กุ๊ดจัง
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]




ไม่มีสาระ...จริงๆ นะ..

แต่ถ้าหลวมตัวมาแล้ว จะแอบอ่านก้อไม่ว่ากัน ถ้ารับแนวเถื่อนนิดๆ ถ่อยหน่อยๆ แต่จริงใจได้ ^_^

คิดถึง ถูกใจ ก้อเจิมกันสักนิดนุง แต่ถ้าไม่ถูกใจ มาทางไหนเชิญกลับไปทางนั้น ไม่ต้องเม้นไว้ให้เปลืองมือนะ ฮ่าๆๆ
HighStudio

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
บทความ โดย littlemiumiu.com อนุญาตให้ใช้ได้ตาม สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ www.littlemiumiu.com.
การอนุญาตนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในสัญญาอนุญาตนี้ อาจมีอยู่ที่ www.littlemiumiu.com
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
16 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กุ๊ดจัง's blog to your web]
Links
 

 

Dialogue in Office #6 ภาวะผู้นำ กับ 10 กฏแห่งความสุขที่พ่อรวยไม่เคยสอน

ขอรวบยอดเขียน 2 เรื่องรวมกันในคราวเดียว นอกจากวันนี้ที่ออฟฟิสมีวงไดอะล็อค แบบจริงจังกันสักที หลังจากเริ่มๆ ดมกลิ่นไดอะล็อคกันมาหลายสัปดาห์  ประกอบกับหัวข้อวันนี้ เริ่มต้นเรื่องราวเกี่ยวกับความเบื่อ  แต่วนไปวนมา แลนดิ้งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ passion ซะอย่างนั้น

สำหรับใครหลายๆคนที่ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าชีวิตเกิดมาทำไม  เราจะใช้ชีวิตไปวันๆ ให้มีค่ามากกว่าเดิมได้ยังไง กับการใช้ชีวิตกับครอบครัว ตื่นเช้ามาไปทำงาน กลับบ้าน...คุณค่าของชีวิตมันอยู่ที่ตรงไหน นั่นเป็นโจทย์ที่ต้องตั้งคำถามให้กับตัวเอง หรือใครหลายๆคน รวมถึงตัวเราเอง ที่หาความหมายในการใช้ชีวิต ค้นหาขุมพลังในการใช้ชีวิตของตัวเองเจอแล้ว บางครั้งหนทางมันก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบแบบที่เราคิดเสมอไป  

กว่าที่เราจะหามันเจอ ถ้าคิดว่ายากลำบากแล้ว หนทางที่จะนำไปสู่สิ่งนั้นสิ ยากลำบากกว่า

เมื่อเราพยายามหักร้างถางพงเพื่อสร้างเส้นทางไปสู่จุดหมาย  เรามองไปรอบๆ ว่าจะต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้างนำพาเราไปสู่เส้นทางนั้น เราจะใช้องค์ความรู้อะไรบ้างเป็นเข็มทิศให้เราไปถูกทาง  จะต้องการใครบ้าง เป็นเพื่อนร่วมทางไปพร้อมๆกับเรา 

บางครั้งที่แรงบันดาลใจหรือ การให้ความหมายในการใช้ชีวิตของเรามันยิ่งใหญ่มากๆ มากเกินกว่าที่เราจะสามารถทำได้ด้วยตัวเองลำพังนั้น จะมีทักษะอย่างหนึ่งที่เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน นั่นคือ ภาวะผู้นำ 

ฉันเริ่มได้กลิ่นทะแม่งๆ ว่า สงสัย จะหนีไม่รอดแล้วตรู สิ่งที่วิ่งหนีมาตลอด
ฉันเป็นคนประเภทไม่อยากรับผิดชอบผู้คน ไม่อยากอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง ฉันอยากทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ ขี้เบื่อ ขี้หงุดหงิด ถ้ามีงานไหนที่ทำงานคนเดียวแล้วมันจบๆ ไปได้คงจะดีไม่น้อย  ทุกครั้งที่อยากจะหันหลัง...ฉันจะพยายามทำงานหนักค้นลึกเข้าไปในจิตใจตัวเองว่า เพราะอะไร ทำไม  ฉันออกไปเสาะแสวงหาความรู้และเครื่องมือเพื่อช่วยในการขุดคุ้ย

