sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ ๘ ด้วยรักและปรารถนา




ธงไชยพยายามทำทุกอย่างให้หญิงสาวเชื่อใจ ชายหนุ่มหันไปสั่งลูกน้องสองในสี่ให้ปล่อยคนของเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ดวงตากลับมองคนที่รับคำสั่งด้วยประกายบางอย่าง

รสิตาเริ่มมีท่าทีอ่อนลงจนเห็นได้ชัดเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทางว่าจะคุกคามหรือคิดไม่ซื่อ

“เพื่อความสบายใจของคุณเราจะเจรจากันแค่สองคน”

ธงไชยบอกพร้อมกับพยักหน้าเชิงไล่ชายหนุ่มอีกสองคนให้ออกไปด้านนอก

พออีกฝ่ายยื่นข้อเสนอเพื่อแสดงความเป็นมิตร หญิงสาวจึงพยักหน้าน้อยๆ เดินเข้าไปใกล้และลดอาวุธในมือลงเมื่อเห็นชายอีกสองคนเดินเลี่ยงออกไปอย่างว่าง่าย

“แก้ว...ตามพวกนั้นไป”

“คุณลิลลี่ระวัง!...”

จังหวะหนึ่งขณะรสิตากำลังหันไปสั่งคนรับใช้ ธงไชยที่รอโอกาสก้าวพรวดเดียวถึงตัวเธอ ชายหนุ่มสอดมือข้างหนึ่งล็อกคอของหญิงสาวไว้แน่นจนร่างเปรียวระหงแอ่นขึ้นและใช้อีกมือปัดปืนจนร่วงลงบนพื้น ก่อนจะล็อกแขนเธอไว้ด้านหลังด้วยมืออีกข้าง

แม่บ้านร่างท้วมถึงกับหน้าซีดปากสั่นเมื่อเห็นความหวังเดียวที่เข้ามากู้วิกฤติกำลังหมดสิ้นอิสรภาพ รสิตาพยายามดิ้นรนแต่เพราะร่างกายของอีกฝ่ายใหญ่โตกว่าอีกทั้งเธอถูกล็อกจากด้านหลังจึงทำให้ขยับตัวได้ไม่มาก

“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า!...”

รสิตาแผดเสียงทั้งดิ้นทั้งถีบแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้านกับท่าทางเอาเรื่องของเธอ

“ไอ้เต้ยเอายามา”

ธงไชยตะโกนสั่งลูกน้องเพราะเริ่มต้านไม่อยู่ สิ้นเสียงสั่งไม่กี่อึดใจผ้าสีขาวก็โปะลงบนจมูกโด่งเชิดทันที ดวงตากลมโตเบิกขึ้นเมื่อได้กลิ่นฉุนแปลกๆ รสิตาพยายามดิ้นแล้วส่ายหน้าไปมาแต่ดูเหมือนเรี่ยวแรงของเธอกำลังลดลงทุกที

หลังจากสูดสารบางอย่างเข้าสู่ร่างกายไม่ถึงสามนาทีหญิงสาวรู้สึกวิงเวียนศีรษะ ร่างกายเริ่มหนักชา...ดวงตาค่อยๆ พร่าเลือน...รสิตามองใบหน้าสิ้นหวังของคนรับใช้ด้วยสติที่ใกล้หลุดลอย...ในที่สุดดวงตาคู่งามที่พยายามเปิดปรือก็หลุบลงแล้วหมดสติไป

“เฮ้อ!...กว่าจะสงบได้...เอาไงต่อพี่ธง”

เต้ยดึงผ้าที่ใช้โปะจมูกของหญิงสาวออกแล้วหันไปถามลูกพี่

“แหลมต่อสายหาคุณทัศน์แล้วขอสายนาย...ส่วนเธอมานี่”

ธงไชยหันไปสั่งพร้อมกับพยักหน้าเรียกแม่บ้าน

“พี่อย่าทำอะไรคุณลิลลี่เลยนะ....”

