กุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




ไม่มีสาระ...จริงๆ นะ..

แต่ถ้าหลวมตัวมาแล้ว จะแอบอ่านก้อไม่ว่ากัน ถ้ารับแนวเถื่อนนิดๆ ถ่อยหน่อยๆ แต่จริงใจได้ ^_^

คิดถึง ถูกใจ ก้อเจิมกันสักนิดนุง แต่ถ้าไม่ถูกใจ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น ไม่ต้องเม้นไว้ให้เปลืองมือนะ ฮ่าๆๆ
HighStudio

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความ โดย littlemiumiu.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ www.littlemiumiu.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ www.littlemiumiu.com
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
28 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 
Wakayama : Japan ย้อนอดีตกว่าพันปี ใกล้เพียงแค่ปลายจมูก

น้ำพุร้อนที่ไหลท่วมท้น และความสวยงามอลังการของแม่พระธรณี  : วากายาม่า สโลแกนเค้าล่ะ

สวัสดีค่า....อะแฮ่มๆ วันนี้มาเที่ยวชมของแปลก ที่รับรองว่า ไม่มีที่ไหนในโลกเหมือน อันที่จริง แอบไปสำรวจเส้นทางมาตั้งแต่ต้นเดือนที่แล้วละ เพิ่งจะได้จรดปลายนิ้วเขียนเป็นเรื่องเป็นราว

ขอเวลาแก้ตัว 30 วินาที อันที่จริง ทริปนี้ เป็นทริปที่ฉุกเฉินสุดๆ ชนิดที่เรียกว่า ตัดสินใจจะไปตอนหกโมงเย็น ได้ตั๋วตอนสามทุ่ม บินตอนแปดโมงเช้า....เริ่ดปะล่ะ...ถึงแม้จะไม่ได้ทำการบ้านก่อนไป แต่ไปเสร็จกลับมาทำการบ้านก็ได้รสชาติไปอีกแบบ(เหนื่อยกันคนละแบบ 555) แต่ก็ทำให้มีเรื่องสนุกมากมายมาเล่าสู่กันฟังค่ะ เพราะญี่ปุ่นนี่ เจ้าแห่งตำนาน เรื่องราวพื้นบ้าน ทู๊กกอย่าง มีสตอรี่หมดทุกสิ่งอัน ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์ โลโก้ต่างๆ ของฝาก มาสคอต มีที่มาที่ไปทั้งสิ้น

ทริปนี้ ต้องขอขอบคุณสปอนเซอร์ใจดี อย่างการท่องเที่ยววากายาม่า และ ทราเวิลโปร  //www.travelprothai.com/

ทำไม วากายาม่าถึงใกล้แค่ปลายจมูกนะ

ด้วยทำเลที่ตั้งของจังหวัดวากายาม่าอยู่บนคาบสมุทรคิอิ ซึ่งเป็นคาบสมุทรที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น รายล้อมไปด้วยภูเขา มหาสมุทร และแม่น้ำ  จังหวัดวากายาม่าตั้งอยู่ทางทิศใต้ของภูมิภาคคันไซ บนเกาะฮอนชู  จะว่าไป นักท่องเที่ยวที่เคยเดินทางไปญี่ปุ่นอาจจะเคยไปเที่ยวในแถบนี้กันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโอซาก้า นารา ปราสาทโอซาก้า ย่านช็อปปิ้งอย่างชินไซบาชิ ทำให้หลายๆ คนอาจจะไม่ทราบว่า เมืองที่ห่างออกไปเพียง 75 กิโลเมตร อย่างวากายาม่า จังหวัดที่อยู่ติดกัน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 4000 ตารางกิโลเมตร อุดมไปด้วยมรดกโลกที่เก่าแก่ สถานที่สำคัญที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมกว่าพันปี มีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ออนเซน และกิจกรรมน่าสนใจหลายอย่าง วันนี้ เราจะมาพาเที่ยวไปพร้อมๆ กันค่ะ


