต่ครั้งแรกอาจไม่ใช่แค่เพราะอยากรีบกลับหมู่บ้านเพื่อมาพบกับรัต มันอาจมีเหตุผลที่มากกว่านั้นที่เพื่อนยังไม่ได้พูดออกมาก็เป็นได้

“ไม่ใช่หรอก” ครูยุทธส่ายหน้า “เจ้าพวกนั้นเป็นกวางชนิดหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ห่างไกลขึ้นไปทางตอนเหนือ ในดินแดนที่มีความหนาวเย็นปกคลุมอยู่ตลอดเวลา พวกเธออาจไม่เคยพบเจอ แต่พวกมันไม่ได้หายาก หรือแปลกอะไรขนาดนั้น ขนาดตัวของพวกมันก็เป็นปกติ อาจจะมองดูว่าใหญ่ในสายตาของพวกเธอที่เคยชินกับขนาดของกวางที่อาศัยอยู่ในแถบนี้”

“...แต่เขาของพวกมัน” รัตยังจำความน่ากลัวของกิ่งก้านอาวุธที่มีชีวิตพวกนั้นได้ดี

“นั่นก็ปกติเหมือนกัน” ครูยุทธย้ำ “แต่ที่อาจไม่ปกติก็คือการที่พวกมันลงมาทางใต้มากขนาดนี้ และยังมีการรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นฝูงใหญ่ บางทีอาจเป็นเพราะการที่พวกมันกลายเป็นสัตว์มืดก็เป็นได้”

“กกลายเป็นสัตว์มืด ออย่างนั้นหรือ” อีกอร่าไม่ปล่อยให้คำที่น่าสงสัยนั้นหลุดรอดไปได้

“...มันเป็นความเชื่อส่วนตัวของผม” ครูยุทธตอบเพียงสั้นๆ โดยไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม

เขาเชื่อว่าสัตว์มืดทั้งหมดต่างก็เคยเป็นสัตว์ธรรมดามาก่อน อาจยกเว้นเพียงตัวเดียว ตัวที่เขากำลังไล่ล่าตามหา จ่าฝูง ของสัตว์มืดทั้งมวล เจ้าของรอยเท้า กับรอยหางประหลาดที่เขาพบเจอคู่นั้น พวกสัตว์ธรรมดาได้ถูกทำให้กลายเป็นสัตว์มืดด้วยวิธีการบางอย่าง อาจด้วยการแพร่เชื้อ เพื่อควบคุมบังคับให้ติดตามหาอะไรบางอย่าง ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะพบเจอเป้าหมายที่ว่านั่นแล้ว และกำลังพากันเดินทางกลับไปยังสถานที่ที่อาจเป็นต้นกำเนิดของสัตว์มืดทั้งปวง

'มันจะต้องเป็นการค้นพบครั้งสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย' ซึ่งรวมไปถึงเงินรางวัล และชื่อเสียงที่จะติดตามมาด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

“...ว่าแต่พวกเธอจะบอกว่า พวกสัตว์มืดลักพาตัวเพื่อนของเธอไปอย่างนั้นหรือ ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าพวกมันจะลักพาตัวมนุษย์ หรือแม้แต่ ล่า ก...” เขากำลังจะบอกว่า กินเป็นอาหาร แต่ติดว่าไม่พูดน่าจะดีกว่า “ที่สำคัญ พวกมันจะทำแบบนั้นได้อย่างไร ฉันหมายถึงพวก สัตว์ จะจับ มนุษย์ ไปแบบไหนกัน”

มันเป็นคำถามที่มีเหตุผล

คำตอบข้อหนึ่งในใจของอรุณคือ มีหนึ่งในพวกมันที่ไม่ใช่ สัตว์ และสองคือ บางทีเพื่อนของพวกเขา รุ่ง ในตอนที่ถูกนำพาตัวไปนั้นอาจไม่ได้อยู่ในสภาพที่เป็น มนุษย์ ก็เป็นได้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูด เพราะมันไม่ได้ตอบความสงสัยใดนอกจากยิ่งทำให้เกิดคำถามตามมามากกว่าเดิม และดูเหมือนว่าใหญ่จะมีคำตอบที่ฟังดูเข้าทีกว่าแล้ว

“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ในขณะที่ตอบ ใหญ่ก็หันไปพบกับสายตาของอีกอร่าเข้า และเขารู้ว่าเธอรู้ว่าเขาอาจรู้อะไรมากกว่าที่พูดออกมา เขาพยายามไม่คิดว่าครูยุทธจะรู้สึกด้วยหรือไม่ เพราะถ้าทำอย่างนั้น เขาก็อาจจจะยิ่งแสดงท่าทางน่าสงสัยออกไปมากขึ้น

