....OUR FAMILY'S JOURNEY....

ปลายหนาวที่วังเวียง 1.


ปลายหนาวที่วังเวียง, ลาว (1)




ก่อนเดินทาง

ที่จริงเราวางแผนกันว่าจะเดินทางไปเยี่ยมชม เมืองมรดกโลก หลวงพระบางประเทศลาว ในช่วงปลายมีนาคม แต่ได้ข่าวว่ามีเหตุการณ์ไม่ค่อยสงบระหว่างทาง ช่วงวังเวียง ไปหลวงพระบาง เราเลยตัดสินใจไปกันแค่วังเวียง ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งของแขวงเวียงจัน ประเทศลาว โดยไปพักที่วังเวียงสองคืน เพื่อเป็นการสำรวจเส้นทาง ก่อนที่จะเดินทางต่อไปหลวงพระบางในครั้งต่อไป ทริปนี้ของเราจึงเป็น ทริป 3 วัน 2 คืน

เราติดต่อน้องที่ไปทำงานอยู่กับ บริษัท ลาวเทล เพื่อหาเช่ารถเพื่อจะเดินทางไปเอง หลีกเลี่ยงการเสียเวลารอรถโดยสาร การเตรียมการไม่มีปัญหา เพราะเพื่อนน้องเขาที่อยู่เวียงจันทน์อาษาจะขับรถพาเราไปเที่ยว เพียงแต่ให้เราออกค่าน้ำมัน และที่พักให้ ซึ่งทุกอย่างก็ลงตัวดี

การเดินทางเข้าไปในลาวทำได้หลายวิธี เช่นล่องเรือตามลำโขง จากเชียงของเข้าสู่หลวงพระบาง ทางอากาศ หรือทางบก การเข้าลาวถ้าจะเข้าไปแค่จังหวัดที่อยู่ติดกับไทย ก็ใช้แค่ Border pass ได้ ซึ่งเราสามารถทำที่ด่านได้เลย บางด่านที่ทันสมัยหน่อย เราสามารถถ่ายภาพด้วยกล้องดิกิตอล และยื่นบัตรประชาชนทำได้เลย แต่ถ้าเราต้องการเดินทางท่องเที่ยวในแขวงอื่นๆ ของลาวก็ต้องใช้ passport อย่างเดียว โดยไม่ต้องขอ วีซ่า และสามารถอยู่ได้ ครั้งละ 30 วัน

เราใช้วิธีถือ passport ผ่านแดน ซึ่งก็ได้รับความสะดวกมาก ใช้เวลาไม่นานนักในการตรวจเอกสารทั้งทางฝั่งหนองคายและเวียงจันทน์ ....ในแต่ละวันจะมีคนไทยเดินทางเข้าไปในลาวค่อนข้างมาก สำหรับเงินที่จะนำไปใช้ฝั่งลาว เราไม่จำเป็นต้องแลกไปมาก เพราะเขารับเงินบาทไทยแทบทุกเมือง ยกเว้นชนบทห่างไกลเท่านั้นที่จะไม่รับ อัตราแลกเปลี่ยนตอนที่เราเข้าไป 23 มีนาคม 50 คือ 1 บาท = 270 กีป (kip) อาหารการกินที่ลาว ก็ใกล้เคียงกันกับไทย แม้ไม่เหมือนเลยทีเดียว แต่ก็ยังพอหาอาหารประเภทรสจัดทานได้บ้าง ส่วนภาษาพูดยิ่งสบายใหญ่เลย เพราะสื่อกันเข้าใจ 100 % แม้จะมีบางคำเพี้ยนหูไปบ้าง




ข้อมูลประเทศลาวโดยสังเขป

ศาสนา ประชาชนลาวมากกว่าร้อยละ 90 นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท เหมือนกับไทย และถือปฏิบัติอย่างเคร่งคัด อีก 10% ที่เหลือนับถือศาสนาคริสต์ และอิสลาม โดยเฉพาะศาสนาคริสต์ ฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมเข้ามาเผยแพร่ในช่วงที่เข้ามาปกครองประเทศลาว

ภาษา ภาษาประจำชาติคือภาษาลาว มีลักษณะใกล้เคียงกับภาษาภาคอีสานของไทย นอกจากนี้คนลาวบางส่วนยังสามารถใช้ภาษา อังกฤษ และฝรั่งเศสได้ดี