แก้วยกมือไหว้อย่างลนลานเมื่อเห็นชะตากรรมอันน่าหวาดผวาของนายสาว ดวงตาเล็กรีจ้องความหวังเดียวที่หมดสภาพจนน่าห่วงด้วยความกลัวที่ทวีขึ้นทุกขณะ

“ถ้าไม่อยากให้ทำก็มาดูแลเจ้านายเธอสิ”

ธงไชยบอกพร้อมกับช้อนร่างบางขึ้นอุ้มเดินไปที่โซฟาตัวยาว โดยมีแก้วเดินตามไปติดๆ

“พี่ธงคุณทัศน์บอกว่านายกำลังพักผ่อนพี่มีอะไรคุยได้เลย”

แหลมยื่นโทรศัพท์ให้ลูกพี่แล้วถอยออกไป ธงไชยยื่นมือไปรับโทรศัพท์แล้วกรอกเสียงรายงาน

“คุณทัศน์ผมกำลังมีปัญหา”

เอกทัศน์ผุดลุกจากโซฟาเมื่อได้ยินน้ำเสียงเครียดขรึมจากปลายสาย

“หมายความว่ายังไง?”

“คือ...วันนี้พวกผมเจอลูกสาวของเฮียชัยถล่มด้วยเอ็มสิบหก”

“อะไรนะ!!...ลูกสาวคุณเด่นชัย...หมายความว่ายังไง...แล้วเอ็มสิบหกอะไร? “

เสียงถามที่ดังขึ้นทำเอาคนที่นั่งอ่านแมกกาซีนอยู่เงียบๆ ถึงกับสะดุ้ง เอกทัศน์หันไปมองใบหน้าตื่นๆ ของรติญาก่อนจะเดินเลี่ยงไปริมหน้าต่าง

“เอ่อ...พวกผมถูกลูกสาวเฮียชัยไล่ยิงด้วยเอ็มสิบหกครับ”

“คุณพระช่วย...มีใครเป็นอะไรไหม...แล้วเธอไปเอาอาวุธหนักขนาดนั้นมาจากไหน...ผมสั่งแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามพกอาวุธพวกนั้น”

เอกทัศน์ถามกลับน้ำเสียงกึ่งตำหนิกึ่งกังวล

“พวกเราปลอดภัยดี...ส่วนอาวุธเธอคงไปหยิบมาจากที่ไหนสักแห่ง...เพราะพวกเราชะล่าใจปล่อยเธอขึ้นไปด้านบน...ตอนนี้ผมโปะยาสลบคงอีกหลายชั่วโมงกว่าจะฟื้น...คุณทัศน์จะให้ผมทำยังไงต่อครับ”

รติญามองร่างสูงปราดเปรียวข้างหน้าต่างอย่างสนใจเพราะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยถึงใครคนหนึ่ง...หากคาดไม่ผิดลิลลี่น่าจะกลับถึงบ้านแล้ว...และดูเหมือนการปรากฏตัวของแฝดผู้พี่กำลังสร้างปัญหาให้กับคนของเขา

“เดี๋ยวผมถามคุณอลันก่อนแล้วจะโทรกลับไปบอก...อ้อ...อย่าให้ใครแตะเธอล่ะ”

เอกทัศน์เน้นย้ำคำสั่งสุดท้ายน้ำเสียงเฉียบขาดก่อนจะถอนใจออกมายาวๆ

“มีอะไรเหรอคะ”

รติญาถามขึ้นเมื่อเอกทัศน์เดินตรงเข้ามา

“ธงไชยรายงานว่าพวกเขาเจอไม่พี่สาวก็น้องสาวของคุณที่บ้าน”

“งั้นเหรอคะ...”

หญิงสาวเลิกคิ้วแล้วยิ้มออกมา...เอกทัศน์มองรอยยิ้มหวานละไมของคนตรงหน้าอย่างงุนงง...เพราะตั้งแต่พาเธอมารติญาแทบไม่ยิ้ม...แม้จะสงสัยว่าเธอกำลังยิ้มด้วยเรื่องอะไรแต่รอยยิ้มงดงามนั่นกลับเปลี่ยนความรู้สึกกังขาเป็นอย่างอื่น

“คุณเป็นคนยิ้มสวยมากรู้ตัวบ้างไหม...แต่ถึงจะสวยยังไงขอล่ะ...อย่าเผลอไปยิ้มแบบนนี้กับใครอีก...ผมหวง”

ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้า...วางมือทั้งสองข้างบนโซฟาตัวยาว...โน้มร่างจนใบหน้าห่างเธอไม่ถึงฟุต

รติญามองช่วงแขนยาวที่กักเธอไว้กลายๆ อย่างหวาดหวั่น...หญิงสาวหลบดวงตาเว้าวอนฉ่ำหวานอย่างลนลาน...เพราะเริ่มรู้สึกบิดเกรียวตรงช่องท้อง...จนร่างกายแข็งเกร็งไปหมด

“กลัวหรือ”

เขาถามเสียงทุ้มนุ่มปนอาทร

“ค่ะ...”

