....OUR FAMILY'S JOURNEY....
ปลายหนาวที่วังเวียง 2


ปลายหนาวที่วังเวียง, ลาว (2)


ตอนที่แล้วเรามาถึงวังเวียง และเข้าพักผ่อนครับ... มาต่อกันเลย



24 มีนาคม 2550 ..... ล่องเรือคะยัคตามลำน้ำซอง

บังกะโลที่เราพักไม่รวมอาหารเช้า ราคาห้องละ 500 บาท แต่มีน้ำอุ่นด้วย เราเลยเดินไปนั่งที่ร้านอาหาร สร้างง่ายๆ หลังคามุงแฝก กำลังเปิด ทีวีช่อง 3 ของไทยอยู่ เราถามน้องสาวคนขายว่า กาแฟนี่มาจากไหน เธอบอกว่ามาจากจีน แต่เราก็ไม่ซักต่อหรอก เพราะเรามองเห็นภาษาไทยที่ซองอยู่ เราพากันสั่ง กาแฟ ไข่ดาว มารองท้องก่อน ก่อนที่จะไปทานข้าวต้มต่อที่ตลาด

ร้านเช่าเรือคะยักจะรับเราไปส่งที่เหนือน้ำ ห่างจากเมืองวังเวียงขึ้นไปตามทางเลข 13 ประมาณ 12 กม การล่องเรือจะใช้เวลาประมาณ 6 ชม. โดยจะเริ่ม ประมาณ 0900 – 1500 น ค่าใช้จ่าย ก็ตกคนละ 85,000 กีบ นี่คือคิดในราคาที่น้องเขาเคยพาเพื่อน จาก กท. มาใช้บริการแล้วนะ ตอนเราล่องเรือ เขาจะจัดเจ้าหน้าที่ 1 คนไปคอยดูแลเราด้วย ของที่มีค่าและกล้องเขาจะใส่ถุงพลาสติก และปิดให้อย่างแน่นหนากันเปียก เมื่อไหร่ที่เราอยากถ่ายภาพก็เอาเรือเข้าฝั่ง แกะออก เสร็จแล้วเก็บไว้เหมือนเดิม ส่วนกิจกรรมยอดฮิตที่นี่คือ
  • ล่องเรือคะยัค ( kayaking)

  • ล่องห่วงยาง (Tubing )

  • เดินชมถ้ำ (Cave Tour)

  • เดินป่า (Trekking)










ขนเรือคะยัคพร้อมพวกเรามาส่ง





เรือน้อยเริ่มลอยล่อง





เห็นไหมว่าน้ำไม่ลึก





แม่น้ำซองแถววังเวียงช่วงเดือน มีนาคม ไม่ลึกมาก แต่ก็มีเป็นบางช่วงที่เขาเรียกว่า วัง นั้นลึกหน่อย ชาวบ้านที่นั่นเลยพัฒนาเป็นที่ สวิงเชือกเพื่อกระโดดน้ำ น้ำซองใสมากจนออกสีเขียวคล้ำ เพราะการที่น้ำไหลตลอดเวลา จึงทำให้น้ำเย็นมาก มีบางช่วงจะไหลเชียว ผ่านโขดหิน หนุ่มน้อยชาววังเวียง ต้องคอยช่วยเหลือเรา โดยงัดเรือออกจากโขดหิน ตอนที่เราหลบไม่พ้น ซึ่งก็สนุก และท้าทายดี (ที่จริงแล้วเราพายไม่เก่งต่างหาก.... 555) เราออกจากจุด Start ตอน เก้าโมงเศษ พายไปเรื่อยๆ บางครั้งเราก็ปล่อยให้กระแสน้ำ พัดพาเรือเราไปเอง อากาศที่เย็นสบาย ทำให้เราสดชื่นกัน ไม่เหนื่อย จนลืมไปว่านี่กลางแดด นะจ๊ะนายจ๋า ...... ผู้ที่กลัวผิวเสียควรทาครีมกันแดดด้วยจะดี.....