ประชากร จากข้อมูลปี 2544 ลาวมีประชากรทั้งหมด 5.6 ล้านคน ประกอบไปด้วย 3 ชนชาติใหญ่ 68 เผ่า ได้แก่
ลาวลุ่ม หมายถึง ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ตามที่ราบลุ่มใกล้แม่น้ำโขง คิดเป็น ร้อยละ 70 ของประชากรทั้งหมด เช่น ไทลาว ไทเหนือ ไทแดง ไทขาว ผู้ไท ลาวพรวน ไทลื้อ เป็นต้น
ลาวเทิง เป็นกลุ่มชนเผ่าที่อาศัยบนพื้นที่ความสูง ไม่เกิน 1000 เมตร คิดเป็น 20% ของประชากร เช่น สีดา บ่าแวะ ละแนด ฯลฯ
ลาวสูง เป็นประชากรส่วนน้อยอาศัยอยู่บนเทือกเขาสูง ส่วนใหญ่เป็นชาวม้ง และเผ่าอื่นๆ เช่น มูเซอ ก่อ กุ่ย เป็นต้น

ระบบเงินตรา สกุลเงินของประเทศลาว คือ กีบ สำหรับเงินกีบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศลาวส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็นใบละ 1000, 2000, 5000, 10000, 20000 กีบ (ไม่มีเงินเหรียญกษาปณ์)





ทำเนียบรัฐบาล




23 มีนาคม 2550 ……. หนองคาย .... เวียงจันทน์.....วังเวียง

เราขับรถไปฝากไว้ที่รับฝากรถเอกชนใกล้ๆด่าน โดยเขาคิดเราคืนละ 90 บาท เราตัดสินใจฝากไว้สองคืนก่อน ถ้าเที่ยวติดลมแล้วค่อยมาจ่ายเพิ่มเอาทีหลัง ซึ่งเจ้าของที่เขาก็โอเค.... น้องที่เข้าไปทำงานที่ลาวเทล ได้มารอเราที่บริเวณด่านฝั่งหนองคาย และเตรียมเอกสารสำหรับการเข้า – ออก เมือง กรอกข้อความมาให้เสร็จ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลามากนัก เสร็จแล้วซื้ตั๋วรถข้ามสะพานอีก 15 ต่อคน ซึ่งสะพานยาวประมาณ 1 กม.

ข้ามสะพานมาได้ ก็ตรวจเอกสาร ที่ ตม.ลาวอีกครั้ง พร้อมจ่ายค่าผ่านอีก 10 บาท ที่ด่านจะมีร้าน Duty Free หลายร้าน แต่ที่เป็นที่รู้จักก็คือ “ดาวเฮือง” ร้านค่อนข้างใหญ่ และดูดี เราซื้อ Green Label ขนาด 1 ลิตร ที่นี่ด้วย ร้านนี้จะรับบัตรเครดิต VISA ด้วย แต่ ชาร์ท 3%

รถปิกอัพ 4 ประตูพวงมาลัยขวาของน้องทะเบียนไทย ที่เอาเข้าไปใช้ในลาว ก็พาเราออกจากด่าน ตม.เข้านครเวียงจันทน์ ระยะทางประมาณ 20 กม. ที่ลาวจะขับชิดขวา พวงมาลัยซ้ายแบบในอเมริกา แรกๆเราก็ไม่ค่อยชิน แต่ไม่นานนักเราก็ปรับตัวได้ ถ้ารถวิ่งอยู่ถนนสี่เลน ก็ไม่รู้สึกผิดปกติเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นแบบ สองเลน ก็เสียวเหมือนกัน





ถนนในนครเวียงจันทน์





นักเรียนลาว





ในระหว่างทางเข้าเวียงจันทน์ เราเห็นโรงงานสายพันธุ์เกาหลีขึ้นหลายโรงเหมือนกัน และมีความรู้สึกว่ารถเกาหลีก็มีใช้มากที่ลาว ส่วนใหญ่จะเป็น Hyundai ซึ่งทำตลาดได้ในแถบอินโดจีน แม้แต่ไทยเองก็มีให้เห็น ถามไถ่ก็ได้ความว่า ราคาค่อนข้างเป็นมิตร เพราะการซื้อหารถที่นั่น มีเพียงช่องทางเดียว คือ เงินสด ซึ่งไม่เหมือนบ้านเรา เศรษฐีเงินผ่อน

