Bloggang.com : กุ๊ดจัง : ไม่ใช่เกาเหลา คล้ายจะเป็นเกาหมี แต่คือ เกาหลี ภาค 1(Cheong Wa Dae/พระราชวัง Gyeongbokgung / lotte world)

ไม่ใช่เกาเหลา คล้ายจะเป็นเกาหมี แต่คือ เกาหลี ภาค 1(Cheong Wa Dae/พระราชวัง Gyeongbokgung / lotte world)

ออกตัวล้อฟรีก่อนเลยว่า ทริปนี้เป็น outing office ไปกันเกือบ 20 ชีวิตจึงไปกะทัวร์ที่ถึงแม้จะปรับโน่นเปลี่ยนนี่ได้บ้างแต่ก็ยังเป็นทัวร์ (ที่ตรูสาบานกะตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรว่าชาตินี้ไปเที่ยวจะไม่ไปกะทัวร์อีกแล้ว) เวลาอ้อยยิ่งละเลียดถ่ายรูป เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ นั่งพัก กินหนม มองดูผู้คนไม่ค่อยจะมี ต้องเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ว่าจะช็อบ รึจะนั่งดู รึจะกิน ในเวลาที่จำกัด ที่ละประมาณครึ่งชั่วโมงไปจนถึง 3 ชั่วโมง ดังนั้น ถ้าไปกับทัวร์และรู้แผนล่วงหน้า ให้ทำการบ้านไปก่อนในระดับหนึ่ง ว่าอยากไปที่ไหน และทำอะไรบ้าง ในเวลาที่จำกัดก็จะดีไม่น้อย จะได้เที่ยวได้ตรงจุดที่ตนเองต้องการ

ข้อดีของไปกะทัวร์ คือ เดินทางสะดวกสบาย ไม่ต้องห่วงต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น คิดแค่ว่า จะกลับไปจุดนัดพบยังไงให้ตรงเวลาเป็นพอ
มีอาหารการกินทุกมื้อ ไม่ต้องอดๆ อยากๆ แขวนท้องไส้กิ่ว หรือสุ่มไปเจอร้านที่ไม่อร่อย กินไม่ได้
มีไกด์ที่คอยแนะนำโน่นนี่ให้ (มั่วบ้าง จริงบ้าง โม้บ้างก็ทนๆ ฟังไป หลับไป)
มีที่ซุกหัวนอนแน่นอน

ข้อเสียคือ ถึงแม้ไกด์จะบอกไม่รีบ ไม่เร่ง แต่ คุณจะโดนต้อนนนหน้าตอนหลัง ให้อยู่ในฝูง แตกฝูงออกไปมากไม่ได้
ต้องตรงต่อเวลา เพราะมีอีกหลายสิบชีวิตรอคุณอยู่ เพราะฉะนั้น จะเดินทอดน่องที่ไหน ต้องเผื่อเวลาเดินกลับมาที่จุดนัดพบให้ทันด้วย
ทัวร์บางที่ ก็พาไปลงร้านอาหารทัวร์มหาชน ซึ่ง การันต์ตีว่ามีอาหารกินได้ แต่ไม่ได้การันต์ตีความอร่อย ยิ่งถ้ามีเด็ก ควรรีเควสเมนูเผื่อเด็กไปตั้งแต่แรก หรือ ถ้ามีโอกาสแวะมินิมาร์ท ก็ซื้ออาหารเก็บไว้ให้ตอนมื้ออาหารได้เลย เพราะส่วนใหญ่ อาหารเกาหลีจะเผ็ดๆ ถ้าไม่ใช่เมนูจ้มร้อนๆ ก็จะกินแบบเผ็ดแต่เย็นชืดๆ
เวลาเที่ยว ไม่สำคัญเท่าเวลากิน เพราะเมื่อไปหลายๆคนจะหาร้านอาหารกินยาก ต้องตรงเวลาไม่งั้นรอนาน อดกิน จึงต้องจำกัดเวลาเที่ยว เพื่อเวลากิน ไปๆมาๆ รู้สึกว่าการกินอาหารเป็นภาระกะชีวิตมาก ในขณะที่อยากเที่ยวอยากเดินชีลๆ ฝูงชนก็ไกด์โดนกวาดต้อนนนให้กลับ และไปกินๆๆ (อะไรวะ เพิ่งกินไปเมื่อกี้ กินอีกละ ยังไม่ได้ย่อยของเก่าเลย)

