DR.MOO CAN DO
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
18 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
พันธุ์ สายทอง ฆ่าข่มขืนเด็ก

                สมัยก่อนตอนที่ผมอยู่ประถมนี้ คดีฆ่าข่มขืนเด็กถือว่าเป็นคดีที่สังคมได้ให้ความสนใจมาก เนื่องจากคดีที่ว่าเกิดขึ้นน้อย และเป็นเรื่องละอายมากถ้าเกิดผู้ใหญ่มีอารมณ์ทางเพศกับเด็กเพราะสังคมไทยเป็นสังคมปิดเรื่องเพศ พวกเซ็กต์วิปลาสแบบนี้ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม


                แต่เดียวนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เรื่องเพศกลายเป็นสิ่งที่อยู่คู่ในสังคมไทยอย่างแยกไม่ออก พอเราเปิดทีวี เรามักได้ยินคำว่า เกย์, เลสเบี้ยน บ่อยๆ และข่าวคดีฆ่าข่มขื่นเด็กแทบจะกลายเป็นข่าวปกติ สามัญธรรมดาเสียแล้ว เราฟังก็ไม่รู้สักอย่างไร ก็ไม่ใช้เรื่องของเรานี้น่า ฟังแล้วกินกับกาแฟตอนเช้านี้อร่อยเป็นบ้าเลย



 


                คดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่งในความทรงจำของผมครับ คุณอาจเห็นคดีนี้ธรรมดา เพราะว่าเดี๋ยวนี้ข่าวหนังสือพิมพ์มีแนวๆ แบบนี้เพียบ แต่สมัยก่อนคดีนี้ถือว่าเป็นคดีที่สังคมไทยสมัยนั้นสนใจมาก ข่าวต่างลงเรื่องนี้ราวกับนายพันธุ์ สายทองเป็นแพนด้ายังไงอย่างงั้น พร้อมกับประเด็นที่ว่า “สังคมไทยมันเปลี่ยนไปแล้ว”


            พันธุ์ สายทอง เป็นฆาตกรที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญที่สุดแห่งปี 2539(1996) เขาบุกเข้าไปโรงเรียรนวัดรวกบางบำหรุ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 เแขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ฉุด เด็กหญิงสุพรรณษ หรือน้องอ้อม ที่กำลังเดินมาเข้าห้องน้ำของโรงเรียน ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังในที่ลับตา เข้าไปขื่นใจและฆ่าปิดปากด้วยการบีบคอและจับหัวกดกับน้ำจนขาดใจตาย


            แต่เพียงวันเดียวตำรวจก็ตามจับกุมฆาตกรคนนี้ได้อย่างไม่คาดฝัน เพราะไอ้พันธุ์ถูกตำรวจในท้องที่จับได้ไว้ในคดีซ่องโจร และเมื่อมีข่าวพบศพน้องอ้อมเผยแพร่ไปตามสื่อทุกแขนง ทำให้ตำรวจควบคุมไอ้พันธุ์ไปสอบถามชื่อแซ่ ก็พบว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยคดีน้องอ้อม เรื่องก็เลยเป็นข่าวใหญ่โตในเวลาต่อมา


            5 กรกฎาคม 1996 วันนั้น เป็นเวลา  เวลาบ่ายโมงตรง นักเรียนโรงเรียนวัดรวกบางบำหรุพบศพน้องอ้อมนักเรียนชั้นอนุบาล 1/1 ในสภาพเปลือยนั่งพิงผนังห้องน้ำที่แยกออกไปจากตัวอาคารเรียนไม่ไกลนัก จากการตรวจสอบสภาพร่างกายพบว่า เด็กเคราะห์ร้ายถูกบีบคอจนเขียวช้ำ อวัยวะเพศมีร่องรอยถูกข่มขืนจนฉีกขาดและมีเลือดไหลอยู่ตลอดเวลา จากสภาพแวดล้อมที่เกิดเหตุชุดสืบสวนสันนิษฐานว่า เด็กเคราะห์ร้ายดิ้นรนทุรนทุรายก่อนเสียชีวิต เนื่องจากรองเท้ากระเด็นไปคนละทิศคนละทาง และเชื่อว่าคนร้ายน่าจะจับเด็กกดน้ำด้วย


            ลำพังเด็กหญิงวัย 4-5 ปีถูกขืนใจก็สลดพออยู่แล้ว แต่นี่กลับเกิดขึ้นภายในโรงเรียน ซึ่งต่อมากลายเป็นประเด็นแก่ผู้ปกครองออกมาร้องถามว่า “โรงเรียนกลายเป็นสถานที่ที่ไม่ปลอดภัยแล้วหรือ”


            หลังเกิดเหตุมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่เดินทางมาจำนวนมาก พล.ต.ต.ธวัชชัย พรหมประสิทธิ์ ผบก.น.ธนฯ(ในขณะนั้น) ได้สั่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมถึงสอบปากคำพยานในที่เกิดเหตุ ตั้งแต่ผู้ที่พบศพคนแรก ผู้อำนวยการโรงเรียน รวมถึงแม่ครัวของโรงเรียนอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญอย่างยิ่ง


            ห้องน้ำที่เกิดเหตุนั้นเป็นที่มีจุดอับมาก เพราะนอกจากจะตั้งอยู่หลังโรงเรียนแล้ว ยังมีการสร้างกำแพงปูนสูงท่วมหัวเป็นลักษณะบังสายตาจากบุคคลภายนอก มันจึงกลายเป็นจุดอันตรายมาก เพราะไม่ว่าห้องน้ำจะเกิดอะไรขึ้น คนนอกจะไม่มีทางรู้ได้เลย


            จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ว่ากรุงเทพฯ ในปีนั้น สั่งให้ตรวจสอบโรงเรียนในเขตรับผิดชอยทั้งหมด หากมีห้องน้ำลักษณะแบบนี้ให้ทุบทิ้ง เพื่อป้องกันเหตุแบบนี้เกิดขึ้นในอนาคต เข้าทำนองวัวหายแล้วล้อมคอก


            ในส่วนคดีตำรวจได้พบผู้ต้องสงสัยอย่างรวดเร็วผลการสืบสวนสอบสวนได้เบาะแสผู้ต้องสงสัยคือ "พันธ์ สายทอง" อายุประมาณ 30 ปี เป็นคนพื้นเพในวัดบางบำหรุ มีประวัติพัวพันยาเสพติดและที่สำคัญเพิ่งพ้นโทษออกมาได้เพียง 7 วันเท่านั้น โดยมีพยานหลายคนพบเห็นนายพันธ์ท่าทางมีพิรุธป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้โรงเรียนก่อนเกิดเหตุและเขาก็มีบ้านพักอยู่ใกล้โรงเรียน


                ชาวบ้านหลายคนที่อยู่ใกล้โรงเรียนเกิดเหตุให้การตรงกันว่าก่อนพบศพน้องอ้อม ได้พันธ์เข้ามาในโรงเรียนเพื่อหาพี่สาว ซึ่งเป็นภรรยาภารโรงและพักอยู่ในโรงเรียน โดยพี่สาวนายพันธ์ให้การว่าน้องชายมาหาจริงและขอเงิน 50 บาทจากนั้นก็กลับไป


            พยานที่เป็นชาวบ้านละแวกโรงเรียนระบุอีกว่า เห็นไอ้พันปีนออกจากโรงเรียนทางด้านหลังในจุดที่อยู่ใกล้ห้องน้ำที่พบศพน้องอ้อม จากนั้นก็เข้าไปภายในวัดรวกฯ ซึ่งอยู่ใกล้กัน ท่าทางลุกลี้ลุกลนก่อนที่จะหายตัวไป


                นายบรรหาร ศิลปะอาชา นายกรัฐมนตรี(ในขณะนั้น) ถึงกับเอ่ยปากคดีนี้เลยว่า ต้องเร่งจับกุมคนร้ายให้เร็วที่สุดและก็เร็วสมใจ เพราะเพียงวันเดียวเท่านั้นที่ไอ้พันธ์ก็ถูกตำรวจจับ แต่เป็นการจับกุมที่ประหลาดไม่น้อย เพราะคนที่จับเป็นตำรวจอีกท้องที่หนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดีน้องอ้อมแม้แต่น้อยและ ไอ้พันธุ์ก็โดนจับอีกคดีหนึ่งด้วย คือไอ้พันธุ์โดนจับด้วยคดีเล็กๆ คดีหนึ่ง ที่ในคืนที่ผ่านมาในขณะที่ตำรวจนายหนึ่งโดนออกตรวจพื้นที่อยู่นั้นก็พบไอ้พันธ์กับกลุ่มวัยรุ่นอีก 4-5 คนภายในตรอกบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ


            เมื่อกลุ่มวัยรุ่นเห็นตำรวจนายดังกล่าว ก็วิ่งหนีไปคนละทิศละทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับมาได้คนเดียวคือไอ้พันธ์นั่นเอง จึงนำเขามาคุมขัง ในข้อหาซ่องโจร


            ไอ้พันธ์ถูกคุมตัวอยู่ตลอดทั้งวันโดยไม่มีใครทราบความจริงว่าคือคนร้ายที่ตำรวจฝั่งธนฯ กำลังตามล่าอย่างหนักจนค่ำสิบเวรฯ เฝ้าห้องขังซึ่งอ่านข่าวและดูข่าว พบข่าวตำรวจกำลังตามล่านายพันธ์ สายทอง ผู้ต้องสงสัยคดีข่มขื่นน้องอ้อมก็รู้สึกเอะใจ พร้อมหันไปมองบนกระดานรายชื่อผู้ต้องขัง


