"แจ๊ส....ฉัน"
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
2 ตุลาคม 2548
 
All Blogs
 

Eliane Elias ต่างไปในความเหมือน



หากจะมีนักเปียโนที่มีฝีมือระดับ “ช่ำชอง” สักคนหนึ่ง ประดับด้วยไพเราะและจังหวะอารมณ์ที่อ่อนไหว บวกกับวิญญาณการร้องเพลงทำให้จินตนาการของคุณเพลิดแพร้วไปด้วยเสียงร้อง.... ทุกสิ่งที่ว่ามานั้นมีอยู่ในตัวนักร้องนักเปียโนสาวคนนี้อยู่แล้ว เอเลน เอเลียส์ เธอเข้าวงการสร้างความตื่นตะลึงให้กับทั้งแฟนเพลงและนักดนตรีในอเมริกามาตั้งแต่ปี 1981 โดยที่ก่อนหน้านั้น เธอก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองมาไม่น้อยจากแวดวงการเพลงในประเทศบราซิลบ้านเกิด ก่อนหน้าที่จะโบยบินมาลงหลักปักฐานต่อที่อเมริกา

ถ้าเพิ่มความนุ่มหนาที่ส่งออกมาพร้อมๆ กับมวลเสียงที่รุ่มรวยไปด้วยความละมุนละไม ตอนนี้เราจะได้ฟังเสียงของเอเลนที่ตัดสินใจเปิดกว้างออกสู่สีสันที่สวยงามทางดนตรี ซึ่งเธอสามารถสร้างสรรค์ค์ขึ้นมาได้จากการร้องเพลง การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า “เอเลนเปลี๊ยนไป๋” แต่ไม่ใช่..เธอไม่ได้เปลี่ยนไป เอเลนเพียงแค่เปลี่ยนทัศนคติใหม่ และอัลบั้มชุดใหม่ของเธอ Dreamer เธอให้เสียงร้องที่รุ่มรวยไปด้วยอารมณ์ เช่นเดียวกับภาคดนตรีและเครื่องสายที่คอยรองรับอยู่พื้นหลัง ทำให้อัลบั้มชุดนี้ไต่อันดับชาร์ตอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด



หลังจากที่เอเลนย้ายมาอยู่ในบ้านหลังใหม่อย่าง Bluebird Jazz และทำ Dreamer ออกมาเป็นชุดที่สอง อัลบั้มก็ทำหน้าที่ปีนอันดับหนึ่งในสิบจากคลื่นวิทยุหลายคลื่น ไต่อันดับที่สามในชาร์ตอัลบั้มแจ๊สและยังเข้าไปอยู่ในอันดับหนึ่งในยี่สิบของอันดับเพลงป๊อปเมืองน้ำหอมพร้อมๆ กันไปในตัว รางวัลแผ่นเสียงทองคำก็เป็นของเธอที่ญี่ปุ่นอีกต่างหาก

เอเลนเคยออกอัลบั้มมาหลายอัลบั้มกับค่ายใหญ่อย่าง บลูโน้ต เธอก็มีอัลบั้มขายดีอย่าง Eliane Elias Sings Jobim ซึ่งออกมาในปี 1998 แต่มันเป็นอัลบั้มพิเศษที่เธอร้องเป็นภาษาโปรตุกีสเป็นส่วนมาก เสียงของเธอนั้นยังคงมีเสน่ห์จับหูเสมอมา จนเมื่อเร็วๆ นี่ แฟนเพลงขาประจำก็ได้มีโอกาสเสพผลงานใหม่ของเธออีกครั้ง นั่นคือ Dreamer ที่เราเอ่ยมาคร่าวๆ แล้ว ซึ่งชุดนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มการทดสอบฝีมือเปียโนของเธอกับการร่วมวงของเพื่อนนักดนตรีอีกหลายคน แล้วอัลบั้มนี้ยังเป็นอัลบั้มแรกที่เธอร้องเพลงเป็นภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด ประกอบด้วยเพลงสแตนดาร์ดของอเมริกันชนและเพลงที่เธอเขียนเองใหม่ 2 เพลง มันแสดงความสามารถของเธออย่างเอกอุจนทำให้งานของเธอเติบโตอย่างที่คุณเองอาจจะนึกไม่ถึง