เอกทัศน์มองดวงตาสีดำสนิทที่กำลังหวาดหวั่นแล้วยิ้มอย่างล้อเลียน

“เราอยู่ด้วยกันแบบนี้มาจะสามวันแล้ว...ทำไมถึงไม่เลิกกลัวผมสักที”

“เอ่อ...”

รติญามองอีกฝ่ายอย่างลนลานขณะลมหายใจเข้าออกเริ่มขาดเป็นห้วงๆ เมื่อความรู้สึกอึดอัดกำลังก่อมวลอยู่รอบกาย

“ผมสัญญาว่าจะปกป้องคุณด้วยชีวิต...และคงไม่ผิดหากผมจะขอค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ จากคุณ...ผมสาบานว่าจะไม่ข่มเหงคุณด้วยกำลัง...จะไม่ข่มขืนเด็ดขาดหากคุณไม่เต็มใจ...เลิกกลัวผมได้แล้ว”

รอยยิ้มละมุนผุดออกจากมุมปากคนพูด...ขณะใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมที่ระอยู่บนใบหน้าออกแล้วไล้ปลายนิ้วไปตามแก้มเนียนไล่มาเรื่อยจนหยุดที่ปลายคาง...

แค่ปลายนิ้วที่แตะบนผิวหน้าทำเอาคนถูกแตะถึงกับตัวสั่น รติญาช้อนตาขึ้นจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างเผลอไผล เพราะสัมผัสของเขาทำให้รู้สึกอบอุ่น แม้มันจะเป็นเพียงชั่วครู่ก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้อนวาบไปทั้งร่างราวกับถูกนาบด้วยเปลวไฟ...แต่มันก็สร้างความหวามไหวได้ไม่ยาก

หญิงสาวนั่งนิ่งแต่ความรู้สึกภายในกำลังปั่นป่วนราวกับพายุที่โหมพัดอย่างรุนแรง...ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งแต่ความหมายที่กำลังส่งผ่านถึงกันและกันกำลังหลั่งไหลราวห่าฝน

เอกทัศน์ปรือตาลงมองริมฝีปากอิ่มที่เผยอเชิญชวนอย่างไม่ตั้งใจของเธอด้วยความรู้สึกที่เขาก็บอกตัวเองไม่ได้ว่ามันคืออะไร...เขาจะทนได้อีกสักกี่วันที่จะมองผ่านทุกอย่างที่ประกอบขึ้นเป็นเธอ...ความรู้สึกโหยหาความหวานจากกลีบปากงามผสานเข้ากับร่างกายได้รวดเร็วจนเจ้าของเบรกไม่ทัน...

ฝ่ามือแข็งกร้านเพราะมือหยิบจับแต่ด้ามปืนยกขึ้นประคองดวงหน้าหวานละมุนเอาไว้อย่างอ่อนโยน...ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาแล้วแนบริมฝีปากลงบนกลีบปากอิ่มที่เผยอจะห้าม...

พอได้เริ่ม...ความคิดที่แค่จะจูบแปบๆ ก็เปลี่ยนไป...เอกทัศน์แนบริมฝีปากบดคลึงจนใบหน้างดงามแหงนเงยขณะสอดแขนข้างหนึ่งกอดรัดเธอเข้ามาแนบอก...วางหัวเข่าข้างหนึ่งกับโซฟาแล้วกดให้เธอเอนร่างลงนอนก่อนจะเบียดร่างแนบชิดจนรติญาสะดุ้งเมื่อรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของความแข็งแกร่งจากเพศชาย