                ในนั้นมีชื่อนายพันธ์ สายทองติดอยู่


                สิบเวรฯ รีบแจ้งผู้บังคับบัญชาทันที ก่อนเบิกตัวไอ้พันธ์มาสอบปากคำ โดยถามชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ทุกอย่างชัดเจน จึงรีบประสานกับตำรวจ สน.บางพลัด ให้พาพยานมาดูตัวทันที


                ตำรวจท้องที่คุมตัวไอ้พันธ์สอบปากคำอย่างเคร่งเครียดและตรวจร่างกาย พบรอยข่วนเล็กๆ หลายแห่งบนบริเวณแขนและหลัง รวมทั้งพยานที่เห็นเหตุการณ์ ในที่สุดไอ้พันธ์ก็ยอมรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุข่มขืนฆ่าน้องอ้อมจริง


                ไอ้พันธ์ให้การว่า วันเกิดเหตุมาหาพี่สาวเพื่อขอยืมเงินไปซื้อยาเสพติด(เวลานั้นยาบ้าระบาดมาก) ขากลับแวะเข้าห้องน้ำแล้วก็เจอน้องอ้อมกำลังเข้าห้องน้ำอยู่พอดี จึงลากเข้าไปข่มขืนแต่เด็กต่อสู้และพยายามหนี จึงบีบคอและจับกดน้ำแน่นิ่งไป จากนั้นจึงลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ก่อนที่จะหลบหนีโดยไม่ทราบว่าเด็กเสียชีวิตแล้ว


                พยานหลักฐานทุกอย่างแน่นหนา ไอ้พันธ์ต้องก้มหน้ากลัวตายอมรับสารภาพอย่างจำนน


                เนื่องจากคดีนี้เป็นที่สนใจของประชาชนทั่วไป ตำรวจจึงเร่งเป็นพิเศษ และสามารถสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องในวันที่ 16 กรกฎาคม 2539


                คดีนี้กลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ของไทยในกระบวนยุติธรรม เพราะศาลใช้เวลาสอบพยานเพียงวันเดียว และนัดอ่านคำตัดสินในวันรุ่งขึ้นทันที


                วันที่ 18 กรกฎาคม ศาลอาญาธนบุรี มีคำพิพากษาให้ประหารชีวิตไอ้พันธ์โดยไม่มีการลดหย่อนโทษ เพราะเป็นบุคคลอันตรายต่อสังคม และเคยก่อเหตุถูกจับกุม 9 ครั้งจึงไม่มีเหตุผลพอที่จะลดหย่อนโทษเพื่อให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีแต่อย่างใด


                ทางด้านไอ้พันธ์ก็พยายามยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต โดยยกเรื่องให้การรับสารภาพมาเป็นประโยชน์ในการลดหย่อนโทษ


                ศาลอุทธรณ์ใช้เวลา 4 เดือนเศษ มีคำพิพากษายืนให้ประหารชีวิตโดยไม่ลดหย่อนโทษ


                ไอ้พันธ์ดิ้นรนอีกเฮือกสู้ถึงศาลฏีกาแต่ไม่เป็นผล ศาลฏีกายืนยันให้มีการประหารชีวิตโดยไม่ลดหย่อน


                อย่างไรก็ตามฆาตกรโหดก็ไม่ยอมลดความพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เลยตัดสินใจถวายฎีกาขอรับพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งเป็นทางออกสุดท้ายของนักโทษประหาร


                แต่ก็ไร้ผลอีก เพราะไอ้พันธ์เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมาแล้ว แต่ไม่นานก็กระทำผิดอีก แสดงว่าไอ้พันธ์ไม่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ไม่กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี



               วันที่ 21 มิถุนายน 2542 ก่อนถูกตัดสินนายพันธ์ยังคงมีอาการเป็นปกติ กระทั่งรู้ตัวว่าต้องโทษประหารก็ถึงกับเข่าอ่อนมือไม้ไม่มีเรี่ยวแรง เขากำลังจะถูกประหารพร้อมเพื่อนเขาอีกคนที่โดนข้อหาฆ่าเจ้าอาวาสมรณภาพเมื่อปี 2537 นับเป็นนักโทษประหารรายที่ 2 และ 3 ของปี