นาข้าวก็มีทำในช่วงนี้เหมือนกัน ซึ่งเขาเรียกว่า “นาแซง” หรือนาปังในบ้านเรา ปกติลาวจะทำนากันปีละครั้ง ส่วนมากเป็นนาน้ำฝน แต่ปัจจุบัน ระบบชลประทานดีขึ้น จากการสร้างเขื่อนมากมายในลาว เลยทำให้สามารถทำนาแซงเพิ่มมากขึ้น

นครเวียงจันทน์อยู่คนละฝั่งกับอำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย เมืองก็ประมาณจังหวัดขนาดกลางๆบ้านเรา เป็นเขตการครองตนเอง โดยแยกออกมาเป็น “กำแพงนครเวียงจันทน์” ซึ่งคนละเขตกับ แขวงเวียงจัน เมืองวังเวียง ที่เราจะไป ยวดยานที่นั่นส่วนใหญ่จะเป็นรถจักรยานยนต์ ถ้าใครมีสะตางค์หน่อย ก็ซื้อรถที่มาจากเมืองไทย ที่เขาบอกว่ามีความทนทานกว่า และมีอะไหล่ให้ซ่อมได้ด้วย ส่วนใครที่มีเบี้ยน้อย ก็ซื้อหารถที่มาจากจีน ซึ่งคุณภาพด้อยกว่า แต่ราคาก็ถูกกว่าด้วย

เมื่อมาถึงเวียงจันทน์ สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การไปชมประตูซัย ซึ่งเป็นอนุสรณ์ที่สร้างขึ้นเมื่อลาวได้เอกราชจากฝรั่งเศส และเป็นสถาปัตยถยกรรมศิลปแบบลาวแท้ๆ และอีกแห่งหนึ่งคือพระธาตุหลวง ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก บริเวณเดียวกับพระธาตุหลวงจะมีอาคารทรงไทยสวยงามมากหลังหนึ่ง ซึ่งหลวงตามหาบัว ได้สนับสนุนเงินทุนสำหรับการก่อสร้าง เลยจากบริเวณธาตุหลวงไปทางเหนือ จะเห็นทำเนียบรัฐบาล





ประตูชัย สัญลักษณ์การได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส




พระธาตุหลวง




อาคารที่อยู่ข้างพระธาตุหลวง หลวงตามหาบัวฯ สนับสนุนเงินทุนในการก่อสร้าง





เราไปแวะทานกลางวันกันในเมือง และแวะสำนักงานน้องเขาที่บริษัทลาวเทลด้วย ก่อนที่เราจะเปลี่ยนรถเป็น TOYOTA 4WD ของเพื่อนน้องเขา ที่เป็นคนลาว ที่จะไปเที่ยวกับเราด้วย ชื่อ “อ้ายสมพอน” ซึ่งเป็นคนดีมากๆ แถมอ้ายสมพอนยังชอบเพลงเพื่อชีวิต ของพี่แอ๊ดเราด้วย และแต่งตัวสไตล์เพื่อชีวิต อีกต่างหาก อ้ายสมพอนก็เคยทำงานที่ลาวเทลมาก่อน แต่ต่อมาออกไปประกอบอาชีพส่วนตัว

เราออกเดินทางจากเวียงจันทน์เมื่อ บ่ายโมงเศษๆ อ้ายสมพอนบอกเราว่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. เราออกนอกตัวเมืองผ่านวงเวียนใหญ่ทางเหนือของเมือง ซึ่งถ้าตรงไปจะไปเขื่อนน้ำงึม เลี้ยวขวาจะไปทางใต้ของลาว อ้ายสมพอนพาเราเลี้ยวซ้าย ไม่นานก็ผ่านมหาวิทยาลัย ดงโดก หรือมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ซึ่งลูกสาวอ้ายสมพอนคนหนึ่งก็เรียนอยู่ที่นี่ เราแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มของบริษัทน้ำมันลาว ซึ่งทำไว้ใหญ่พอสมควร แต่น้ำมันจะแพงกว่าที่บ้านเรา เพราะเขานำเข้าทั้งหมด


