พระพุทธเจ้า







พระพุทธเจ้า





บล็อกเรื่อง ‘พระพุทธเจ้า’ ผมเขียนลงบล็อกเมื่อปีที่แล้ว บางท่านอาจจะจำได้ แต่เมื่อปีที่แล้วผมใช้ตัวอักษรเล็กไป ทำให้อ่านยาก ..จึงขอนำมาจัดตัวอักษรเสียใหม่ เพื่อให้อ่านได้สบายตาขึ้น



ท่านที่เคยอ่านแล้ว ไม่ต้องอ่านซ้ำก็ได้ครับ




แต่ผมใคร่ขอแนะนำ



1. ขอเชิญอ่านที่คุณ Aim เขียน ‘พุทธประวัติ’ อยู่ในเว๊ป intania82.com ของเขา ..คุณAim เขียนไว้อย่างละเอียด มีถึง 4 หน้าจอ ภาพประกอบมีพร้อม เชิญเปิดอ่านที่นี่ เริ่มอ่านกัน ตั้งแต่หน้าจอ 1



ตัวอย่างภาพประกอบในเว๊ป intania82.com









2. ขอเชิญอ่านเว๊ปของภาพยนตร์การ์ตูน ฝีมือคนไทย เรื่อง ‘ประวัติพระพุทธเจ้า’ ที่จัดสร้างขึ้น ..เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชวโรกาสที่จะทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ในปี พ.ศ. 2550 ..เพื่อเผยแพร่พระประวัติของพระพุทธเจ้า ..เพื่อผลิตสื่อการสอน การเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ทันสมัย เข้าถึงคนทุกกลุ่ม ให้กับวัด โรงเรียน มหาวิทยาลัย และห้องสมุดทั่วประเทศ




เว๊ปของภาพยนตร์การ์ตูน เรื่องนี้ เชิญเปิดอ่านที่นี่ ลองคลิกตรง ‘พุทธประวัติ’ จะมีประวัติพระพุทธเจ้า ซึ่งผมคาดเดาว่า คงจะเขียนขึ้นเพื่อใช้ทำสคริปต์บทภาพยนตร์ และที่หน้าจอของเว๊ป ตรงด้านล่างซ้าย ยังมีวอลเปเปอร์ภาพการ์ตูน ให้เซฟเก็บได้ด้วย





ตัวอย่างภาพการ์ตูน









ทั้งสองเว๊ปนี้ ใครจะทำลิ๊งก์เอาไว้ที่บล็อกของตัวเอง เพื่อหวังให้ท่านอื่นเข้าไปอ่านบ้าง..ผมขอแนะนำนะครับ




3. ขอเชิญกดปุ่มเพลย์ ฟังเพลง 'วันวิสาขบูชา'









มาถึงบรรทัดนี้ ... หากใครประสงค์จะลองอ่าน ‘พระพุทธเจ้า’ ที่ผมเขียนไว้ ก็ขอเชิญตามสะดวกครับ







ก่อนพุทธศักราช 80 ปี พระนางสิริมหามายา ราชธิดาของกษัตริย์โกลิยวงค์ เจ้าผู้ครองนครเทวทหะ ซึ่งเป็นพระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ กษัตริย์ผู้ครองกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงประสูติพระโอรส เมื่อวันศุกร์ วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีจอ ณ สวนลุมพินีวัน ซึ่งเป็นสถานที่ อยู่ระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ (ปัจจุบัน คือ ตำบลรุมมินเด ประเทศเนปาล)










อดีตดาบส ซึ่งเป็นมหาฤษีอยู่ ณ เชิงเขาหิมพานต์ และเป็นที่เคารพของราชสกุลแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ เมื่อทราบข่าวการประสูติของพระกุมาร จึงเดินทางมาเยี่ยม และได้ทำนายว่า ถ้าพระกุมารอยู่ครองฆราวาสจะได้เป็นจักรพรรดิ ถ้าพระกุมารออกบวชจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก



5 วันหลังประสูติ พระเจ้าสุทโธทนะพร้อมพระนางสิริมหามายา และพระประยูรญาติ ได้จัดพิธีขนานพระนามพระราชกุมาร ว่า สิทธัตถะ



เมื่อประสูติได้ 7 วัน พระราชมารดาก็เสด็จสวรรคต พระเจ้าสุทโธทนะ จึงมอบหมายให้พระนางประชาบดี ซึ่งเป็นพระขนิษฐาของพระนางสิริมหามายาเป็นผู้เลี้ยงดูแทน



เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ มีพระชนมายุ 8 พรรษา ได้ทรงศึกษาในสำนักครูวิศวะมิตร พระองค์ทรงศึกษาได้อย่างรวดเร็ว มีความจำเป็นเลิศ ทรงพระปรีชาสามารถในการกีฬา ขี่ม้า ฟันดาบ และยิงธนู



พระราชบิดาทรงไม่ต้องการให้เจ้าชายสิทธัตถะทรงออกบวช ทรงมุ่งหวังที่จะให้เจ้าชายสิทธัตถะเป็นถึงองค์จักรพรรดิ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุได้ 16 พรรษา พระราชบิดาจึงทรงโปรดให้สร้างปราสาท 3 หลัง เพื่อให้ประทับใน 3 ฤดู และทรงสู่ขอ พระนางยโสธราพิมพา พระราชธิดาของพระเจ้าสุปปพุทธะ แห่งกรุงเทวทหะ ซึ่งอยู่ในตระกูลโกลิยวงค์ มาให้อภิเษกสมรส



เจ้าชายสิทธัตถะเสวยสุขสมบัติจนพระชนมายุ 29 พรรษา พระนางยโสธรา จึงประสูติพระโอรส ทรงพระนามว่า ราหุล



