ปลายทศวรรษที่ 40 เขาได้เล่นอัดแผ่นเสียงในสไตล์ป็อปอาร์แอนด์บี ที่ได้รับอิทธิพลทางดนตรีมาจาก แน็ต โคล และ ชาร์ลส บราวน์ เพลง Baby, Let Me Hold Your Hand ก็ดังระเบิดในชุดนั้น แถมยังได้รับคำวิจารณ์แง่บวกอีกด้วย เนื่องเพราะเป็นผลงานที่ทั้งนุ่มนวล และนำเพลงเก่าคลาสสิกมาทำใหม่ได้ไพเราะไม่แพ้กัน อันนำมาซึ่งความสำเร็จของ เรย์ ในเวลาไม่กี่ปีต่อมา
ต้นทศวรรษที่ 50 สุ้มเสียงของ เรย์ เริ่มที่จะเข้มข้นขึ้น เนื่องจากเขาเริ่มออกทัวร์กับ ลาเวล ฟูลสัน แล้วย้ายมาร่วมวงกับ กีตาร์ สลิม (โดยเขาเป็นมือเปียโนและได้สร้างเพลงฮิตให้ กีตาร์ สลิม อาทิ The Thing That I Used To Do) จากนั้นจึงมาทำวงดนตรีกับดาราอาร์แอนด์บีอย่าง รูธ บราวน์ โดยได้เล่นกันที่ ดิ อะพอลโล ซึ่งเป็นสถานที่แสดงออกสำหรับคนผิวดำที่มากความสามารถจริงๆ ต่อเมื่อมาสังกัดกับแอตแลนติก ช่วงเวลานั้นเองที่ เรย์ ค้นพบสุ้มเสียงที่แท้จริงของตัวเอง I Got A Woman เป็นเพลงที่สองของเขาที่เข้าสู่อันดับเพลงฮิตในปี 1955 เพลงนี้ถือเป็นเพลงสำคัญต่อ เรย์ ตรงที่เป็นเพลงแรกที่เขาร้องกอสเปลออกมาได้อย่างเข้าถึงตามแบบอย่างจริงๆ โดยมีภาคเครื่องเป่ารองรับอย่างหนักแน่นเป็นแบ็คกราวด์
ในช่วงทศวรรษที่ 50 นี้เองถือเป็นยุคทองของ เรย์ ก็ว่าได้ เขาได้สร้างผลงานเพลงอาร์แอนด์บีชั้นเยี่ยมมากมาย ซึ่งเพลงเหล่านี้นี่เองที่เป็นการกรุยทางเข้าสู่ดนตรีโซลอย่างแท้จริง ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่ได้มีใครเรียกว่าเพลงโซลก็ตาม โดยที่การร้องยังคงรูปแบบของอาร์แอนด์บีที่บ่งบอกถึงความหรูเริ่ดไว้ พร้อมๆ กับเสียงเอื้อนที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างเพลง This Little Girl Of Mine, Drown In My Own Tears, Hallelujah I Love Her So, Lonely Avenue และ The Right Time ซึ่งล้วนแต่เป็นเพลงท็อปฮิตทั้งสิ้น แรกๆ เพลงของ เรย์ ไม่ค่อยจะติดหูนักฟังเพลงป็อปสักเท่าไร จนกระทั่งเขาทำเพลง Whatd I Say ด้วยน้ำเสียงออดอ้อน บวกกับสไตล์ร็อคแอนด์โรลที่มีไลน์เปียโนสอดแทรกสวยงาม ทำให้เพลงนี้ฟาดฟันเข้าอันดับเพลงป็อปอย่างสะดวกดาย และนั่นก็เป็นบทเพลงสุดท้ายของเขากับค่ายแอตแลนติก ก่อนจะโบยบินมาสู่ ABC ในเวลาต่อมา
สิ่งที่ทำให้เขายอมเข้ามาที่ ABC นั่นก็คือ เขาจะได้ควบคุมและทำงานของตัวเองอย่างมีอิสระ ซึ่งนั่นเป็นที่มาของเพลงอย่าง Unchain My Heart และ Hit The Road Jack สองเพลงนี้สร้างฐานที่มั่นให้กับ เรย์ ในฐานะดาราเพลงป็อปได้มากพอๆ กับความเป็นดาราอาร์แอนด์บีที่เขาทำไว้อย่างสมบูรณ์แบบที่แอตแลนติก แต่คนอย่าง เรย์ ไม่เคยหยุดนิ่งแค่นั้น ปี 1962 เขากลับมาช็อควงการด้วยการหันเหเข้าสู่สายเพลงคันทรี โดยการส่งเพลง I Cant Stop Loving You เข้าสู่อันดับเพลงยอดนิยมอย่างสูงพร้อมๆ กับอัลบัม Modern Sounds In Country And Western Music แต่ความจริงแล้วก็ไม่น่าประหลาดใจเท่าไรนัก เพราะ เรย์ เองก็เคยฝากผลงานสไตล์แจ๊สไว้บ้างแล้วสมัยที่อยู่แอตแลนติก โดยได้ร่วมงานกับ เดวิด แฟตเฮด นิวแมน และ มิลต์ แจ็กสัน
