sansook
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]




คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
โค้ดนี้เป็นภาพพื้นหลังนำไปวางที่ช่อง Script Area ค่ะ https://youtu.be/K2vg5yDgVX4
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
13 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add sansook's blog to your web]
Links
 

 

ตอนที่ ๖ เล่นกับไฟ



ใบหน้าคมคายจ้องคนสนิทที่กำลังดูแลรติญาด้วยท่าทีทะนุถนอมราวเธอเป็นคนสำคัญอย่างหงุดหงิด เอกทัศน์ผู้น่าสงสารจะรู้บ้างไหมว่ากำลังกระโจนลงไปเล่นกับไฟที่ร้อนแรง และหากพลาดเพียงนิดชีวิตเจ้านั่นคงดำเป็นตอตะโก อลันมองความหายนะของคนสนิทด้วยความสมเพชเวทนา

“พามันไปขึ้นรถแล้วออกเดินทางได้”

อลันหันไปออกคำสั่งกับคนที่เดินตามหลังมาแล้วย่ำฝีเท้าหนักๆ ตรงไปหาคนสนิทด้วยสีหน้าบึ้งตึง

“คุณอลันจะไปกับผมหรือจะไปคันอื่นครับ”

พอเห็นเจ้านายเดินหน้าตาบอกบุญไม่รับมาแต่ไกลเอกทัศน์จึงจงใจถามคำถามกวนอารมณ์เจ้านายให้อีกฝ่ายว้ากเล่น

“ฉันเคยนั่งรถคันอื่นที่ไม่มีนายงั้นเรอะ...อะไรกันได้เมียแล้วลืมหน้าที่หรือยังไงฮึ”

อลันปรายตามองร่างสูงโปร่งในชุดลำลองขาสั้นและเสื้อยืดดูสบายๆ อย่างชื่นชมชายหนุ่มกวาดตามองดวงหน้านวลเนียนงดงามชนิดหนึ่งไม่มีสอง ก่อนจะไล่มองไปตามเรือนผมนุ่มสลวยที่ปล่อยยาวสยายเต็มแผ่นหลังด้วยประกายตาที่เอกทัศน์ชักร้อนๆ หนาวๆ ดวงตาคมกริบเหลือบไปมองสีหน้าหวาดหวั่นของคนสนิทที่กำลังจ้องมองเขาไม่วางตาแล้วแค่นยิ้มอย่างหมั่นไส้...

“หวงเหรอทัศน์”

คำถามของเจ้านายที่ผุดออกมาทำเอาคนถูกถามสะดุ้งอย่างลืมตัว...

“ปะ...เปล่าครับ”

เอกทัศน์ตอบออกไปไม่เต็มเสียงนักเพราะสิ่งที่ตอบออกไปมันกำลังขัดกับความรู้สึกของเขาชนิดที่เรียกว่าโกหกหน้าตายเลยก็ว่าได้

“ฉันมองตานายออกน่า...”

อลันแค่นเสียงบอกแล้วก้าวขึ้นไปนั่งตรงเบาะหลัง “นายจะยืนบื้ออยู่ทำไมออกรถได้แล้ว” อลันตะโกนออกมาเมื่อเห็นท่าทางแข็งทื่อของคนสนิทที่ยังไม่ยอมขยับเขยื้อน

“เอ่อ...แล้ว”

“ถ้านายกำลังกังวลกับแม่นั่น...ก็เอาไปนั่งข้างหน้าคู่กับนายซะสิ”

อลันช่วยให้คำตอบเมื่อเห็นท่าทางอ้ำอึ้งของคนสนิท พอสิ้นคำสั่งของเจ้านายเอกทัศน์ถึงกับพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก ชายหนุ่มรีบเดินไปจูงมือรติญาแล้วพาอ้อมไปยังอีกฝั่งอย่างระมัดระวัง

อลันมองท่าทางของเอกทัศน์ยามดูแลผู้หญิงที่เขาหมายหัวว่าคือของต้องห้ามด้วยประกายตาหมั่นไส้ เออเห็นกรงจักรเป็นดอกบัวเข้าไป...

