Neothais : We will save the world


<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
27 เมษายน 2554
 

ร้องให้สอบผู้นำรัฐในรัสเซีย อาจเปิดเผยความลับกับเอเลี่ยน

นายอังเดร เลเบเดฟ ส.ส.รัสเซีย ทำหนังสือถึงประธานาธิบดีดมิทรี่ เมดเวเดฟ เรียกร้องให้สอบสวนกรณีที่นายกีร์ซาน อิลูมชินอฟ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐ " คาลมึคเกีย " สาธารณรัฐแห่งหนึ่งของรัสเซีย หลังจากที่นาย อิลูมชินอฟ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า มนุษย์ต่างดาวหลายตัว ที่เดินทางมากับยานยูเอฟโอ ได้แวะมาหาเขาที่อพาร์ตเม้นต์ของเขาในกรุงมอสโกเมื่อปี 2540



ประมุข สาธารณรัฐที่นับถือศาสนาพุทธในเขตทางใต้ของรัสเซีย ซึ่งรั้งตำแหน่งประธานสหพันธ์หมากรุกโลก เปิดเผยเรื่องการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาวด้วยสีหน้าจริงจังในระหว่างการ ออกรายการทีวีเมื่อปลายเดือนที่แล้ว

แต่ ที่ฮือฮามากกว่านั้นก็คือประเด็นที่นายเลเบเดฟ เรียกร้องให้ทางการสอบสวนว่า ระหว่างการพบปะกันครั้งนั้น นายอิลูมชินอฟ ได้เปิดเผยข้อมูลความลับของชาติให้กับมนุษย์ต่างดาวทราบหรือไม่

ใน หนังสือที่ส่งถึงผู้นำรัสเซีย นายเลเบเดฟ บอกว่าเขาอยากจะรู้ว่า นายอิลูมชินอฟ ได้แจ้งเรื่องการพบกับตัวแทนมนุษย์ต่างดาวให้กับประธานาธิบดีรัสเซียทราบ หรือไม่ และระหว่างการสนทนา มีการเปิดเผยข้อมูลความลับหรือไม่

ใน รายการโทรทัศน์ที่ออกอากาศไปเมื่อปลายเดือนเมษายน อิลูมชินอฟ บอกว่ามนุษย์ต่างดาวปรากฏตัวอยู่ในท่อโปร่งใสที่หน้าระเบียงอพาร์ตเม้นต์ของ เขาในกรุงมอสโก ตอนที่เขากำลังอ่านหนังสือ ดูทีวี และใกล้จะหลับ แต่ต่อมาก็รู้สึกเหมือนกับมีคนมาเรียก เขาบอกด้วยว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เห็นเหตุการณ์ 3 คน คือคนขับรถ รัฐมนตรีในรัฐบาลของเขา และผู้ช่วย

ที่มา//www.oknation.net/blog/print.php?id=594007


ประธานาธิบดีกับมนุษย์ต่างดาว

ก่อนจะตอบคำถามในส่วนที่ท่านคีร์ซานอยากรู้ในเรื่องที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับ ตัวไป เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า โลก และคำว่า มนุษย์ต่างดาว ตามหลักพระพุทธศาสนากันก่อน ซึ่งข้อมูลทั้งหมด ล้วนมีปรากฏอยู่ในตำราอรรถกถาต่างๆ เช่น อรรถกถาพระวินัย สมันตปาสาทิกาแปล อรรถกถามหาทานสูตร อรรถกถาขุททกนิกาย สุตตนิบาต รวมถึงคัมภีร์พระอภิธรรม เป็นต้น สำหรับคำว่า โลก หรือที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ตามหลักพระพุทธศาสนานั้น เราจะเรียกว่า ทวีป (คำว่าทวีปตามหลักพุทธศาสนานั้น ไม่ได้หมายถึงทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป หรือทวีปเอเชีย ตามที่พวกเราเข้าใจ)-โดยจะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดสี่ทวีป ซึ่งแต่ละทวีปจะประกอบด้วยทวีปน้อยเป็นบริวารอีกห้าร้อย (ซึ่งคนที่อาศัยอยู่ในทวีปน้อย จะมีรูปร่างลักษณะ รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ที่คล้ายๆกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในทวีปใหญ่)