ประมาณเที่ยงวัน เราก็มาถึง ช่วงที่เรียกว่า วัง และมีที่สวิงเชือก โดดน้ำหลายที่ คือ ชาวบ้านเขาจะทำเป็นหิ้งไว้ที่สูงประมาณ 10 เมตร จากพื้นน้ำ ส่วนมากจะเป็นบนต้นไม้ ทำทางขึ้นไป แล้วห้อย โหนลงมา กะว่าถึงตรงน้ำลึกแล้วก็ปล่อยมือ แต่ถ้าใครเซียนมากๆ ก็จะเล่นท่าพิศดาลด้วย ก่อนปล่อยตัวลงในน้ำ....











ใจไม่ถึง ก็ถอยไป




กองเชียร์





เราแวะพักทานมื้อเที่ยงกันที่นี่ ด้วยเมนู ปลาเผา ส้มตำ พร้อมเบียร์ลาว ซึ่งจะมีร้านอาหารคอยให้บริการนักท่องเที่ยว.... ซึ่งที่ตรงนี้เอง ก็จะมีทางเดินขึ้นไปภูเขา เพื่อชมถ้ำด้วย ....ขณะเดียวกัน ก็จะเปิดเพลงฝรั่ง จังหวะเร้าร้อน เพื่อให้เข้าบรรยากาศกับเบียร์ลาว หนุ่มน้อยชาวลาวบอกเราว่า เทค.... ฝรั่งผู้หญิงจะใส่ชุด ทูพีซ (Two Pieces) เดินเล่นกันแถวนั้น ซักพักก็เชียร์กันขึ้นไปโดด และบางคนก็ออกท่าเต้นกันอย่างสนุกสนาน

ราคาอาหารที่นี่ค่อนข้างแพง เพราะเขาตั้งใจขายให้นักท่องเที่ยว แต่ก็เห็นชาวลาวเขานั่งกินอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าได้ราคาเดียวกะเราหรือเปล่า ? หลังจากอิ่มกันดีแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ใกล้เมืองแล้ว เห็นกำลังก่อสร้างที่พักกันหลายที่ บางที่ก็กำลังตกแต่ง บางที่ก็เพิ่งเริ่ม นี่ถ้าวันหน้าเรามาที่วังเวียงอีก ธรรมชาติเหล่านี้จะยังหลงเหลืออยู่อีกไหมนะ ??? หรือที่นี่จะเป็นเหมือนที่อื่นๆ นายทุนเข้ามาหาผลประโยชน์ แล้วจากไป ถ้าเป็นเช่นนั้น “กุ้ยหลิน แห่งลาว” คงหมดเสน่ห์ เป็นแน่แท้....





กองทัพห่วงยาง




ร้อนมากเล่นน้ำดีกว่า





ขณะที่เรือคะยัคเราผ่านกลุ่ม ฝรั่งที่ล่องห่วงยางมา เขาก็โบกมือทักทายเราพร้อมคำว่า “สวัสดีครับ” “สวัสดีค่า” หรือบางคนก็ทักเราเป็นภาษาลาว “ซำบายดี” บรรยากาศเป็นมิตรแบบสุดๆ อ้ายสมพอน ผ่านฝรั่งสาวคนหนึ่ง เธอพยามยื้อเรือสมพอนไว้ เป็นทำนองว่า “หนูล้อเล่นนะ” แต่ก็เพียงพอที่อ้ายสมพอนเก็บไปเล่าให้เราฟังตลอดทั้งทริป บางช่วงเราเจอเด็กชายชาววังเวียงพร้อมฉมวก มาไล่แทงปลาในน้ำซอง และผู้หญิงที่มาเก็บ “ไค” (เป็นสาหร่ายน้ำจืด คนภาคอีสานเรียกว่า เทา เอาไปปรุงเป็นอาหารได้) เราก็เอาเรือเข้าไปใกล้ๆ เพื่อทักทาย ว่าได้เยอะไหม? เห็นฝรั่งบางกลุ่มจอดเรือทิ้งไว้ แล้วเดินป่าต่อก้อมีกันหลายกลุ่ม...