“If you play with fire, you get burnt”

อลันแค่นเสียงประชดด้วยสำนวนที่เอกทัศน์อดยิ้มไม่ได้

“ถึงผมจะเล่นกับไฟจนมันไหม้มือแต่ก็คุ้มกับความงามของเปลวไฟที่สว่างไสว ถ้าสิ่งที่ผมทำมันไม่ถูกใจคุณอลันก็ลองเอาหูไปนาเอาตาไปไร่บ้างก็ได้นะครับ”

เอกทัศน์บอกแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าราวกับรูปปั้นยักษ์ที่ยืนแยกเขี้ยวอยู่ในวัดกำลังทับซ้อนอยู่บนใบหน้าของอลัน

“ถ้านายไม่ใช่คนที่ฉันไว้วางใจ...ให้ตายเถอะทัศน์วันนี้ฉันคงได้ฝังไอ้ลูกน้องเฮงซวยอยู่กลางสวนนั่นแน่ๆ ออกรถได้แล้ว”

เอกทัศน์หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวที่กำลังนั่งหน้าซีดหน้าเซียวแล้วเลิกคิ้วน้อยๆ เพื่อบอกกลายๆ ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายเธอได้แม้ปลายก้อย

พอล้อรถเริ่มหมุนอารมณ์ขุ่นมัวของอลันก็ยิ่งขุ่นหนัก ยิ่งเห็นอาการอ่อนยวบของเอกทัศน์ยามจับจ้องแม่หน้าหวานนั่นอาการเซ็งในอารมณ์ก็ยิ่งเดือดปะทุเมื่ออดหมั่นไส้ไม่ได้อลันจึงแค่นเสียงถามประชด

“เสร็จงานนี้นายจะให้ฉันไปสู่ขอแม่นี่ให้ไหมล่ะ”

เอกทัศน์แทบเหยียบเบรกกับคำถามชวนให้หัวใจไหวกระตุกของเจ้านาย ชายหนุ่มปรายตาไปมองใบหน้าตื่นตระหนกของรติญาแล้วยิ้มพรายออกมาก่อนจะหันไปมองหน้าเจ้านายแล้วตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก

“ถ้าได้ก็ดีครับ...”

คำตอบของเอกทัศน์ทำเอาอลันแทบผุดลุกขึ้นขย้ำคอคนตอบ แต่กับอีกคนคำตอบที่โพล่งออกมากำลังสร้างความหวาดหวั่นจนรู้สึกใจสั่นระรัว รติญาปรายตาไปมองเสี้ยวหน้าเรียวสีเข้มเพราะกร้านแดดมากกว่าเป็นสีผิวแท้จริงด้วยประกายตาสับสน

เมื่อคืนแม้เธอจะกลัวแต่ผู้ชายคนนี้กลับทำหน้าที่ของสุภาพบุรุษได้อย่างดีเยี่ยม เอกทัศน์ยอมนอนอยู่หน้าเตียงที่มีเพียงหมอนใบเดียว เขาไม่มีท่าทีคุกคามหรือจ้องหากำไรกับโอกาสที่เจ้านายโยนมาให้ หลังจากอยู่ร่วมห้องกันมาตลอดคืนเธอมองเห็นแต่ความอบอุ่น จนรับรู้ได้ว่าเขามีพลังดึงดูดอะไรบางอย่าง ที่เธอก็ตอบไม่ได้ว่าคืออะไร แต่มันรู้สึกอ่อนไหวในทุกครั้งยามอยู่ใกล้ๆ

รติญาสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆ คนที่เธอแอบมองก็หันมาสบตาและจ้องเธออยู่ชั่วครู่ก่อนจะเบนกลับไปมองเส้นทางด้วยสภาพสันสนพอๆ กัน

อลันจับตามองกระแสรักที่กำลังวิ่งพล่านไปทั้งบรรยากาศด้วยท่าทางที่แสดงชัดว่าไม่ค่อยสบอารมณ์ แม้อยากจะว้ากให้กระแสอบอุ่นที่หมุนวนอยู่ในอากาศกระจัดกระจายแต่พอเห็นใบหน้าของเอกทัศน์มีชีวิตชีวาขึ้นเขาจึงยอมนิ่งเฉย

เมื่อทำอะไรไม่ได้มากอลันจึงหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาทรงพลเพื่อแจ้งจุดหมายปลายทาง และรายงานความคืบหน้าของงาน

“คุณอาบอกให้เราไปพักที่บ้านนายก่อน...นายมีบ้านอยู่แถวๆ นั้นด้วยเหรอทัศน์”

อลันกดวางสายแล้วหันไปถามคนสนิท

“เป็นบ้านพักหลังเล็กๆ อยู่ที่หาดใหญ่นายยกให้เมื่อหลายปีก่อนครับ...”