ด้วยลักษณะทางภูมิประเทศของจังหวัดวากายาม่า เป็นแนวยาว ยื่นออกมาทางตอนใต้ของเกาะฮอนชู โอบล้อมด้วยทะเลทั้งทิศตะวันออกและตะวันตก จึงเป็นจังหวัดที่สามารถเห็นทั้งพระอาทิตย์ตกและพระอาทิตย์ขึ้นได้ในจังหวัดเดียวกัน  และการที่โอมล้อมไปด้วยทะเลทั้งสองข้างนั้น แน่นอนว่า ของดีประจำจังหวัด หนีไม่พ้น อาหารทะเลแน่นอน รับรองว่า กินกันจุใจ หายอยากเลยทีเดียว พร้อมทั้งของฝากจากทะเล อาหารสด อาหารแห้งให้ซื้อกลับบ้านมาเป็นของฝากได้อีกด้วย


ภูมิอากาศของวากายาม่า ค่อนข้างอบอุ่น ในฤดูร้อน อุณหภูมิประมาณ  20 ปลายๆ ถึง 30 องศา ฤดูหนาวจะไม่หนาวมาก อยู่ที่ประมาณ 0 องศา (หรืออาจจะติดลบ นิดหน่อยในบางปี) มีฝนตกช่วงเปลี่ยนฤดู ด้วยอากาศอบอุ่นนี้เอง วากายาม่าจึงผลไม้ขึ้นชื่อหลายชนิด สลับหมุนเวียนกันไปทั้งปี ที่ดังที่สุดเห็นจะเป็น ท้อ(โมโหมะ) และ บ๊วย (อุเมะ)  ที่ถูกแปรรูปมาเป็นของฝาก อาหารคาว อาหารหวานมากมาย  ผลไม้ตามฤดูกาลที่วากายาม่า ขึ้นชื่อมากๆ เช่น บ๊วย ลูกพลับ พลัม ท้อ ส้มแมนดาริน เป็นต้น 
จะเห็นว่า ไม่ว่าจะไปฤดูไหน วากายาม่า ก็อุดมสมบูรณ์ไปหมด



จังหวัดวากายาม่า ประกอบไปด้วยเขต สำคัญๆ ที่เราจะไปเที่ยวกันได้แก่ อ.เมืองวากายาม่า
โคยะซานและริวจิน  ฮงกุและชินกุ ไทจิ นาชิคัตสึอุระ คุชิโมโตะ ตามแผนที่เลยค่ะ 


ฤดูกาลท่องเที่ยว สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู ให้อารมณ์ต่างๆ กันไป ช่วงรอยต่อฤดู อย่างเดือน 
มค- กุมภาพันธ์ บรรยากาศหนาวๆ หิมะโปรยปรายลงจับตัวแต่ไม่หนาวจนเกินไป 0-10 C ถ้าไปช่วงนี้ เราคงจะได้เห็นมรดกโลก ในอีกบรรยากาศนึง คงจะมีเสน่ห์ไม่แพ้กันแน่นอน
ใบไม้ผลิ มีนาคม เมษา ชมซากุระ
ฤดูร้อน ช่วงต้นๆ ฤดูอย่างมิถุนา กรกฏา อากาศเริ่มอุ่นขึ้น ทำให้บรรยากาศป่าเขาบริเวณนี้ มีสีสันเขียวสด ฝนตกในบางวันทำให้ได้บรรยากาศ ชื้นชะอุ่ม ปนไอหมอก 
ฤดูใบไม้ร่วง ก็ไม่อยากจะคิดว่า จะสวยแค่ไหน ถ้าป่าทั้งป่าที่เราเห็น สลับสีเป็น เหลือง ส้ม แดงกันหมด 


ระยะเวลาในการเที่ยว 
วากายาม่า เป็นจังหวัดที่ค่อนข้างใหญ่ ประกอบไปด้วย เมืองสำคัญๆ หลายเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Hongu/ Kushimoto/Nachikatsuura/Shirahama  เป็นต้น ถ้าจะเจาะลึกกันเฉพาะวากายาม่าจริงๆ  ขอบอกว่า 4-5 วันกำลังดี หรือ ถ้ามีเวลามากกว่านี้ สามารถเจาะลึกสถานที่ไฮไลท์อื่นๆ ได้อีกเช่นกัน หรือจะมาซ้ำมากกว่าหนึ่งครั้ง เปลี่ยนฤดูกาล รับรองว่า ไม่มีเบื่อ 