เธอกำลังสำลักความรู้สึกอันดื่มด่ำที่ไม่รู้ว่ามันหลั่งไหลมาจากไหน...ฝ่ามือบางที่ทาบอยู่บนอกแกร่งค่อยๆ เลื่อนขึ้นโอบกอดรอบคอเขา...และเผลอตอบโต้ทุกการกระทำของอีกฝ่ายไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เสียงครางของชายหนุ่มที่คำรามอยู่ในลำคอเรียกสติที่กำลังล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศของรติญากลับคืนมา...ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ เมื่อจิตสำนึกที่เพิ่งกลับคืนสั่งให้เธอหยุดการตอบโต้โดยพลัน...เพราะหากพลั้งเผลอเธออาจจะเตลิดไปไกลกว่านั้น

“ดะ...เดี๋ยวค่ะ...”

ดวงตาสีนิลเบิกขึ้นอย่างตระหนกเมื่อรับรู้ถึงสภาพของตัวเองที่ดูยินยอมพร้อมใจจนแทบไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง

“ไม่มากกว่านี้สัญญา”

เอกทัศน์ไล้ปลายจมูกไปตามซอกคอหอมกรุ่น...แล้วฝังจมูกสูดดมความหอมนั้นอยู่นาน...นานจนรติญาต้องแอ่นร่างขึ้นด้วยความรัญจวนพร้อมกับโอบรัดเขาไว้แน่นเมื่อริมฝีปากรุมร้อนกำลังซุกไซ้ไปตามลำคอและรุกเธอหนักขึ้นเรื่อยๆ

คำว่าไม่มากไปกว่านี้ของเอกทัศน์กำลังปลุกปั่นความต้องการที่ต่างฝ่ายต่างควบคุมไม่ได้ให้ขาดผึง...และมันยิ่งทำให้ร่างกายของทั้งคู่เตลิดไปไกลมากขึ้น ชายหนุ่มโลมลูบไปตามสีข้างไล่มาจนถึงสะโพกแล้วเลิกกระโปรงเนื้อบางขึ้นทีละนิดๆ จนสัมผัสเนื้อผิวด้านใน


หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกแล้วเฮือกเล่าเพราะรู้สึกเหมือนทั้งเนื้อทั้งตัวกำลังหนักอึ้งราวกับแบกก้อนหินหนักๆ หนักจนร่างกายแทบจะทานทนไม่ไหว...แม้อยากปฏิเสธทุกการกระทำอันแสนรัญจวนนั่น...แต่หัวใจกลับเปิดรับรสสัมผัส...จนไม่นึกรังเกียจบุรุษที่กำลังกอดก่ายและหาความสุขบนร่างกายเลยแม้แต่นิด...

...ไม่...เสียงสุดท้ายตะโกนจากจิตสำนึกที่กำลังถูกไฟราคะแผดเผา...หญิงสาวเบิกตาขึ้นแอ่นร่างแล้วดิ้นรนเมื่อปลายมือซุกซนของชายหนุ่มแตะแต้มไปตามขาอ่อนและกำลังล่วงล้ำเกินกว่านั้น

“...ไม่ค่ะ...ไม่...”

เอกทัศน์หยุดทุกอย่าง...แต่ยังซบหน้าอยู่ตรงซอกคอ...ชายหนุ่มพ่นลมหายใจอัดอั้นออกมากดปลายจมูกกับต้นคออีกชั่วครู่...เหลือบสายตาขึ้นมองใบหน้าแดงก่ำของคนในอ้อมแขน...มองเธออยู่นานแล้วจึงเอ่ยถาม

“ถ้าทุกอย่างสิ้นสุดลงคุณอยากแต่งงานกับผมไหม”

“อะไรนะคะ!...”

รติญาถามย้ำเพราะตกใจกับคำถามที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็โพล่งออกมา

“คุณอยากแต่งงานกับผมไหม?”

แม้คำถามจะฟังดูเรียบๆ แต่ในกระแสเสียงกลับบ่งบอกชัดว่าคนถามจริงจังกับคำตอบมากแค่ไหน

“เอ่อ...”

หญิงสาวอึกอักเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร เธอจ้องดวงตาฉ่ำหวานชวนฝันของชายหนุ่มเขม็ง...แล้วกลืนน้ำลายลงคอ

“รังเกียจผมไหม?”