สำหรับ ตำแหน่งที่ตั้งของทวีปทั้งสี่นั้น จะตั้งอยู่ระดับเดียวกันกับไหล่เขาพระสุเมรุ ซึ่งถือเป็นแกนกลางของจักรวาลตามหลักพระพุทธศาสนา โดยจะตั้งอยู่ในทิศทั้งสี่ คือ ทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อมีการสะท้อนแสงของรัตนะ (หรืออัญมณี)-จากไหล่เขาพระสุเมรุไปยังทวีปทั้งสี่ จึงทำให้สีของต้นไม้ ใบไม้ น้ำในทะเล รวมถึงมหาสมุทรและท้องฟ้าในแต่ละทวีป มีสีที่แตกต่างกันตามสีของรัตนะที่เกาะอยู่ตามไหล่เขาพระสุเมรุ



นอกจากนั้น ลักษณะใบหน้าของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปทั้งสี่ ยังมีลักษณะที่แตกต่างกันตามสัณฐานของทวีปนั้นๆ ดังต่อไปนี้ คือ

1.อุตตรกุรุทวีป จะตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ ซึ่งพื้นของทวีปนี้จะมีสีเหมือนทองคำ เนื่องจากมีแสงสีทองของอัญมณีจากไหล่เขาพระสุเมรุทางด้านทิศเหนือ สะท้อนไปยังอุตตรกุรุทวีป สำหรับมนุษย์ในทวีปนี้ จะมีใบหน้าเป็นรูปสี่เหลี่ยม โดยจะมีอายุยืนถึง 1,000-ปีเป็นปกติ ซึ่งมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในอุตตรกุรุทวีปนั้น จะมีคุณสมบัติที่พิเศษกว่ามนุษย์ที่อาศัยอยู่ในชมพูทวีป (โลกของเรา)-อยู่สามประการ ได้แก่



1.ผู้คนในอุตตรกุรุทวีป จะไม่ยึดถือหรือยึดติดเงินทองและทรัพย์สมบัติต่างๆของตัวเองว่าเป็นของตน(คือ ไม่ยินดียินร้ายในทรัพย์ที่มี)

2.ผู้คนในอุตตรกุรุทวีป จะไม่หวงแหนหรือยึดถือผู้นั้นผู้นี้ว่าเป็นบุตร เป็นภรรยา หรือเป็นสามีของตน (ประมาณว่า ถ้ามีผู้ใดมาขอบุตร ภรรยา หรือสามีของตนเอง แล้วผู้นั้นมาขอแบบถูกต้อง กล่าวคือ ไม่ได้ไปแย่งชิงใครมาหรือกระทำผิดศีลข้อที่สาม ก็จะยินดียกให้ด้วยความเต็มใจโดยไม่มีอาการหึงหวง คงอารมณ์คล้ายๆกับตอนที่พระเวสสันดรยกบุตรและภรรยาของตนเองให้กับผู้อื่น เป็นทาน)

3.ผู้คนในอุตตรกุรุทวีป จะมีอายุยืนยาวถึง1,000 ปี เป็นปกติ

2.ปุพพวิเทหทวีป จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเขาพระสุเมรุ ซึ่งพื้นของทวีปนี้จะมีสีเงิน เนื่องจากมีแสงสีเงินของอัญมณีจากไหล่เขาพระสุเมรุทางด้านทิศตะวันออก สะท้อนไปยังปุพพวิเทหทวีป สำหรับมนุษย์ในทวีปนี้ จะมีใบหน้าเหมือนมะนาวตัดครึ่งหรือพระจันทร์ครึ่งซีก โดยจะมีอายุยืน 700 ปีเป็นปกติ



3.อปรโคยานทวีป จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขาพระสุเมรุ ซึ่งพื้นของทวีปนี้จะมีสีดังแก้วผลึก เนื่องจากมีแสงสีใสๆของอัญมณีจากไหล่เขาพระสุเมรุทางด้านทิศตะวันตก สะท้อนไปยังอปรโคยานทวีป สำหรับมนุษย์ในทวีปนี้ จะมีใบหน้ากลมเหมือนดวงจันทร์วันเพ็ญ โดยจะมีอายุยืน 500 ปีเป็นปกติ