แผนการเที่ยว 
วากายาม่า กำลังโปรโมทเส้นทางท่องเที่ยวให้กับชาวต่างชาติ นอกจากจะสามารถเดินทางไปเองได้สะดวกแล้ว กรุ๊ปทัวร์ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่อำนวยความสะดวกมากมาย ในเรื่องของการเดินทาง อาหาร และที่พัก บินตรงจากกรุงเทพ สู่สนามบินคันไซ ใช้เวลาประมาณ 6  ชั่วโมง จากนั้นใช้เวลาในวากายาม่า 4-5 วัน จากเหนือจรดใต้ ตะวันออกไปตะวันตก วันท้ายๆ สามารถแวะช็อปปิ้งในตัวเมืองโอซาก้า ได้อีกด้วย ถือว่าไปครั้งเดียวได้ครบทุกรส ไม่ว่าจะสัมผัสธรรมชาติ ป่าเขา วัด วัง หรือช็อปปิ้งในเมือง เที่ยวสวนสนุก แวะซื้อของฝากก่อนกลับบ้าน

วันแรกที่ไปถึง ขออนุญาตไม่นับ เป็นวันพักร่างให้ฟื้นจากการเดินทาง

วันที่ 2 Koyasan -> Hongu -> Katsuura
Koyasan : ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการเลือกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 2004  
Hi-light วัด Kongobuji  หรือจะใช้เวลาแบบเชื่องช้าใน Koyasan ใช้ชีวิตสงบ เรียบง่าย เปลี่ยนสถานที่ ได้ผ่อนคลายจากความเครียด นอนในวัดแบบโฮมสเตย์และลองลิ้มชิมอาหารมังสวิรัติในวัดก็ได้อีกอารมณ์นึง
Hongu : Kumano Hongu Taisha หนึ่งในสาม ศาลเจ้าหลักที่สำคัญตามความเชื่อของศาสนาชินโต ( อีกสองแห่งได้แก่ Kumano Hayatama Taisha และ Kumano Nachi Taisha ) ที่นี่จึงเป็นเหมือนศูนย์กลางของศาลเจ้ากว่า 3000 แห่งทั่วญี่ปุ่น 
Katsuura : Hi-light   Urashima Resort&Spa Hotel

วันที่ 3 Shingu ->Katsuura 
Hi-light  : ศาลเจ้าที่สำคัญอีกที่นึง ที่เป็นมรดกโลก คือ Kumano Hayatama Taisha , สวนโจฟุกุ และ Kumano Nachi Taisha  น้ำตกนาจิ

วันที่ 4 Taichi -> Kushimoto -> Shirahama
Taichi : Taichi Kujira Hama พิพิธภัณฑ์ปลาวาฬที่ใหญ่ที่สุดในโลก 
Kushimoto : โขดหิน Ashikuiwa , Kushimoto Marine Park พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งแรกของญี่ปุ่น , หน้าผา Sendaibeki , Engetsu เกาะแว่นตา 
Shirahama : ออนเซนกลางแจ้ง(โระเทนบุโร) ใช้ถังไม้ทำจากต้นบ๊วยหอมกรุ่น พร้อมชมวิวทะเล Nanki Shirahama Umedaru Onsen Hotel Seamore

วันที่ 5 Shirahama -> Wakayama City
Shirahama : ตลาดปลา Toretore market , ฟาร์มเมล่อน วัดโดโจ เก่าแก่ที่มีละครคาบูกิ, โรงงานโชยุ
Wakayama City : ปราสาทวาคายาม่า

วันที่ 6-7  Wakayama -> Osaka
เริงร่า ท้าความเสียว เที่ยวแบบเด็กๆ ที่ Universal Studio และช็อปปิ้งบนถนนสุดฮิป Shinsaibashi 

เตรียมแผนการเดินทางเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางกันเลยค่ะ
จากกรุงเทพ ถึงโอซาก้า บางคนอาจจะเลือกบินดึกถึงเช้า แต่เราเลือกบินเช้าถึงเย็น เพื่อที่จะได้มีเวลาชีลๆ และเก็บแรงพักผ่อน เที่ยวให้เต็มที่ในวันรุ่งขึ้น  ใช้บริการสายการบินไทย อาหารบนเครื่องก็อร่อยตามคำล่ำลือ คุ้นลิ้นคนไทย ข้าวหน้าปลาไหล..งั่มๆ 


ลงจากเครื่องบ่ายแก่ๆ นั่งรถไฟเปลี่ยนเทอมินัล มาผ่าน ตม. และรับกระเป๋า 
ไฟลท์ที่เราบินไปตอนนั้น ถือว่าเป็นไฟลท์แรกๆ ที่บินจากประเทศไทยไปญี่ปุ่นโดยไม่ต้องใช้วีซ่า
ขอบอกว่า ลุ้นระทึกไม่เบา แต่ก็ผ่านมาได้ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร ขอให้เตรียมข้อมูลเอาไว้ให้พร้อม ว่าเรามีเจตนาจะเข้าประเทศมาท่องเที่ยวจริงๆ นะ กลับเมื่อไหร่ จะไปไหนบ้าง พักที่ไหน พิมพ์เอกสารเหล่านี้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ เผื่อไว้ถ้าหากเจ้าหน้าที่ถาม เราจะได้ตอบได้ 

วันแรกที่ใช้นโยบายนี้ อาจจะมีตะกุกตะกักบ้าง เจ้าหน้าที่บางคนก็ลืมๆ บางคนก็มึนๆ เหมือนจะยังไม่ได้สติดีจากการเปลี่ยนกฏใหม่ไม่ถึง 12 ชั่วโมง แต่หลังจากนั้นคงดีขึ้น ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ 
ขอให้คนไทยร่วมมือ ทำตัวให้อยู่ในกฏระเบียบ กฏหมายบ้านเมืองและเคารพวัฒนธรรมอันแตกต่างของชาวญี่ปุ่นกันนะคะ เขาจะได้งดเว้นวีซ่าให้คนไทยไปตลอด อยากไปเที่ยวเมื่อไหร่ก็ไปได้ ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้ประเทศเขา  ประเทศใคร ใครก็รักเนอะ

6 โมงเย็น ฟ้ายังสว่างอยู่ เดินกันชีล ไปหาข้าวกิน ค่ำนี้เรานอนกันใกล้ๆ สนามบินค่ะ Star Gate Hotel ทำเลดีมาก เดินไปไม่ไกลเป็นแหล่งช็อปปิ้ง outlet ขนาดใหญ่ มีสารพัดแบรนด์เนมให้เลือกช็อบ (ปิดไวหน่อยนะคะ ประมาณสองทุ่ม) 

มื้อเย็นที่ริงกุ เอ้าท์เลท 
ทงคัตสึ เนื้อหมูบางนุ่มมากกกกกก แป้งกรอบ หอมมากกกกกกกกกกก กรอบสุดๆ กัดละดังกร่วบบบ ขนาดเป็นคนไม่ชอบกินของทอดๆ ยังกินแบบตาวิ้งๆ อร่อยลืมมม

กินเสร็จมีเวลาช็อปปิ้งต่ออีกนิดหน่อย ดูเหมือนว่าเหล่าบรรดาขาช็อบ เมื่อเจอริงกุเอ้าเล็ทก็แทบอยากจะหยุดเวลาเอาไว้เลย ใช้เวลาเดินสแกนดูว่ามีอะไรบ้าง ก่อนร้านจะปิด

เช้าวันใหม่ กับพละกำลังเต็มเปี่ยม วันนี้ ตามแผน ตอนเช้าไปแวะสวนโมโมะ (ลูกท้อ) จากนั้นต่อด้วยสถานที่ที่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของทริปเลยก็ว่าได้ค่ะ Wakayama เป็นเมืองที่มีวัด และศาลเจ้าเยอะมาก  อย่างที่ที่เราจะไปวันนี้ สถานที่ ที่ได้รับการยกให้เป็นมรดกโลกในปี 2004 สวยและเต็มเปี่ยมไปด้วยความขลังสมคำล่ำลือเลยล่ะ

