รำลึกถึงท่านพุทธทาสภิกขุ
รำลึกถึงท่านพุทธทาสภิกขุ
วันนี้ วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2549 นับเป็นเวลา 100 ปี แห่ง ชาตกาล ของท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ หรือ พระธรรมโกศาจารย์ พระภิกษุเถระชั้นผู้ใหญ่ ผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของโลก
ท่านได้ปฏิญาณตน ที่จะเดินตามรอยพระพุทธองค์อย่างแน่วแน่ ว่าความหมายของชีวิตคือการเข้าถึงหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา
"ข้าพเจ้ามอบชีวิตและร่างกายนี้ถวายแด่พระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าเป็นทาสพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นนายของข้าพเจ้า เพราะเหตุดังว่ามานี้ ข้าพเจ้าจึงชื่อว่าพุทธทาส"
ตลอดชีวิตของท่าน จึงมุ่งมั่นค้นคว้าศึกษาหลักธรรม สำหรับปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ตามรอยพระศาสดาอย่างไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก และด้วยความหวังว่า การฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้สะอาดบริสุทธิ์ จะมีคุณค่าต่อสังคม แม้จะเป็นการเดินย้อนรอยกระแสโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ในขณะที่คนส่วนใหญ่กำลังเดินตามโลก
ถึงจะเป็นหนทางแห่งความยากลำบาก แต่ก็จะเป็นสิ่งคุ้มค่า เพราะนี่คือหนทางที่จะช่วยยกระดับความเป็นมนุษย์ได้
"เราตกลงใจแน่นอนแล้วว่า กรุงเทพฯ ไม่ใช่เป็นที่ที่จะค้นพบความบริสุทธิ์ การถลำเข้าเรียนปริยัติธรรมทางเจือด้วยยศศักดิ์ เป็นผลดีให้เราได้รู้สึกตัวว่าเป็นการก้าวผิดไปหนึ่งก้าว หากรู้ไม่ทันก็จะต้องก้าวไปอีกหลายก้าว และยากที่จะถอนได้เหมือนบางคน จากการรู้สึกก้าวผิดนั่นเองทำให้พบเงื่อนว่าทำอย่างไร เราจะก้าวถูก...."
นี่เป็นข้อความตอนหนึ่งในจดหมาย ที่ท่านเขียนถึงนายธรรมทาสน้องชาย ขณะที่ท่านกำลังศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ ซึ่งในเวลานั้นท่านสอบได้นักธรรมเอก และเรียนภาษาบาลีได้เปรียญ 3 ประโยคแล้ว
ท่านเดินทางกลับพุมเรียงบ้านเกิดของท่าน นับตั้งแต่นั้นมา สวนโมกขพลาราม สวนป่าอันเป็นกำลังที่ช่วยให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
วิถีชีวิตของพระมหาเปรียญหนุ่ม ได้หมุนกลับมาเป็นพระเถื่อนที่ปลีกตัวอยู่ในส่วนป่านั้น จนชาวบ้านเล่าลือกันว่า "มหาเงื่อมเป็นพระบ้า" (ชื่อเงื่อมเป็นชื่อเดิมของท่าน)
"เป็นพระเถื่อนเหมือนนกวิหคหงส์ ย่อมบินตรงไปได้ทิศไหนไหน
เป็นอิสระอยากผละสังคมใด
ก็ผละได้ทันใจไม่อัดแอ เอ็นดูฉันขอให้ฉันเป็นพระเถื่อน
มีหมู่ไม้เป็นเพื่อนทุกกระแส
มดแมลงแสดงธรรมอยู่จำเจ
ไพเราะแท้ไม่มีเบื่อเหลือกล่าวเอย"
ท่านเป็นผู้บุกเบิกและก่อตั้งสำนักปฏิบัติธรรม "สวนโมกขพลาราม" ที่อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ท่านเป็นนักบรรยายและเทศนาธรรม นักคิดนักเขียนที่เขียนตำราเกี่ยวกับพุทธศาสนาไว้เป็นจำนวนมาก
ท่านอาศัยธรรมชาติ และเลือกใช้อุปกรณ์บางอย่างที่ทันสมัย(ในสมัยนั้น) งานสำคัญที่ท่านกระทำโดยตลอดก็คือ การเผยแผ่ธรรมะด้วยการแสดงธรรม บรรยายธรรมในลักษณะของการปาฐกถา การอัดเทป และการเขียนเป็นหนังสือต่างๆ มากมาย
"มนุษย์เราจะเป็นมนุษย์อยู่ได้ ก็เพราะกำลังประกอบอยู่ด้วย ธรรม มิฉะนั้นจะต้องสูญเสียความเป็นมนุษย์ หรือต้องตาย ในที่สุด โดยไม่ต้องสงสัย มนุษย์ที่ไม่ประกอบอยู่ด้วยธรรม ก็ต้องประกอบอยู่ด้วยอธรรม เป็นธรรมดา และจะต้องเป็น อมนุษย์ในร่างของมนุษย์ โลกนี้จะเป็นอย่างไร หากเป็นโลก ที่ประกอบอยู่ด้วยอมนุษย์ในร่างของมนุษย์ เต็มไปทั้งโลก "