และคำถามต่อมาก็ทำเอาคนถูกถามหน้าแดงก่ำขึ้นอีกเท่าตัว...รังเกียจเหรอ...ก็ไม่นี่...เสียงเล็กๆ ที่อยู่ในเบื้องลึกตอบกลับไปทันใด...แต่ใครจะกล้าเปิดปากกันเล่า...หญิงสาวเบนสายตาไปทางอื่นเพราะเกรงคนที่กำลังรอคำตอบจะล่วงรู้ความในใจ

“คุณรู้สึกว่าผมกำลังรังแกคุณหรือเปล่า”

เมื่อคำตอบที่ต้องการถูกสกัดด้วยความเงียบ...เอกทัศน์จึงรุกกลับไปด้วยคำถามใหม่

“เอ่อ...ลุกก่อนได้ไหมคะ...”

“ไม่...ตอบมาก่อน”

ชายหนุ่มส่ายหน้าพร้อมกับแกล้งเบียดร่างแนบชิด

“ทุกคำถามฉันไม่มีคำตอบหรอกค่ะ...เพราะเชลยไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น”

พอได้ยินคำตอบเอกทัศน์ก็แทบหงายหลัง...ผู้หญิงนุ่มนิ่มหวานๆ ใครว่าไม่ทันคน...บทไม่ตอบเธอก็อ้ำอึ้งจนคนรอฟังใจเต้นไม่เป็นส่ำ...แต่บทจะตอบแม่คุณก็ช่างหาคำตอบมาจี้จุดคนถามให้รู้สึกผิดจนนึกละอายใจ

เอกทัศน์อดยิ้มไม่ได้เพราะคำตอบของรติญากำลังต่อว่าเขากลายๆ ว่าทุกอย่างที่เขาทำลงไปเธอจำเป็นต้องโอนอ่อนผ่อนตามเพราะไม่มีทางเลือก...และทุกคำถามที่เขาเอ่ยถึงเธอก็ตอบได้ตรงจุดว่ามันคือชะตากรรมที่เธอไม่อาจเลี่ยงได้...และมันไม่มีความหมายใดๆ กับเธอเลยสักนิด...

“รู้ตัวบ้างไหมว่าคุณน่ะสวย...และความสวยของคุณกำลังทำให้ผมกระเจิดกระเจิงจนจะเสียคนเข้าทุกที...ผมไม่เคยอยากได้ใครเหมือนอยากได้คุณ”

เมื่อถูกย้อนศรเอกทัศน์จึงเปลี่ยนประเด็น

“อยากได้เพราะแค่สวยเหรอคะ”

รติญาจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็งจนลืมอายเพราะนึกฉุนที่เอกทัศน์พูดราวกับเธอเป็นดอกไม้ริมทางพอเห็นอยากได้ก็เด็ดขึ้นมา...แต่พอหมดความหมายไร้ความสวยงามก็พร้อมปาทิ้งได้ตลอดเวลา...

ชายหนุ่มผุดรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นประกายตาขุ่นเขียวของหญิงสาว...ก่อนจะไล้ปลายนิ้วไปตามแก้มนวลเนียนแล้วพูดขึ้น

“ความสวยทำให้ผมละลายตาจากคุณไม่ได้...แต่ตอนนี้...หัวใจผมไม่อาจละความรู้สึกรักหวงแหน...และร่างกายก็ไม่อาจวางเฉยกับความปรารถนา...ตอนนี้ผมอยากได้คุณเพราะความรักและปรารถนาไม่ใช่ต้องการแค่เพราะผ่านตา”

“คุณรักคนง่ายแบบนี้เสมอเลยหรือเปล่า...เจอฉันแค่สามวันก็รักแล้วเหรอคะ...แบบนี้ถ้าเกิดคุณไปเจอคนหน้าตาแบบฉันอีกคน...คุณจะรู้สึกแบบนี้ไหม”

รติญานึกถึงแฝดผู้พี่ขึ้นมาทันใด...แม้รสิตาจะเกิดก่อนแค่นาทีเดียว...แต่กลับมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า...รสิตามักเป็นที่สนใจของใครๆ เสมอเพราะความมั่นใจบวกกับความเฉลียวฉลาดและความเป็นตัวของตัวเอง...ผิดกับเธอมีชีวิตเรียบง่ายจนถูกมองผ่านเสมอหากเดินอยู่เคียงคู่กัน

หญิงสาวจ้องคนตรงหน้าชั่วครู่แล้วหลุบเปลือกตาลง เพราะเริ่มหวาดหวั่นกลัวว่าหากเอกทัศน์พบกับรสิตาเขาอาจจะเปลี่ยนใจ...