เอกทัศน์บอกสั้นๆ

“งั้นเหรอ...ไปทำอะไรถูกใจคุณอาเข้าล่ะปกติฉันไม่เคยเห็นท่านใจดีกับใคร”

ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันสงสัยคงเพราะอยู่กับนายมานานมังครับก็เลยได้โบนัส”

“อืม...ก็ดีแต่จบงานนี้ฉันอยากให้นายไปมอสโกกับฉัน...ไปอยู่ที่โน่นกับฉันดีกว่า...นายคิดว่าไง”

“ผมอยากวางมือ...มีชีวิตอย่างคนปกติแล้วมีครอบครัวเป็นของตัวเอง”

เอกทัศน์ตอบเจ้านายแต่สายตากลับจับจ้องใบหน้าเรียวละมุนที่กำลังเสมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยประกายตาที่แสดงชัดว่าเขากำลังมีความฝันเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ที่กำลังเริ่มมองหาความสุขที่สมบูรณ์ในชีวิต

“ไปอยู่ที่โน่นนายก็มีชีวิตอย่างคนปกติฉันก็วางมือเราไปช่วยกันสานต่อธุรกิจของอีวานอฟกรุ๊ป ที่โน่นเรามีงานมากมายให้นายทำ ส่วนเมียนายไม่ต้องรีบโดดลงนรกให้ชีวิตอับเฉาหรอกใช้ชีวิตให้สำราญจนพอใจแล้วค่อยๆ หาไปไม่ดีกว่าเหรอ”

อลันยังพยายามหว่านล้อมอย่างต่อเนื่อง

“ผมชอบมีเมียที่เดินไปเดินมาอยู่ในบ้านและออกมารับผมที่หน้าประตูทุกๆ ครั้งยามผมกลับบ้านแค่นั้นก็ถือว่าเป็นความสุขสำราญที่มีค่ายิ่งแล้วล่ะครับ...เรื่องไปมอสโกหากคุณอลันอยากให้ผมไปช่วยงานผมก็ไปได้แต่คงต้องถามคนที่จะมาเป็นเมียก่อนว่าจะยอมตามผมไปที่โน่นหรือเปล่า”

เอกทัศน์บอกพร้อมกับปรายตามองไปยังใครอีกคนที่นั่งใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะถูกอีกฝ่ายลากเอาไปอยู่ในประเด็น

อลันกระแทกหลังพิงกับเบาะอย่างขัดใจเมื่อเส้นทางที่เขาอุตส่าห์ปูให้ถูกปฏิเสธ ฮึ...พวกไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา...ขนาดชี้ทางสวรรค์ให้มันยังดื้อดึงจะลงนรกให้ได้...เออ...ไม่เชื่อก็เตรียมทุกข์ได้เลย

บรรยากาศเริ่มกลับเข้าสู่ความเงียบ...เมื่ออลันไม่อยากพูดอะไรอีก เอกทัศน์เหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ บ่อยครั้งบ่อยจนได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะดังขัดขึ้น ชายหนุ่มยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นสายตาคมกริบของเจ้านายที่ใกล้จะกลายเป็นเพื่อนสนิทเข้าไปทุกทีจ้องเขาชนิดหมั่นไส้จนรับรู้ได้อย่างขบขัน

เวลาจากชั่วโมงค่อยๆ เพิ่มไปเรื่อยๆ จวบจนล่วงเข้าครึ่งค่อนทาง ตลอดเส้นทางอลันมักสั่งให้พักตามจุดต่างๆ เพื่อทานอาหารและยืดเส้นยืดสาย

