เรื่องลึกลับของสุขุม เชิดชื่น ตอนที่ 1
เช้าตรู่วันที่ 25 ตุลาคม 1996 วันนั้นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังขับรถเบ็นซ์คันงามออกจากประตูบ้านแถบห้วยขวาง....ทันทีที่กำลังจะหักพวกมาลัย เพื่อเลี้ยวรถออกไปยังหน้าปากซอย มุ่งสู่ถนนใหญ่ ท่ามกลางความสงบเงียบ จู่ๆ ก็มีมอเตอร์ไซต์สีแดงเข้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน คนหนึ่ง มันเปรียวปราดเข้าประกบติดข้างรถหญิงคนนั้นในทันที เธอหันไปมอง....ตามสัญชาติญาณ...และแว่บเดียว.....แว่บเดียวเท่านั้น.....สิ่งที่เธอได้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย....มันเป็นประกายสีส้มอมแดง ที่แลบเปรี้ยงปร้างออกจากกระบอกปืน เสียงของมันดังสนั้น ทั้งๆ ที่ใช้เครื่องเก็บเสียงก็ได้ กระสุนหลายนัดทะลุทะลวงใส่จุดตายของผู้หญิงคนนั้น มันสาหัสที่จะช่วยเหลือหรือเยียวยาเธอทัน และผู้หญิงคนนั้นก็ตายทันทีในวินาทีนั้น โดยไม่รู้เรื่องราวเธอทำผิดอะไร ทำไมเธอถึงต้องตาย และเมื่อเธอถูกพบศพ หลายคนแทบตกตะลึง เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดังของประเทศไทย เธอชื่อ พ.ญ,นิชรี มะกรสาร อาจารย์ประจำคณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาลัย หนังสือพิมพ์สมัยนั้นลงข่าวนี้ครึกโครมมาก เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งทำคดีนี้ จนสามารถจับมือปืนยกชุด แต่เรื่องมันไม่จบง่ายๆ แบบนี้ เมื่อมือปืนชุดนั้นต่างบอกเสียงเดียวกันว่า ผู้บงการคือ..............สุขุม เชิดชื่น ในวงการมือปืนนั้นมีกฎเหล็กอย่างหนึ่งนะครับ(วันหลังจะเอาเรื่องมือปืนไทยมาเล่าให้ฟัง) คือเวลาใครมาจ้างให้ฆ่าใครจะมีงานหนึ่งที่ไม่รับ คือ ไม่ฆ่าผู้หญิง ไม่ยิงผู้บุญคุณ มือปืนสมัยนั้นให้เหตุผลว่าผู้หญิงคือเพศแม่ของตนเอง และเป็นเหยื่อที่ไม่มีทางสู้ ยิ่งที่มีอาชีพที่มีเกียรติ เป็นอาจารย์ละก็ พวกตนก็ยิ่งไม่ทำ แต่........ดูเหมือนว่าคดีนี้จะข้ามเส้นของมือปืน คดีฆาตกรรมพญ.นิชรี มะกรสาร วิสัญญีแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นั้นเป็นข่าวโด่งดังมากครับ ถ้าใครที่อายุเท่าๆ ผมแล้วสนใจคดีไทยๆ ละก็ต้องรู้จักแน่นอน คดีนี้เกิดเมื่อวันที่ตวันที่ 25 ต.ค.2539 เวลาประมาณ 06.00 น. เมื่อมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ร่วมกันใช้อาวุธปืนสั้นออโตเมติกไม่มีทะเบียนขนาด 11 มม. ยิง พญ.นิชรี รวม 5 นัดจนถึงแก่ความตาย ขณะเดินทางไปทำงานยัง รพ.จุฬาฯ ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ ผบช.น.ขณะนั้น สั่งระดมชุดสืบสวนมือดีร่วมกันคลี่คลายคดี จนกระทั่งพบว่าการสังหาร พญ.นิชรี นั้นได้ทำแบบปัจจุบันเร่งด่วน แต่มีการวางแผนและติดต่อผู้ลงมือสังหารมาตั้งแต่ต้นปี 1996 แล้ว โดยผู้จ้างวานได้ติดต่อจ้างวานให้ จ.