คุณลุงเจ้าของสวนและลูกชายต้อนรับเป็นอย่างดี เนื่องจากช่วงเวลาที่เราไป ช่วงต้นเดือนกรกฏาคม ยังเป็นต้นฤดูของโมโมะ เค้าจึงยังไม่อนุญาตให้เดินเข้าไปในสวนเก็บลูกท้อได้ เพราะลูกท้อส่วนใหญ่จะยังไม่สุกดี กำลังเจริญเติบโต รอเวลาเก็บ ช่วงเวลาที่อร่อยที่สุดจะเป็นเดือนสิงหาคม เข้ามากินเหมาสวนแบบบุฟเฟ่ได้


ท้อลูกสีเหลืองอมชมพูใหญ่บิ๊กบึ้ม  ถ้าสีชมพูจะออกหวานกว่าค่ะ...โมโมะมีทั้งหมด 14 สายพันธุ์ สำหรับพันธุ์นี้ เป็นพันธุ์ มิซากะ  ต้นท้อนี้ เวลาสุก จะสุกพร้อมกันทั้งต้น และค่อยๆ ทะยอยไล่ไปทีละต้นๆ ทั้งสวน ชาวสวนจึงสามารถทะยอยเก็บผลผลิตออกมาขายได้เรื่อยๆ  วิธีการดูแลต้นท้อนั้น ปรกติ ดอกท้อจะบานหลังซากุระ คือช่วงประมาณเดือนเมษายน จากนั้นจะเริ่มติดลูก  พอติดลูก ชาวสวนเค้าจะปล่อยให้ลูกเริ่มโตนิดนึง อย่างสมมติว่า ต้นนึงมีทั้งหมด 400 ลูก เค้าจะคัดเอาลูกที่สวยที่สุด แข็งแรงที่สุดเอาไว้ เหลือแค่เพียง 1% ของทั้งหมด จากนั้นเฝ้าประคบประหงมเจ้า  1% ที่เหลืออยู่นี้เป็นอย่างดี 

โฉมหน้าผู้รอดชีวิต เติบโตอย่างเต็มที่ ไม่มีใครมาแย่งสารอาหาร


ลูกท้อที่เก็บมาใหม่ๆ จะยังกินไม่ได้นะคะ ต้องทิ้งไว้ให้ลิมต้นข้างนอกตู้เย็น ประมาณ 3-5 วัน ถึงจะกินได้ สามารถเก็บได้ 5-7 วัน จากนั้นค่อยเอาเข้าตู้เย็น ไว้ในตู้เย็น 1-2 สัปดาห์ เวลาจะกิน เอาออกจากตู้เย็นมาวางทิ้งไว้ ให้หายเย็นก่อนแล้วค่อยปอกเปลือกกิน 

อย่างท้อที่พวกเราได้ชิมนี้ ก็ไม่ใช่ท้อที่เพิ่งเก็บมาใหม่ๆ จะเป็นรุ่น 4-5 วันก่อนนั่นเอง...ก่อนกิน ล้างขนๆ ที่เปลือกนิดหน่อย ปอกเปลือกและรับประทานได้เลย เนื้อหวาน หอม ชื่นใจสุดๆ มารยาทเวลามาเที่ยวสวนผลไม้แบบนี้ ถ้าเค้าให้เก็บกินในสวน สามารถกินได้ไม่จำกัด แต่ ห้ามกินเหลือ!!! และห้ามเอากลับบ้านนะคะ  ถ้าจะเอากลับบ้าน จะต้องซื้อกลับต่างหาก ลูกโตๆ เกรดเอ  กล่องนึงบรรจุได้ประมาณ 5-6 ลูก ราคา 2000 เยน ถือว่าแพงพอสมควรเพราะเป็นต้นฤดูกาล เหมือนๆ บ้านเรานั่นแหละ ผลไม้ต้นฤดู