ตลอดเส้นทางมีการสับเปลี่ยนคนขับรถเป็นระยะ แม้อลันจะแสดงท่าทางไม่ปรารถนาให้เอกทัศน์มีความรักและให้การสนับสนุนแต่เมื่อเอกทัศน์ถูกสับเปลี่ยนให้พักเขากลับย้ายตัวเองไปนั่งตรงเบาะหน้าแล้วปล่อยให้รติญานั่งคู่กับคนสนิทที่เบาะหลัง

การเดินทางอันแสนยาวนานเริ่มใกล้เข้ามาทุกทีเมื่อดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า อลันปรายตามองคนสนิทที่โอบร่างบอบบางซบหลับอยู่กับไหล่ผึ่งผายด้วยประกายตาอ่อนลง ลองเอกทัศน์ทำท่าหวงขนาดนั้นเห็นทีผู้หญิงคนนั้นคงถูกใจอย่างแรง

สามปีที่มีเอกทัศน์อยู่ข้างกายเขาไม่เคยเห็นเจ้าคนสนิทวอกแวกสักครั้ง ขนาดไปมอสโกเขาอุตส่าห์สั่งเลขาฯ จัดดารานางแบบทั้งสวยทั้งอึ๋มมาให้แต่พ่อกลับมองเฉยแถมปิดประตูไล่จนไม่มีใครกล้ายุ่งอีก

สิ่งที่เขาเห็นอีกอย่างคือเอกทัศน์ชอบหาผู้หญิงเองและอยู่กับคนที่เลือกนานๆ แต่ส่วนใหญ่ผู้หญิงมักเป็นฝ่ายเลิกราเพราะทนไม่ไหวกับความห่างเหิน แต่ทุกครั้งเจ้านั่นก็ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนใครอยากอยู่ก็อยู่อยากไปก็ไป ไม่เคยมีใครสำคัญจนคิดสร้างครอบครัวเหมือนผู้หญิงที่เขากำลังโอบกอดอย่างทะนุถนอมนั่น

...ทัศน์เอ๋ย...ผู้หญิงสวยเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมฆ่าผู้ชายโง่ๆ ได้ในทุกๆ นาที...กว่าจะรู้ตัวร่างกายคงแหลกเหลวจนไม่อาจเรียกคืนได้...ส่วนหัวใจที่ถูกทำลายก็จะแหลกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี...ความทุกข์ทั้งนั้น...

แม้จะพอรับได้บ้างหากเอกทัศน์ต้องการรติญาจริงๆ แต่พอนึกได้ว่าเธอเป็นลูกสาวของเด่นชัยใบหน้าคมคายก็เปลี่ยนเป็นเครียดขรึม...ลูกศัตรูไม่ต่างจากลูกเสือลูกตะเข้...เผลอพลาดเมื่อไรดูท่าชีวิตจะบรรลัยจนเกินเยียวยา...เฮ้อ!...น่าอนาถจริงๆ อลันยังคงมองความรักเป็นองุ่นเปรี้ยวไม่เปลี่ยน


หลังจากเดินทางข้ามวันจนย่ำค่ำ...รถที่ขับตามกันมาเรื่อยๆ ก็ตีวงเลี้ยวเข้าเขตพื้นที่ลาด อลันมองเส้นทางที่รถกำลังมุ่งไปข้างหน้าอย่างสนใจ ดวงตาคมกริบหันไปมองหน้าคนสนิทที่ยิ้มบางๆ แล้ววกกลับไปมองเรือนไม้สีขาวหลังใหญ่กว้างขวางอยู่บนเนินเขาขนาดย่อมอย่างพึงพอใจ

...บ้านพักหลังเล็กๆ ของเอกทัศน์มันเล็กตรงไหนเนี่ย...อลันตั้งคำถามกับตัวเอง...ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าคนสนิทแล้วนิ่วหน้าอย่างสงสัย...