ส.อ.เมตตา เต็มชำนาญ และนายมงคล หรือหมง นกทอง ลงมือสังหารเหยื่อ ทว่า ผู้ได้รับการติดต่อ ทั้ง 2 คนไม่ตกลงยินยอมเพื่อการฆาตกรรมดังกล่าว ซึ่งผู้จ้างวานได้ติดต่อทีมสังหารชุดใหม่ จนกระทั่งทำสำเร็จ เมื่อ พญ.นิชรี ถูกสังหารในวันที่ 25 ต.ค.2539 ทิ้งช่วงมาราว 10 เดือน การคลี่คลายนคดีดำเนินไปอย่างคืบหน้า และเมื่อได้พยานหลักฐานชัดเจน ตำรวจจึงจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 4 คน ประกอบด้วย นายธนศักดิ์ ยิ้มดี หรือใหม่ (มือสังหารลั่นไกปืน) นายสราวุธ ไชยสิงห์ หรือตั๊ก (คนขี่รถจักรยานยนต์) นายชัชพัฒน์ จิตตธนากร หรือเซ้ง (ผู้จ่ายเงินค่าจ้าง-เสียชีวิตขณะพิจารณาคดี) นายวิเชียร จิตตธนากร หรือม้อน (คนชี้เป้าและติดต่อมือปืน) ทั้ง4 คนนั้นตำรวจใช้เวลาไม่ถึงสัปดาห์ในการตามหา เพราะวงในของมือปืนมันตามหาง่ายอยู่แล้ว รวมทั้งพยานในที่เกิดเหตุ รูปพรรณสัณฐาน อาวุธ เป็นเครื่องชี้ไปยังผู้ต้องหา 4 คนนี้ ภายหลัง 4 คนนี้ถูกจับ และสอบสวน ทุกคนให้การรับสารภาพ และซัดทอดโดยตรงไปยังผู้จ้างวาน และเมื่อตำรวจได้ยินชื่อผู้จ้างสาน ตำรวจถึงกับตะลึง เพราะคนจ้างวานมีอาชีพเป็นถึงสมาชิกสภาผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง นายสุขุม เชิดชื่น ซึ่งดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อันเป็นวุฒิสมาชิกที่มาจากการแต่งตั้งชุดสุดท้ายในสมัยรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา ในขณะนั้น การจับกุมนายสุขุม ซึ่งดำรงตำแหน่ง ส.ว.นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากอาชีพนี้มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และวุฒิสภายังไม่อนุญาตให้ตำรวจดำเนินคดีต่อนายสุขุมอีก ทำให้ตำรวจต้องรอเวลาที่สว.ของสุขุม เชิดชื่นหมดสภาพจึงสามารถจับกุมได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ย้อนหลังคดนี้ว่า เป็นคดียากมาก ไม่ใช่ยากตรงที่ตามหาผู้ทำผิด แต่ยากตรงหาหลักฐาน ข้อมูลที่เชื่อมโยงต่างๆ ไปจนถึงมูลเหตุฆาตกรรม ยิ่งเป็นบุคคลสำคัญของประเทศยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะมีการวิ่งเต้นไปหาผู้หลักผู้ใหญ่เพื่อไม่ให้ตนเองได้ถูกจับกุม แถมยังถูกกดดันจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะจากฝ่ายผู้เกี่ยวข้องกับผู้ตาย ทั้งสมาคมวิสัญญีแพทย์ และสมาคมแพทย์ต่างๆ มากมาย เมื่อเวลาผ่านไปในที่สุด นายสุขุมก็สิ้นอิสรภาพ ถูกตำรวจควบคุมตัวมาดำเนินคดี ต่อมาญาติพยายามใช้หลักทรัพย์เป็นวงเงินถึง 30 ล้านบาทในการขอประกันตัว แต่ตำรวจไม่อนุญาต วุฒิสมชิก เป็นคนบงการสั่งมือปืนให้ฆ่าอาจารย์หมอหญิงได้ลงคอจริงๆ เหรอ?? เขาทำไปทำไม...