"ทำบุญ" เป็นโจทย์ ตะพาบ กิโลเมตร ที่ 198 ซึ่งเป็นโจทย์ที่เจ้าของบล็อก เป็นผู้ตั้งโจทย์ ค่ะ
คำว่า "ทำบุญ " เป็นคำที่ เราได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ในทุกศาสนา ก็มีการทำบุญกันทั้งนั้น แล้วแต่วิธีการของแต่ละศาสนา ในบล็อกนี้ ฉันจะเขียนถึงเรื่องการทำบุญ ในศาสนาพุทธที่เป็นศาสนาที่ฉันนับถือ
ตามความเห็นของฉัน การทำบุญ คือ การทำความดีตามหลักคำสอนในแต่ละศาสนา โดยมีความเชื่อว่า การทำบุญอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้คนที่ทำบุญนั้น มีชีวิตที่มีความสงบสุข พบเจอแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตถึงแม้ว่า บางครั้ง จะเจออุปสรรค ปัญหาต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต ก็จะสามารถผ่านปัญหา อุปสรรค นั้น ๆไปได้
การทำบุญ มักจะใช้ควบคู่กับคำว่า ทำทาน ใช้รวมกันว่า"ทำบุญทำทาน"คือ หลังจากเราทำบุญแล้ว เช่น ใส่บาตร เลี้ยงพระเสร็จแล้ว เราก็มักมีการจัดเลี้ยงอาหารแก่คนมาร่วมงาน หรือการเทศน์มหาชาติ เราก็มีการตั้งโรงทานด้วย เป็นต้น
การทำบุญ ตามความเห็นของฉัน ฉันจำแนกใหญ่ ๆ ออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ค่ะ คือ
1. การทำบุญตามวันสำคัญต่าง ๆ ในศาสนา คือ วันสำคัญทางศาสนา เช่น วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าและออกพรรษา เป็นต้น วันสำคัญเหล่านี้ ชาวพุทธ จะไปที่วัดทำบุญ ด้วยภัตตาหาร ด้วยการฟังเทศน์ ฟังธรรม
วันมาฆบูชา ถือเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา เราจะไปทำบุญที่วัด ฟังเทศน์ เพื่อน้อมนำคำสั่งสอนมาประพฤติปฏิบัติตาม
วันวิสาขบูชา ก็เช่นเดียวกัน เป็นวันสำคัญทางศาสนาพุทธ ชาวพุทธ
ก็จะไปวัดทำบุญ ตักบาตร เช่นเดียวกับวัน มาฆบูชา
ตอนเย็นก็มีการไปเวียนเทียน
วันอาสาฬหบูชา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาของชาวพุทธเรา เป็นวัน
ที่มีพระพุทธพระธรรม พระสงฆ์ครบ
เป็นวันแรก ที่เราเรียกว่า มีพระรัตนตรัย ค่ะ รุ่งขึ้นอีกวัน ก็จะเป็น
วันเข้าพรรษา ค่ะ
วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่งของพุทธศาสนา พระสงฆ์จะ
จำวัดอยู่ที่วัดเป็นเวลา 3 เดือน ในวันสำคัญนี้
ประชาชนจะร่วมกันตกแต่งเทียนพรรษา ให้สวยงาน และนำไปทำบุญ
ถวายวัด เพื่อบูชาพระพุทธองค์และพระสงฆ์ได้ใช้ในช่วงเข้าพรรษา
พิธีแห่เทียนพรรษา ค่ะ
นอกจากเราจะมีการทำบุญ ทำทาน เนื่องในวันสำคัญทางศาสนาแล้ว
ในวันสำคัญอื่น ๆ ที่ จัดเป็นการทำบุญประเภทที่ 2
2. การทำบุญตามโอกาสต่าง ๆ เช่น วันขึ้นปีใหม่สากล วันสงกรานต์ (ตรุษไทย) เราก็มีการทำบุญ ตักบาตร
ทำบุญด้วยการ ปล่อยนก ปล่อยปลา เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง การ
ทำบุญบ้าน หรือ การทำบุญขึ้นบ้านใหม่
เพื่อให้บ้านใหม่ของเรา เป็นที่อยู่ของเรา ให้อยู่เย็นเป็นสุข
การทำบุญ ทำสังฆทาน ตักบาตร ในวันคล้ายวันเกิด หรือ ทำบุญ
เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาของสถานที่ ต่าง ๆ
เช่น โรงเรียน บริษัท ก็จะมีการนิมนต์พระมาสวดมนตร์ มาฉันเพล
เพื่อให้หน่วยงานนั้น ๆ มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป
นอกจากนี้ ในแต่ละปี ชาวพุทธ ยังมีการจัดงาน การทอดผ้าป่า
ทอดกฐิน (หลังวันออกพรรษา ไม่เกิน 1 เดือน)
ส่วนงานผ้าป่านั้น เราสามารถทอดผ้าป่าได้ตลอดทั้งปี ซึ่งส่วนใหญ่
ก็มัก มีจุดประสงค์ในการจัดงานอยู่แล้ว
เช่น เพื่อนำเงินที่ทอดกฐินนั้นไป สร้างหรือซ่อมแซมโบสถ์ สร้างศาลา
หรือ เป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนที่ยากจน เป็นต้น
การทอดผ้าป่า ซึ่งทอดได้ตลอดปี ก็มีจุดประสงค์คล้าย ๆ กัน นอกจาก