“นี่น่ะเหรอบ้านของนายที่มันเรียกว่าเล็กๆ”

อลันอดถามขึ้นไม่ได้เมื่อเห็นความสวยงามของบ้านไม้สีขาวหลังเตี้ยแต่กว้างขวางเสียจนดูใหญ่โตเกินกว่าจะอยู่เพียงลำพัง ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆ แล้วนิ่วหน้าเมื่อเห็นพื้นที่โดยรอบกว้างใหญ่จนเรียกว่าเป็นอาณาจักรได้เลยทีเดียว

“มีคนอยู่ที่บ้านด้วยเหรอทัศน์”

“ครับ...ส่วนหนึ่งนายจ้างไว้ให้อยู่ดูแลที่นี่...แต่อีกส่วนเป็นคนของผม”

คำตอบของเอกทัศน์ยิ่งสร้างความงุนงงให้กับอลัน...เขาพลาดอะไรไป...เท่าที่เอกทัศน์อยู่กับเขามาสิ่งที่รู้มีเพียงความซื่อสัตย์ เด็ดเดี่ยว และเฉลียวฉลาด เขามองว่าเอกทัศน์เป็นคนสนิทของทรงพลที่ถูกถ่ายโอนมาเป็นผู้ช่วยเขา...แต่วันนี้เห็นทีเขาคงต้องหันกลับไปมองเจ้าลูกน้องคนสนิทเสียใหม่...

“เดี๋ยวจะมีคนพาคุณอลันไปที่ห้องพัก ส่วนผมคงพาคุณโรสไปพักแล้วจะตามไปทีหลัง...คุณอลันคงไม่ว่าใช่ไหมครับ”

เอกทัศน์ยังแสดงความนอบน้อมต่อเจ้านายถึงแม้จะย่างกรายเข้าสู่อาณาจักรของตัวเองก็ตามที

“ไม่เป็นไรนายไปพักก่อนก็ได้เอาไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

อลันพยักหน้ารับรู้แล้วก้าวลงจากรถเมื่อมีคนเปิดประตูให้ ชายหนุ่มพยักหน้าเมื่อคนของเอกทัศน์โค้งคำนับแล้วผายมือเชื้อเชิญให้เดินนำ

เอกทัศน์มองตามร่างสูงผึ่งผายของเจ้านายไปเงียบๆ ก่อนจะวกกลับมามองคนที่นอนหลับสนิทอยู่ในอก ชายหนุ่มขยับตัวก้าวลงจากรถช้อนอุ้มพาเธอออกไปนอกรถ แล้วพยักหน้าบอกให้คนที่ยืนอยู่ไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าของหญิงสาวแล้วก้าวขึ้นบ้าน

“เดี๋ยวก่อนคุณทัศน์...”

เจตน์เรียกพร้อมกับพยายามสะบัดตัวแต่ถูกสกัดไว้

“ผมจะดูแลเธอเอง...รับรองด้วยเกียรติว่าคุณโรสจะปลอดภัย”

เอกทัศน์หันไปเผชิญหน้ากับผู้สูงวัยกว่าพร้อมกับคำมั่นที่เจตน์ไม่มีวันเชื่อใจ

“คุณโรสเธอไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้โปรดเถอะอย่าทำร้ายเธออีกเลย”

เจตน์อ้อนวอนน้ำเสียงสั่นพร่า

“ผมไม่มีวันทำร้ายเธอ...และไม่มีทางปล่อยให้ใครแตะต้องผมจะดูแลเธอเอง...คุณวางใจได้เวลานี้คุณโรสมีค่ากับผมมากกว่าไอ้อาวุธพวกนั้นเสียอีก...ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเธอเอง...คุณไปพักผ่อนเถอะ”

คำพูดของเอกทัศน์ทำเอาคนเจตน์ถึงกับพูดไม่ออก...แม้อลันจะมีคำสั่งอันน่าหวาดผวาแต่เขาก็พอรู้ว่าผู้ชายตรงหน้าก็มีดี...