ประมาณบ่ายสามโมง เราก็มาถึงเมืองวังเวียง บริเวณซุ้มที่นักท่องเที่ยวมานั่งทานอาหารกัน ซึ่งก่อนหน้านั้น ประมาณ 500เมตร เราแอบเรือไว้ แล้วเล่นน้ำกัน ตอนแรกคิดว่าน้ำไหลไม่แรง แต่พอลงไปเล่นจริงๆ แทบต้านกระแสน้ำไม่อยู่แน่ะ เราส่งมอบเรือคืนไปพร้อมกับหนุ่มน้อย คนนำทางแล้วลงเล่นน้ำกันต่อ เพราะไหนๆ ก็เปียกกันแล้ว ส่วนมากนักท่องเที่ยวที่มานั่งจิบเบียร์ อ่านหนังสือที่ริมน้ำซอง จะเป็นชาวตะวันตก เอเชียก็มี เช่นญี่ปุ่นและเรานี่แหละ.






สะพานไม้




บ่ายๆที่น้ำซอง




เล่นน้ำตอนเย็น





กลับถึงที่พัก เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ แอบเอนหลังเพราะเมื่อย แต่เล่นเอาหลับไปชั่วโมงกว่า ส่วนอีกสองคนทั้งอ้ายสมพอนและน้องที่ลาวเทลแอบไปซดเบียร์ลาวดูสาวๆเสียแล้ว เขาคงคิดว่าฝีพายไร้อันดับอย่างผมคงเพลียมากเลยปล่อยไว้มั๊ง.... ไม่ได้เราต้องอย่ายอมแพ้ ว่าแล้วก็พาตัวเองออกไปสมทบที่ริมซอง...

มื้อเย็นเราเลือกเอาร้าน “อาเฮีย” ที่ทำอาหารไทยได้ใกล้เคียงที่สุด ร้านนี้ตั้งอยู่บนถนนสายหลัก ทางที่จะออกไปถ้ำจัง ตรงข้ามศูนย์วัฒนธรรมวังเวียง ซึ่งจะมองเห็นเสาโทรคมนาคมของลาวเทลตั้งตระหง่านอยู่..... คุณป้าเจ้าของร้านบอกว่า แกย้ายมาจากอำเภอบ้านแท่น จังหวัด ชัยภูมิ เมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว มาค้าขายเกี่ยวกับไม้ที่แถบนี้ แต่เดี๋ยวนี้เลิกแล้ว แกและลูกๆยังไปมาหาสู่กับญาติทางไทยอยู่เสมอ ...... หลังทานอาหารเสร็จ ลูกชายป้าเอากล้วยมาให้เราทานหวีหนึ่ง บอกว่า “ลองกล้วยวังเวียงดู” เขาให้ทานฟรีๆ คล้ายๆจะเป็นประเพณียังงั้นหละ ราคาอาหารก็ไม่แพงนัก ถ้าเทียบกับที่อื่นๆ แถมสะอาดดีด้วย เห็นฝรั่งก็เข้ามาสั่งข้าวผัดที่ร้านนี้หลายคน ตอนเราไป









วังเวียงตอนเย็น





เราออกเดินชมบรรยากาศของเมืองวังเวียง ในตอนค่ำคืนดูบ้าง ว่ามีอะไรบ้าง ส่วนมากก็เป็นบาร์เบียร์ ร้านนวด (น่าจะแผนโบราณนะ) อินเตอร์เน็ท เคเบิ้ลทีวี และร้านขายอาหารจานเดียวแบบตะวันตก และที่วังเวียงนี่ขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่ง คือ “แพนเค๊กกล้วยหอม” ราคาชิ้นละ 40 บาท อร่อยครับ ....... ดึกพอสมควร เราก็พาตัวเองกลับ Riverside Bungalow เพื่อเตรียมแรงไปปีนถ้ำจังต่อในวันพรุ่งนี้ แต่สองหนุ่มยังไปปาร์ตี้ รอบกองไฟต่อที่ริมน้ำซอง....






25 มีนาคม 2550
ผาฮ่อม....ผาตั้ง....ถ้าจัง....ตลาดท่าเรือ.....เขื่อนน้ำงึม....ตลาด แลง ....เวียงจันทน์...หนองคาย.