จุดหมายต่อมา Koyasan เป็นหมู่เทือกเขาสูง 900 เมตร มีทั้งหมด 8 ยอด เหมือนเป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางกลีบดอกบัว 8 กลีบ ถือเป็นดินแดนต้นกำเนิดพระพุทธศาสนานิกายชินงอนที่มีอายุเฟื่องฟูมากว่า 1200  ปี 

ในปี  1832 Koyasan มีวัดอยู่มากถึง 1812 แห่งเลยทีเดียว ต่อมามีไฟไหม้ และมีการยุบวัดเล็กๆ เข้าด้วยกัน  ณ ปัจจุบัน Koyasan มีวัดทั้งหมด 117 แห่ง เป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอนพุทธศาสนาในญี่ปุ่น 

ด้วยบรรยากาศสงบ ร่มรื่น ห่างไกลจากผู้คน พระสงฆ์สามารถบำเพ็ญเพียร ภาวนาได้อย่างสงบ ท่านพระนักบวช Kobo Daishi ผู้ก่อตั้งเมืองแห่งนี้ ถึงแม้ท่านจะจากไปกว่าพันปีแล้ว แต่ยังมีความเชื่อว่า ท่านยังคงบำเพ็ญเพียรอยู่ใน Okunoin (สุสาน) เพื่อช่วยให้มนุษย์ทุกคนหลุดพ้นและรอคอยยุคของพระศรีอริยเมตตรัย

Koyasan มีวัดและสถานที่สำคัญๆ เก่าแก่มากมายให้เราเที่ยวชมได้ทั้งวันค่ะ 
หรืออีกหนึ่งไอเดียที่ดี สำหรับการมาเที่ยว Koyasan และได้เปลี่ยนบรรยากาศ คือ สามารถสำรองที่ล่วงหน้า นอนในวัด(Shukubo)  มีวัดที่เป็นเหมือนโฮมสเตย์ อยู่ 52 แห่ง พร้อมอาหารอาหารมังสวิรัติ ที่เขาว่า อร่อยมาก ให้กิน 3 มื้อ ฟังดูชีลสุดๆ 

เส้นทางใน koyasan ด้วยความที่เราไปกับทัวร์ จึงสบายๆประหยัดแรงสุดๆ  รถบัสพาไป drop ตามจุดต่างๆ เริ่มตั้งแต่  
Daimon ประตูใหญ่ทางเข้าฝั่งตะวันตกของ Koyasan และไปต่อที่ Danjo Garan Complex  และ  วัด Kongobuji  และต่อด้วยเดินเท้าบนเส้นทางไป Okunoin 

Daimon ประตูทางเข้าใหญ่ ที่สร้างเมื่อศตวรรษที่ 12 และถูกย้ายมาสร้างขึ้นใหม่ที่ตรงนี้ในปี 1705 

หน้าประตูจะมีรูปปั้นหน้าตาดุดัน เรียกว่า Kongo-Rikishi สร้างในยุคสมัยเอโดะ เหมือนเป็นผู้พิทักษ์รักษาประตู ป้องกันสิ่งชั่วร้ายเข้ามาใน Koyasan  หลายๆ คนใช้เส้นทางเดินเท้าเริ่มจากตรงนี้ เดินแสวงบุญขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง Okunoin  เป็นระยะทางออกจะไกลหน่อย แต่คนญี่ปุ่นที่มาแสวงบุญเค้าก็เดินกัน ดูเดินเพลินดีนะคะ มีอะไรให้ดูตลอดทาง ทั้งวัด ทั้งวิว



รูปปั้นหน้าประตู


เส้นทางแสวงบุญ สำหรับคนเดินเท้า เรียกว่า Koya Choshi-michi Route  เดินจาก วัด Jisonin  ใน Kudoyama มาถึง Danjo Garan 


Donjo Garan Complex
ศาลาไม้ใหญ่หลักไว้สำหรับจัดพิธีสำคัญทางศาสนา Koran Hall  ส่วนเจดีย์สีแดง Konpon Daito ด้านในมีพระพุทธรูปสำคัญที่เป็นศูนย์กลางของศาสนาชินงอนประดิษฐานอยู่ด้านใน 