เจ้าชายสิทธัตถะทรงเบื่อหน่ายในโลกียวิสัย แม้ว่าพระองค์จะทรงสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติอย่างเหลือล้น พระองค์ก็ยังตริตรองถึงชีวิตคน ฝักใฝ่พระหฤทัยคิดค้นหนทางวิธีดับทุกข์ที่คนเรามีอยู่มากมาย พระองค์ทรงคิดว่า ถ้ายังอยู่ในเพศฆราวาสเช่นนี้ พระองค์คงจะทรงหนทางแก้ทุกข์ อันเกิดจากความแก่ ความเจ็บ และความตายไม่ได้แน่



พระองค์จึงทรงตัดสินใจเสด็จออกบวช โดยทรงม้ากัณฐกะ สู่แม่น้ำอโนมา ณ ที่นี้ พระองค์ทรงตัดพระเกศา และทรงอธิษฐานเพศ เป็นบรรพชิต และทรงมอบเครื่องประดับและม้ากัณฐกะ ให้นายฉันนะ นำกลับไปยังกรุงกบิลพัสดุ์





ระยะแรก หลังจากทรงออกบวชแล้ว เจ้าชายสิทธัตถะทรงศึกษาอยู่ในสำนักอาฬารดาบส ณ กรุงราชคฤห์ อาณาจักรมคธ เมื่อสำเร็จการศึกษาจากสำนักนี้แล้ว พระองค์ทรงเห็นว่าไม่ใช่หนทางในการหลุดพ้นจากทุกข์ ตามที่ทรงมุ่งหวังไว้ พระองค์จึงทรงบอกลาอาฬารดาบส และอุททกดาบส เดินทางไปทางแถบแม่น้ำคยา ในตำบลอุรุเวลาเสนานิคม แห่งกรุงราชคฤห์ อาณาจักรมคธ



พระองค์ทรงเปลี่ยนพระหฤทัยต้องการจะคิดค้นแสวงหาความรู้ด้วยพระองค์เอง แทนที่จะทรงเล่าเรียนในสำนักอาจารย์ พระองค์ทรงเริ่มต้นด้วยการทรมานพระวรกายตามวิธีการของโยคี เรียกว่า การบำเพ็ญทุกรกิริยา ณ บริเวณริมแม่น้ำเนรัญชรา











พระองค์ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นเวลานาน 6 ปี แต่ก็ยังทรงมิได้ค้นพบหนทางหลุดพ้นจากทุกข์ได้



พระองค์จึงทรงเลิกจากการบำเพ็ญทุกรกิริยา แล้วกลับมาเสวยพระกระยาหาร เพื่อบำรุงพระวรกายให้แข็งแรง เพื่อจะได้มีกำลังคิดค้นวิธีใหม่ต่อไป




ในขณะที่พระองค์ทรงบำเพ็ญทุกรกิริยานั้น มีคณะปัญจวัคคีย์มาคอยปรนนิบัติพระองค์อยู่ด้วย โดยมีความหวังว่า เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว พวกตนจะได้รับการถ่ายทอดบ้าง แต่เมื่อพระองค์ทรงล้มเลิกการบำเพ็ญทุกรกิริยา คณะปัญจวัคคีย์ทั้งหมดจึงชวนกันละทิ้งพระองค์ไป ไปอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี




เป็นผลให้พระองค์ประทับอยู่ตามลำพัง ในที่สงบเงียบ ปราศจากสิ่งรบกวนทั้งหลายทั้งปวง พระองค์ทรงตั้งพระสติที่จะเดินทางสายกลาง คือ ปฏิบัติในความพอเหมาะพอควร












ตอนเช้าของวันเพ็ญเดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี นางสุชาดาได้นำข้าวมธุปายาสเพื่อหวังนำไปบวงสรวงเทวดา ครั้นเห็นพระองค์ประทับอยู่ที่โคนต้นไทรด้วยอาการสงบ นางคิดว่าเป็นเทวดา จึงถวายทอดข้าวมธุปายาสแก่พระองค์



ในตอนเย็นวันนั้น พระองค์ย้ายมาประทับ ณ ใต้ต้นโพธิ์ คนหาบหญ้าชื่อโสตถิยะ ได้เข้ามาถวายหญ้าให้พระองค์ ปูลาดนั่งใต้ต้นโพธิ์



พระองค์ขึ้นประทับนั่งหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก และทรงตั้งจิตอธิษฐานว่า



‘แม้เลือดในกายจะเหือดแห้งไปเหลือแต่หนัง เอ็น กระดูกก็ตาม ถ้ายังไม่พบธรรมวิเศษแล้ว จะไม่ยอมหยุดความเพียรพยายามเป็นอันขาด’




เมื่อทรงตั้งจิตอธิษฐานแล้ว พระองค์ทรงสำรวมจิตสงบแน่วแน่ เริ่มบำเพ็ญเพียรทางจิต และที่สุดทรงบรรลุสำเร็จ ทรงรู้แจ้งธรรมะด้วยพระองค์เอง จิตพ้นจากกิเลสทั้งปวง










ยามต้น : ทรงบรรลุ "ปุพเพนิวาสานุติญาณ" คือทรงระลึกชาติในอดีต ทั้งของตนเองและผู้อื่น



ยามสอง : ทรงบรรลุ "จุตูปปาตญาณ" คือทรงรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย



ยามสาม : ทรงบรรลุ "อาสวักขญาณ" คือทรงรู้วิธีกำจัดกิเลสด้วย อริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค





พระองค์ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา ในวันเพ็ญ เดือน 6 ปีระกา




การแสดงปฐมเทศนา พระพุทธองค์เสด็จไปหาปัญจวัคคีย์ เมื่อวันขึ้น 14 ค่ำ เดือนอาสาฬหะ (เดือน 8) ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน



พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เรียกว่า 'ธรรมจักรกัปปวัตนสูต'











ในขณะที่ทรงแสดงธรรมนั้น ท่านโกณฑัญญะ ได้ธรรมจักษุบรรลุโสดาบัน และได้ทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกการบวชครั้งนี้ว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"