เอเลนบอกว่า “อัลบั้ม Sings Jobim นั่นฉันเล่นเองแล้วก็ร้องเองด้วย เหมือนนักเปียโนร้องเพลงค่ะ แต่ ณ ตอนนี้ ฉันมายืนอยู่ในจุดของการร้องเพลงที่ยังคลอเคลียคู่ไปกับเสียงเปียโนและบางทีอาจจะโซโลเดี่ยวด้วยเหมือนกัน ฉันบอกได้แลยว่ามันเป็นมากกว่า “อัลบั้มของนักร้องแจ๊ส” เสียงร้องไม่ได้ถูกใช้ออกมาแบบเดิมๆ ฉันให้ความสำคัญของมันแตกต่างไปจากเดิมแน่ๆ งานชุดนี้ฉันจะร้องมากขึ้นแต่ไม่เหมือนเดิม มันน่าสนใจนะคะ คุณจะสามารถสัมผัสความรู้สึกของฉันได้ผ่านทางเนื้อร้องทุกถ้อยคำ ซึ่งมันแตกต่างไปจริงๆ มันเป็นผลงานของนักร้องจริงๆ

“งานชุดนี้มันมีจุดเริ่มต้นมาจากตินที่ฉันเข้าไปคุยกับตัวแทนของค่ายบลูเบิร์ด ตอนนั้นมีงานตัวอย่างของพวกเพลงร้องวางอยู่บนโต๊ะ พวกเขาถามฉันว่า “มีงานแบบไหนอีกไหมที่ฉันอยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำ?” ฉันก็เลยบอกว่า “ก็งานที่ทำกับวงออร์เคสตราเป็นงานที่ฉันใฝ่ฝันมานานว่าอยากจะทำ” นันแหละพวกเราก็เลยจับเอาความคิดของสองฝ่ายมาผนวกกันจนเป็นอัลบั้มนี้”

แล้วเธอรักอัลบั้มนี้มากแค่ไหนกัน?

“ฉันมานั่งให้สัมภาษณ์ตรงนี้เพราะอย่างนี้แหละค่ะ สิ่งใดก็ตามที่ฉันทำในอนาคต ยังไงก็ต้องมีเสียงร้องของฉันเองแน่นอน ซึ่งนั่นทำให้ฉันประหลาดใจมากเลยค่ะ ฉันรู้สึกปลอดโปร่งมากเลยในตอนนี้ งานนี้สนุกจริงๆ ค่ะ ในการสื่อสารกับกลุ่มคนฟัง มันเป็นเหมือนการลดช่องว่าง ซึ่งจะมีมากหากเป็นบรรเลงอย่างเดียว ตื่นเต้นดีค่ะ .... มันจะมีสายใยพิเศษที่คุณจะมีกับแฟนเพลงเมื่อคุณมีเนื้อร้อง มันน่าสนใจมากและฉันก็ชอบมากเลย”

อัลบั้มนี้มีเพลงอย่าง That’s All, Bangles and Beads และ A House Is Not A Home เพลงอย่าง Call Me เป็นเหมือนบทเพลงสรรเสริญพระเจ้าท่ำให้รู้สึกปลอดโปร่งและอบอุ่น ส่วน Doralice เพลงหนึ่งที่เธอร้องเป็นภาษาโปรตุกีส ก็เป็นเพลงที่ให้อารมณ์รื่นเริงสนุกสนาน ซึ่งเธอเล่นอุทิศให้กับนักแซ็กโซโฟนเอกอย่าง Stan Getz ที่เคยบันทึกเสียงเพลงนี้มาก่อนในอัลบั้ม Getz/Gilberto คู่กับ Joao Gilberto ด้วยการเล่นโต้ตอบกับเสียงร้องของจาวในท่อนแรก



“ถ้าคุณมองลึกเข้าไปที่ตัวงานของฉัน บางอัลบั้มจะเน้นไปที่ฝีมือเปียโนอาชีพ (อย่าง Solos & Duets) บางอัลบั้ม (อย่าง Kissed By Nature) เน้นไปที่การเขียนเพลงและประพันธ์ดนตรี แต่อัลบั้ม Dreamer มีทั้งสองส่วนนั้นผสมผสานกัน มีท่อนโชว์ฝีมือเปียโน แต่ฉันก็ไม่ได้เน้นตรงนั้นมากเป็นพิเศษ เพราะยังมีท่อนที่ฉันต้องโชว์การร้องเพลงอีก มันเป็นการผสมผสานกันดี ฉันชอบความต่างแบบนั้น”

อิทธิพลในการเล่นเปียโนของเอเลนนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากศิลปินชั้นครูอย่าง Art Tatum, Errol Garner, Nat King Cole, Wynton Kelly, Bill Evans, Herbie Hancock, Keith Jarrett แล้วอีกหลายคน นอกจากนั้นเธอยังได้รับแรงบันดาลใจทางดนตรีมาจากศิลปินนามอุโฆษอย่าง Miles Davis, Charlie Parker และ John Coltrane แต่สำหรับการร้องเพลง เอเลนยอมรับว่าเธอไม่ได้ฟังเพลงอเมริกันมานหลายปีมากแล้ว สไตล์การร้องของเธอเลยไม่ได้ติดกลิ่นอายแบบมะกันสักเท่าไร ถึงแม้ว่าเธอจะถูกเปรียบเทียบกับนักร้องเจ้าตำรับบราซิลเลียนอย่าง Astrud Gilberto ซึ่งเธออาจจะสอบไม่ผ่านเพราะไม่ใจเจ้าตำรับเหมือนแอสทรูด

“ฉันไม่ได้ฟังเพลงของนักร้องแจ๊สมากนักหรอกค่ะ แต่ก็ได้เติบโตมาจากนักร้องบราซิลเลียนอย่างจาว กิลแบร์โต เขาเป็นอิทธิพลของฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้ฟังมากอยู่นั่นแหละ เพิ่งจะมาฟังมาขั้นเมื่อไม่นานมานี้เอง มีอยู่คนหนึ่งที่ฉันคิดว่า “ใช่เลย” นั่นคือ Frank Sinatra ค่ะ”

นั่นแหละคือที่มาในวันนี้ของนักเปียโนสาวใหญ่อย่างเอเลน ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนักเปียโนแจ๊สที่ดีที่สุดตอนนี้ เธอคงจะยังไม่ทิ้งเปียโนที่เล่นก๊อกแก๊กๆ มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบแน่นอน

“เปียโนเป็นเหมือนรักครั้งแรกของฉันเลยล่ะ ยังไงซะ ฉันก็ขอเป็นนักเปียโนก่อนนักร้องแน่ๆ” เธอย้ำ “การร้องเพลงเป็นเหมือนการเติมเต็มให้กับการแสดงของฉัน แต่เปียโนคือที่หนึ่ง เสียงร้องเป็นสิ่งที่เข้าถึงผู้ฟังของฉัน ดนตรีแจ๊สก็เป็นสิ่งที่ฉันรักเหมือนกัน....เสมอมาเลยค่ะ” ในการแสดงคอนเสิร์ต เธอยังคงแสดงให้เห็นว่าเปียโนคืออันดับหนึ่งอย่างที่เธอบอก ความหลงใหลคลั่งใคล้ในสไตล์ Bop ในแบบอย่างของ Bill Evans ถูกเผยออกมาหมด เอเลนแสดงให้เราเห็นว่าเธอเองก็เป็นขุนขวานแห่งเปียโนเหมือนกัน เธอเล่นด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าและรู้จังหวะเป็นอย่างดีว่า ตอนไหนเธอควรปลอบประโลมอารมณ์คนฟัง และตอนไหนที่เธอควรจะเร่งเร้าอารมณ์

เอเลนยังได้ทำงานกับนักดนตรีฝีมือดีอย่าง Paolo Braga (มือกลอง) และมาร์ก จอห์นสัน (มือเบส) แล้วยังมีแขกรับเชิญอย่าง ออสการ์ แคสโตร-นีฟส์ (มือกีตาร์) และไมเคิล เบรคเกอร์ (นักเทนเนอร์แซ็ก)

“ออสการ์กับเปาโลนี่คือตัวจริงของวงการบอสซาเลยทีเดียว อย่างเบรกเกอร์ก็เหมือนกัน ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงเสียงเทนเนอร์แซ็ก ชื่อเขาก็ขึ้นมาในหัวก่อนเลย ในภาคออร์เคสตรานั้นเป็นหน้าที่ของ Rob Mathes ซึ่งประวัติของเขานั้นทำงานมามากมายทั้งกับเรเน่ เฟลมมื่ง, ลูเชียโน พาวาร็อตติ แล้วก็โยโย มา ไม่ใช่แค่ในวงการคลาสสิก แต่ร็อบยังทำงานให้กับคาร์ลี ไซมอน, ลู รีด, สติง, สตีวี วันเดอร์ แล้วก็เอลตัน จอห์นด้วย” ร็อบใช้เสียงเปียโนของเอเลนกับวงดนตรีของเธอเป็นแนวทางในการอะเรนจ์ภาคออร์เคสตราเพื่อให้ออกมามีสีสันและเป็นพื้นของอัลบั้มทั้งหมด