ทำไปเพื่ออะไร?? อะไรเป็นสาเหตุให้นายสุขุม เชิดชื่น ต้องจ้างวานฆ่า พญ.นิชรี มูลเหตุแค่ พญ.นิชรี ปลดนายสุขุมออกจากตำแหน่งผู้จัดการโรงเรียนโรจนเสรีอนุสรณ์หรือ??........หรือประเด็นทางการเมือง.......แต่แค่นี้คงไม่ถึงกับทำให้นายสุขุมต้องจ้างวานฆ่า มันน่าจะมีอะไรที่ลึกลับซับช้อนมากกว่านั้น ซึ่งจะแก้คดีนี้ คงต้องย้อนกลับไปดูตัวตนจริงๆ นายสุขุมที่หลายฝ่ายให้การไว้เมื่อหลายปีก่อน.......... สุขุม เชิดชื่น ชื่อที่ดังคับฟ้าเมืองไทยหลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยของตำรวจว่าเป็นจอมบงการจ้างวานฆ่า แพทย์หญิงนิชรี มะกรสาร สังคมไทยสนใจในตัวเขามากขึ้นเป็นลำดับ เพราะ 1.เขาดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกชื่อดัง สายพรรคการเมืองของนายกรัฐมนตรี (นายบรรหาร ศิลปอาชา) 2.เขาเป็นนักธุรกิจระดับกลางชื่อดังในวงการร้านอาหาร ร้าน(ลูก)นายแกละ และโครงการพัฒนาที่ดิ 3.เขาเป็นหนุ่มรูปงามพราวเสน่ห์ เป็นที่สนใจของวงการสาวสังคมชั้นสูง ที่สำคัญร่ำลือกันว่า ผู้ชายคนนี้ผันตัวเองขึ้นมามีฐานะร่ำรวยได้โดยการมีสัมพันธ์กับ 2 แม่-ลูก สาวใหญ่ไฮโซ และส่งเสริมให้เขาได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ แท้จริงแล้วก่อนเหตุการณ์ฆาตกรรมแพทย์หญิงจะเกิดขึ้นนั้น มีคนรู้จักสุขุมไม่มากนัก และยิ่งน้อยลงไปอีกเมื่อเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีดังกล่าว มีการค้นประวัติว่าสุขุมคือใคร เขามาจากไหนก็พบว่ามันลึกลับ ซ่อนเงื่อนยิ่งขึ้นไปอีก ว่าเขาคือใครกันแน่??... กล่าวกันว่าประวัติชีวิตของสุขุม เชิดชื่น ในช่วงวัยเด็กจนถึงก่อนเข้าสู่วัยทำงานนั้นค่อนข้างมีประวัติเลือนลางและสับสน มีที่มาจากหลายแหล่ง โดยไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน ไม่มีคำยืนยันคำบอกเล่าจากนามบุคคลที่น่าเชื่อถือ แม้กระทั่งคนคุ้นเคยที่รู้จักเขามานานร่วม 20 ปีก็ยังปฏิเสธที่จะบอกเล่าเรื่องราวในส่วนนี้ ทำให้ไม่รู้ว่าเขาคือใครกันแน่ บางกระแสลือกันว่าเขาเคยเป็นจิ๊กโก๋หรือเด็กเลวที่เติบโตมาจากการเป็นเด็กขายหนังสือพิมพ์ข้างถนนตรอกจันท์ มีแหล่งกำเนิดในครอบครัวไหหลำที่ตั้งรกรากย่านซอยเจริญกรุง 85 หลังจากนั้นไปทำงานบริษัทชิปปิ้ง ก่อนไปขุดทองภาคใต้ในสมัยเหมืองแร่ เฟื่องฟูจนมีเงินทุนกลับมาเปิดบริษัทขนส่งในกรุงเทพฯ กระแสข่าวปีกนี้ระบุว่า เงินทุนหลายล้านบาทที่เขานำกลับมาเป็นเงินที่ได้มาอย่าง ผิดสังเกต จากคนงานกว่า 2,800 คน!!! จริงหรือเท็จก็อาจเป็นเพียงคำกล่าวที่ซ้ำเติมเขาเท่านั้น อีกเรื่องที่ยังสับสนคือประวัติการศึกษา โดยกล่าวในท่วงทำนองเดียวกันในช่วงต้นว่า เขาเป็นคนจังหวัดสมุทรสงคราม มีพ่อทำธุรกิจโรงเลื่อยและเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ แต่ประเด็นที่ขัดแย้งกัน คือ หลังจากนั้นเขาไปศึกษาต่อต่างประเทศจบปริญญาตรี จากสิงคโปร์ ขณะที่บางแหล่งบอกว่าเขาจบจากฮ่องกง และบางแหล่งบอกว่าเขาจบปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา? อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งสุขุมเคยกล่าวถึงชีวิตช่วงนี้กับผู้ร่วมงานในบริษัทเล็กๆ ที่เขาเลิกกิจการไปแล้วว่า พื้นเพเดิมเขาเป็นคนสมุทรสงคราม เป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน พ่อเป็นคนจีนมีอาชีพทำสวนมะนาว ตอนเด็กๆ เขาไม่ได้อยู่อย่างสบายต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก วิ่งเก็บมะนาวในสวนไปส่งตลาด ต่อมาบิดาขยับขยายอาชีพไปทำโรงเลื่อย และตัวเขาเองหลังจากจบการศึกษาในเมืองไทยแล้ว ทางครอบครัวส่งไปเรียนต่างประเทศ จนจบการศึกษาระดับปริญญาโทจากประเทศสหรัฐอเมริกาหลังจากจบการศึกษา โชติ เชิดชื่น ผู้เป็นพ่อให้เขาออกไปเก็บประสบการณ์ในการทำงานนอกบริษัทก่อนด้วยการเข้าทำงานเกี่ยวกับชิปปิ้งที่ท่าเรือคลองเตย ซึ่งนี้เป็นคำบอกเล่าสั้นๆ ที่ออกจากปากสุขุมเอง แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดยืนยันคำพูดของเขามากนัก โดยเฉพาะเอกสารการศึกษาในเมืองไทยไม่ปรากฏเด่นชัด หรือกระทั่งพื้นเพบ้านเกิดของเขาอยู่แห่งไหนกันแน่ ผมไม่รู้จักตระกูลเชิดชื่น ไม่รู้จริงๆ อาจจะเคยอยู่ในจังหวัดนี้แล้ว ผมไม่รู้ก็เป็นไปได้ วิโรจน์ ณ บางช้าง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดสมุทรสงคราม ผู้มีพื้นเพอยู่ในจังหวัดนี้กล่าวเป็นเสียงเดียวกับข้าราชการ, นักหนังสือพิมพ์ และนักธุรกิจเก่าแก่ของจังหวัดนี้หลายท่านว่า พวกเขาไม่รู้จัก ทั้งสุขม และโชติ เชิดชื่น ขณะที่กลุ่มนักธุรกิจโรงเลื่อยไม้เก่าแก่ซึ่งตามคำบอกเล่าของสุขุมว่า พ่อเขาทำธุรกิจโรงเลื่อยไม้ของจังหวัดสมุทรสงครามก็ไม่สามารถให้ความกระจ่างต่อเรื่องนี้ได้ โรงเลื่อยไม้ของจังหวัดสมุทรสงคามมีหลายโรงแต่ที่จัดว่าเก่าแก่และทำมานานจัดว่ามีเพียง 3 ราย คือ 1.โรงเลื่อยไม้เพ็ชรรัตน์ 2.โชติกพาณิชย์ และ 3.แสงวาณิชย์ 2 ใน 3 คือ โรงเลื่อยไม้เพ็ชรรัตน์ และโรงเลื่อยไม้โชติกพาณิชย์ กล่าวใน ท่วงทำนองเดียวกันว่า ในช่วงเวลา 30-40 ปี พวกเขาไม่เคยรู้จักคนทำไม้ชื่อ โชติ เชิดชื่น ขณะที่ทางด้านโรงเลื่อยไม้แสงวาณิชย์ซึ่งจัดว่าเป็นโรงเลื่อยไม้เก่าแก่และเป็นที่ชุมนุมของคนทำไม้ชาวจีน โดยภรรยาของสมชาย แสงวาณิชย์ เจ้าของกิจการกล่าวว่า ไม่เคยได้ยินชื่อโชติ เชิดชื่น หรือตระกูลเชิดชื่นอย่างแน่นอน แต่ให้ข้อสังเกตว่ามีความเป็นไปได้ว่าตระกูล เชิดชื่น อาจเคยอยู่ที่ อ.อัมพวา หรือ อ.