ลองดูภาพต่างฤดูกันบ้างสวยสุดๆ


วัด Kongobuji  ตั้งอยู่ใจกลางของ Koyasan อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ สร้างตั้งแต่ปี 1593 เก่าแก่ อลังการ 

จากนั้น รถบัส พาเรามาส่งแถวๆ Information Office แวะรับประทานอาหารกลางวันเอาแรงก่อนจะออกเดินเท้าต่อไปยังโอคุโนะ-อิง  

ขอบอกว่า "ขนลุก" ยิ่งเดินลึกเข้าไป ยิ่งรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 1200 ปีก่อนอย่างไรอย่างนั้น ถึงขนาดสะกิดให้คนข้างๆ ดู ตอนเดินผ่าน สุสานของท่าน Kobo Daishi ว่า อยู่ดีๆ ขนลุก ขึ้นมาซะงั้น!!! บรึ๋ยยยย

เส้นทางที่เดินไป Okunoin จะต้องเดินผ่านสุสานมากมาย เพราะเป็นเส้นทางแสวงบุญ เหมือนเส้นทางเดินไปสู่สวรรค์  คนที่เสียชีวิตแล้ว มักจะบอกลูกหลานให้ทำสุสานไว้ที่นี่เสมือนได้อยู่ใกล้สวรรค์  ยิ่งเดินใกล้เข้าไปเท่าไหร่ สุสานยิ่งเก่าเป็นหลักร้อย หลักพันปีมากขึ้นเท่านั้น


อันนี้ เป็นสุสานรอบนอก จะมีสุสานของบริษัทต่างๆ มาตั้งเอาไว้ บางบริษัทมีรูปพนักงานดีเด่นต่างๆ ที่ทำงานกับบริษัทและเสียชีวิตลง  หรืออย่างบางบริษัท ก็จะสร้างสุสาน เหมือนเป็นการไถ่โทษ ขอขมา อย่างเช่นในรูป บริษัทกำจัดปลวก สร้างสุสานปลวก เอาไว้ เพราะ ฆ่าปลวกไปเยอะ  สุสานจรวด ของบริษัทที่สร้างจรวด แล้วเค้าคิดว่า ตัวเองสร้างมลพิษเยอะ  สุสานสัตว์เลี้ยง...ส่วนรูปมุมขวา  สุสานยาคูลท์...อ่านไม่ออก แต่คุยกันเอาฮาว่าทำธุระกิจ กับจุลินทรีย์ เป็นสิ่งมีชีวิต อาจจะบาปก็ได้นะ เลยต้องสร้างสุสานขอขมา คาเซอิ ชิโรต้า ฮ่า...







ระหว่างทางเดินจะสังเกตเห็นพระพุทธรูปขนาดเล็ก สวมผ้ากันเบื้อน อยู่เป็นระยะๆ เป็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์ ชื่อว่า Jizo Bosatsu  เชื่อกันว่าเป็นผู้ปกป้องดูแลเด็กๆ ที่เสียชีวิตและไปอยู่ในปรโลก แทนพ่อแม่ คนที่นำผ้ากันเปื้อนมาผูกไว้ ก็คือพ่อแม่ที่สูญเสียลูกๆไปในวัยเด็ก 





เดินมาใกล้ โอคุโนะอิน หลังจากข้ามสะพานนี้ไป จะถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สวรรค์ ห้ามถ่ายรูปจ้า ขอบอกว่า บรรยากาศในโอคุโนะอิน และพื้นที่บริเวณนี้ ไม่เหมือนอยู่บนโลกมนุษย์จริงๆค่ะ ไม่แปลกใจว่าทำไมท่าน  Kobo Daishi ถึงเลือกเอาทำเลที่ตั้งแห่งนี้ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และมีนักบวชมากมาย เดินทางแสวงบุญมายังที่นี่ด้วยความเหนื่อยยากลำบาก  ต้นไม้สูงอายุเก่าแก่ไม่ต่ำกว่า 5-6 ร้อยปี สูงเสียดฟ้า อากาศเย็นชื้น สดชื่น แสงแดดอ่อนๆ ทอดทะลุลงมาตามแนวต้นสน ทั้งสนแดง ซีดาร์ cypress  ให้ความร่มรื่น  แอบวังเวงวิเวกเมื่อไล่สายตามาเจอสุสานที่ปกคลุมไปด้วยเฟริน มอส