นอกจากนั้นแล้ว เธอยังเป็นนักดนตรีร่วมวงให้กับมาร์ก จอห์นสันที่จะออกอัลบั้มกับสังกัด ECM ในปีหน้านี้ ซึ่งร่วมด้วยมือกลองอย่าง Joey Baron มิอกีตาร์อย่าง John Scofield และนักแซ็กอย่าง Joe Lovano เธอยังทำหน้าที่เขียนเพลง 2-3 เพลงในอัลบั้มนี้ด้วย “มันยิ่งเป็นการบ่งบอกชัดเจนสำหรับฉันเลยนะคะในการทำงานชุดนี้ ว่าฉันเนี่ยทำหน้าที่ทั้งเล่นเปียโน แล้วก็ประพันธ์เพลงด้วย” นั่นแหละยิ่งเป็นการแสดงความเป็นมืออาชีพให้กับเอเลนมากขึ้น

ในอดีตเมื่อสมัยเด็ก เอเลนก็ฟังเพลงอเมริกันอย่างเด็กทั่วๆ ไปในเซา เปาโล ฟังทาทัม, การ์เนอร์และก็คนอื่นๆ แกะท่อนโซโ,และเล่นตามแผ่นเสียง เธอเรียนที่โรงเรียนดนตรีมีชื่อในเซา เปาโล เมื่ออายุได้ 15 เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์สอนเปียโนมาสเตอร์คลาสจากผู้อำนวยการโรงเรียน ตอนอายุ 17 เธอเป็นผู้อำนวยการวงให้กับวงของ Antonio Carlos Jobim แล้วก็ทำงานอย่างต่อเนื่องในบราซิล จนกระทั่งย้ายมาอยู่ที่อเมริกาในปี 1981 ซึ่งชื่อเสียงการเป็นนักเปียโนอาชีพของเธอได้ขจรขจายอย่างรวดเร็วในนิวยอร์ก ไม่นานนัก เอเลนก็ได้เข้าร่วมวง Steps Ahead หลายปีต่อมา นอกจากการทำงานส่วนตัวแล้ว เธอก็ยังมีส่วนร่วมเล่นให้กับนักดนตรีมีชื่อเสียงมากมาย

เอเลนเริ่มออกทัวร์กับวงสี่ชิ้นของเธอที่อเมริกาและยุโรปตลอดปี ต่อเนื่องไปถึงปี 2005 แล้วมาหยุดที่เอเชีย (แต่มู้จะมีโปรโมเตอร์ที่ไหนฉกตัวเธอมาเล่นในบ้านเราหรือเปล่า) เธอไม่ได้จนวงออร์เคสตรามาด้วย แต่บอกสั้นๆ ว่า “บทเพลงทุกชิ้นเขียนขึ้นเพื่อเล่นกับวงสี่ชิ้น เสียงจากวงออร์เคสตราเป็นเพียงการเติมเต็มสีสันและเน้นย้ำดนตรี ไม่ใช่ว่าท่อนออร์เคสตราหายไปนะคะ ฉันตั้งใจเล่นสดให้มากกว่าที่บันทึกในแผ่น”

เอเลนรู้สึกรื่นรมย์กับความสำเร็จของเธอ โดยเฉพาะในเวลาที่มีนักดนตรีฝีมือดีหลายๆ คนยังค้นหาหนทางของตัวเองไม่เจอ “มีนักดนตรีฝีมือดีๆ เยอะแยะที่ไม่สามารถออกมาเล่นสดได้ เพลงบรรเลงมักจะถูกต้นสังกัดทอดทิ้ง เพราะอะไรนะเหรอคะ...ก็เพราะว่ามันไม่ขายน่ะสิ ฉันว่ามันน่าเศร้าจริงๆ แต่ยังหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ฉันดีใจที่ได้ทำงานเพลงร้องในช่วงนี้นะ ใครจะไปรู้ล่ะ ฉันอาจจะเจอเรื่องแบบนั้นเข้าสักวันก็เป็นได้ แล้วถึงตอนนั้น ฉันจะทำไงได้?”

เอเลนยังเห็นว่าในช่วงสงครามและเศรษฐกิจถดถอยอย่างนี้ “คนต้องการเสพดนตรีมากขึ้น ตอนที่ฉันไปเล่นคอนเสิร์ต ฉันก็เป็นนักดนตรี เป็นนักประพันธ์ นักเปียโน นักร้อง แล้วก็ยังเป็นคนเอนเตอร์เทนคนดูอีก ฉันเห็นแววหิวกระหายในตัวพวกเขาที่ต้องการความสุขสนุกสนาน เวลาที่รื่นรมย์ แล้วเราก็ควรจะตอบสนองพวกเขาได้อย่างที่พวกเขาต้องการ

“มันเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับฉันที่จะต้องเข้าถึงหัวใจของคนฟังได้ด้วยบทเพลง แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้น แต่ยังต้องเสนอสิ่งที่ดีให้พวกเขาด้วย คนเราต้องการอะไรดีๆ เสมอ” เอเลนกล่าวปิดท้าย

แผนต่อไปของเธอก็คือผลงานที่ต้องออกต่อไปกับบลูเบิร์ดแจ๊ส ซึ่งเธอกำลังคัดเลือกเพลงที่จะลงในอัลบั้ม รวมถึงเสาะหาวัตถุดิบใหม่ๆ ในการเขียนเพลงด้วย เรายังคงหวังว่าจะได้ฟังผลงานที่แตกต่างจากเอเลน ซึ่งความแตกต่างนี่เองเป็นสิ่งที่เธอโปรดปราน



Eliane Elias / Dreamer (RCA/BMG)
Produced by Eliane Elias
Co-Produced by Steve Rodby, Marc Johnson
Tracklisting;
1. Call Me (Hatch) 4.11
2. Baubles, Bangles and Beads (Borodin, Forrest, Wright) 5.00
3. Photograph (Fotografia) (Gilbert, Jobim) 3.47
4. Movin’ Me On (Elias, Johnson) 4.10
5. So Nice (Samba de Varao) (Gimbel, Valle, Valle) 5.14
6. That’s All (Brandt, Haymes) 5.41
7. Tangerine (Mercer, Schertzinger) 6.43
8. Dreamer (Vivo Sonhando) (Jobim, Lees) 3.34
9. Time Alone (Elias) 6.42
10. Doralice (Almeida, Caymmi) 2.59
11. A House Is Not A Home (Bacharach, David) 5.22




 

Create Date : 02 ตุลาคม 2548
2 comments
Last Update : 2 ตุลาคม 2548 16:12:52 น.
Counter : 1500 Pageviews.

 

เข้ามาชมคับ ข้อมูลเพียบเลย

 

โดย: 5150_b 2 ตุลาคม 2548 23:43:02 น.  

 

หลงเข้ามาติดตาม...ถ้าคุณไม่ได้ไปแปะ Link ไว้เกี่ยวกับเพลงตามกระทู้ดนตรีเพลงที่เราชื่นชอบก็คงหาไม่เจอ!

ครับ Eliane Elias ผมเริ่มได้ยินเสียงของเธอก็เมื่อปีกลายนี้เอง ยอมรับเลยครับว่าน้ำเสียงเธอช่างมีมนต์เสน่ห์มากๆมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบเดียวกับ Astrud Gilberto, Lisa Ono เป็นไปได้ว่าเราได้ยินได้ฟังมาสมัยก่อนๆว่า นักร้องหญิงที่ร้องในแนว Bossa Nova & Samba ต้องมีน้ำเสียงสไตล์อย่างนี้ม้นก็เลยเป็นความคุ้นเคย ถ้าเป็นเสียงออกแนวแหลมๆเล็กๆแบบผู้หญิงทั้วๆไปก็ไม่น่าฟังอีกแหละ!?

Dreamer เป็นอัลบั้มแรกที่ได้ฟัง เยี่ยมมากๆ ใครชอบเพลงในแนวนี้อย่าพลาดโดยเด็ดขาด ไปหาซื้อมาฟังไว้ได้เลย อัลบั้มชุดที่ 2 ที่ได้ฟัง Eliane Elias sings Jobim ก็น่าฟังอีกเช่นกัน แล้วยังมีฝีไม้ลายมือเล่นเปียโนได้เก่งอีก น่าชื่นชมจริงๆ ยอมรับเลยว่าเธอเหมาะมากๆที่ร้องเพลงใน แนวBrazilian

แหม! และก็ขอขอบคุณ คุณ nunaggie ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเธอ Eliane Elias ฝากไว้ให้กับผู้ที่สนใจในผลงานของเธอ....

ขอบคุณครับ............

 

โดย: tanodom 20 มกราคม 2550 21:16:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


nunaggie
Location :
City of Angels, Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




คุยเฉพาะเรื่องเพลง :D

"I still find each day too short for all the thoughts I want to think, all the walks I want to take, all the books I want to read, and all the friends I want to see." John Burroughs

Follow my twitter @nunaggie :)

"มีเรื่องราวอีกมากมายให้ชีวิตต้องเดินทางไปค้นหา เราคงไม่ค้นพบทุกอย่างได้ เพียงแค่ชั่วชีวิตเดียว"
Creative Commons License
© Supada Luangsirimongkol 2015.
qrcode
Friends' blogs
[Add nunaggie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.