เพื่อเป็นการทำบุญ สร้างกุศลแก่ตนเองแล้ว
ยังมีจุดประสงค์ เพื่อไปทำประโยชน์ทางด้านต่าง ๆ ตามเป้าหมายที่
ตั้งไว้ เช่น นำไปเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ยากจน
การทำบุญตักบาตรเนื่องในวันสงกรานต์แล้ว เรายังมีประเพณี รดน้ำ
ดำหัว พ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ และบุคคลที่เราเคารพ
เป็นการแสดงถึงความกตัญญุตาต่อผู้มีพระคุณ ถือเป็นสิ่งดีงาม เป็นบุญ
เป็นสิริมงคลของเราด้วย ค่ะ
การทำบุญตักบาตรในวันสำคัญต่าง ๆ ของ ชาวพุทธ
การทอดผ้าป่าของสมาคมนักเรียนเก่า มัธยมวัดธาตุทองธาตุทอง
เพื่อเป็นทุนการศึกษาส่วนหนึ่งให้แก่นักเรียนที่ยากจนด้วย
การจัดอาหาร เลี้ยงพระ เลี้ยงเณรที่บวช ในภาคฤดูร้อน ก็ถือเป็นการ
ทำบุญอย่างหนึ่งในศาสนาพุทธของเรา ถือว่าเป็นการสืบสานศาสนา
ให้ยืนยงคงอยู่ตลอดไปด้วย ประการหนึ่ง
การจัดงานการเทศน์มหาชาติ เชื่อว่า เป็นบุญใหญ่ อีกงานหนึ่ง และถือ
ว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเสียสละของ พระเวสสันดร ที่ได้สละ
ความสุขส่วนพระองค์เพื่อแสวงหาพระโพธิญาณ มาช่วยให้มวลมนุษย์
ให้หลุดพ้นจากวัฎสงสาร ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด อีก
3. การทำบุญในชีวิตประจำวันของชาวพุทธ ที่เรามักเห็นเป็นประจำ
ก็คือ การตักบาตร การตักบาตรพระ ถือว่า เป็นส่วนหนึ่ง
ของการดำรงศาสนาพุทธให้คงอยู่ตลอดไป พระสงฆ์มีกิจต้องทำ
พิธีการ ต่าง ๆ ให้กับชาวพุทธ
เราจึงต้องตักบาตรเพื่อให้ท่านสืบสาน ศาสนา และประกอบกิจต่าง ๆ
ของชาวพุทธ ฉันจึงถือว่า การตักบาตร เป็นกิจที่ชาวพุทธ
ควรทำ ไม่ใช่ทำเพื่อคิดว่า ตายไปแล้ว ฉันจะได้มีกิน (ตามความเชื่อ
โดยทั่วไปของคนตักบาตร ใส่บาตร)
อย่างนั้น ฉันว่า ไม่ได้บุญอย่างแน่นอน ค่ะ
นอกจากการตักบาตร ใส่บาตรแล้ว การช่วยเหลือ ผู้ตกทุกข์ได้ยาก
ช่วยเหลือโดยการบริจาคเงินในงานต่าง ๆ
เช่น บริจาคเงินให้โรงพยาบาล การบริจาคทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน
ที่ยากจน หรือบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือเด็กกำพร้า
เด็กพิการ คนชรา ที่ลูกหลานทอดทิ้ง แม้แต่การบริจาคเงินช่วยเหลือ
สัตว์ต่าง ๆ ที่พิการหรือถูกทอดทิ้ง
ฉันว่า ล้วนแต่เป็นการ "ทำบุญ" ทั้งสิ้น ค่ะ เพราะว่า ทำไปแล้ว เป็น
ส่วนหนึ่งที่จะไปทำให้คนที่ได้รับบริจาคนั้น
บรรเทาความทุกข์ที่มีอยู่นั้นได้บ้าง ถึงทุกข์นั้นจะไม่หมดไปทีเดียว
แต่ฉันว่าก็ได้บรรเทาความทุกข์ที่มีอยู่ให้น้อยลงได้บ้าง
และคนที่ได้ทำบุญ นั้น เราจะสังเกตใจตัวเองได้อย่างแน่นอนว่า การ
กระทำของเรานั้น ใจเราจะอิ่มสุขได้
นี่แหละที่เราเรียกว่า "บุญ" อย่างแท้เจริงแน่แท้ และตรงกับความหมาย
ของคำว่า "ทำบุญ" กล่าวคือ
"การทำดีตามหลักคำสอนในศาสนา เชื่อว่า การทำบุญอย่างสม่ำเสมอ
จะทำให้ชีวิตมีความสงบสุข พบเจอแต่สิ่งดี ๆ " นั่นเอง
ฉันหวังว่า งานเขียนชิ้นนี้ คงจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่เข้ามาอ่านและ
นำไปปฏิบัติได้บ้าง แต่อย่าลืมค่ะว่า
การ "ทำบุญ" ต้องทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่ทำเพื่อการเอาหน้า
และต้องทำตามกำลังความสามารถของตน
ทำบุญไปแล้ว ตัวเองไม่เดือดร้อน การทำบุญนั้น จะได้บุญมากหรือน้อย
ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่จำนวนเงินที่ทำ นะคะ
มันอยู่ที่ความตั้งใจ ความบริสุทธิ์ใจ ของเรา ค่ะ
(ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต ค่ะ)
และให้ความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งค่ะ
อาจารย์มีกิจกรรมทำบุญเป็นประจำหลายอย่างหลายแห่ง
ขอร่วมอนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