เรื่องที่ฉันค้นพบเมื่อไม่นานนี้  ระหว่างทางการเรียนรู้ ขณะที่ฉันมีพลังล้นเหลือ ฉันได้พยายามถ่ายเทพลังนั้น ไปให้คนรอบข้างต่อๆไป และมันก็ได้ผล เมื่อฟันเฟืองตัวแรกขยับ  ฟันเฟืองตัวที่อยู่ข้างๆ เริ่มหมุนตาม เป็นทอดๆ ระหว่างนั้น เราเริ่มหมุนเร็วขึ้น เร็วขึ้น ในทีแรก ฉันก็ออกจะภูมิอกภูมิใจที่ฟันเฟืองมันเริ่มขยับไปในทิศทางที่ดี แต่มันเริ่มมีบางอย่างทำงานทะแม่งๆ กลิ่นมันเริ่มตุๆ ฉันเริ่มไม่แน่ใจ ได้แต่เก็บเอาไว้ในความคิด 

อยู่มาวันนึง ระหว่างที่ฉันออกไปสำรวจโลกกว้าง มีเหตุการณ์นึง ที่ทำให้ฉันคิดได้...
วันที่ฉันไปเป็นอาสามัครเป็น assist ในแลนด์มาร์คฟอรั่ม  ฉันเห็นคนคนนึง เค้าทำงานเร็วมากกก พยายามจะทำทุกอย่างให้เร็ว ไปหมด ตามที่ตัวเองต้องการ  แต่ความพยายามในการทำให้เร็วของเค้านั้น....ทุกคนรอบข้างหยุดหมด  ไอ่ที่นับๆ อยู่ต้องหยุดนับ เพราะเธอเข้ามาชี้ๆ สั่งๆ เปลี่ยนวิธี  นำเสนอว่า วิธีของเธอน่ะ เร็วกว่า จากนั้นเธอก็ย้ายทีไปอีกมุม พยายามไปเปลี่ยนๆ วงถัดไป...วงนั้นก็หยุดอีก  สิ่งที่ฉันทำ ก็คือ หลีกหนีความขัดแย้ง วิ่งเข้าหามุมสงบๆ ทำงานของตัวเองเงียบๆ ไป เอาเป็นว่า กุทำของกุดีแล้วกัน ส่วนไอเดียเธอจะเริศแค่ไหน ถ้าเธอจะตบตีกะคนรอบข้างซะขนาดนี้ล่ะก็...กุว่า ไม่เวริคชัวร์

ฉันเบรคทรูอะไรได้บางอย่าง จากเหตุการณ์นี้มาซะงั้น ไอ่กลิ่นตุๆที่ว่า ฉันรู้แล้วว่ามันคืออะไร เฮ้ย...ฟันเฟืองที่หมุนไป...ถ้าอยู่ดีๆ มีเฟืองตัวนึง มันหมุนเร็วผิดปรกติ  ผิดชาวบ้านอยู่ตัวเดียวหรือไม่กี่ตัว มันไม่ได้ทำให้เฟืองตัวอื่นหมุนเร็วไปพร้อมๆ กันหรอกนะ  แทนที่จะหมุน เฟืองอาจจะขบกัน แล้วหยุดหมุนทั้งระบบเลยก็ได้ เหมือนที่ assist คนอื่นหยุดทำงานนั่นเอง.....ฉันวิ่งกลับมาบอกน้องที่ออฟฟิสในวันรุ่งขึ้น ว่า ไอ่สิ่งที่เราคิดว่าน่าจะเวริค มันอาจจะไม่ใช่ละว่ะ  มันไม่ใช่เราดันทุรังหมุนไปคนเดียว นอกจากเราจะเหนื่อยเปล่า เฟืองหยุดหมุน หรือดีไม่ดี จะขบกันจนหักไปข้าง เครื่องจักรก็ไม่สามารถเดินได้อยู่ดีนะ และแล้ววันนี้ก็มีเสียงสะท้อนจากฟันเฟืองตัวอื่นๆ กลับมา เป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้แต่แรกนั่นแหละ ในความ work บางเรื่อง มันมีสิ่งที่ไม่ work มาด้วย ตุๆที่ฉันได้กลิ่นตอนแรกนั่นแหละ 