ผลงานหนังสือของท่านที่พิมพ์เผยแพร่ เช่น หนังสือชุดธรรมโฆษณ์ จำนวน 60 ชื่อเรื่อง ชุดลอยปทุม จำนวน 100 ชื่อเรื่อง ชุดหมุนล้อธรรมจักร 65 ชื่อเรื่อง ชุดมองด้านใน 58 ชื่อเรื่อง เป็นต้น หนังสือดังกล่าวมีหลายเล่มที่มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งนับได้ว่าเป็นคลังมหาสมบัติของศาสนาพุทธทีเดียว
ความมุ่งหวังของท่าน ท่านต้องการให้สังคมโลกดำรงอยู่ด้วยความสงบสุข ท่านเชื่อว่าการที่มนุษย์จะพบกับสันติสุขและโลกมีสันติภาพนั้น จะต้องถึงด้วย ปณิธาน 3 ประการ
"การเข้าถึงหัวใจแห่งศาสนาของตน ..หนึ่ง"
"การทำความเข้าใจระหว่างศาสนา ..หนึ่ง"
"และการช่วยกันถอนตัวออกมาเสียจากวัตถุนิยม ..อีกหนึ่ง"
ตลอดชีวิตของท่านจึงเพียรพยายามที่จะเผยแผ่และปฏิบัติธรรมให้ผู้คนรู้และเข้าใจในปณิธานดังกล่าวมาโดยตลอด นอกจากนั้นยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อยุวชนโดยท่านย้ำว่า
"ศีลธรรมของยุวชน คือ สันติภาพของโลก"
ในปี พ.ศ.2549 นี้ นับเป็นเวลา 100 ปีแห่งชาตกาลของท่านอาจารย์พุทธทาส ท่านได้รับการประกาศจากยูเนสโก ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกในฐานะนักปราชญ์ทางศาสนา ที่ตลอดชีวิตของท่านได้อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
สัจธรรมของท่าน จึงควรค่าแก่การสืบทอดต่อเนื่องให้แก่ยุวชนรุ่นต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อความสงบสุขและสันติภาพของโลก.
"พุทธทาสจักอยู่ไปไม่มีตาย
แม้ร่างกายจะดับไปไม่ฟังเสียง
ร่างกายเป็นร่างกายไปไม่ลำเอียง
นั่นเป็นเพียงสิ่งเปลี่ยนไปในเวลา"
ผมขอน้อมกราบ สดุดีพระคุณของท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ด้วยหัวใจที่ภาคภูมิใจ
Create Date : 27 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2549 13:32:27 น. |
|
29 comments
|
Counter : 1727 Pageviews. |
|
|
|
ในวโรกาสเฉลิมฉลอง ชาตกาลท่านพุทธทาสภิกขุ ครบ 100ปี
๑. พระมหาเถระท่านใดแล ผู้ประเสริฐสุด มีนามว่า อินทปัญญะ หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันโดยสมญานามว่า ท่านพุทธทาสภิกขุ
๒. ท่านเป็นพหูสูต เรียนรู้วิชาต่างๆ มามาก ทั้งงามด้วยข้อวัตรปฏิบัติ ควรแก่การยกย่องสรรเสริญ สำรวมดีแล้วในพระปาฏิโมกข์
๓. มีจิตใจหมดจด ช่ำชองในบทความและเทศนา มีปกติอยู่ที่สวนโมกขพลาราม อันเป็นวัดป่าร่มเย็น เบิกบานใจ
๔. บัดนี้ เป็นวาระครบ ๑๐๐ ปี แห่งชาตกาลของท่านองค์ท่านนั้น ถึงแม้จะมรณภาพไปแล้ว แต่เกียรติคุณก็ยังคงอยู่ แม้แต่ชาวต่างประเทศ ก็พากันยกย่องสรรเสริญถวายรางวัลยูเนสโกให้แก่ท่าน ด้วยเหตุแห่งศาสนธรรมที่ท่านแนะนำพร่ำสอนอยู่เป็นประจำ
๕. ด้วยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย ด้วยเดชแห่งพระรัตนตรัย ด้วยอานุภาพแห่งบุญที่ท่านพุทธทาสได้กระทำแล้ว
และด้วยเดชแห่งบุญที่ท่านสั่งสมอบรมแล้ว
๖. ขอประเทศไทย จงรุ่งโรจน์ ด้วยความสำเร็จดังมโนรถทุกประการ จงประสบแต่ความสำเร็จ รุ่งเรือง ไพบูลย์อย่างยิ่งยวด ทุกเมื่อ
๗. ขอมวลศิษยานุศิษย์ ของท่านพุทธทาสภิกขุทุกท่าน
จงมีคุณธรรมอันยอดเยี่ยมปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใด ขอให้สำเร็จโดยพลัน จงทุกประการ เทอญฯ