พระอัญญาโกณฑัญญะ จึงเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา




เวลาล่วงผ่านไป เมื่อพระพุทธองค์มีสาวกเป็นพระอรหันต์ 60 องค์ และเป็นฤดูออกพรรษาแล้ว พระพุทธองค์จึงทรงพิจารณาเห็นว่า สมควรจะออกไปประกาศเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เป็นที่แพร่หลาย




พระองค์จึงทรงประชุมสาวกทั้งหมดและตรัสว่า




"ภิกษุทั้งหลาย เราได้พ้นจากบ่วงทั้งปวง ทั้งชนิดที่เป็นทิพย์ และชนิดที่เป็นของมนุษย์แล้ว แม้ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน เราทั้งหลายจงพากันจาริกไปยังชนบททั้งหลาย เพื่อประโยชน์และความสุขแก่มหาชนเถิด อย่าไปรวมกันทางเดียวกันถึงสองรูปเลย จงแสดงธรรมให้งามทั้งในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ เถิด จงประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง สัตว์ทั้งหลายที่มีกิเลสเบาบางนั้นมีอยู่ เพราะโทษที่ไม่ได้ฟังธรรม ย่อมจะเสื่อมจากคุณที่จะพึงได้ถึง ผู้รู้ทั่วถึงธรรมคงจักมีอยู่ แม้ตัวเราก็จะไปยัง อุรุเวลาเสนานิคม เพื่อแสดงธรรมเช่นกัน"





พระพุทธองค์ทรงส่งสาวกออกประกาศศาสนาพุทธ พร้อมกันทีเดียว 60 องค์ ไปพร้อมกัน 60 สาย คือ ไปกันทุกสารทิศ แม้พระพุทธองค์เองก็เสด็จไปเผยแผ่ด้วย นับเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำ





สาวกทั้ง 60 องค์ เมื่อได้รับพระพุทธบัญชา ก็แยกย้ายไปประกาศพุทธศาสนาตามจังหวัด อำเภอ และตำบลต่างๆ ทำให้กุลบุตรในดินแดนถิ่นฐานต่างๆหันมาสนใจเลื่อมใส บางคนประสงค์จะขอบวช แต่สาวกเหล่านั้นยังบวชเองให้ไม่ได้ จึงต้องพากุลบุตรเหล่านั้นมาเฝ้าพระพุทธองค์ เพื่อให้พระพุทธองค์บวชให้ ทำให้ได้รับความยากลำบากไม่สะดวกในการเดินทาง




ต่อมา พระพุทธองค์จึงทรงอนุญาตให้สาวกทั้งหลายอุปสมบทกุลบุตรได้ โดยโกนผมและโกนหนวดเคราเสียก่อน แล้วให้นุ่งห่มผ้า ที่ย้อมด้วยสีฝาด นั่งคุกเข่าพนมมือกราบภิกษุแล้วเปล่งวาจาว่า




"ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นสรณะ ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ" รวม 3 ครั้ง ...การอุปสมบทแบบนี้เรียกว่า "ติสรณคมนูปสัมปทา" คือ อุปสมบทโดยวิธี ให้ปฏิญาณตนเป็นผู้ถึงสรณคมน์




ตั้งแต่พรรษาที่ 1 ที่พระพุทธองค์ได้สาวกเป็นพระอรหันต์จำนวน 60 องค์แล้วนั้น พระพุทธองค์ก็ได้ทำการประกาศเผยแผ่คำสอน จนได้สาวกเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เป็นพุทธบริษัท 4 ขึ้นอย่างแพร่หลายและมั่นคง




การประกาศเผยแผ่ศาสนาพุทธได้ดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยพระพุทธองค์ทรงจาริกไปยังหมู่บ้านชนบทน้อยใหญ่ ในแคว้นต่างๆทั่วชมพูทวีป ตลอดเวลาอีก 44 พรรษา คือ พรรษาที่ 2 - 45 ดังนี้




พรรษาที่ 2 เสด็จไปยังเสนานิคม ในตำบลอุรุเวลา ในระหว่างทางได้สาวกกลุ่ม ภัททวคคีย์ 30 คน และที่ตำบลอุรุเวลาได้ ชฎิล 3 พี่น้อง คือ อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ และ คยากัสสปะ กับศิษย์อีก 1,000 คน เทศนาอาทิตตปริยายสูตร ที่คยาสีสะ




เสด็จไปยังกรุงราชคฤห์ แห่งแคว้นมคธ กษัตริย์เสนิยะพิมพิสาร ทรงถวายสวนเวฬุวัน แด่คณะสงฆ์ ได้พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะเป็นสาวก อีก 2 เดือนต่อมา พระพุทธองค์เสด็จไปยัง
กรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพำนักที่ นิโครธาราม ได้สาวกเช่น พระนันทะ พระอานนท์ พระเทวทัต และพระญาติอื่นๆ



อนาถปิณฑิกะเศรษฐี อาราธนาพระพุทธองค์ไปยังกรุงสาวัตถี แห่งแคว้นโกศล และถวายสวนเชตวัน พระพุทธองค์ทรงจำพรรษาที่นี่




พรรษาที่ 3 นางวิสาขาถวายพระวิหารบุพพาราม ณ กรุงสาวัตถี ทรงจำพรรษาที่นี่











พรรษาที่ 4 ทรงจำพรรษาที่เวฬุวัน ณ กรุงราชคฤห์ แห่งแคว้นมคธ




พรรษาที่ 5 ทรงโปรดพระราชบิดาจนทรงบรรลุอรหัตตผล ทรงไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างพระญาติฝ่ายสักกะ กับพระญาติฝ่ายโกลิยะเกี่ยวกับการใช้น้ำ ในแม่น้ำโรหิณี ทรงบรรพชาอุปสมบทพระนางปชาบดีโคตมี และคณะ เป็นภิกษุณี