“อย่าเอาเปรียบเธอด้วยกำลังผมขอเท่านั้น”

เมื่อเห็นว่ารติญาอยู่กับเอกทัศน์น่าจะปลอดภัยกว่าเจตน์จึงคลายใจ แม้จะนึกเคียดแค้นชิงชังกับการกระทำอันไร้มนุษยธรรมของอลัน แต่ลองเอกทัศน์ออกปากว่าจะดูแลเธอด้วยท่าทางหนักแน่นขนาดนั้นเห็นทีเขาคงทำได้แค่ภาวนาให้ทุกอย่างมันไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป

“ผมสัญญาว่าจะดูแลเธอด้วยชีวิต...คุณสบายใจได้...หาญดูแลคุณเจตน์ให้เป็นเหมือนแขกคนหนึ่งของผม...ส่วนพวกเราก็แยกย้ายไปพักผ่อนได้แล้วไป...อยู่ที่นี่ไม่ต้องคุมใครเป็นนักโทษหรอก”

เอกทัศน์ให้คำมั่นพร้อมกับสั่งคนของเขาและบอกคนอื่นๆ ก่อนจะหมุนร่างเดินเข้าไปในบ้าน

รติญาลืมตาขึ้นช้าๆ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองปลายคางสากที่เริ่มมีเคราขึ้นประปราย...แล้วขยับตัว

“ฉันเดินเองได้ค่ะ”

น้ำเสียงหวานกังวานราวกับระฆังดังก้องเอื้อยเอ่ยออกมาเมื่อรู้สึกหนักไปทั้งตัวเพราะอาการเกร็งฝืน

“ผมพาคุณไปได้...ไม่ได้หนักหนาอะไร”

เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามรติญาจึงไม่พูดอะไรอีก หญิงสาวแนบศีรษะซบบนอกแกร่งแล้วซุกร่างอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างว่าง่าย ดวงตากลมโตสีนิลเหลือบมองใบหน้าของอีกฝ่ายแล้วเผลอยิ้มบางๆ เมื่อได้ยินจังหวะการเต้นของหัวใจที่รัวราวกับเสียงกลอง

เอกทัศน์หลบให้คนติดตามเปิดประตูแล้วพยักหน้าเชิงไล่เมื่ออีกฝ่ายหมดหน้าที่ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นประกายตาของรติญาดูมีชีวิตชีวาขึ้น

“ดูเหมือนคุณจะไปพบเรื่องอะไรที่ขบขันมาใช่ไหม”

ชายหนุ่มถามขณะวางร่างบอบบางลงบนเตียง

“เปล่าค่ะฉันแค่คิดว่าตัวเองหนักไปหรือเปล่า...เพราะดูคุณเหนื่อยไม่เบาเลย”

“ทำไมถึงคิดงั้น”

เอกทัศน์ยืดตัวขึ้นเต็มความสูงก่อนจะถอยไปยืนล้วงกระเป๋าแล้วจ้องใบหน้าที่เริ่มเป็นสีระเรื่ออย่างพอใจ

“เอ่อ...เปล่าค่ะ”

รติญาเบนหน้าไปทางอื่นเพราะเริ่มใจเต้นกับสายตาของอีกฝ่าย

“คุณยังกลัวผมอยู่เหรอ...”

ร่างสูงปราดเปรียวขยับมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ...รติญาเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแล้วเอียงหน้า

“นิดหน่อย...แต่กลัวเจ้านายคุณมากกว่า...เขาดูเป็นคนใจร้ายจัง”

เอกทัศน์ทาบฝ่ามืออบอุ่นลงบนแก้มเนียนละมุน

“ฟังผมนะ...คุณอยู่ที่นี่จะไม่มีใครทำอันตรายคุณเด็ดขาด...ผมจะดูแลคุณเอง...คุณอลันปากร้ายก็จริงแต่ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรทุกอย่างเพื่องาน...ไม่ต้องกลัวนะผมยังอยู่ทั้งคน”

“ค่ะ”

รติญาครางรับในลำคอแม้ใจหนึ่งไม่อยากเชื่อแต่เธอกลับรู้สึกสบายใจในยามที่อยู่ใกล้ๆ เขา

“ผมไม่มีวันให้ใครแตะคุณแม้ปลายก้อย...เชื่อใจนะคุณโรส”