เราออกจากที่พักกันตั้งแต่เช้า เพื่อไปชมธรรมชาติที่ผาฮ่อม และ ผาตั้ง ซึ่งอยู่ห่างจาก วังเวียงไปทางเหนือประมาณ 30 กม. ตามเส้นทางหมายเลข 13 ที่จะไปหลวงพระบาง เราขับกันเพลินเพราะน้องเขาลืมสถานที่แล้วว่าตรงไหนกันที่เรียกว่า ผาฮ่อม เพราะลักษณะภูเขาหินปูน ดูแล้วมันใกล้เคียงกัน จนกระทั่งเราขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ที่ป้ายข้างทางเขียนว่า กาสี อีก 25 กม. ก้อเจอทหารบ้านนั่งเอาปืนอาก้าพาดตักอยู่ริมถนน ท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ อ้ายสมพอนแวะเข้าไปถามว่า “ผาฮ่อม อยู่ใส?” ก็ได้รับคำตอบว่า “กลายมาแล้ว” เราเลยรีบขับย้อนกลับทางเดิมอย่างเร็ว ไม่ใช่อะไรหรอก หนีไกลๆอาก้าดีกว่า.






ผาฮ่อม




แม่ค้าขายปู




น้ำจากภูเขา





ห่างวังเวียงไปทางเหนือ 30 กม. จะเป็นภูเขาหินปูนตั้งตระหง่าน คล้ายตึกสูง ตั้งบังเส้นทางที่เราจะต้องผ่านไปเมือง กาสี แต่เมื่อเข้ามาระยะใกล้ ก็จะเป็นเส้นทางแคบๆ ให้สร้างถนนผ่านได้ ลักษณะเช่นนี้ บ้านเราจะเรียกกันว่า ปากช่อง ที่ตรงนี้เป็นทางขึ้นเขา รถบรรทุก เมื่อปีนขึ้นมาได้ ก็จะพักรถกันที่นี่ก่อน นานเข้าก็มีคนเอาสินค้า พวกของป่ามาขาย เช่นน้ำมันเลียงผา เขาสัตว์ ปูหิน (อาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำบนภูเขา) และพวกสัตว์ป่าสดๆ เราถึงที่นั่นเช้าไปหน่อย เลยเจอเฉพาะปูหิน และพวกเขาสัตว์ เลยซื้อปูฝากน้องเขา 2-3 กก.






ผาตั้ง








ริมทาง






เราขับย้อยเข้ามาทางวังเวียง(ก้อทางที่เราผ่านมาตอนเช้านั่นแหละ) ก็จะเจอหมู่บ้านผาตั้ง ซึ่งดูแล้วค่อนข้างเจริญ มีสถานีอนามัยด้วย มีแม่น้ำไหลผ่านกลางหมู่บ้าน และจะมองเห็นเขาหินปูนตั้งอยู่เดี่ยวๆ กลางทุ่งนา ซึ่งก็คือ ผาตั้ง ที่นักท่องเที่ยวชอบกล่าวถึง เมื่อมาที่นี่ ถ่ายภาพกันพอประมาณก็เดินทาง กลับเข้าวังเวียง ระหว่างทาง เจอคนขายแตงโม เราเลยซื้อหนึ่งลูก 5000 กีบ

ผ่านตัวเมืองวังเวียง และเลยลงไปทางใต้ประมาณ 1 กม. ก็จะถึงวังเวียงรีสอร์ท ซื้อบัตร 5000 กีบ เพื่อนำรถเข้าไปจอด เพราะไม่สามารถนำรถข้ามน้ำซองไปฝั่งโน้นได้ คนต้องเดินข้ามสะพานแขวนสีส้ม (ไม่รู้ทำไม เขาเลือกทาสีส้ม?) เพื่อไปปีบันได 147 ขั้นเข้าไปชมถ้ำ ซึ่งต้องจ่ายค่าเข้าชม 10,000 กีบ.