กรุณาทำใจก่อนมาฟังเรื่องเล่าของคนไปเกาหลี แต่ว่า
- ไม่อินซีรีย์เกาหลี (ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่ไม่กล้าดู กลัวติดงอม และไม่ชอบดราม่าเลิฟหวานแหวว ไม่ชอบผู้ชายหน้าแต๋ว เคร๊)
- ไม่ชอบกินกิมจิ(เขี่ยทิ้งให้คนอื่นกินตลอด ไม่กินเผ็ด
- ไม่รู้ไรเกี่ยวกับเกาหลีมากนัก (แต่มีเพื่อนเกาหลีเยอะอยู่นะ)
- ไม่เคยหาข้อมูล และไม่เคยคิดว่าจะไปเกาหลี

(แล้วจะเหลืออะไรให้ตื่นเต้นล่ะเนี่ย...แหะๆๆๆๆ)

การเดินทาง ทริปนี้ใช้เวลา 4 วัน 3 คืน ไม่รวมเดินทาง ไฟล์ทเกาหลี Business Air (8B) ออกเดินทางในตอนกลางคืน ถึงเช้าตรู่ และขากลับ ออกตอน 5 โมงเย็น (วันสุดท้ายจึงจะมีเวลาเที่ยวแค่ ครึ่งวัน เพราะตอนบ่ายต้องเตรียมตัวไปสนามบิน) สรุปเบ็ดเสร็จ มีเวลาเที่ยวรวม 3 วันครึ่งเท่านั้น

เป็นทริปเน้นเดินตลาดช็อปปิ้ง จึงไม่ค่อยดูดดื่มประวัติศาสตร์สักเท่าไหร่ ทัวร์เป็นคนจัดตารางเที่ยวหลักๆ มีปรับเปลี่ยนบ้างตามความต้องการ ใครจะไปตามอาจจะเร่งรัด และมีเวลาเที่ยวน้อยเกินไป เป็นตารางเที่ยวที่ถ้าไปเอง ไม่แนะนำให้ทำตาม เพราะจะเหนื่อยโฮก ขาลากเกินไป

ข้อแนะนำเพิ่มเติม สำหรับหญิงสาวที่ไป(ชายหนุ่มไม่นับ) แล้วคิดว่า ไม่รู้จะซื้ออะไร ไม่อยากจะซื้ออะไรเลย และเป็นคนธาตุไม่แข็งพอ ขอให้แลกตังค์ไป อย่างต่ำ 10000-15000 บาท เหมือนความตั้งใจแรกอิชั้น คือ เครื่องสำอางค์ไม่ซื้อๆๆ จะซื้อที่จำเป็นเท่านั้นของเก่ายังใช้ไม่หมด จะเอามาทำไมอีกเยอะแยะ ของจุกจิก ไร้สาระ ไม่ซื้อๆๆๆๆ ไม่จำเป็นกับชีวิต เปลืองๆ เก็บตังค์ กะจะซื้อแต่ขนมและของฝากเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น ที่ไหนได้ เป็นไงล่ะ ล้มละลายกลับมา ต้องขอกู้เพิ่ม แถมรูดบัตรปรึ๊ดๆ ไปอีกต่างหาก อ๊ากกกกกกก T-T
(อัตราแลกเปลี่ยน 100 วอน คิดง่ายๆ ปัดเศษ ประมาณ 3 บาท 1000 วอนก็ 30 บาท ของส่วนใหญ่ก็หลักพันวอนขึ้นไป ท่องสูตรคูณแม่ 3 ไว้ให้แม่นๆ เน้อออ)