...คุณพระ...เธอมีความคิดบ้าๆ แบบนี้ได้ยังไง...รติญารู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่ออยู่ๆ ก็รู้สึกหวงแหนผู้ชายตรงหน้า...

“คำพูดของผมทำให้คุณคิดหนักขนาดนั้นเลยเหรอคุณโรส...”

เอกทัศน์นึกขันกับท่าทางสับสนอลหม่านของหญิงสาว ชายหนุ่มค่อยๆ ยันกายขึ้นนั่งแต่ยังรั้งร่างบางเข้ามากอดไว้ในอก

หญิงสาวเอนร่างซบศีรษะกับซอกคออุ่นอย่างว่าง่าย...พ่อกับแม่จะว่ายังไงบ้างหากรู้ว่าเธอกำลังรู้สึกพอใจที่ได้อยู่ใกล้ๆ อีกทั้งยินดีไปกับทุกสัมผัสของผู้ชายคนนี้...และเต็มใจที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต...

แต่...เขาอาจเป็นคนไม่ดี...เขาอาจจะทำผิดกฎหมาย...แล้วเธอจะมีชีวิตอยู่ยังไงหากวันหนึ่งคนที่เธอคิดฝากชีวิตต้องติดคุก...

พอได้คิดคำถามนับร้อยก็ไหลหลั่งราวกับสายสายน้ำล้นทะลักออกจากเขื่อน

“คุณกำลังคิดอะไรอยู่ฮึ...ดูเครียดเชียว”

เอกทัศน์เชยคางมนขึ้นแล้วจ้องดวงตากลมโตสีดำสนิทอย่างค้นคว้า

“เปล่าค่ะ...”

รติญาส่ายหน้าไปมา

“คุณคงไม่รู้ว่าตัวเองโกหกไม่แนบเนียนเลยสักนิด”

“งั้นเหรอคะ”

“ดวงตาคุณบอกผมอย่างนั้น...บอกได้ไหมว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นประกายไม่เชื่อถือจากดวงตากลมโตสีดำสนิทคู่สวย

“ถ้าตาของฉันบอกคุณได้ขนาดนั้นคุณก็อ่านเอาเองสิคะ...”

รติญาช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยกิริยาที่เอกทัศน์แทบหยุดหายใจ...โอย...เธอจะรู้ไหมนั่นว่าท่าทางแบบนั้นมันกำลังทำให้เขาใกล้คลั่งเข้าไปทุกที

“คุณโรสอย่าไปมองผู้ชายอื่นด้วยสายตาแบบนี้เด็ดขาดรู้ไหม...เพราะผมคงคลั่งตายด้วยความหวง”

เอกทัศน์หัวเราะออกมาเมื่อพูดจบค้อนงามๆ ก็ตามมาทันใด

“ท่าทางแสนงอนแบบนี้ก็ห้าม...”

“ไม่ห้ามหายใจไปเลยล่ะคะ”

พออีกฝ่ายเริ่มขีดเส้นคนที่ไม่เป็นตัวของตัวเองก็อดแหวขึ้นไม่ได้ เอกทัศน์หัวเราะเสียงดังขึ้นอีกเล็กน้อยเมื่อถูกย้อน

“สิ่งนั้นต่อให้ผมต้องตายเพื่อต่อลมหายใจให้คุณ...ผมก็ยินดีแลก...อย่าหยุดหายใจรู้ไหม...เพราะชีวิตของผมในตอนนี้มีเท่ากับลมหายใจของคุณ...ผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าวันหนึ่งคุณหยุดหายใจ”

รติญาถึงกับอึ้งจนทำหน้าไม่ถูกเมื่อเจอคำหวานชนิดหัวใจพองขยายจนคับแน่นไปทั้งอก...แค่สามวันพ่อคุณยังทำหัวใจยังหวั่นไหวขนาดนี้...โอย...ไม่อยากคิดว่าหากอยู่ต่อไปเรื่อยๆ หัวใจทั้งดวงคงถูกอีกฝ่ายกำไว้จนดิ้นไม่หลุดเป็นแน่...