4.ชมพูทวีป คือ โลกที่พวกเราอาศัยอยู่ จะตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเขาพระสุเมรุ ซึ่งพื้นของทวีปนี้จะมีสีดังมรกต เนื่องจากมีแสงสีเขียวของอัญมณีจากไหล่เขาพระสุเมรุทางด้านทิศใต้ สะท้อนไปยังชมพูทวีป สำหรับมนุษย์ในทวีปนี้ จะมีใบหน้าเป็นรูปไข่ โดยอายุของมนุษย์ในชมพูทวีปนี้จะมีอายุไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับศีลธรรมของมนุษย์ในยุคสมัยนั้นๆ




หมาย เหตุ:ในยุคสมัยใดมนุษย์มีกาย วาจา ใจ ประกอบด้วยศีลธรรม อายุขัยของมนุษย์ในยุคสมัยนั้นก็จะยืนยาวเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ โดยจะมีอายุยืนยาวที่สุดถึงหนึ่งอสงไขยปี แต่ถ้าในยุคสมัยใดมนุษย์มีกาย วาจา ใจ ไม่ประกอบด้วยศีลธรรม อายุขัยของมนุษย์ในยุคสมัยนั้นก็จะลดน้อยถอยลงมาตามลำดับ จนกระทั่งมนุษย์มีอายุเพียงแค่สิบปี นอกจากอายุขัยยังไม่ แน่นอนเหมือนมนุษย์ในทวีปอื่นๆแล้ว รูปร่างลักษณะของมนุษย์ในชมพูทวีป ยังมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลแห่งกุศลกรรมและอกุศลกรรมที่แต่ละคนได้กระทำเอาไว้มา ส่งผล ส่วนมนุษย์ในอีกสามทวีปที่เหลือนั้น มนุษย์แต่ละคนจะมีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามดูดีไม่แตกต่างกันมากนัก ที่เป็นแบบนี้ก็เนื่องมาจากมนุษย์ในสามทวีปนั้น จะรักษาศีลและมีคุณธรรมในจิตใจเสมอกัน



ดังนั้น คำว่า มนุษย์ต่างดาว ตามหลักพระพุทธศาสนา จึงหมายถึงมนุษย์ที่อาศัยอยู่นอกชมพูทวีป อันได้แก่ มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในอุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีป และ อปรโคยานทวีป นั่นเอง ซึ่งมนุษย์ในทวีปทั้งสามนี้ เราสามารถเรียกสั้นๆตามหลักวิทยาศาสตร์และหลักดาราศาสตร์ว่า มนุษย์ต่างดาว ก็ได้ เพียงแต่รูปร่างลักษณะและที่อยู่อาศัยของมนุษย์ต่างดาวตามหลักพระพุทธศาสนา อาจจะมีความแตกต่างจากความเชื่อและหลักการตามหลักวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ เพราะฉะนั้น ถ้ามีใครถามว่า มนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริงหรือไม่ คุณครูไม่ใหญ่ก็คงตอบไปตามหลักพระพุทธศาสนาที่มีบันทึกในตำราว่า...มีอยู่จริง แล้วมันก็มีอยู่จริงๆเสียด้วย



สำหรับเรื่องราวที่ท่านคีร์ซานได้ประสบพบเจอกับมนุษย์ต่างดาวนั้น ไม่ใช่มีเพียงแค่ครั้งเดียว เพราะท่านคีร์ซานเคยเจอถึงสามครั้ง โดยสองครั้งแรกเป็นการพบเจอแบบผ่านๆ กล่าวคือ เห็นแค่ยานยูเอฟโอบินผ่าน แต่ในครั้งที่สามซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสิบสี่ปีที่แล้ว หรือประมาณปี พ.ศ.2540 ท่านคีร์ซานได้ประสบพบเจอกับมนุษย์ต่างดาวแบบเผชิญหน้า1 ซึ่งเรื่องราวที่ท่านคีร์ซานได้เล่าให้ฟังจากปากของท่านคีร์ซานเอง ในช่วงที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป ดังนี้...

เมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2540 ในขณะนั้น ตัวผมอายุ 35 ปี ในช่วงเวลาประมาณสักสี่ ห้าทุ่ม ผมได้อยู่ในห้องพักกลางกรุงมอสโค ซึ่งผมมีแผนว่าเวลาเที่ยงตรงของวันรุ่งขึ้นผมจะเดินทางไปคาลมิเกีย และในขณะที่ผมกำลังดื่มชาและพักผ่อนดูโทรทัศน์อยู่ในห้องพักซึ่งอยู่ชั้นบน สุดของตึก ผมก็ได้เผลอหลับไปในช่วงนั้น ทันใดนั้นเอง...ผมรู้สึกเหมือนมีคนมาผลักข้างหลัง พอผมลืมตามองไปที่ระเบียงหน้าห้องก็เห็นหน้าต่างเปิดอยู่ ผมจึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่หน้าต่าง ซึ่งตรงบริเวณหน้าต่าง ผมได้เห็นปล่องแสงที่มีลักษณะเหมือนท่อกลมใสอยู่ตรงหน้าต่าง จากนั้น ผมได้เดินไปตามปล่องแสงนั้น ซึ่งผมมองไม่เห็นใครแต่ก็เหมือนได้ยินคนเรียกชื่อของผม พอผมเดินไปจนสุดปล่อง ผมก็ได้พบกับมนุษย์ต่างดาวที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ และใส่ชุดคล้ายๆกับอุบาสก เพียงแต่เป็นชุดสีส้ม

เมื่อผมไปอยู่บนยานอวกาศแล้ว ผมสังเกตเห็นว่าตัวยานมีขนาดใหญ่พอๆกับสนามฟุตบอลถึงสามสนาม และมีมนุษย์ต่างดาวที่ใส่ชุดเหมือนๆกันอยู่เยอะมาก เท่าที่จำได้...บนยานมีสิ่งประดิษฐ์รูปทรงเรขาคณิตที่มีลักษณะและสีสันแตก ต่างกันไป นอกจากนั้น ผมยังเห็นอุปกรณ์ที่มีลักษณะเหมือนมอนิเตอร์หรือจอภาพที่ฉายภาพมนุษย์บนโลก ว่ากำลังทำอะไรอยู่ และในช่วงที่ผมอยู่บนยานนั้น มนุษย์ต่างดาวแต่ละคนก็กำลังพูดคุยกัน แต่ก็ไม่ได้สนใจผมมากนัก จากนั้น มนุษย์ต่างดาวคนหนึ่งได้พูดกับผมว่า “เราน่าจะไปด้วยกัน”

แต่ผมบอกไปว่า “ผมไม่อยากไป เพราะพรุ่งนี้ผมต้องเดินทางไปที่เมืองอลิสตา (เมืองหลวงของคาลมิเกีย)”

แต่เขากลับตอบว่า “เรากลับมาทันไม่ต้องเป็นห่วง”
ผมก็ตอบเขาไปว่า “ผมกลัวกลับมาแล้วทุกอย่างเปลี่ยนไป เพราะเวลาของคุณแตกต่างจากเรามาก เพราะหนึ่งชั่วโมงของคุณจะเท่ากับ 1,000 ปีของเรา”
จากนั้น ผมก็ถามเขากลับไปว่า “ทำไม คุณถึงไม่เปิดเผยตัว แล้วทำไม คุณถึงไม่ออกโทรทัศน์ถ่ายทอดบีบีซีไปทั่วโลก”
เขาก็ตอบมาว่า “มันยังไม่ถึงเวลา เพราะคนบนโลกยังเด็ก ความคิดยังไม่ถึงขั้น”
ผมก็ถามเขากลับไปอีกว่า “คุณรู้ได้อย่างไรว่า ความรู้ของพวกเราไม่ถึงขั้น เพราะเราก็มีเครื่องบิน มียานอวกาศ แล้วทำไมคุณถึงว่าเรายังเป็นเด็ก”

เขาก็ตอบมาว่า “มนุษย์บนโลกยังเป็นเหมือนเด็ก เพราะความรู้ที่คุณมีเป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก นอกจากนั้น พวกคุณยังชอบฆ่าฟันกันเอง แถมยังชอบฆ่าสัตว์ต่างๆเพื่อกินเป็นอาหาร แล้วพวกคุณยังชอบกินเนื้อกันเองอีกด้วย ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จึงทำให้ความคิดของพวกคุณยังคงดูป่าเถื่อน และยังไม่พร้อมที่จะรับรู้เรื่องราวแบบนี้”