ดังนั้นโจทย์คือ เราจะทำยังไงให้คนอื่นๆ หมุนไปพร้อมกับเราต่างหาก...ภาวะผู้นำ แว๊บบเข้ามาในหัวอีกครา  แล้วมันต้องทำยังไงกันนะ

หลายวันต่อจากวันที่ไปช่วยงานฟอรั่ม ฉันไปสรุป การ assist  ทีมงานมานั่งคุยกันว่า อะไรที่มันเวริคและไม่เวริค  มันมีสิ่งที่ทำให้ฉันเบรคทรู เชื่อมโยงอีกเรื่องนึงเข้ากับไดอะล็อควันนี้
การที่ฉันวิ่งหนีความขัดแย้ง ถึงแม้ตัวเองจะมีไอเดียดีๆ เยอะแยะมากมาย แต่ก็คิดว่า ไม่เป็นไรมั้ง คงมีคนอื่นทำดีอยู่แล้ว คนนั้นก็ดูเก่งดีนี่ ปล่อยให้มันทะเลาะกันไปละกัน ผลลัพธ์ออกมาก็คงไม่ได้แย่ ถ้าพูดออกไปละขัดแย้งนี่ดิ เซ็งกว่า
หรือ เรื่องบางเรื่อง ที่เราไม่รู้ว่าคนที่เขาสั่งนั้น สั่งให้เราทำทำไม แล้วการไม่ถามนั้นเป็นหายนะมากแค่ไหน  รวมไปถึงบางทีไม่เคยรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำและไม่ทำมันมีผลกระทบอะไร ยังไงกับคนรอบข้าง 
หรือบางเรื่องไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นหน้าที่ต้องทำ ถ้าหากจะว่าไม่มีความรับผิดชอบก็ไม่ได้  ก็คนมันไม่รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างแต่แรก...

สิ่งนึงที่เป็นคำตอบของปริศนา คือ การเป็นเจ้าของ หรือ  ownership นั่นเอง... อีกหนึ่งคุณสมบัติของภาวะผู้นำ  คนเรา เมื่อเวลามีความรู้สึกเป็นเจ้าของอะไรแล้ว เขาจะทำทุกวิถีทางให้มันออกมาดีที่สุด พลาดน้อยที่สุด อะไรที่เขาควรจะรู้บ้างเพื่อป้องกันความผิดพลาดและเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของงาน เมื่อไหร่ที่มีความรู้สึกเป็นเจ้าของเกิดขึ้นมาแล้ว รับรองว่า ประสิทธิผลเกินคาด ความขัดแย้งลดลง เพราะทุกคนมีเป้าหมายเหมือนกันคือให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด
ดังนั้นเราจะต้องทำให้ฟันเฟืองอื่นๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่ง เป็นเจ้าของเครื่องจักรอันนี้ และหมุนไปพร้อมๆ กัน  

ฉันได้นิยามความหมาย ภาวะผู้นำขึ้นมาใหม่เพิ่มเติมด้วยตัวเองว่า  นอกจากส่งพลังไปให้แล้ว ฉันยังต้องส่งความรู้สึกการเป็นเจ้าของไปให้ด้วย มันไม่ใช่แค่บอกว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร  แต่มันเป็นการส่งต่อความรับผิดชอบ ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของไปให้คนคนนั้นในระดับที่สูงสุด