เรย์ ยังคงความเป็นดาวค้างฟ้าจนเข้าสู่กลางทศวรรษที่ 60 มีเพลงฮิตๆ อย่าง Busted, You Are My Sunshine, Take These Chains From My Heart และ Crying Time แม้ว่าปัญหาติดเฮโรอีนจะทำให้หน้าที่การงานของเขาสะดุดช้าลงไปเล็กน้อยก็ตาม งานของเขาในช่วงนี้ยังไม่ได้เน้นความเป็นโวลร็อคสักเท่าไร หากแต่มุ่งไปทางกลุ่มคนฟังเพลงป็อปเบาๆ โดยใช้กลุ่มเครื่องสายเข้าช่วย อย่างไรก็ตาม ความเป็นร็อคแอนด์โรลของ เรย์ ได้ส่งอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นใหม่อย่าง สตีฟ วินวู้ด และ โจ ค็อกเกอร์ ส่วนสไตล์การร้องของเขาก็ไปปรากฏเป็นเงาของ แวน มอริสัน เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เรย์ นั้นก็เป็นเหมือนเสาหลักทางดนตรีของอเมริกัน ถึงแม้พลังเสียงของเขาจะด้อยลงไปในงานยุคหลังๆ ทศวรรษที่ 60 แต่แฟนเพลงนับล้านคนก็ยังคงรอคอยให้เขากลับไปร้องเพลงโซลอันเป็นที่สุดของเขาเมื่อช่วงปี 55-65 แต่เขากลับไม่ยี่หระ เพราะเขาไม่ได้สาบานตัวต่อแนวดนตรีแนวใดแนวหนึ่ง ความสนใจของเขามีมากมายเหนือโลกแห่งเสียงเพลงใบนี้ เขายังรักเพลงแจ๊ส, คันทรีและป็อป ในปี 2002 เขายังออกผลงาน Thanks For Bringing Love Around Again ด้วยสไตล์ครอสโอเวอร์แบบของตัวเอง ปีถัดมาเขาจึงได้มาทำอัลบัม Genius Loves Company หลังจากการผ่าตัดสะโพกในปี 2003 ทำให้การออกทัวร์ทั้งหมดหยุดชะงักลงไปในเดือนมีนาคม ปี 2004 แล้ว หลังจากนั้นเพียงแค่ 3 เดือน นักร้องผู้ยิ่งยงก็ลาจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา หากแต่ชื่อของเขายังคงอยู่อย่างถาวรที่ฮอลลีวู้ด วอล์ก ออฟ เฟม และอีกไม่นานนี้ภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตของเขาเรื่อง Ray นำแสดงโดย เจมี ฟ็อกซ์ จะออกฉายอย่างเป็นทางการปลายปีนี้ในสหรัฐอเมริกา
Ray Charles / Genius Loves Company Produced by John Burk, Phil Ramone Tracklisting; 1. Here We Go Again with Norah Jones 2. Sweet Potato Pie with James Taylor 3. You Dont Know Me with Diana Krall 4. Sorry Seems To Be The Hardest Word with Elton John 5. Fever with Natalie Cole 6. Do I Ever Cross Your Mind? with Bonnie Raitt 7. It Was A Very Good Year with Willie Nelson 8. Hey Girl with Michael McDonald 9. Sinners Prayer with B.B. King 10. Heaven Helps Us All with Gladys Knight 11. Over The Rainbow with Johnny Mathis 12. Crazy Love with Van Morrison
"I still find each day too short for all the thoughts I want to think, all the walks I want to take, all the books I want to read, and all the friends I want to see." John Burroughs