น้ำเสียงเอื้ออาทรที่ทุ้มกังวานกำลังทำให้หัวใจของรติญาเต้นแรงขึ้นๆ หญิงสาวเงยหน้าจ้องดวงตาฉ่ำหวานภายใต้ขนตาดกหนาราวกับอิสตรีเขม็ง ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง...ก่อนสายตาอีกคู่จะหลุบลงมองเรียวปากอิ่มกระชับแล้วถอนใจยาวราวกับกำลังชั่งใจ

รติญานั่งตัวแข็ง...ขณะจ้องอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ ขณะเอกทัศน์ค่อยๆ รั้งใบหน้านวลเข้าไปหา...แล้วก้มลงจูบริมฝีปากอิ่มอย่างอดใจไว้ไม่อยู่ ดวงตากลมโตเบิกขึ้นเมื่อรู้สึกวูบวาบไปทั้งร่าง ขณะริมฝีปากรุมร้อนซอนไซ้เคล้าคลึงเชิญชวนให้เธอหลงระเริงไปกับสัมผัสแปลกใหม่

ร่างบอบบางเริ่มสั่นสะท้านเมื่อปลายลิ้นร้อนระอุกำลังรุกรานควานหาความหวานจากริมฝีปาก...จากจุมพิตอ่อนโยน...ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเร่าร้อนขึ้นทุกขณะ...เธอกำลังหายใจไม่ออก...รติญาบอกตัวเองขณะรู้สึกว่าร่างกายกำลังหมุนคว้างอยู่กลางอากาศ...แม้ความรู้สึกเหมือนเธอกำลังล่องลอยแต่ร่างกายกลับหนักอึ้ง....มันสับสนปนเปจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

อาการหอบเหนื่อยและร่างกายที่กำลังสั่นเทาอย่างหนักกำลังดึงสติของเอกทัศน์ที่กำลังใกล้ขาดผึงให้กลับคืน ชายหนุ่มค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกก่อนจะดึงร่างบอบบางเข้ามากอดไว้...

“ผมขอโทษ...อย่ากลัวคุณโรสผมขอโทษ”

รติญาหลบตาอีกฝ่ายจ้าละหวั่นแต่ร่างกายยังสั่นไม่หยุด เอกทัศน์มองอาการสั่นในระดับที่เขายังตกใจอย่างอาทร...ชายหนุ่มเพิ่งแรงกระชับแล้วกระซิบปลอบโยนจนเธอเริ่มคลายจากอาการสั่นเทา...ชายหนุ่มนึกแช่งตัวเองที่ตบะแตกจนแม่นกน้อยตื่นตระหนก...แต่ใครมันจะอดใจไหว...เมื่อเธอสวยถูกใจขนาดนี้...ตอนไม่ได้แตะมันก็พอทนได้แต่พอได้สัมผัสอารมณ์รักก็ยิ่งเตลิด....เฮ้อ!...หมดกันไก่จะตื่นไหมนั่น...ชายหนุ่มถามตัวเองอย่างเซ็งๆ




 

Create Date : 13 ตุลาคม 2553
3 comments
Last Update : 13 ตุลาคม 2553 12:08:57 น.
Counter : 1590 Pageviews.

 

อ่านให้สนุกนะคะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

 

โดย: sansook 13 ตุลาคม 2553 12:09:23 น.  

 

ปล่อยตาอลันไปก่อนเถอะ เดี๋ยวจะได้รู้สีก (ว่า?) ...
อ่านแล้วหายใจไม่ทั่วท้องกับความหวานของเอกทัศน์และโรส...
เรื่องนี้น่าจะมีหลายโหมด (อารมณ์) เนาะ...

ส่งกำลังใจมาให้อีกมากมายเลยนะค่ะน้องเอ๋

 

โดย: เอิงเอย IP: 68.224.193.220 13 ตุลาคม 2553 20:56:08 น.  

 

อ่านแล้วมีลุ้นอะ
2 คู่แน่ๆเลยเรื่องนี้
อิจฉาหนูโรสอะ ท่าจะได้แฟนรักจริง
แล้วเมื่อไหร่พี่อลันจะโดน"ยั่ว"อะค่ะ
อยากอ่าน
ขอบคุณสำหรับนิยายนะค่ะ

 

โดย: googie IP: 125.24.176.8 14 ตุลาคม 2553 5:07:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.