 

Create Date : 15 ตุลาคม 2553
5 comments
Last Update : 15 ตุลาคม 2553 13:31:50 น.
Counter : 1761 Pageviews.

 

เปลี่ยนโหมดนิสนุงนะคะ...ฮี่ๆ... อาทิตย์นี้เหนื๊อยเหนื่อย...วันหยุดเลยกะนอนกินบ้านกินเมือง..

.และงดอัพนิยายเสาร์อาทิตย์เหมือนเคยนะคะ...

(ไม่รู้จะมีคนสงสัยป่าวว่าทำไมต้องงด แค่อยากบอกค่ะ ว่าวันหยุดกลับบ้านเลยไม่มีเวลาปั่นนิยาย เพราะต้องไปช่วยพี่เอ๋ชายดูแลร้านค้าที่บ้านเสียงอึกทึกไมีมีสมาธิค่ะ)

ใครที่เหนื่อยๆ เอ๋ก็ขอส่งกำลังใจไปให้หายเหนื่อยทุกคนนะคะ

อ่านให้สนุกรักษาสุขภาพด้วยค่ะ แล้วเจอกันใหม่วันจันทร์นะคะ

ห่วงใยค่ะ

 

โดย: sansook 15 ตุลาคม 2553 13:37:06 น.  

 

เปลี่ยนโหมดแทบไม่ทันเอ๋จ๋า...ตอนที่แล้วยังรัวเอ็ม 16 ใส่กันอยู่เลย บทนี้หวานซะ แต่ป้าเอิงก็ชอบจ๊ะ กระชุ่มกระชวยดี...ว่าแต่ว่าพ่อเอกทัศน์จ๋า เจอกันสามวันเองนะจะขอแต่งแล้วเหรอพ่อคู้น...เร็วไปมั๊ยหล่ะนั่น

เอออออ...พี่เอิงก็สงสัยเหมือนกันเรื่องงดอัพเสาร์-อาทิตย์ เพราะพี่เอิงคิดว่าน่าจะเป็นวันสบายๆ ไม่ยุ่งเหมือนวันทำงานก็น่าจะดีกว่า...มันมีเหตุที่ทำให้อัพไม่ได้แบบนี้นี่เอง เข้าใจแระ ไม่สงสัยแระ

ว่าแต่ว่าเหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ พักผ่อนเยอะๆ นะจ๊ะ จะได้มีพลังกายและพลังใจที่แข็งแรง...

เป็นห่วงนะจ๊ะ

 

โดย: เอิงเอย IP: 68.224.193.220 15 ตุลาคม 2553 22:07:44 น.  

 

เข้ามาให้กำลังใจค่ะ

อยากรู้ว่าถ้าเจอแฝดอีกคนจะ งง อ๊ะป่าว

ส่วนคุณพระเอกของเรื่องจอมแสบ

ยิ่งอยากให้ถึงตอนหวานๆบ้างค่ะ

 

โดย: บ่าบี๋ IP: 180.210.216.131 15 ตุลาคม 2553 22:21:28 น.  

 

แหมๆๆๆ 3 คู่แน่เลยเรื่องนี้
ตอนนี้น่ารักดีค่ะ แต่ปรับอารมณ์ไม่ทันจริงๆ
ตอนที่แล้วยังยิงกันอยู่เลย 555++
กระชุ่มกระชวยดีค่ะ

พักผ่อนให้สบายนะค่ะ ช่วยพี่ชายทำงานด้วย น่ารักจัง

 

โดย: googie IP: 125.24.175.96 16 ตุลาคม 2553 5:13:20 น.  

 

นู๋เอ๋...เหนื่อยนักก็พักบ้างนะ

ว่าแต่ลิลลี่นี่มามาดโหด สวย ดุ น่าจะส่งไปอยู่แก๊งค์ผู้กองเนอะ..พี่ธงสู้ ๆ

 

โดย: jee IP: 223.205.47.229 17 ตุลาคม 2553 11:26:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.