วันนี้หลังจากจบวงไดอะล็อค ฉันกลับมาบ้าน พร้อมคำสัญญาว่า จะอ่านหนังสือเล่มใหม่ของเรือรบ  10 กฏแห่งความสุขที่พ่อรวยไม่เคยสอน ใจจริง ฉันเหนื่อยๆ และเบื่อๆ มีหนังสือที่อ่านค้างไว้มากมายหลายเล่ม จนแทบจะไม่อยากเปิดเล่มใหม่ขึ้นมาอ่านด้วยซ้ำ แต่ด้วยมิตรภาพ และคำสัญญา บังคับให้ฉันแง้มหนังสือขึ้นมา...เอามันบทแรกนี่แหละ ขี้เกียจเลือก เหมือนฟ้าจะส่งคำตอบที่ฉันสงสัยมาให้ยังไงก็ไม่รู้....
กฏข้อที่ 1 การบริหารความขัดแย้ง  นี่มัน คุณสมบัติอีกข้อของผู้นำสินะ  
ที่ไหนมีคน ที่นั่นมีความเห็น ที่ไหนมีความเห็น ที่นั่นมีความแตกต่างทางความคิด  
ฉันอ่านกฏข้อแรกจบไปด้วยความรวดเร็ว เหมือนกำลังอ่านเฉลยสิ่งที่ฉันตั้งคำถามกับตัวเองเอาไว้ก่อนหน้านี้ แล้วคำตอบมันก็อยู่ในนั้น   ฉันเลยอดใจไม่ได้ ขอแง้มไปดู กฏข้อต่อไป 
กฏข้อที่ 2 ศิลปะการครองใจคน
ฉันอ่านไปอมยิ้มไป เห็นภาพตัวเองในอดีตโผล่ขึ้นมาเป็นฉากๆ เหมือนกัน  เด็กคนไทยในเมืองนอก คงหนีไม่พ้นการทำงานในร้านอาหารไทย แล้วเรื่องราวในหนังสือ มันช่างเป๊ะๆกับชีวิตฉันซะเหลือเกิน....รับออเดอร์ผิด ส่งให้พ่อครัวทำผิด เสริฟผิด เมนูผิด หมูสะเต๊ะเน่า ย่างไม่สุก คนที่ปกติ ทำกับข้าวไม่เป็นแต่ต้องเข้าครัวช่วยพ่อครัวทำอาหารพร้อมๆกันหลายเมนู  หัวอกเดียวกันแท้ๆ 5555
เสียดายที่เจ้านายฉันไม่ใช่เฮียไต๋  ฉันเลยไม่ค่อยมีความทรงจำดีๆ สักเท่าไหร่นัก
แต่เรื่องราวของเฮียไต๋ เจ้าของร้านอาหารไทยในเมืองยอร์ค สะท้อนให้เห็นหลายสิ่งหลายอย่าง หลายแง่มุม เติมเต็มสิ่งที่ฉันขาดหายไปและกำลังตามหาว่าฉันขาดอะไรไปนะ

เฮียไต๋มีสิ่งที่ฉันไม่มีเพียบเลยล่ะ....55555 
ฉันนึกว่าตัวเองเก่งแล้วนะนี่ แต่จริงๆแล้วไม่มีศิลปะการครองใจคนเอาซะเลย 

เอาเป็นว่า ฉันได้ขยายกรอบนิยามของคำว่าผู้นำออกไปอีกหน่อยแล้วล่ะ.....เชพกะทะเหล็กอย่างเฮียไต๋มีบาดแผลจากการทำกับข้าวมากมายแค่ไหน ฉันก็คิดว่า บาดแผลฉันก็อาจจะเหวอะหวะไม่ต่างกันนักหรอก  สู้ๆ










 

Create Date : 16 สิงหาคม 2556
1 comments
Last Update : 16 สิงหาคม 2556 0:57:54 น.
Counter : 2108 Pageviews.

 

รอดูย่างก้าวใหม่ กับการเบรคทรูครั้งนี้จ้า

 

โดย: เรือรบ IP: 1.20.1.191 16 สิงหาคม 2556 10:09:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.