สองข้างทางมีการทำนาแซงประปราย บ้านช่องแถวชานนครเวียงจันทน์ก็พัฒนาขึ้น การก่อสร้างใหม่ และทันสมัยมีอยู่ทั่วไป ที่นาก็ค่อนข้างเยอะ แต่บางแห่งการชลประทานยังเข้าไม่ถึง .....(สงสัยรอขายไฟให้ไทยก่อนมั๊ง ถึงจะทำ) ..... ผ่านไปเรื่อยๆ อ้ายสมพอนซึ่งทำหน้าที่คนขับให้เราด้วย ชี้ให้เห็นผลงานการเดินสายโทรศัพท์ด้วยความภูมิใจ

เราออกจากโพนฮงมาได้ไม่นานก็จะเป็นทางขึ้นเขา พอรถไต่ขึ้นมาหน่อยหนึ่งก็จะเจอศาลข้างทางศาลหนึ่ง เราจอดและลงไปไหว้ขอให้เดินทางปลอดภัย มีเด็กๆชาวลาว 2-3 คนมาขอสะตางค์จากนักเดินทางอยู่บริเวณนั้น และช่วยเราเตรียมจุดธูป เทียน และคอยจุดให้ เราเลยหยิบแบ็งค์ 20 บาทให้ เด็กบอกว่าใช้แถวนี้ไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนใจหยิบ 2000 กีบให้ไป พวกเด็กๆก้อกล่าวอวยพรให้พวกเราเดินทางโดยปลอดภัย






ไหว้ศาลข้างทาง




สภาพบ้านเรือนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อรถวิ่งบนเขา เพราะหลายๆหมู่บ้านที่เราผ่านไป เป้นชาวเขาเผ่าม้ง ที่นิยมทำบ้านด้วยไม้ไผ่ ปลูกกระถางผักสวนครัวไว้หน้าบ้าน บางบ้านก็มีจานรับสัญญาณดาวเทียม ซึ่งในที่ๆห่างเวียงจันทน์มากๆ ไม่สามารถรับสัญญาณทีวีลาวได้ จานเหล่านี้จึงทำหน้าที่รับสัญญาณจากช่องทีวีไทย ซึ่งสามารถฟังภาษากันรู้เรื่อง





สะพานเหล็กข้านน้ำลีก (Lik)





รถวิ่งอยู่บนเขาเสียส่วนมาก แต่ก็ไม่ได้สูงมากนัก เพียงแต่ถนนแคบมาก เหมือนเส้นทางที่วิ่งระหว่างอำเภอในบ้านเรา แต่ชำรุดมากกว่าเท่านั้น เส้นทางสายนี้ เรียกว่า ทางหมายเลข 13 เป็นเส้นทางรวมที่รถวิ่งมาจากทางภาคเหนือทั้งหมด ทั้งจาก ซำเหนือ และจากหลวงพระบาง ที่มาบรรจบกันที่พูคูณ แล้ววิ่งร่วมทางกันมาที่เวียงจันทน์ เราจึงเดินทางแบบไม่เดียวดาย คือจะมีรถสวนทางมาบ่อยๆ แต่ไม่ถึงกับมากแบบในเมืองไทย

16.30 น อ้ายสมพอนจึงขับ TOYOTA พาเรามาถึงเมืองวังเวียง เป้าหมายของเรา แต่ก่อนที่จะเข้าสู่เมืองวังเวียง เราเห็นโรงงานปูนซีเมนต์ ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการร่วมมือ จีน-ลาว ตรากระทิง โดยใช้หินปูนซึ่งมีมากมายในบริเวณนั้น โดยใช้การขุดเอา แถมใกล้ๆกันยังมีปั๊มน้ำมัน ปตท. กำลังก่อสร้างอยู่ด้วย