'นนี่ไม่ดีเลย' ดูเหมือนว่าทั้งสามฝ่ายต่างก็พยายามที่จะซ่อนข้อมูลอะไรไว้บางอย่างไว้ ซึ่งรวมถึงตัวเธอเองด้วย

“...ถถ้าอย่างนั้น พพรุ่งนี้เช้าเราจะร่วมกันหาคำตอบในเรื่องจุดหมายปลายทางอีกครั้ง ใคครก็ตามที่ไม่ได้ไปทางเดียวกับเจ้านายของฉัน กก็คงต้องแยกกันไป”

“หรืออย่างน้อยก็ร่วมทางกันไปให้ไกลที่สุด” ครูยุทธยิ้มอย่างจริงใจ ซึ่งอีกอร่าสงสัยว่ามันจะมีความจริงใจอยู่จริงสักเพียงใดกัน

“แต่พวกนั้นล่วงหน้าไปเกือบวันหนึ่งแล้วนะ” ใหญ่บอกด้วยความกังวล

“อย่างไรพวกเราก็ต้องพักผ่อน ไม่มีทางที่จะเดินทางติดตามกันทั้งวันทั้งคืนได้” ครูยุทธว่า และทั้งอีกอร่ากับคนอื่นๆ ต่างก็เห็นด้วย “ที่เราอาจทำได้คือการค้นหาร่องรอย และเร่งติดตามเพื่อย่นระยะทาง หรือไม่ก็ตัดเส้นทางลัดเพื่อไปดักหน้าหากเรามั่นใจว่าเป้าหมายมุ่งหน้าไปยังที่ใด”

ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย อรุณพยายามบังคับตัวเองอย่างเต็มที่ไม่ให้เงยหน้ามองหายอดของภูเขาไฟที่อยู่ทางเหนือ ซึ่งคงถูกความมืดกับเงาไม้บดบังไว้เป็นส่วนใหญ่ และพยายามที่จะไปหันไปมองครูยุทธที่เขาคิดว่าคงกำลังจับตามองดูปฏิกิริยาของเขาหลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นแน่

“คครูยุทธ พพูดถูก” อีกอร่าเรียกเขาตามที่เด็กหนุ่มเรียก

“เรายังมีปัญหาเรื่องเสบียงให้ต้องกังวลอยู่ด้วย ฉันมีแค่ส่วนของตัวเองติดตัวมาเท่านั้น” ครูยุทธเสริม “ปัญหาเรื่องแรกก็คือน้ำดื่ม และถ้าต้องหาของกินไปด้วย เราคงจะไล่ตามเป้าหมายได้ลำบาก” กลุ่มเด็กหนุ่มสาวทั้งสามต่างพยักหน้า พวกเขาต่างไม่มีอะไรติดตัวมาด้วยเลย

“นนั่นอาจจะไม่เป็นปัญหานัก” อีกอร่าฉีกยิ้ม รอยยิ้มที่ทำให้ใบหน้าของเธอยิ่งบิดเบี้ยวจนน่ากลัว แต่มันกลับมองดูเป็นรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติในสายตาของใหญ่ที่รู้สึกคุ้นเคยแล้ว “ถถ้าพวกเธอไม่เรื่องมากในเรื่องของกิน ฉฉันก็มีทั้งน้ำดื่ม ลและของแห้งอยู่ภายในรถม้าพอให้กินกันไปได้อีกหลายวันเลยทีเดียว”

“นั่นเป็นเรื่องดี แต่ฉันคงไม่ต้องรบกวน” ครูยุทธออกตัว

“พวกเรากินอะไรก็ได้ ไม่เรื่องมากหรอก” ใหญ่บอก และอรุณพยายามคิดในทางที่ดีว่าเสบียงของอีกอร่าคงไม่มีของประหลาดอะไรมากไปกว่าที่คนทั่วไปนั้นกินกัน

“ตแต่ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปพักผ่อน ฉฉันมีเรื่องบางอย่างที่ต้องขอคำรับรองจากทุกคนเสียก่อน” อีกอร่าไล่ประสานสายตาไปทีละคน โดยเฉพาะกับครูยุทธ เธอย้ำว่ามีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถขับขี่รถม้าคันนี้ เปิดประตูของมัน และเข้าไปภายในได้ โดยที่ไม่ได้พูดถึงเรื่องประตูลับที่อยู่ใต้ที่นั่งคนขับ ซึ่งน่าจะมีเพียงครูยุทธคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่รู้เรื่องนี้

'บบางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้ว ถถ้าเขาเฝ้าดูเหตุการณ์มาตั้งแต่เมื่อวันก่อน' แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องพูดออกมาในตอนนี้ เพราะเรื่องที่ชายผู้นี้ไม่รู้ แม้เป็นเรื่องเพียงเล็กน้อยก็อาจจะเป็นประโยชน์ได้ในอนาคต

“ฉันรับปากตามนั้น” ครูยุทธพูดอย่างชัดเจน เด็กหนุ่มสาวทั้งสามก็เช่นกัน

อีกอร่า และรัตจะนอนอยู่ในเปลผูกใต้รถม้า อีกอร่ามีเปลสำรองอีกอันไว้ให้สำหรับแขกที่อาจไม่ได้รับเชิญของเธอ ใหญ่ยึดที่นั่งคนขับรถม้า ส่วนอรุณก็อาศัยที่นั่งด้านท้ายตัวรถ อีกอร่าพยายามเสนอหลังคาให้กับครูยุทธ แต่เขาบอกว่าสามารถจัดการที่นอนของตนเองได้ พร้อมกับเสนอตัวก่อกองไฟเพื่อความปลอดภัย และความอบอุ่นให้กับทุกคน

อีกอร่ามองดูวิธีการก่อไฟของครูยุทธอย่างสนใจ เขาใช้อุปกรณ์จุดไฟแบบทันสมัยขนาดเล็กที่คงสามารถหาซื้อได้จากมหานคร หรือตามเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วท่านยายเองก็มีอุปกรณ์แบบเดียวกันนี้ด้วยเช่นกัน แค่กดปุ่มเพียงครั้งเดียว เปลวไฟก็ลุกขึ้นมีชีวิตบนกองเชื้อเพลิง และไม่นานก็โลดเต้นไปมาอย่างมีชีวิตชีวา

'นในตัวเขาจะยังมีอุปกรณ์อะไรอีกบ้างนะ' อาวุธก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เธอกังวล เขาไม่มีดาบยาว อย่างน้อยเธอก็ยังไม่พบเห็น เขามีคันธนูขนาดเล็กสมกับที่บอกว่าตัวเองเป็นนายพราน และจะต้องมีมีดสั้นอย่างไม่ต้องสงสัย 'ลแล้วปืนล่ะ' มันก็อาจจะเป็นไปได้เช่นกัน

อีกอร่ายังคงกังวลกับการตัดสินชายผู้นี้ สัญชาติญาณของเธอไม่ได้กรีดร้องถึงอันตราย แต่กำลังกระซิบอย่างระมัดระวัง และการที่เขาขอแยกตัวไปนอนเพียงลำพังก็ทำให้เธอวางใจได้อีกเล็กน้อย

“มมาทางนี้สักครู่สิ” อีกอร่าโบกมือเรียกใหญ่ให้ติดตามห่างออกมาจากคนอื่นๆ ที่กำลังจะแยกย้ายกันไปเข้านอน “ฉฉันมีของสิ่งหนึ่งที่ต้องคืนให้กับเธอ” ใหญ่รับมีดสั้นเล่มที่พึ่งรู้ตัวว่าหายไปตอนที่ติดอยู่ภายในห้องประหลาดที่ถูกเรียกว่าห้องหนังสือกลับมาอย่างงงงง ไม่รู้ว่ามันไปอยู่กับเธอได้อย่างไร และตั้งแต่เมื่อใด

“แคค่นี้แหละ”

ใหญ่พยายามถามหาคำอธิบาย แต่เธอก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ จนในที่สุดทั้งหมดต่างก็แยกย้ายกันไปเพื่อเข้านอน

#####

อีกอร่าได้ยินเสียงกรีดร้องประหลาดดังขึ้น เธอไม่แน่ใจว่าเป็นในโลกแห่งความจริง หรือโลกแห่งความฝันกันแน่ แต่เธอเหมือนกับถูกมัดเอาไว้ด้วยเชือกประหลาดจนดิ้นไม่หลุด เปลือกตาหนักอึ้งจนไม่อาจแน่ใจว่ากำลังหลับหรือลืมตาอยู่กันแน่ เงามืดดำที่อยู่ตรงหน้านั้นยืดขยายออก พร้อมกับพุ่งจากไปอย่างรวดเร็ว


Create Date : 04 มีนาคม 2561
Last Update : 4 มีนาคม 2561 18:33:58 น. 0 comments
Counter : 748 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

zoi
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




..........
Friends' blogs
[Add zoi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.