Zoning สถานที่ (วงกลมสีส้ม) แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของทริปนี้ ส่วนใหญ่ก้ออยู่ในโซลทั้งหมด แต่ วันสุดท้าย ต้องระเห็ดไปนอน ซูวอน (นั่งรถประมาณ ชั่วโมงนึง) เพราะโรงแรมในโซลเต็มหมด

ไกด์จัดโปรแกรมให้ตามนี้ เพื่อให้สะดวกเรื่องที่กิน และที่พัก สำหรับคนหมู่มาก อาจจะดูวกไปวนมาบ้าง ทั้งที่จริง บางที่อยู่ใกล้ๆ กันก็กระโดดข้ามไปมา -_-''
วันแรก
พระราชวังเคียงบอก>Lotte World> Apgujong >นอน Riverside Hotel ไม่ไกลจากสถานนี คังนัม (เผื่อใครจะไปเที่ยวกลางคืน)
วันที่สอง
Seoul Tower>Insadong>Dongdaemun>ร่องเรือแม่น้ำฮัน>นอน รร.ที่ไม่อยากจะจำชื่อ
วันที่สาม
Ewha Women University(Edae)>via Kyobo book store>Myeongdong>นอน ซูวอน
วันที่สี่
ศูนย์โสม(บังคับเข้า)>Hongik University (Hongdae)> สนามบิน

ออกเดินทางคืนวันศุกร์ตอนเที่ยงคืน นับเป็นวันเสาร์นะเคอะ อย่าละเมอ ใช้เวลาบิน 5 ชั่วโมง ถึงเกาหลีตอนประมาณ 7 โมงเช้า (เวลา เร็วกว่าบ้านเรา 2 ชั่วโมง GMT+9 )
8B เป็นสายการบินที่ นั่งโคดดดเมื่อย ที่นั่งคับแคบ แต่อาหารมาจากครัวการบินไทย รสชาติจึงรับประทานได้ มีหมอนผ้าห่ม แต่ไม่มีผ้าปิดตา เดี๋ยวเปิดไฟ แจกน้ำ กว่าจะเก็บแก้ว กว่าจะหรี่ไฟ สักพักไม่ทันไหร่ เปิดอีกละ ทุกคนจึงหลับๆ ตื่นๆ สะบักสะบอมกันพอตัว

ออกจากสนามบิน เดินทางจากสนามบินอินชอน ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
10 โมงกว่าๆ ถึงจะได้เริ่มเที่ยวตามแผน ไกด์แจกหนม 1 อัน..

เริ่มจากสถานที่ตามวงกลมสีน้ำเงิน

Cheong Wa Dae หรือ บลูเฮ้าส์ (blue house)

บลูเฮ้าส์ หรือทำเนียบประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ เรียกชื่อบลูเฮ้าส์ตามสีของอาคาร หลังคาและตัวอาคารเป็นสีฟ้า เป็นสถานที่ที่ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ด้านหลังของตึกเป็นภูเขาที่ช่วยเสริม ฮวงจุ้ย ด้านหน้ามีลานกว้างและมีอนุสาวรีย์ รูปนกฟินิกส์เหยียบโลก สัญลักษณ์ของความเป็นอมตะ เปรียบเทียบกับคนเกาหลีที่ไม่ว่าจะเกิดสงคราม ต้องพบกับความลำบากสักแค่ไหน ถึงแม้คนในประเทศอยู่ในภาวะอดอยากแต่ปัจจุบันประเทศเกาหลีก็กลับมายืนหยัดและเจริญมั่งคั่งทางเศรษฐกิจติดอันดับต้นๆ ของโลก

ฟ้าใสๆ อากาศเย็นกำลังสบาย แดดอ่อนๆ อุณหภูมิ 20 กว่าๆ

ด้านหน้าอนุเสาวรีย์ มีพิพิธภัณฑ์ให้เข้าไปชมฟรี มีประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี พอหอมปากหอมคอ บุคคลสำคัญในแบ้งค์ต่างๆ และอื่นๆ