พรรษาที่ 6 ทรงแสดง ยมกปาฏิหาริย์ ในกรุงสาวัตถี ทรงจำพรรษาบนภูเขามังกลุบรรพต



พรรษาที่ 7 ทรงเทศนาและจำพรรษาที่กรุงสาวัตถี ระหว่างจำพรรษาทรงเสด็จขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไปทรงโปรดพุทธมารดาด้วยพระอภิธรรม











พรรษาที่ 8 ทรงเทศนาในแคว้นภัคคะ ทรงจำพรรษาในสวนเภสกลาวัน



พรรษาที่ 9 ทรงเทศนาในแคว้นโกสัมพี



พรรษาที่ 10 คณะสงฆ์ ณ แคว้นโกสัมพี แตกแยกกันอย่างรุนแรง ทรงตักเตือน แต่ไม่ยอมเชื่อฟัง จึงเสด็จไปประทับและจำพรรษา ณ ป่าปาลิเลยยกะ มีช้างเชือกหนึ่งมาเฝ้าพิทักษ์และรับใช้พระพุทธองค์ตลอดเวลา



พรรษาที่ 11 เสด็จไปยังกรุงสาวัตถี คณะสงฆ์แห่งโกสัมพี ปรองดองกันได้ ทรงจำพรรษาในหมู่บ้านพราหมณ์ชื่อ เอกนาลา



พรรษาที่ 12 ทรงเทศนาและจำพรรษาที่ เมืองเวรัญชา ทีนี่เกิดความอดอยากอย่างรุนแรง



พรรษาที่ 13 ทรงเทศนาและจำพรรษา บนภูเขาจาลิกบรรพต เมืองจาลิกา



พรรษาที่ 14 ทรงเทศนาและจำพรรษาที่กรุงสาวัตถี พระราหุล ขอบรรพชาอุปสมบท



พรรษาที่ 15 เสด็จไปยังกรุงกบิลพัสดุ์ พระเจ้าสุปปพุทธะถูกแผ่นดินสูบ เพราะทรงขัดขวางทางพุทธโคจร



พระเจ้าสุปปพุทธะ ทรงมีพระราชบุตร คือ พระเทวทัตตะ และมีพระราชธิดาคือ พระนางยโสธรา หรือ พิมพา ซึ่งเป็นพระมเหสีของพระเจ้าสิทธัตถะ และเป็นพระมารดาของพระราหุล นั่นเอง




พรรษาที่ 16 ทรงเทศนาและจำพรรษาที่ อาลวี



พรรษาที่ 17 เสด็จไปยังกรุงสาวัตถี แล้วกลับมายัง อาลวี และทรงจำพรรษาที่กรุงราชคฤห์



พรรษาที่ 18 เสด็จไปยัง อาลวี ทรงจำพรรษาบน ภูเขาจาลิกบรรพต



พรรษาที่ 19 ทรงเทศนาและจำพรรษาบน ภูเขาจาลิกบรรพต



พรรษาที่ 20 โจรองคุลีมาลย์ กลับใจเป็นสาวก ทรงแต่งตั้งให้พระอานนท์รับใช้ใกล้ชิดตลอดกาล ทรงจำพรรษาที่กรุงราชคฤห์ และทรงเริ่มบัญญัติพระวินัย



พรรษาที่ 21 - 44 ทรงยึดเอา มหาวิหารเชตะวัน และพระวิหารบุพพาราม ทางใต้ของนครสาวัตถี เป็นศูนย์กลางของการเผยแผ่และเป็นที่ประทับจำพรรษา พระองค์เสด็จพร้อมสาวกออกเทศนาโปรดเวไนยสัตว์ ตามแคว้นต่างๆ โดยรอบ



พรรษาที่ 45 พระเทวทัต คิดปลงพระชนม์ กลิ้งก้อนหินจนเป็นเหตุให้พระบาทของพระพุทธองค์ห้อพระโลหิต ทรงได้รับการบำบัดจากหมอชีวก






พระพุทธองค์ตรัสรู้ และได้เผยแผ่แสดงธรรมเป็นเวลานานถึง 45 ปี หรือ 45 พรรษา เมื่อมีพระชนมายุได้ 80 พรรษา ได้ประทับจำพรรษา ณ เวฬุคาม ใกล้เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี




ระหว่างนั้นทรงประชวรหนัก เมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 6 พระพุทธองค์กับพระภิกษุทั้งหลาย ไปรับภัตตาหารบิณฑบาต ที่บ้านนายจุนทะ ตามคำกราบทูลนิมนต์ พระองค์เสวยสุกรมัททวะ ที่นายจุนทะตั้งใจทำถวาย แล้วเกิดอาพาธ แต่ทรงอดกลั้น ทรงมุ่งเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าไม้สาละ (สาลวันอุทยาน) ของกษัตริย์มัลละ กรุงกุสินารา พระองค์ทรงประทับใต้ต้นสาละคู่ เพื่อตั้งใจจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานที่นั่น




ในราตรีนั้น มีปริพาชกผู้หนึ่ง ชื่อ นายสุภัททะ มาขอเข้าเฝ้า และขออุปสมบทเป็นพระพุทธสาวกองค์สุดท้าย เมื่อถึงยามสุดท้ายของคืนนั้น พระพุทธองค์ทรงประทานปัจฉิมโอวาท ต่อพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ความว่า





"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันว่าสังขารทั้งหลาย ย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวง อันเป็นประโยชน์ของตน และประโยชน์ของผู้อื่น ให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด"






หลังจากตรัสโอวาทให้แก่พระอริยสงฆ์แล้ว พระพุทธองค์ก็มิได้ตรัสอะไรอีกเลย เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ด้วยพระอาการสงบ










ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์นัก ที่วันประสูติ วันตรัสรู้ และวันปรินิพพาน ของพระพุทธองค์



ตรงกันเป็นวันเดียวกัน คือ วันเพ็ญเดือน 6 ..วันวิสาขบูชา
















พุทธจริยาวัตร






คำถาม : ทราบมาว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นบุคคลตัวอย่าง ในด้านกิริยามารยาทอันงดงาม พระพุทธองค์ทรงมีพระพุทธจริยาวัตรอย่างไรบ้าง?