สะพานแขวน




ทางขึ้น




ประตูเข้าถ้ำ




ภายในถ้ำ




น้ำลอดออกจากใต้ถ้ำ




วังเวียง มุมสูงจากถ้ำจัง





ถ้ำจัง เป็นถ้ำหินปูนคล้ายๆที่เชียงดาว มีหินย้อย ซึ่งชาวลาวตั้งชื่อให้ต่างๆ ตามตำนาน เป็นถ้ำที่ลึกมาก เขาติดไฟฟ้าส่องทางให้เดิน อีกด้านที่เขาเรียกว่าหน้าต่างถ้ำ จะมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ คนที่มาเที่ยวก็จะแวะมาไหว้ ผู้รู้บอกว่า เมื่อก่อนมีพระธุดงค์ท่านมาพักที่ตรงนี้ นอกหน้าต่างถ้ำเป็นที่ชมวิวมุมสูง มองเห็นเมืองวังเวียง ที่อยู่ภายในหุบเขา ขนาบด้วยลำน้ำซองจากเหนือลงมาใต้ และผ่านมาใกล้ๆถ้ำจังนี้ ใต้ถ้ำจะมีธารน้ำไหลลอดผ่านออกไปเขากั้นไว้กันคนตก….. เราออกจากถ้ำก็แวะไปดูน้ำลอด ที่ใสแจ๋วเป็นสีน้ำเงินคราม มีฝรั่งพยามพากันว่ายเข้าไปดูด้านในด้วย.

เที่ยงเศษๆ เราออกจากร้านอาเฮีย (ที่เราแวะมาทานมื้อเที่ยงกับแกอีก เล่นเอาเจ้าของร้านงงไปเลย) เพื่อเดินทางต่อไปเขื่อนน้ำงึม ระหว่างทางก็แวะซื้อพวกปลาจากตลาดท่าเรือกัน ซึ่งตลาดท่าเรือนี้ก็เหมือนกันกับแถวๆบ้านเรา และเดินทางต่อไปที่โพนฮง






ตลาดท่าเรือ






พอถึงโพนฮง จะมีทางแยกออกไปทางทิศตะวันออก (หรือซ้ายมือ ถ้ามาจากวังเวียง) และบอกว่าไปท่าลาด เราวิ่งผ่านหมู่บ้านหลายแห่ง ซึ่งแถบนี้มีหมู่บ้าเยอะขึ้น พอผ่านหมู่บ้านใหญ่บ้านหนึ่ง (น่าจะชื่อประมาณว่า โพนฮง เหมือนกัน?) อ้ายสมพอนบอกเราว่า บ้านนี้จะมีบุญบั้งไฟแสน เป็นประจำ ฟังอ้ายสมพอนเล่าก็คล้ายๆประเพณีบุญบั้งไฟแถวภาคอีสาน เช่นการหมักเหล้าสาโท ที่ทำจากข้าวเหนียว เวลาบั้งไฟไม่ขึ้นก็จับเจ้าของโยนใส่ปลักโคลน เป็นต้น ส่วนว่าวัตถุประสงค์ในการจุดบั้งไฟ ก็เพื่อบูชาพระญาแถนเหมือนกัน

พอถึงบ้านท่าลาด เราก็เลี้ยวไปทางใต้เขื่อน และขึ้นเขาเพื่อไปที่หน้าเขื่อนน้ำงึม เราถึงร้านอาหารน้ำงึมก็เจอนักท่องเที่ยวจากไทยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งนั่งทานอาหารกันอยู่ก่อนแล้ว ส่วนรูปแบบร้านอาหารที่นี่ก็เหมือนที่เมืองไทยทุกอย่าง ร้านตั้งอยู่ริมเขื่อน บนไหล่เขาสามารถมองออกไปในบริเวณทะเลสาบได้กว้างไกล มีเกาะแก่งต่างๆมากมาย จนมีธุรกิจ พานักท่องเที่ยว ล่องเรือ ออกไปพักผ่อน หรือค้างแรมที่เกาะต่างๆ เช่นเดียวกับ เขื่อนภูมิพล ของไทย สำหรับรสชาติอาหารก็ใช้ได้ แม้ราคาจะแพงไปนิดหนึ่ง ที่ร้านนี้ VIP จากไทยก็มาทานกันหลายคน พระเทพฯ ก็เคยเสด็จ คนอื่นอย่าง ท่านทักษิณ อดีตนายกฯ ก็เคยมาที่ร้านนี้ เราสามารถเลือกนั่งได้ทั้งบนแพ และที่ตัวอาคารนี้ แล้วแต่ชอบ แต่เราเอาสะดวกคือใกล้คนเสริฟนี่แหละ เผื่ออาหารได้เร็วกว่า... ข้างๆร้านอาหาร ก็จะมีพวกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับปลาขายด้วย