ต้องชื่นชมวิธีการจัดแสดง และการนำเสนอ เรื่องน่าเบื่อๆ ให้ดูไม่น่าเบื่อ ด้วยการฉายทีวีและอื่นๆ ผสมกันไป

แสงสวยๆ เน๊าะ

ทางเดินเชื่อมต่ออาคารจัดแสดง

นั่งรถต่อมาอีกนิด ในระยะเดินถึงกันได้ แต่มากะทัวร์เสมือนมีราชรถมาเกย รถโคชจึงพาไปส่งถึงหน้าประตูวังเคียงบอก (Gyeongbokgung) แต่เป็นด้านข้าง(ขวาของแผนที่)
เดินมาเจอพิพิธภัณฑ์คติชน National Folk Museum of Korea (ที่ไกด์ไม่ให้เข้า เพราะเวลาไม่พอ เดี๋ยวไปไม่ทันกินข้าว พาเดินต้อนหน้าต้อนหลังไล่ควายกันไป) ได้แต่ถ่ายรูปข้างนอก เลยไม่อินเท่าไหร่

เสียดายยย

หิน 12 ราศี ตามความเชื่อ ให้ไปอุ้มปีเกิดตัวเอง ส่วนปีชงให้ไปกดเอาไว้ จะได้เฮงๆ (พี่เก่งแนะนำว่า ให้ไปกดไว้ให้หมดทุกปีสิน่า เราจะได้เจริญที่ซู๊ดดดด ชะเอิงเอยย)

ดอกคอสมอสบานรับฤดูใบไม้ร่วง

เดินทะลุวัง แตะฝุ่นเป็นขบวน

ในที่สุด ก็เดินมาถึงหน้าวัง หินไรไม่รู้ ลืม 55555

คนเยอะ พอหลวมๆ แดดเริ่มร้อน มาไม่ทันดูสับเปลี่ยนเวรยามตอนประมาณ 11 โมง ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการดูพระราชวัง

เดินจากด้านหลังย้อนกลับมาด้านหน้า ที่ขายตั๋ว และถ้าใครอยากได้ digital guide เป็นหูฟัง ก็สามารถเพิ่มเงินอีกนิด ได้หูฟังที่เหมือนมีไกด์ส่วนตัว นำเที่ยวพระราชวัง (มาถึงแต่เหมือนไม่ถึงนะ ไม่ได้เข้าไปข้างใน โฮๆๆๆๆๆ)

ต่อจากพระราชวัง พวกเราที่ท้องใส้กิ่วมาตั้งแต่เย็นวันศุกร์ (ที่ซัดไส้กรอกเซเว่นกะข้าวกล่องเซเว่น เป็นมื้ออำลาเมืองไทยก่อนจะสปีดขึ้นแทกซี่ไปสนามบินแข่งกับสภาพฝนตกรถติดเย็นวันศุกร์อะนะ)

มื้อเที่ยงมื้อแรกของทริป คือ แท๊นแท่นนนน "หมูย่างเกาหลี"

เป็นร้าน local ที่ฟะร้ารีเควสไกด์ไปว่า ไม่เอาร้านรถทัวร์แห่กันไปกิน หวยจึงออกมาเป็นร้านนี้...อร่อยม๊ากกกกก เพราะอดอยากกันข้ามคืน ข้าวสวยร้อนๆ เนื้อหมูหมักเนื้อนุ่ม ติดมันกำลังดี จิ้มกับน้ำจิ้มคล้ายว่าจะเป็นเต้าเจี้ยว ผสมพริก(แต่ไม่เหม็น) เค็มๆ เผ็ดๆ เผลอๆ ก็จิ้มน้ำจิ้มแจ่วที่ไกด์เตรียมมาให้จากเมืองไทย วิธีกิน คือ เอาหมูจิ้มน้ำจิ้ม ห่อด้วยผัก ผักกาด หรือใบงา เอาเข้าปาก งั่มๆๆๆ แกล้มกับสลัดผักสดๆ อร่อยเริศ กิมจิ น้ำซุบสาหร่าย ซร๊วบบบบบบบ