คำตอบ : “พระพุทธโคดมเมื่อจะเสด็จดำเนิน ท่านทรงก้าวพระบาทเบื้องขวาก่อน ไม่ทรงยกพระบาทไกลนัก ไม่ทรงวางพระบาทใกล้นัก ไม่เสด็จดำเนินเร็วนัก ไม่เสด็จดำเนินช้านัก



ขณะเสด็จดำเนิน พระชานุไม่กระทบพระชานุ ข้อพระบาทไม่กระทบข้อพระบาท ไม่ทรงยกพระอุรุสูง ไม่ทรงทอดพระอุรุไปข้างหลัง ไม่ทรงกระแทกพระอุรุ ไม่ทรงส่ายพระอุรุ เมื่อเสด็จดำเนิน พระกายส่วนบนไม่หวั่นไหว ไม่เสด็จดำเนินด้วยกำลังพระกาย



เมื่อทอดพระเนตร ทรงทองพระเนตรด้วยพระกายทั้งหมด ไม่ทรงทอดพระเนตรขึ้นเบื้องบน ไม่ทรงทอดพระเนตรลงเบื้องต่ำ ขณะเสด็จดำเนินไม่ทรงเหลียวแล ทรงทอดพระเนตรประมาณชั่วแอก



ยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงมีญาณทัสสนะ อันไม่มีอะไรกั้นเมื่อเสด็จเข้าสู่ละแวกบ้าน ไม่ทรงยืดพระกาย ไม่ทรงย่อพระกาย ไม่ทรงห่อพระกาย ไม่ทรงส่ายพระกาย










เสด็จเข้าประทับนั่งอาสนะไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นัก ไม่ประทับนั่งท้าวพระหัตถ์ ไม่ทรงพิงพระกายที่อาสนะ เมื่อประทับนั่งในละแวกบ้าน ไม่ทรงคะนองพระหัตถ์ ไม่ทรงคะนองพระบาท ไม่ประทับนั่งชันพระชานุ ไม่ประทับนั่งซ้อนพระบาท ไม่ประทับนั่งยันพระหนุ



เมื่อประทับนั่งในละแวกบ้าน ไม่ทรงครั่นคร้าม ไม่ทรงหวั่นไหว ไม่ทรงขลาด ไม่ทรงสะดุ้ง ทรงปราศจากโลมชาติชูชัน ทรงเวียนมาในวิเวก



เมื่อทรงรับน้ำล้างบาตร ไม่ทรงชูบาตรขึ้นรับ ไม่ทรงลดบาตรลงรับ ไม่ทรงจ้องบาตรคอยรับ ไม่ทรงแกว่งบาตรรับ ทรงรับน้ำล้างบาตรไม่น้อยนัก ไม่มากนัก ไม่ทรงล้างบาตรดังขลุกๆ ไม่ทรงหมุนบาตรล้าง ไม่ทรงวางบาตรที่พื้น ทรงล้างบาตรบนพระหัตถ์ เมื่อทรงล้างพระหัตถ์แล้ว ก็เป็นอันทรงล้างบาตรแล้ว เมื่อทรงล้างบาตรแล้ว เป็นอันล้างพระหัตถ์แล้ว ทรงเทน้ำล้างบาตรไม่ไกลนัก ไม่ใกล้นัก และทรงเทไม่ให้น้ำกระเซ็น




เมื่อทรงรับข้าวสุก ไม่ทรงชูบาตรรับ ไม่ทรงลดบาตรลงรับ ไม่ทรงจ้องบาตรคอยรับ ไม่ทรงแกว่งบาตรรับ ทรงรับข้าวสุกไม่น้อยนัก ไม่มากนัก



ทรงรับกับข้าวเสวยอาหารพอประมาณกับข้าว ไม่ทรงน้อมคำข้าวให้เกินกว่ากับ ทรงเคี้ยวคำข้าวในพระโอษฐ์สองสามครั้งแล้วทรงกลืน ทรงน้อมคำข้าวเข้าไปแต่กึ่งหนึ่ง ทรงทราบรสได้อย่างดี แต่ไม่ทรงทราบด้วยอำนาจความกำหนัดในรส



เสวยอาหารประกอบด้วยองค์ 8 ประการ คือไม่เสวยเพื่อเล่น 1 ไม่เสวยเพื่อมัวเมา 1 ไม่เสวยเพื่อประดับ 1 ไม่เสวยเพื่อแตกต่าง 1 เสวยเพียงเพื่อดำรงพระกายนี้ไว้ 1 เพื่อยังพระชนม์ชีพให้เป็นไป 1 เพื่อป้องกันความลำบาก 1 เพื่อทรงอนุเคราะห์พรหมจรรย์ 1 ด้วยทรงพระดำริว่าเพียงเท่านี้ จักกำจัดเวทนาเก่าได้ จักไม่ให้เวทนาใหม่เกิดขึ้น ร่างกายของเราจักเป็นไปโดยสะดวก จักไม่มีโทษ และจักมีความอยู่สำราญ



เมื่อเสวยเสร็จแล้ว ประทับนิ่งเฉยอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ทรงยังเวลาแห่งการอนุโมทนาให้ล่วงไป เสวยเสร็จแล้วก็ทรงอนุโมทนา ไม่ทรงติเตียนภัตนั้น ไม่ทรงหวังภัตอื่น ทรงชี้แจงให้บริษัทนั้นเห็นแจ้ง ให้สมาทานให้อาจหาญให้ร่าเริงด้วยธรรมิกถา