แล้วผมก็ถามเขาไปอีกว่า “แล้วจะทำอย่างไรล่ะ มนุษย์โลกถึงจะพัฒนาความคิดได้เร็วขึ้น”

เขาก็ตอบว่า “พวกคุณต้องพัฒนาความดีขึ้นมา เพราะมนุษย์โลกในตอนนี้เหมือนเด็กห้าขวบที่ยังขับเครื่องบินเองไม่ได้” เขาเปรียบเทียบว่า มนุษย์โลกเป็นเหมือนเด็กเล็กที่ต้องค่อยๆโต ค่อยๆฝึก

ในช่วงที่ผมสนทนากับมนุษย์ต่างดาวนั้น ผมไม่ได้ใช้ภาษาอะไรเลย แต่ผมใช้วิธีส่งใจถึงกันแทน เมื่อถึงเวลาที่ผมจะต้องเดินทางกลับ เขาก็นำยานมาส่งผมที่ห้องพัก โดยใช้ปล่องแสงกลมๆส่งผมเหมือนตอนขามา คือ มาอย่างไรก็กลับอย่างนั้น ผมได้มาถึงที่ห้องพักในเวลา 11:00 น.ของวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2540 รวมเวลาที่หายไป ประมาณสิบสองชั่วโมง เวลาที่หายไปคืนวันเสาร์ ประมาณช่วง 22.00 น.‐23.00 น.กลับมาเวลา 11.00 น.ของวันอาทิตย์

เมื่อผมกลับมาถึงห้องพักของผมแล้ว ผมก็รีบล้างหน้าล้างตา อาบน้ำแต่งตัว เพราะเวลาเที่ยงตรงผมต้องรีบเดินทางไปที่สนามบิน และในระหว่างที่ผมเดินผ่านห้องครัว ผมก็ได้พบกับผู้ช่วยของผมสองคน และคนขับรถอีกหนึ่งคน ผมจึงได้สั่งให้พวกเขาไปเตรียมชาและบอกคนขับให้ไปเตรียมรถ พอผมพูดจบเท่านั้นแหละ ทุกคนต่างอยู่ในอาการตกใจมากว่า...ผมโผล่มาจากไหน เพราะก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างเข้ามาตามหาตัวผมในห้องพักแต่กลับไม่พบ ทันทีที่ผู้ช่วยของผมเห็นตัวผม เขาก็รีบเดินมาจับตัวผมดูว่าเป็นตัวจริงหรือเปล่า เพราะอยู่ดีๆผมก็ดันหายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วเขาก็ถามผมว่า “นี่ใช่คีร์ซานหรือนี่ คุณยังมีชีวิตอยู่หรือ คุณหายไปไหนมา”

ผมก็ตอบเขาว่า “ผมไปอยู่บนยานอวกาศ”
ผู้ช่วยของผมก็พูดกับผมว่า “คุณอย่ามาล้อเล่นสิ บอกมาซิว่าคุณไปอยู่ที่ไหนมา”

ในตอนนั้น เขาดูแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้เขาได้ไขกุญแจเข้ามาในห้องพักของผม แต่กลับไม่เจอตัวผม เมื่อหาผมไม่เจอเขาก็คิดว่าเขาคงจะต้องโทรศัพท์ไปแจ้งท่านประธานาธิบดีรัส เซียว่าผมหายตัวไป แต่ยังไม่ทันจะโทรก็กลับมาเจอตัวผมอยู่ในห้องน้ำ ซึ่งทำให้เขารู้สึกแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ทุกคนแปลกใจมากที่อยู่ดีๆผมก็หายตัวไป เพราะในระหว่างที่ผมพักอยู่ที่ห้อง ผมล็อคห้องเอาไว้ตลอด แถมหน้าต่างของห้องพักก็ห่างจากดาดฟ้าถึงห้าเมตร และในช่วงที่ผมหายตัวไปทีมงานทุกคนต่างก็เข้ามาช่วยกันค้นหาตัวผมในห้องพัก ตอนเวลา 10:30 น.แต่ก็ไม่พบ แต่อยู่ดีๆผมก็โผล่มาตอน 11:00 น.ในตอนนั้น ทุกคนโกรธผมมาก เพราะทุกคนคิดว่าผมเล่นซ่อนหา นึกว่าผมล้อพวกเขาเล่น ขนาดคนขับรถของผมยังโกรธ และไม่ยอมคุยกับผมถึงหนึ่งเดือน