ถ้ามาเดินกลางคืน....คงวิ่งป่าราบอะ 55555

ไม่อยากจะคิดว่า ถ้าเปลี่ยนฤดูลองมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี หรือ ช่วงฤดูหนาว ที่มีหิมะปกคลุมไปทั่วบริเวณ ที่นี่ จะสวยงามเหมือนสวรรค์ขนาดไหน  ถ้ามีโอกาส คงกลับมาเที่ยวที่นี่ฤดูอื่นอีกแน่นอนค่ะ 


ปิดท้าย อ่อยกันไว้ด้วย Koyasan ในฤดูต่างๆ

จากนั้นเราขึ้นรถบัสต่อเพื่อไปยัง Hongu ซึ่งมีสถานที่สำคัญ และเป็นมรดกโลกอีกที่ 
 Kumano Hongu Taisha เยื้องๆ ลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ของวากายาม่า  ที่นี่ เป็นหนึ่งศาลเจ้าใหญ่ ศูยบ์กลางของศาลเจ้ากว่า 3000 แห่ง เนื่องจากในศาสนาชินโต มีความเชื่อว่า ศาลเจ้า จะต้องย้ายที่ ทุกๆ 20  ปี เพื่อไม่ให้สิ่งชั่วร้ายตามหาเจอ อะไรทำนองนั้น ดังนั้น ทุกๆ ศาลเจ้าจะมีที่ว่างอยู่รอบๆ ย้ายไปย้ายมา  คนที่มาศาลเจ้า มักจะมาเพื่อทำพิธีมงคลต่างๆเช่น งานแต่งงาน วันเกิดครบรอบของเด็กๆ แรกเกิด(ไม่เกิน 1 เดือน) 3-5-7-9  ขวบ 

และที่นี่ ยังเป็นต้นกำเนิด ตำนานอีกา 3 ขา (yatagarasu)  ของศาสนาชินโต ถ้าใครเคยเห็นสัญลักษณ์นี้ที่ไหนนะคะ  ไม่ว่าจะสัญลักษณ์ทีมฟุตบอล เครื่องลางของขลังต่างๆ มีเรื่องเล่าโบราณนานมา ถือว่าเป็นตัวแทนสารจากพระเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ นำสารมาให้องค์จักรพรรดิ์ Jimmu ที่หลงทางอยู่กลางป่า และนำทางมาเจอ Kumano นี่แหละ (ถ้าลองไปเซริชกูเกิลดูดีๆ จะพบว่า น่าแปลกที่ความเชื่อเรื่องกาสามขา นี่มีมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ จีน อินเดีย เกาหลี โดยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ถูกค้นพบมากมาย) 






ปิดท้ายด้วยศาลเจ้าอันเก่า ก่อนที่น้ำจะท่วมแล้วย้ายไปเป็นอันใหม่ด้านบน  ต้นไม้เยอะมากกกกเลยเนอะ จ๋วย


สำหรับการท่องเที่ยววันแรก  จาก Hongu  เดินทางมาทางตะวันออกเฉียงใต้ นั่งรถต่อไปยัง Shingo
⁞คืนนี้เราจะพาไปพักที่โรงแรมที่ขึ้นชื่อว่า เป็นหนึ่งใน No.1 Ryokan in Japan มี  rotenburo อ่างอาบน้ำกลางแจ้ง ที่อยู่ในถ้ำ ฝั่งหนึงของภูเขาที่ติดกับทะเล  ฟังแค่นี้ ก็เคลิ้มมมมสุดๆ แล้วใช่ม๊า...

มามะ ตามมาตอนต่อไป



Create Date : 28 กรกฎาคม 2556
Last Update : 20 กันยายน 2556 1:02:57 น. 0 comments
Counter : 6843 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.