ครั้นแล้วทรงลุกจากอาสนะเสด็จไป ไม่เสด็จเร็วนัก ไม่เสด็จช้านัก ไม่ผลุนผลันเสด็จไป ไม่ทรงจีวรสูงเกินไป ไม่ทรงจีวรต่ำเกินไป ไม่ทรงจีวรติดแน่นพระกาย ไม่ทรงจีวรกระจุยกระจายจากพระกาย ทรงจีวรไม่ให้ลมพัดแหวกได้ ฝุ่นละอองไม่ติดพระกาย



เสด็จถึงพระอารามแล้วประทับนั่ง ครั้นประทับนั่งบนอาสนะที่เขาจัดถวายแล้ว จึงทรงล้างพระบาท ทรงล้างพระบาทแล้วประทับนั่งคู้บัลลังก์ ตั้งพระกายตรง ดำรงพระสติไว้เบื้องพระพักตร์ ไม่ทรงดำริเพื่อเบียดเบียนพระองค์เอง ไม่ทรงดำริเพื่อเบียนเบียนผู้อื่น ไม่ทรงดำริเพื่อเบียดเบียนทั้งสองฝ่าย



เมื่อประทับอยู่ในพระอาราม ทรงแสดงธรรมในบริษัท ไม่ทรงยอบริษัท ไม่ทรงรุกรานบริษัท ทรงชี้แจงให้บริษัทเห็นแจ้ง ให้สมาทานให้อาจหาญให้ร่าเริงด้วยธรรมิกถา ทรงมีพระสุรเสียงอันก้องเปล่งออกจากพระโอษฐ์ ประกอบด้วยธรรมิกถา อันประกอบด้วยองค์ 8 ประการคือ สละสลวย 1 รู้ได้ชัดเจน 1 ไพเราะ 1 ฟังง่าย 1 กลมกล่อม 1 ไม่พร่า 1 พระสุรเสียงลึก 1 มีกังวาน 1 บริษัทจะอย่างไร ก็ทรงให้เข้าใจด้วยพระสุรเสียงได้ พระสุรเสียงมิได้ก้องออกนอกบริษัท......”

















yyswim








 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2551
18 comments
Last Update : 16 พฤษภาคม 2551 23:03:22 น.
Counter : 17235 Pageviews.

 



เวรกรรมมีจริง พระพุทธเจ้าท่านของจริงค่ะ

 

โดย: ลิตช์ (Litchi ) 16 พฤษภาคม 2551 23:54:05 น.  

 

ข้อมูลเพียบ เพียบ เพียบ

หามาได้จากไหนกันนี่

เจ้าแห่งข้อมูลโดยแท้

สด และเกาะติดสถานการณ์จริงๆ

ยกนิ้วให้ทั้งสองมือเลย

 

โดย: ยายกุ๊กไก่ 17 พฤษภาคม 2551 0:38:22 น.  

 

อนุโมทนาค่ะพี่ชาย..


สาระเพียบเลยค่ะ
สมัยเรียน..ศีลธรรมชอบภาพพระพุทธเจ้า..
ที่เป็นภาพเขียนแบบนี้มากเลยค่ะพี่ชาย

รู้สึกสุขใจยังไงบอกไม่ถูกค่ะ
มีความสุขวันหยุด
พักผ่อนบ้างนะค่ะ
วันนี้น้องสาวจะไปเดินชมตลาดค่ะ
อากาศดีน่าจะไม่ร้อนค่ะ

 

โดย: cattleya.. (catt.&.cattleya.. ) 17 พฤษภาคม 2551 7:36:47 น.  

 

พี่สินคะ เป็ดจังขอบคุณมากๆค่ะ

ดีใจจังค่ะที่ได้ทราบข้อมูล

เป็ดจังเพิ่งทราบว่าคุณคลอรีนนี่จะกัดเราถ้าเราไม่ล้างน้ำก่อน

เป็ดจังจะใส่หมวกว่าย จะวิ่งอีกวัน และว่ายน้ำสลับกันไปค่ะ
ที่หมู่บ้านวันนี้ไฟจะดับแปดโมงครึ่งค่ะ เป็ดจังขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวมาอ่านใหม่ค่ะ

ดับนานเลยพี่สิน ยันบ่ายสองเลยค่ะ พ่อคงร้อนน่าดู เดี๋ยวเป็ดต้องไปดูพ่อก่อนนะคะ



ขอบคุณพี่สินมากๆเลยค่ะ เดี๋ยวสายนี้เอาซะเลย ฮ่าๆๆๆๆ แก้เบื่อไม่มีไฟก็ไปว่ายน้ำ ฮ่าๆๆๆๆ

 

โดย: be-oct4 IP: 124.121.112.214 17 พฤษภาคม 2551 8:21:08 น.  

 

แวะมาพัก ทักทายตามประสาคนคุ้นเคย..

ต้องเดินทางไกลอีกแล้ว

อ่านเรื่องพระพุทธเจ้าแล้ว

เลยคิดถึง การเผยแพร่ ศาสนายุคนี้

เล่าเรื่องโดย พระมหาสมปอง

ตอนไปบิณฑบาตอาตมาจะเจอบ่อยมาก เช่นมีอยู่
ครั้งหนึ่งระหว่างที่กำลังเดินๆ อยู่ ก็ได้ยินเสียงใสๆ แว่วขึ้นมา

" แม่ๆ พระมาขอข้าว"
" มาเยอะไหมลูก"
" มา 2 อัน"
โห เรียกอย่างกับชิ้นส่วนรถยนต์ นี่ถ้ามาเยอะๆไม่เรียกเป็นฝูงเลยเหรอ
ดังนั้นเวลาไปบรรยายธรรมให้นักเรียนฟังอาตมาจะนำเรื่องนี้ไปสอดแทรกเพื่อสอน
เด็กๆ ด้วย
" ถ้าพระกิน เรียกว่า ฉัน"
" พระนอน เรียกว่า จำวัด" (บางคนเรียกขี้เกียจเป็นพระนอนไม่ได้)
" พระป่วย เรียกว่า อาพาธ"
" พระตาย เรียกว่า มรณภาพ" (ไม่ใช่เรียกป่อเต็กตึ๊งนะ)
" แล้วพระอาบน้ำล่ะ เรียกว่าอะไรเอ่ย" คราวนี้อาตมาถามให้เด็กๆ ตอบบ้าง
" เรียกคนมาดู"
; จบกัน

บอกให้ทราบเลยว่า ศาสนา กับเด็กทย ไกลกันนัก
เป็นเพราะใคร...