ร้านอาหารน้ำงึม




ในเรือนแพ




ในทะเลสาบ






ออกจากเขื่อนน้ำงึม ก็แวะถ่ายภาพกันที่ใต้เขื่อน และเปลี่ยนเส้นทางไปทาง แดนสวรรค์รีสอร์ท สวรรค์ของนักการพนัน ผ่านทุ่งนาแซง ไปจนถึงบ้านท่าตอนซึ่งมีสะพานข้ามน้ำงึมอีกครั้ง เพราะน้ำงึมจะไหลไปลงแม่โขงทางตะวันออกของเวียงจันทน์ ส่วนเราต้องข้ามสะพานนี้ไปเวียงจันทน์ ...... ที่ท่าตอนจะมีร้านอาหารเรือนแพ อยู่ในน้ำงึม น้องเขาบอกว่ากุ้งเต้นที่นี่อร่อย.





ใต้เขื่อน




ป้ายตรงทางแยกขึ้นสันเขื่อน






เหลือระยะทางอีก ไม่มากนัก จะถึงเวียงจันทน์ เราจอดแวะตลาดแลง ที่มีของป่าสารพัดขายที่นี่ ไล่ตั้งแต่แมลงทั้งหลาย ไปถึงสัตว์ใหญ่ และสัตว์สงวน ก็มีขาย เขาห้ามไม่ให้เราถ่ายภาพสัตว์พวกนั้น... สภาพตลาดเหมือนตลาดสดทั่วไปในบ้านเรา ผิดกันแต่ของที่เอามาขาย ที่นี่จะเน้นไปทางของพื้นบ้าน และของป่าที่ชาวบ้านหามาได้







เรือนแพที่ท่าง่อน




สะพานข้านน้ำงึม





มาถึงเวียงจันทน์หกโมงเศษ เลยตรงไปที่ด่าน ตม. เตรียมตัวข้ามแดน เพราะเราจะข้ามแดนที่นี่ได้ไม่เกิน 22.00 น อำลาอ้ายสมพอน และน้องที่ลาวเทล ก็ไปเดินหาซื้อของที่ร้าน ดาวเฮือง ก่อนจะกลับหนองคาย.






ตลาดแลง




ก่อนจาก

วังเวียงแม้เป็นเมืองเล็กๆ สวรรค์ของ Backpacker แต่ก็สงบเงียบ มีเสน่ห์ ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ที่หลากหลาย เขาบอกว่า ปาย-ที่ แม่ฮ่องสอน วังเวียง – ที่ลาว และ ซาปา-ที่ เวียตนาม มีเสน่ห์คล้ายๆกัน แต่ไม่เหมือน ถ้ามีโอกาสน่าจะลองไปดูนะครับ



สรุปการเดินทาง

-วันแรก หนองคาย.... เวียงจันทน์.... วังเวียง.... พักที่วังเวียง
-วันที่สอง วังเวียง..... ล่องเรือคะยัค.....พักผ่อนริมซอง..... พักที่วังเวียง
-วันที่สาม วังเวียง..... ผาฮ่อม....ผาตั้ง....ถ้ำจัง.....ตลาดท่าเรือ.....เขื่อนน้ำงึม.....เวียงจันทน์....หนองคาย.




จบทริปแล้วครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน


.......................







Create Date : 17 พฤษภาคม 2551
Last Update : 12 สิงหาคม 2555 14:23:33 น. 13 comments
Counter : 6786 Pageviews.

 
สวยมากค่ะ


โดย: thaigirl21 วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:00:14 น.  