บางคนที เพราะสองอำเภอนี้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว เคยนิยมปลูกสวนมะนาว และมีโรงเรื่อยไม้ชื่อพนาชัย ตั้งอยู่โดยมีหุ้นส่วนชาวจีนจำนวนมากเข้ามาถือหุ้น แต่เจ้าของกิจการไม่เคยมีชื่อโชติ และต่อมาได้ขายตกทอดให้กับผู้อื่น จนล่าสุดได้ขายให้กับคนกรุงเทพฯ และเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเลื่อยไม้บางคนที ซึ่งใกล้เคียงกับรายละเอียดตามที่สุขุมเคยกล่าวไว้มากที่สุด ความไม่ชัดเจนของประวัติแหล่งที่มาของ สุขุม เชิดชื่น ยังคงสับสนจับต้นจนปลายไม่ถูก ขณะที่ผู้ใกล้ชิดสุขุมให้ข้อสังเกตถึงชีวประวัติของบุคคลนี้ว่า อาจมีปัญหาเรื่องประวัติการศึกษา ทำให้เขาต้องโลโปรไฟล์ชีวิตประวัติในช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ในเมืองไทยทำให้ไม่มีใครรู้เรื่องส่วนตัวของเขาอย่างชัดเจน ความสับสนในประวัติส่วนตัวของสุขุมยังมีอีกหลายประการ คือ ผู้ใกล้ชิดระบุว่าสุขุมไม่ใช่ลูกคนเดียว แต่เขามีพี่น้อง 3 คน โดยเขาเป็นลูกชายคนโตและมีน้องสาวอีก 2 คน อย่างไรก็ตาม สำหรับประวัติตามบันทึกที่เขาเสนอต่อรัฐสภาในการอ้างเกียรติประวัติในการรับตำแหน่งวุฒิสมาชิก ซึ่งเป็นหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของเขาเพียงชิ้นเดียวได้บันทึกไว้ว่า สำหรับประวัติของ สุขุม เชิดชื่น ตามที่แจ้งไว้ในทำเนียบวุฒิสภาระบุว่า เกิดวันที่ 16 พฤษภาคม 2497 จบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ จากประเทศสิงคโปร์ มีอาชีพเป็นนักธุรกิจ มีตำแหน่งเป็นประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ขนส่งสินค้าแห่งประเทศไทย ที่สภาผู้ขนส่งสินค้าแห่งประเทศไทย ประสบการณ์เคยเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี ปี 2538 และงานอดิเรก คือ เล่นกอล์ฟ และแบดมินตัน แต่ที่น่าแปลก คือ ชื่อสภาองค์การนายจ้างผู้ขนส่งสินค้าแห่งประเทศไทย ที่เขาอ้างว่าเป็นประธานนั้น แต่เมื่อมีการตรวจสอบจากผู้ประกอบการรายใหญ่ทั้งทางน้ำและบนบก ไม่มีใครรู้จักองค์กรนี้! ภาพของสุขุมปรากฏชัดเจนมากที่สุดในช่วงเข้ามาทำงานบริษัทชิปปิ้ง ก่อนผันตัวเองไปมีความสัมพันธ์กับสองแม่-ลูกเศรษฐินีไฮโซ เจ้าของโรงงานผลิตถุงมือยาง และได้ส่งเสริมให้เข้าก้าวกระโดดขยายเครือข่ายธุรกิจออกไปอย่างมากในระยะ 10 ปีหลัง จากนั้นข้อต่อทางธุรกิจในส่วนนี้มีความชัดเจนหรือสับสนอย่างไร กรรณิกา อมตวณิชย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคความหวังใหม่ ผู้ซึ่งมีมารดาชื่อ สุวลัย อมตวณิชย์ อดีตเคยทำกิจการโรงงานผลิตถุงมือยาง และปัจจุบันมีสถานะเป็นแม่บุญธรรมของสุขุม เปิดเผยกับผู้จัดการรายสัปดาห์ ถึงเส้นทางดำเนินธุรกิจของสุขุมกับครอบครัวอมตวาณิชย์ว่า เริ่มขึ้นเมื่อประมาณปี 2520 โดยบริษัท ซีเคชิปปิ้ง อันเป็นบริษัทของโชติ เชิดชื่นซึ่งมีสุขุมเป็นผู้ดำเนินการ ได้เข้ามาทำธุรกิจส่งสินค้าให้กับโรงงานผลิตถุงมือยางของกลุ่มอมตวณิชย์ โดยทำหน้าที่จัดการออกสินค้าที่การท่าเรือเพื่อส่งออกไปยังประเทศเยอรมนี และอังกฤษ หลังจากนั้นไม่นานนักกลุ่มตระกูลเชิดชื่นกับอมตวณิชย์จึงได้ร่วมทุนกันทำธุรกิจโรงงานผลิตถุงมือยางโดยมีสัดส่วนการถือหุ้นฝ่ายละ 50% แต่หลังจากกิจการดำเนินงานไปได้ประมาณ 1 ปี กลุ่มอมตวณิชย์ได้ถอนหุ้นออกคงเหลือแต่กลุ่มเชิดชื่น กรรณิกากล่าวว่า หลังจากนั้นจึงได้มีการร่วมทุนทำธุรกิจอีกหลายอย่างเช่นร้านอาหารนายแกละโดยคงสัดส่วนฝ่ายละ 50% เช่นเดิม นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมทุนกันดำเนินกิจการโรงเรียนโรจน์เสรีอนุสรณ์ โดยแบ่งเป็นผู้ถือหุ้น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มฉลวย-พญ.นิชรี มะกรสาร 2.กลุ่มสุวลัย-สุขุม และ 3.กลุ่มปิฏฑะ-แสงทอง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจอื่นที่เธออาจไม่รู้เพราะไปอยู่ต่างประเทศหลายปี แต่เธอปฏิเสธข่าวความสัมพันธ์ระหว่างสุขุมกับเธอ และกับแม่ของเธอ โดยยืนยันว่าสองตระกูลนี้มีความสัมพันธ์กันสองอย่าง คือ 1.ทำธุรกิจร่วมกัน และ 2.สุขุมนับถือแม่ของเธอเป็นแม่บุญธรรมเพราะทำธุรกิจกันมานาน ให้ความเคารพซื่อสัตย์ต่อกันสม่ำเสมอ ไม่มีเป็นอย่างอื่นตามที่เป็นข่าว ในเส้นทางธุรกิจ จากธุรกิจแรกๆ คือ ธุรกิจผลิตถุงมือยาง ในนามบริษัท พาราวู้ด จำกัด การลงทุนเริ่มแรกได้ร่วมหุ้นกับ สุวลัย อมวณิชย์ เจ้าของกิจการลงทุนหลายอย่าง แต่เนื่องจากกิจการไม่ประสบผลนัก ผู้ถือรายอื่นได้ขายหุ้นให้กับสุขุมไปดำเนินการต่อว่ากันว่า สุขุมเติบโตในธุรกิจอย่างมากในยุคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟู โดยเครือข่ายธุรกิจในมือ สุขุม เชิดชื่น ที่เข้าไปลงทุนหลายธุรกิจประกอบด้วย ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ โครงการชะอำ รอยัล บีช โครงการพัฒนาที่ดินที่จังหวัดเพชรบุรี โดยเข้าร่วมหุ้นลงทุนกับ รศ.ฉลวย มะกรสาร แม่ของ พญ.นิชรี มะกรสาร โครงการรัชดา รอยัล ปาร์ค (สุขุม เชิดชื่นทาวเวอร์) เป็นอาคารสำนักงานสูง 15 ชั้น เป็นอาคารสำนักงาน ซึ่งทั้ง 2 โครงการยังไม่เสร็จเรียบร้อย บริษัท สุขุม จำกัด ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นที่ปรึกษาและรับวางแผนงานให้กับธุรกิจเรียลเอสเตท การเป็นนายหน้าซื้อขายบ้าน-ที่ดินธุรกิจขายรถยนต์ และให้บริการสินเชื่อลิสซิ่ง ได้แก่ บริษัท ออโต้บาห์น จำกัด ทำกิจการค้าขายรถยนต์โดยนำเข้ารถระดับหรูอย่างจากัวร์ เดมเลอร์ เบนซ์ มาจำหน่ายให้นักธุรกิจ เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ 2530 มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ในส่วนของการบริการสินเชื่อลิสซิ่งแก่ธุรกิจรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ใช้บริษัท