ขอบคุณธรรมะ ที่ทำให้เราแข็งแรงขึ้น

 

โดย: Tahannam 17 พฤษภาคม 2551 15:10:17 น.  

 

พี่สินครับ ทั้งเรื่องทั้งภาพเยี่ยมมากๆ
พี่สินทันสมัยเสมอ
ผมอ่านอย่างมีความสุขมากครับ
วันวิสาขบูชาต้องไปวัดแน่นอน
แล้วพี่สินจะพาคุณแม่ไปทำบุญวัดไหนครับ

 

โดย: basbas 17 พฤษภาคม 2551 20:09:44 น.  

 

ดีจังคะ ไม่ค่อยได้เห็นใครนำเรื่องเกียวกับศาสนามาลงเท่าไร อ่านแล้วรู้สึกดีคะ ขอบคุณที่ไปเม้นที่บล็อคนะคะ คุณคิตตี้น้อย ดูเหมือนว่าปุ๊กจะเคยเข้าไปอ่านอยู่เหมือนกันคะ เขาน่ารักดีนะคะ คุณสินเป็นเพื่อนกับอาคุงกล่องและคุณคิตตี้น้อยเหรอคะ ทั้ง3คน ดังในบล็อคแก็งทั้งนั้นเลย ขอบคุณจริงๆคะที่มาเขียนหากัน

ปล.อาจไม่ค่อยได้มาตอบเม้นท์เท่าไร เพราะโดนบล็อคจากที่ทำงานคะ

 

โดย: shiro (lalintipn ) 17 พฤษภาคม 2551 21:09:47 น.  

 

พี่ท่าน เวลาอ่านประวัติพระพุทธเจ้า
จะนึกถึงนิยาย วรรณกรรมต่างๆที่อิงพุทธประวัติด้วย
เช่น เรื่องกามนิต วาสิษฐี แล้วจะสนุกสนานยิ่งขึ้น
(กามนิตเป็นพระเอกคนเดียวที่ถูกควายขวิด บ้านมากๆเลยเนอะ)
หรือ อย่าง สิทธารัตถะ ของนักเขียนชาวเยอรมัน เฮสเส
ที่ตีความคำสอนของพระพุทธเจ้าไปในเชิงปรัชญาตะวันตก
เราก็จะได้มุมมองของคนฝรั่งที่มีต่อศาสนาพุทธ

นอกนั้นก็ยังมีนิยายสมัยใหม่อีกตั้งหลายเรื่อง
การ์ตูนอีกหลายฉบับ เรื่องอภินิหารอย่างพระถังซำจั๋ง
หรือ เจ้าแม่กวนอิม

ถ้าใครคิดว่าพุทธประวัติเป็นเรื่องน่าเบื่อ
อาจจะเริ่มต้นด้วยการอ่านหนังสือประเภทนี้ก่อนก็ได้
แล้วค่อยไล่ไปหาต้นน้ำ

พี่สินว่าดีมั้ยครับ


 

โดย: กูรูขอบสนาม 17 พฤษภาคม 2551 21:12:41 น.  

 


แวะมาส่งโปสการ์ดสวยๆ จากทริปเกาะไข่ พังงา ครับ

เกาะไข่ จ.พังงา

คลิกที่ภาพเพื่อตามมาเที่ยวเกาะไข่ในด้วยกันได้เลยนะครับ

 

โดย: มิสเตอร์ฮอง 18 พฤษภาคม 2551 1:38:02 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่สิน



พระพุทธเจ้าท่านทรงเป็นครุของโลก (เป็นครุที่ยิ่งใหญ่กว่าการเป็นครู)


หลายครั้งที่ผมสงสัยว่า
ทำไมท่านให้ "บทเรียนที่ดี" ขนาดนี้

ใยคนถึงกลัวการเป็นอรหันต์ ใยคนกลัวว่าตัวเองจะไปถึงนิพพานไม่ได้

ในเมื่อท่านแสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่า

พระองค์มาจากคนธรรมดาเช่นเราๆ
และพระองค์ก็ไปจากคนธรรมดาเข้าสู่สภาวะนิพพานได้

เราเอง...ก็ควรจะดำเนินรอยตามให้ได้เฉกเช่นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า


หรือว่า...เราอาจต้องเริ่มต้นด้วยการ
แปลบทสวด

นะโมตัสสะฯ เสียใหม่ครับ....





 

โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 18 พฤษภาคม 2551 7:46:02 น.  

 



ขอบคุณมากมาย

ขอบคุณมากมาย

ขอบคุณมากมาย

ขอบคุณน้ำใจและความเอื้อเฟื้อจากเทรนเน่อร์มือรางวัล



 

โดย: ยายกุ๊กไก่ 18 พฤษภาคม 2551 19:45:39 น.  

 

ดีใจที่ได้แวะมาพบกับสิ่งดีๆ ในวันวิสาขบูชา
ขอให้ทุกสิ่งสมปราถนา

 

โดย: กาแฟสดกะพรรณไม้งาม 18 พฤษภาคม 2551 20:18:44 น.  

 

อิอิอิ

ป้ากุ๊กไก่มีแซวด้วยครับพี่สิน
เทรนเนอร์มือรางวัล หุหุหุ





ผมว่าถ้าขยายใบหน้าหอยทากชัดๆ
คงเหมือนมนุษย์ต่างดาวนะครับ

 

โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) 18 พฤษภาคม 2551 22:47:55 น.  