 
ขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาชม


โดย: wicsir วันที่: 20 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:25:07 น.  

 
สวยมากนะค่ะ อยากไหมานานแล้ว ไม่มีโอกาศซักที


โดย: ying ying IP: 58.147.64.162 วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:41:39 น.  

 
คุณ ying ying ใช้งบไม่เยอะครับ ถ้าไปแค่วังเวียง ที่พักก็ไม่แพงครับ นั่งรถโดยสารจากเวียงจันทน์ไปก็ได้ครับ..


โดย: wicsir วันที่: 22 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:01:29 น.  

 
It ver beautiful

i would to visit once


โดย: kid IP: 58.137.154.50 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:15:24 น.  

 
Khun Kid.... It's a nice place to rest and relax.. take sometime to visit..Cheer!


โดย: wicsir วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:48:59 น.  

 
สวยมากครับ พี่อ็อด ทำได้ดีมากๆ โอกาสหน้ามาอีกนะครับ


โดย: สถิต IP: 202.137.150.5 วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:48:18 น.  

 
ขอบคุณมาก คุณสถิตย์ที่เข้ามาเยี่ยม.... โอกาสหน้าจะไปซำเหนือ และ update ปากเซครับ.... กำลังเรียบเรียง ปากเซ(ของเก่า)อยู่ครับ น่าจะ upload ได้เร็วๆนี้ครับ..อย่าลืมไปอ่านเรื่องหลวงพระบางนะครับ..


โดย: wicsir วันที่: 29 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:25:11 น.  

 
สวัสดีค่ะ ตามอ่านถึงนี่แล้ว ขออำไพ มาเจอ "เทา" พอดี บ้านสีหวานจริงๆเลย ยังไม่เจอสีฟ้า จะไปตามหาละน้า
เบิ่งทัน เบิ่งได้เบิ่ด ขอบคุณหลาย


โดย: นีลา IP: 202.91.19.206 วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:20:07:21 น.  

 
ตามมาอ่านต่อจากเรื่องลาวใต้ครับ ท่าตอนที่คุณว่า น่าจะเป็นท่าง่อน มีร้านอาหารเรือนแพ อยู่ห่างจากนครเวียงจันทน์ไปประมาณ 30 กิโลเมตรนะครับ


โดย: Innocent IP: 96.255.16.241 วันที่: 9 มกราคม 2552 เวลา:7:02:22 น.  

 
สุดแสน ประทับใจ
บริการที่สุดยอด น้องๆ ที่บริการได้รับการอบรมจากสถาบันใดหนอน่าจะไปเรียนรู้ด้วยจริงๆ
หากใครยังไม่เคยไป จะหาว่าคุย
ขาลุย ขาดื่ม รับรอง จ่าย ไม่บ่น กับ การบริการที่ประทับใจ
ทิป แย่งกันจ่าย ไม่มี ขอดริ๊งค์ มีแต่ ชวนน้องร่วมวงดื่มซึ่งน้งๆ ก็ไม่ขัดข้อง แถม ตำจอก ที หมดจอก ๆ แบบนี้ หน่ม ไทย ยอมได้ซะเมื่อไหร่ แบบนี้ ต้อง หามกลับซีครับท่าน


โดย: ชาติ IP: 117.47.11.118 วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:9:33:17 น.  

 
อิจฉาตาร้อน กำลังคิดจะไปคราวหน้า


โดย: marzo วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:55:53 น.  

 
ได้บรรยากาศมากครับพี่อ๊อด ทุกที่ที่พี่ไปเที่ยวมาผมก็ยังไม่เคยได้เดินทางไปสัมผัสบรรยากาศ คงไว้แค่ความตั้งใจว่าอยากไปเที่ยวสักครั้ง
ได้คนนำทางพี่สถิตย์พาเที่ยวเหมือนเจ้าของพื้นที่เลย ไว้มีโอกาสจะไปเยี่ยมนะครับพี่


โดย: angkarn IP: 36.37.237.210 วันที่: 23 มกราคม 2555 เวลา:13:15:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2551
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.