อิ่มหมีพีมันกันเต็มคราบ แบกพุงโย้ๆ ไปออกกำลังต่อที่ Lotte World สวนสนุกขนาดย่อม ที่มีทั้งในร่มและเอ้าดอร์ ติดๆ กันยังเป็นห้าง Lotte และ Duty free อีกต่างหาก

ตุ๊กตาผ้าแสดงวิถีชีวิตคนเกาหลี จัดแสดงออกมาได้น่ารักมากกกกกกกกกก ละเอียดมากกกก ดูเพลิน

Note: Lotte World เป็นสวนสนุกขนาดไม่ใหญ่มาก มีของเล่นเด็กเล็กพอประมาณ ไม่เยอะ ของเล่นเด็กโตวัย5-6 ขวบ++ ที่ดูแลตัวเองได้แล้ว น่าจะเยอะกว่า มีลานไอซ์ตรงกลาง พร้อมทั้งร้านรวงขายของ ร้านอาหาร
เครื่องเล่นต้องต่อคิว เช่น วันที่ไปเป็นวันเสาร์ คนเยอะใช้ได้ ใช้เวลาต่อคิวนานเอาเรื่อง ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงไปจนถึง ชั่วโมงกว่าก็มี แถมชื่อเครื่องเล่น ก็เดายากอีกว่าเป็นรูปแบบไหน (ถึงจะมีคำอธิบายคร่าวๆในแผนที่ก็เหอะ) เอาเข้าจริงกว่าจะรู้ตัวอีกที ต่อแถวไปจนถึงหน้าสุดแล้วเพิ่งรู้ว่าเป็นรถไฟเหาะตีลังกา หรือแกรนแคยอน พร้อมป้าย you will get wet on this ride ไรแบบนี้ ถอยกลับไม่ทันแล้ว 555555
ชั้นล่าง เดินใต้ดิน สามารถเชื่อมต่อไปยังห้าง Lotte ได้ ใครไม่เล่นสวนสนุกก็แวะซื้อขนม เดินดูของ คล้ายๆ กับเซนทรัลบ้านเรานั่นแล

ปิดท้ายวัน ด้วยไก่ทอด KYOCHON ในอับกุจองแหล่งคนรวยของกรุงโซล (แต่เห็นว่ามีหลายสาขา เดลิเวรี่ด้วยงิ) สั่งแบบเผ็ดกับไม่เผ็ดปนกันมา จานนึงประมาณ 13000-19000 วอน อร่อยมว๊ากกกกกกกกกกกกกกกก กินแกล้มกับไชเท้าดองหวาน เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อออออออออ(ทำเสียงเอคโค่) ขนาดไม่กินเผ็ด ยังซู๊ดปากน้ำตาไหลพรากๆ ยัดไช้เท้าเข้าปาก แก้เผ็ด พร้อมกับแทะไก่กรอบๆนอก นุ่มใน..อูยยยย พูดละอยากกินอีก

หน้าตาในรูปอาจจะดูไก่ทอดบ้านๆ แต่อย่าเชื่อแค่เพียงรูปถ่าย......มันกรอบบบ เผ็ดๆ หวานๆ เค็มๆ กรุบกรอบหัวไช้เท้า ซิ๊ดดดดดดดด

กินเสร็จเดินๆๆ ไปร้านไอติม timeout เพื่อสาวกดาราเกาหลี จากร้านไก่ทอดเดินประมาณ 15 นาที ไกลเอาการ ย่อยอาหารไปในตัว

ค่ำคืนแรก นอนที่ Riverside Hotel (เขาว่า 5 ดาว) ใกล้ๆ อับกุจองนั่นแล ทุกอย่างโอเค ยกเว้นบอกว่ามี wifi แต่เอาเข้าจริงใช้ไม่ได้งิ

เป็นวันที่สลบเหมือด หลับเป็นตายหายห่วง รู้ตัวอีกทีนาฬิกาปลุกตอนเช้า แหะๆๆ