มิลเลี่ยน กรุ๊ป จำกัด เข้าดำเนินการ ซึ่งบริษัทนี้ยังเข้าไปถือหุ้นในโครงการชะอำ รอยัล บีชด้วย ธุรกิจร้านอาหาร ร้านครัวอัปสร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนสุขุมวิท คือการเริ่มในกิจการประเภทนี้ ต่อมาได้เปิดร้านอาหาร นายแกละ ขึ้นที่ถนนรัชดาฯ โดยดึงเจ้าของร้านนายแกละเข้ามาเปิดดำเนินการก่อนที่จะโอนมาทำเองทั้งหมดในชื่อร้านลูกนายแกละ ธุรกิจนำเข้าและส่งออก บริษัท ซี.เค.รอยัล จำกัด ให้บริการด้านนำเข้าและส่งออกสินค้าหรือชิปปิ้งกับผู้ประกอบการ โรงเรียนโรจน์เสรีอนุสรณ์ ซึ่งเป็นการเข้าลงทุนร่วมกับ รศ.ฉลวย มะกรสาร นอกจากนี้ยังมีกิจการด้านหนังสือพิมพ์ที่เพิ่งจะล้มเลิกไปเนื่องจากไม่ประสบผลสำเร็จคือ หนังสือพิมพ์มหาราษฎร์ โดยใช้เงินไปประมาณ 10 ล้านบาท หนังสือพิมพ์ฉบับนี้มี ปรีชา สามัคคีธรรม อดีตนักข่าว และนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย เป็นบรรณาธิการ ซึ่งเป็นช่วงปลายของชีวิตเขา ก่อนจะเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้ และโครงการบริการขนส่งทางน้ำ โดยใช้เรือเฟอร์รี่รับส่งผู้โดยสารจากชะอำไปบางแสน แต่จนถึงขณะนี้โครงการดังกล่าวก็ไม่มีรูปธรรมชัดเจน การก้าวขึ้นมาสู่นักธุรกิจระดับพันล้านของ สุขุม เชิดชื่น จากพื้นฐานของครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวยนัก จนสู่เส้นทางความสำเร็จถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถในการบริหารคนหนึ่งหากดูจากการขยายเครือข่ายธุรกิจออกไป พนักงานผู้ใกล้ชิดกับสขุมเล่าให้ ผู้จัดการรายสัปดาห์ ฟังว่า การทำงานของเขาจะเป็นลักษณะ ONE MAN SHOW ตัดสินใจทุกอย่างด้วยความมั่นใจของตนเอง ออกจะเป็นคนที่ใจร้อนและชอบให้คนอื่นทำตามคำสั่ง ภาพโดยรวมการบริหารงานมีความสามารถระดับหนึ่ง โดยมีวาทศิลป์ในการโน้มน้าวเป็นตัวนำ ลักษณะนิสัยของสุขุมเขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน รวยด้วยน้ำใจ และพร้อมที่จ่ายหากเรื่องดังกล่าวนำมาซึ่งเป้าหมายที่เขาต้องการ ชอบให้ลูกน้องเอาใจ การใช้จ่ายเงินค่อนข้างมือเติบ โดยบุคลิกมีความเป็นเพลย์บอยอยู่ในตัว ว่ากันว่าครั้งหนึ่งเคยให้รางวัลนักร้องห้องอาหารเป็นพวงมาลัยคนเดียวถึง 3 แสนบาท และชอบนั่งรถโรลส์รอยซ์ที่มีหมายเลขทะเบียน 1111
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2553 21:47:59 น. |
|
1 comments
|
Counter : 8616 Pageviews. |
|
|
ทะลายปาล์มสำหรับเพาะเห็ดฟาง รวมทั้ง กะลาปาล์ม ไม้ฟืน ไม้ท่อน ปีกไม้
สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง สนใจติดต่อ คุณพรศักดิ์ โทร. 0827827128 หรือ
คุณเปิ้ล โทร.024150054 ต่อ 101 //www.asiabiomass.com