แต่เมื่อผมเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ท่านปูติน (ประธานาธิบดีรัสเซีย วาลาดิเมียปูติน) ฟัง ท่านกลับเชื่อในสิ่งที่ผมเล่าว่าเป็นเรื่องจริง นอกจากนั้น ลูกสาวของท่านปูตินยังได้เชิญให้ผมมาเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังหลังจากนั้นอีก สามปี และในปีพ.ศ. 2542 ผมก็ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้กับสำนักข่าวบี บีซี ซึ่งทำการออกอากาศไปทั่วรัสเซีย นอกจากผมจะเล่าเรื่องนี้ให้ท่านปูตินฟังแล้ว ผมยังได้เล่าเรื่องนี้ให้กับท่านบอริส เยลซิน ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดีรัสเซียฟังอีกด้วย ซึ่งท่านเยลซินบอกว่า ท่านทราบแล้วให้ไปทำงานต่อ (แสดงว่าท่านเยลซินไม่ค่อยเชื่อ ซึ่งผิดกับท่านปูตินที่จดทุกคำพูดของผมเลย)

นับตั้งแต่วันที่ผมเจอมนุษย์ต่างดาวในครั้งนั้น ผมก็ไม่สูบบุหรี่และดื่มเหล้าอีก เลย อีกทั้งผมมีโครงการที่จะสร้างวัดที่ใหญ่ที่สุดในคาลมิเกียอีกด้วย และในช่วงสิบปีที่ผ่านมา หลังจากที่ได้พบกับมนุษย์ต่างดาว ผมได้สร้างวัดพุทธไปแล้ว 46 วัด สร้างโบสถ์คริสต์ไปแล้ว 20 โบสถ์

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว จากองค์การนาซา (NASA) มีสถิติว่า ในหนึ่งปีจะมีคนเห็นยานอวกาศ หรือสิ่งที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวประมาณ 4,000 ครั้ง อีกทั้งประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน แห่งสหรัฐอเมริกา กับ ประธานาธิบดีเบรสเนฟ แห่งรัสเซีย เคยปรึกษากันว่าจะไม่ส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์ เพราะทราบว่าบนดวงจันทร์ไม่มีมนุษย์ต่างดาว แต่ผมคิดว่าดาวที่ผมไปกับยานอวกาศเมื่อปี พ.ศ.2540 เป็นดวงจันทร์ ตั้งแต่ผมเจอยานอวกาศครั้งแรก หลังจากนั้นอีกสามสิบปี ผมไม่เคยเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้ใครฟังเลย

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมได้เล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้แชมป์หมากรุกคนหนึ่งซึ่งเป็นศาสตราจารย์ฟัง ภรรยาของแชมป์หมากรุกคนนั้นก็บอกผมว่า ตัวเธอก็เคยเห็นยานอวกาศเหมือนกัน จากจุดนี้ทำให้ผมคิดว่า คงมีคนเคยเห็นยานอวกาศมากมาย แต่ไม่กล้าพูดให้ใครฟัง

หมายเหตุ ข้อมูลที่กล่าวมาทั้งหมด เรียบเรียงมาจากคำบอกเล่าของท่านประธานาธิบดีคีร์ซานโดยตรง เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2553

จากรายงานการเกิด Crop Circles กว่า 10,000 ครั้ง พบว่า ในช่วงปลายปี พ.ศ.2523 (หรือค.ศ.1980) รูปแบบของ Crop Circles โดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นเส้นตรง ซึ่งจะออกมาคล้ายๆกับสัญลักษณ์ แต่ภายหลังจากปี พ.ศ.2533 (หรือค.ศ.1990) รูปแบบของ Crop Circles จะซับซ้อนมาก จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์ นอกเสียจากจะเป็นมนุษย์ต่างดาวทำขึ้น และถ้าหากเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวจริงๆ พวกเขาทำไปทำไม มันเป็นสัญญาณบอกอะไรต่อชาวโลก หรือว่าเป็นที่จอดอะไรหรือไม่

1เกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว ได้มีการแบ่งประเภท การเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาว เอาไว้ห้าระดับ ดังนี้

การเผชิญหน้าระดับที่หนึ่ง (Close Encounters of the First Kind) หมายถึง การที่ได้พบปะ หรือเจอะเจอ จานบินหรือมนุษย์ต่างดาวในระยะที่ห่างไกลออกไป ยกตัวอย่าง เช่น เห็นจานบินลอยอยู่บนท้องฟ้า หรืออยู่ห่างจากผู้ที่พบเจอ ในระยะประมาณ 50 หลา เป็นต้น

การเผชิญหน้าระดับที่สอง (Close Encounters of the Second Kind) หมายถึง การที่ได้พบปะ หรือเจอะเจอ จานบินหรือมนุษย์ต่างดาวคล้ายกับการเผชิญหน้าระดับที่หนึ่ง แต่อยู่ในระยะที่ใกล้ขึ้น ตัวอย่าง เช่น อาจพบเห็นจานบินที่จอดอยู่บนพื้น เป็นต้น

การเผชิญหน้าระดับที่สาม (Close Encounters of the Third Kind) หมายถึง การที่ได้เข้าไปในจานบิน จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม แต่สามารถจดจำประสบการณ์เหล่านั้นได้ อีกทั้งสามารถออกมาได้

การเผชิญหน้าระดับที่สี่ (Close Encounters of the Fourth Kind) หมายถึง การที่ถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป อาจจะถูกทดลองด้วยวิธีการต่างๆนานา แต่สามารถจดจำประสบการณ์เหล่านั้นได้ อีกทั้งสามารถออกมาได้

การเผชิญหน้าระดับที่ห้า (Close Encounters of the Fifth Kind) หมายถึง การที่มีการติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว ในระดับที่เรียกได้ว่า...เป็นกิจจะลักษณะ กล่าวคือ สามารถสื่อสารกันได้ความระหว่างมนุษย์โลกกับมนุษย์ต่างดาว

แต่ทว่า เรื่องราวที่ท่านคีร์ซานถูกมนุษย์ต่างดาวจับตัวไป ในทรรศนะของโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยานั้น ถ้าจะว่ากันไปแล้ว จุดเริ่มต้นก็มาจากอดีตเพื่อนรักของท่านคีร์ซานคนหนึ่ง ซึ่งในตอนนี้ เขาได้เป็นวิทยาธรอยู่ที่สวรรค์ชั้น จาตุมหาราชิกา เขาได้ทราบด้วยทิพยจักษุของตนเองว่า ท่านคีร์ซานกำลังจะถูกปองร้าย ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ เขาจึงรีบเดินทางมาที่ห้องนอนของท่านคีร์ซาน แล้วก็ได้ใช้ฤทธิ์ทำให้ท่านคีร์ซานผล็อยหลับไป จากนั้น เทพบุตรวิทยาธรท่านนี้ก็ได้ใช้วิชาบังตา มาบดบังกายหยาบของท่านคีร์ซานเอาไว้เพื่อพรางตาไม่ให้มีใครเห็น ซึ่งเป็นผลทำให้ท่านคีร์ซานแคล้วคลาดจากการถูกปองร้ายในครั้งนั้น

ที่มา//www.dmc.tv/


Create Date : 27 เมษายน 2554
Last Update : 27 เมษายน 2554 15:35:52 น. 0 comments
Counter : 8858 Pageviews.  
 
Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

Mr.Terran
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]




ซิดนี่ย์ เจ.แฮร์ริส เคยกล่าวไว้ว่า
"อันตรายที่แท้จริง ไม่ใช่อยู่ที่ว่า Computer จะเริ่มคิดเหมือนมนุษย์
แต่อยู่ที่ว่า มนุษย์ จะเริ่มคิดเหมือน Computer" ผลงานทุกชิ้นใน BLOG ขอสงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ห้ามมิให้ดัดแปลง ลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ยกเว้นบทความที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา New Document
New Comments
[Add Mr.Terran's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com