ในวังเวียง




วังเวียง


ที่ตั้ง อยู่ในหุบเขา ล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูน มีแม่น้ำซองไหลขนานกับเมือง ทางด้านตะวันตก อยู่ห่างจากเวียงจันทน์ขึ้นไปทางเหนือ ประมาณ 152 กม. บนเส้นทางหมายเลข 13 ตามเส้นทางที่จะไปหลวงพระบาง และเป็นเมืองหนึ่งในแขวงเวียงจัน ที่มีเมืองหลักอยู่ที่โพนฮง (อยู่ระหว่าง วังวียง กับเวียงจันทน์) มีประชากรประมาณ 25,000 คน ส่วนมากนับถือศาสนาพุทธแบบไทย เมืองวังเวียงในปัจจุบันเป็นเมืองของนักท่องเที่ยว แบบ Backpacker มีร้าน Internet ให้เช่าอยู่หลายร้าน

การเดินทาง สามารถเดินทางด้วยรถโดยสาร ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6-8 ชม. จากหลวงพระบาง หรือ 3 – 4 ชม.จากเวียงจันทน์ ค่าโดยสาร 25,000 กีบ หรือโดยมินิบัส










ในวังเวียง






สิ่งแรกที่เราจะต้องทำเมื่อมาถึงวังเวียง คือ หาที่พัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะที่พักที่เป็น Guest House มีมากมายในวังเวียงขณะนี้ เราตรงไปที่ Riverside Bungalow ซึ่งเป็นบ้านพักตั้งอยู่บนเกาะ น้ำซอง ไม่ผิดหวังเราสามารถเข้าพักได้ อากาศวันที่มาถึง เย็นสบาย แม้จะย่างเข้าหน้าร้อนแล้วก็ตาม





พักที่นี่






เมืองวังเวียงเป็นเมืองที่อยู่ในหุบเขา ล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูน ฉะนั้นรูปทรงภูเขาจึงมีลวดรายต่างๆ สวยงาม เหมือนเขาแห่งจินตนาการ ที่แห่งนี้จึงได้รับการขนานนามว่า “กุ้ยหลินเมืองลาว” วังเวียงยังมีแม่น้ำซองไหลผ่าน ก่อนที่จะไปบรรจบกับน้ำลีก (Lik) น้ำซองในหน้านี้ไม่ลึก เหมาะกับการทำกิจกรรมการล่องเรือคะยัค หรือบางกลุ่มไม่รีบร้อนก็ ลอยห่วงยางมาตามลำน้ำ






พักผ่อนริมน้ำซอง




ลำน้ำซอง




เย็นๆจะมีคนออกมาเล่นน้ำ





วังเวียงมีถนนหลักอยู่เพียงสายเดียว ทางใต้ก็จะไปที่ถ้ำจัง ทางเหนือก็จะไปทางหลวงพระบาง ตรงใจกลางเมืองจะมีร้าน Internet ร้านกาแฟ และร้านขายเบียร์ สำหรับนักท่องเที่ยว การก่อสร้างเกสเฮาส์กำลังเร่งทำกันมากมายหลายที่ เมื่อครั้งสงครามเวียตนาม อเมริกาเคยใช้เมืองนี้เป็นสนามบินขนาดเล็ก (เดี๋ยวนี้ยังเหลือร่องรอยรันเวย์อยู่ ทางตะวันออกของเมือง) แต่ตอนนี้ไม่มีเครื่องบินมาลง เพราะขนาดที่เล็กจนเกินไป






สนามบินเก่า





ผู้คนในเมืองใช้ชีวิตแบบสงบ ดูทีวีไทย จากจานดาวเทียมที่มาจากจีน ใช้สินค้าอุปโภค บริโภค จากไทยเสียส่วนใหญ่ มีวัดอยู่หลายแห่ง ร้านอาหาร ก็ หลายแห่ง แต่ถ้าจะให้ถูกปากคนไทย แนะนำที่ร้าน “อาเฮีย” เจ้าของร้านเป็นคนไทย แต่ย้ายมาค้าขายไม้ที่นี่มาร่วม 40 ปีแล้ว อยู่ที่ข้างๆเสา ลาวเทเลคอม... ที่นี่นักท่องเที่ยวเดินกันทั่วเมือง เผลอๆอาจจะมากกว่าชาววังเวียงเสียด้วยซ้ำ