 

หวัดดีค่ะ
ขอบคุณนะคะ

กำลังลองๆเขียนบล็อคอยู่
มีงงมั่ง ขี้เกียจมั่ง 555

poojo_ke

 

โดย: ปู (poojo_ke ) 19 พฤษภาคม 2551 12:24:25 น.  

 

แวะมาอ่านในวันวิสาขบูชาครับ

 

โดย: ตงเหลงฉ่า 19 พฤษภาคม 2551 18:14:22 น.  

 




Cool Slideshows!



วันนี้..วันพระขึ้น15 ค่ำ เดือน 6
วันวิสาขบูชา..วันพระใหญ่ทางพุทธศาสนา
พระจันทร์งามยิ่ง..แม้เมฆบัง
สายฝนฉ่ำอุราอย่าหม่นหมอง
ละกิเลสได้หนึ่งวันใจสุขขี
ถึงจะเพียงน้อยนิดจิตสดใส

มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลก เหมือนปลาที่ว่ายอยู่ในตู้
ว่ายวนเวียนไปมาไม่รู้จบ ไม่สามารถหลุดพ้นจากตู้ปลาได้
นอกจากความตาย หรือหลุมศพนั้นเอง
มนุษย์ทุกชีวิตต้องเกิดแก่เจ็บตายเป็นแน่นอน

ทำไม..ต้องมากลั่นแกล้งกัน ทะเลาะกัน เกลียดชังกัน
อิจฉาริษยากันเพื่ออะไร ทำไมไม่ให้อภัยกัน
ทำให้เกิดสุข จิตจะได้สงบไม่กลุ้มใจ.
ไม่หลงรูป รส กลิ่น เสียง..ละโลภ โกรธ หลง
ล้วนไม่จีรังยั่งยืน เมื่อได้แล้วถึงเวลาก็เสื่อมได้เช่นกัน

ปลงเสียเถิดในบางสิ่งที่ทุกข์ใจ..แล้วจะอยู่อย่างมีสุข
สร้างความดีวันนี้..พรุ่งนี้อาจจะไม่มีเวลาทำ

อนุโมทนากัลยณมิตรมีสุขอิ่มบุญทุกคนนะค่ะ



พี่สินสบายดีนะค่ะ
คิดถึงพี่ชายแสนดีเสมอค่ะ
ดูแลสุขภาพด้วยนะค่ะ
ช่วงนี้งานยุ่งค่ะเลยไม่ได้แวะทักทายกันเลย
ขอให้คุณแม่สุขภาพแข็งแรงมากๆๆนะค่ะ

 

โดย: catt.&.cattleya.. 19 พฤษภาคม 2551 20:25:44 น.  

 



ผมขอขอบคุณทุกท่านครับ ที่กรุณามาเยี่ยม



ขอขอบคุณ คุณลิตช์..... และเจ๊ของผม.....


ขอขอบคุณ คุณแคตผู้แสนงาม อุอุอุ เธอไปตลาด......และคุณเป็ด ..อ้าว อย่าเข้าใจผิด คลอรีนในสระ ไม่รุนแรงครับ ไม่กัดผิว แค่ทำให้เส้นผมกระด้างนิดหน่อย ผิวพรรณกระด้างนิดหน่อย ก็เป็นคลอรีนที่เขาใส่น้ำประปาน่ะ แต่ใส่เยอะกว่า..และที่แนะให้ไปล้างตัว ก็เพราะเดี๋ยวผิวพรรณจะไม่นุ่มเนียน


ขอขอบคุณ ปอง เรื่องพระมหาสมปอง ผมชอบครับ ทั้งเคยเจอ เคยฟัง เคยขอลายเซ็น และเคยเขียนลงบล็อก ...และน้องบาส คุณแม่ของพี่ชอบที่จะสวดมนตร์ที่บ้านครับ ไปไหนมาไหนที่คนมากๆ จะไม่สะดวกต่อคนอื่นๆ


ขอขอบคุณ คุณปุ๊ก เรื่องของน้องอี๊ และ คุงกล่อง ทั้งสองคนเป็นคนดีครับ .....


ขอขอบคุณ น้องกูรู นานๆ พี่จึงจะเขียนธรรมะครับ ไม่ค่อยสันทัดเท่ากับน้อง เจ๊กับคุณแม่ของพี่จะรู้เรื่องธรรมะดีกว่าพี่ หลายเท่า



ขอบคุณคุณฮองที่มาชักชวนครับ เกาะไข่ ที่ภูเก็ต เขาว่าสวยนัก......


ขอขอบคุณ กิจ....วัดในกรุงเทพ อย่างวัดชลประทานฯ จะสื่อธรรมะเป็นภาษาไทยธรรมดา เข้าใจง่าย ที่เสถียรธรรมสถานก็มีสิ่งดีงามเยอะ ยิ่ง พระนักเทศน์ เดี๋ยวนี้พระท่านพัฒนาการเทสฯ ให้สนุกน่าฟังครับ ไม่อยากเปลี่ยนช่องทีวีเลย ....พี่ไม่ค่อยชอบไปฟังพระสวดเป็นภาษาบาลีที่วัด เหมือนกัน


ขอขอบคุณคุณกาแฟสดฯ.... คุณปู (หากจะขอก๊อปโค๊ตตัวไหน บอกได้นะครับ) .... และตง (ไต้หวัน ก้าวหน้าไปถึงตอนที่เท่าใดแล้ว)



และ ขอขอบคุณคุณแคท ...งานมาก ดีนิ จะได้มีกำไรเยอะๆ ผมซิ ไม่มีรายได้พิเศษ มีเพียงเงินเดือน





 

โดย: yyswim 20 พฤษภาคม 2551 16:38:34 น.  

 

=_=

 

โดย: g IP: 113.53.10.194 5 มิถุนายน 2555 16:46:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.