เล่นเปตองกีฬายอดฮิต





เราเก็บสัมภาระเสร็จ ก็เลือกร้านอาหารริมซอง ซึ่งก็ขายอาหารจานเดียวอีกนั่นแหละ จนเราต้องไปหาซื้อกับแกล้มจากในเมือง ประเภท ต้มส้มปลา (ถ้าเราสั่งต้มยำ เราจะได้รสจืด แต่ถ้าเป็นต้มส้มจะได้รสเทียบกับต้มยำบ้านเรา) ก้อยปลา หรือลาบปลา ในบ้านเรา คือคนที่นั่นเขาจะเรียก ลาบว่า ก้อย ที่ร้านริมซองพอมีน้ำแข็งและโซดาขาย แม้จะหากับแกล้มค่อนข้างยาก แต่บรรยกาศริมน้ำซองตอนเย็นๆ นี่สิมันยอดเยี่ยมจริงๆ





ยามเย็นที่ริมน้ำซอง





แม้ธรรมชาติริมน้ำซองจะทำให้เราหลงใหล แต่เพราะความเหนื่อยล้า ก็ไม่สามารถทำให้เรานั่งกลางสายลมและไอหมอก ปลายหน้าหนาวของวังเวียงได้นานเหมือนดั่งใจที่ต้องการ และอุปสรรค์อีกอย่างของที่นั่นคือ แสงสว่างบริเวณที่เรานั่ง มันไม่พอ เทียนที่เราหามาได้ ก็กำลังจะหมดแท่งสุดท้าย ตอน 22 น เศษเราก็แยกย้ายกันเข้านอนด้วยความอ่อนเพลีย













ภาพบรรยากาศริมน้ำซองตอนเย็น




ขอจบตอนแรก ที่ริมน้ำซองก่อนนะครับ พรุ่งนี้เราจะไปล่งเรือคะยัคกัน



....................








 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2551
7 comments
Last Update : 12 สิงหาคม 2555 14:21:43 น.
Counter : 3151 Pageviews.

 

ไม่ทราบว่าตอนฤดูฝนจะเป็นอย่างไร เพราะเคยไปตอนหนาวๆ ปลายปี สวยมากกกกกกกกก

 

โดย: อาหลาง IP: 125.26.198.101 15 กรกฎาคม 2551 15:42:57 น.  

 

ตามเก็บตกค่ะ 555
ยามเย็นที่ริมน้ำซองเย็นดีจริงๆ เหมือนได้ดื่ม
น้ำดำขวดใหญ่ใส่น้ำแข็งทุบบดละเอียด

 

โดย: นีลา IP: 202.91.19.205 12 กันยายน 2551 21:03:13 น.  

 

โชคดีนะเนี่ย อาจารย์เป็นผู้ ส.ว.
เลยเบิ่งบ่ทัน เบิ่งบ่เบิด ให้คะแนน เอบวก ไปแล้ว
ต้องรีบแจวเดี๋ยวเจอเอลบ อิอิ

 

โดย: นีลา IP: 202.91.19.205 12 กันยายน 2551 21:06:06 น.  

 

ไม่ทราบว่าราคาที่พัก Riverside Bungalow นั้นคืนละเท่ารัยค่ะ แล้วพักได้กี่คนเอ่ย

 

โดย: junezheez IP: 117.47.234.7 25 ตุลาคม 2551 17:07:12 น.  

 

ตอนที่ไปห้องละ 500 บาทครับ พักได้ 2 คนครับ.... ตอนนี้น่าจะขึ้นแล้วล่ะครับ ยิ่งตอนนี้ด้วย ไฮซีซัน..... ไปครั้งที่ 2 ห้องเต็มเลยไม่ทราบราคาใหม่....ลองดูในเวปนะครับ.

 

โดย: wicsir 25 ตุลาคม 2551 20:06:01 น.  

 

ผมอยากไปวังเวียงมากเลยครับ เพราะผมมีแฟนเป็นคนวังเวียง ตอนนี้เธอกลับไปเที่ยวบ้าน แต่ยังไม่กลับมาเมืองไทยเลยครับ ได้แต่โทรหากันทุกวัน

 

โดย: pozaaaa.. IP: 182.52.123.116 10 มกราคม 2554 14:28:38 น.  

 

emoemoemoemo
ตามมาดูวังวียงจ้า ภาพสวยสู้ซาปาไม่ได้นะ

 

โดย: หอมกร 18 มกราคม 2555 9:27:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.