                ก่อนการประหารชีวิต มีการนิมนต์พระมหานันทา นันทปัญโญ จากวัดบางแพรกใต้ มาเทศนาแสดงธรรมให้แก่นักโทษประหารทั้งสองราย โดยชี้ให้ระลึกนึกถึงบาปบุญคุณโทษที่ได้กระทำมาสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ และให้มีสติปัญญาตั้งมั่นก่อนที่จะถูกประหารชีวิต


            15.00 น. เริ่มขั้นตอนควบคุมนักโทษประหารออกจากที่คุมขัง และให้นักโทษขอสิ่งสุดท้ายที่ต้องการ นายพันธุ์ สายทองเลือกขอกินอาหารมื้อสุดท้ายเป็นแกงส้มและเนื้อเค็ม หลังจากที่กินอิ่มหน่ำสำราญแล้วเจ้าหน้าที่ก็พานักโทษไปยังแท่นประหาร ตามคิวแล้วนายพันธ์จะถูกประหารเป็นรายที่สอง เมื่อถึงเวลา นายพันธ์ถึงกับเข่าอ่อน ไม่มีแรงเดิน เจ้าหน้าที่จำต้องประคองปีกขึ้นไปยืนรอความตาย


                นายประยุทธ สนั่นเจ้าหน้าที่เรือนจำระดับ 4 เป็นผุ้ทำหน้าที่เป็นเพชฌฆาตเขาลั่นกระสุนจำนวน 9 นัด เป็นอันปิดฉากชีวิตฆาตกรคนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ไทย


                ข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ประหารชีวิตผู้ใดแล้ว ศาลที่เป็นเจ้าของคดีจะได้ออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด ส่งไปยังผู้บัญชาการเรือนจำในท้องที่ที่ศาลนั้นตั้งอยู่ หมายจะระบุถึงชื่อโจทก์ จำเลย ฐานความผิด จำเลยต้องโทษตามบทกฎหมายใด มาตราใด พร้อมคำสั่งว่าภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์พ.ศ. 2479 ให้ประหารชีวิตจำเลย เมื่อผู้บัญชาการเรือนจำได้รับหมายดังกล่าวแล้ว จะนำนักโทษไปประหารชีวิตในทันทีไม่ได้ ต้องรอให้ครบกำหนด 60 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาตามมาตรา 262 ถ้านักโทษหรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องได้ยื่นฎีกาขอ พระราชทานอภัยโทษ และทรงยกเรื่องราวมาก่อนครบ 60 วัน ก็ดำเนินการประหารชีวิตได้


            ในทางปฏิบัติ เมื่อนักโทษได้ยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ต้องรอฟังพระบรมราชวินิจฉัยเสียก่อน จึงจะดำเนินการขั้นต่อไป ฎีกาของนักโทษประหารให้ยื่นได้ครั้งเดียวเท่านั้น ในการประหารชีวิตนักโทษนั้น ให้มีคณะกรรมการเป็นผู้ดำเนินการ ประกอบด้วย ผู้บัญชาการเรือนจำในท้อง ที่ที่ทำการประหาร เป็นประธานกรรมการ เจ้าพนักงานเรือนจำระดับหัวหน้าฝ่าย แพทย์การประหารชีวิตส่วนมากจะทำที่เรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีหรือผู้แทนร่วมเป็นคณะกรรมการด้วย โดยกรมราชทัณฑ์จัดผู้แทนไปดูแลความเรียบร้อยในการประหารชีวิต ก่อนวันประหารชีวิต ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ถูกประหาร พร้อมทั้งรับแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือของนักโทษที่มีอยู่ในสำนวนและหมายศาลมาทำการตรวจสอบ การตรวจสอบนั้นให้สอบกับแผ่นพิมพ์ลายนิ้วมือที่เก็บอยู่ ณ กองทะเบียนประวัติอาชญากร ตามเลขคดีและนามผู้ต้องโทษ เมื่อตรวจแล้วรายงานผลการตรวจสอบและส่งแผ่นพิมพ์ลายนิ้วซึ่งได้จัดการพิมพ์ขึ้นคราวนี้ 1 ฉบับ กับแบบพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องโทษที่เอาไปจากสำนวนตามหมายศาลไปยังคณะกรรมการ เรือนจำซึ่งมีหน้าที่ต้องทำการประหารทำการตรวจสอบคดี ตำหนิ รูปพรรณตามทะเบียนรายตัว ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อมิให้มีการประหารผิดตัว


                เมื่อถึงกำหนดวันประหารชีวิต เจ้าพนักงานเรือนจำจะจัดนิมนต์พระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนาให้นักโทษที่ถูก ประหารที่นับถือศาสนาพุทธ ส่วนนักโทษที่มิได้นับถือศาสนาพุทธ มีความปรารถนาจะประกอบพิธีกรรมตามศาสนาก็อนุญาตได้ตามสมควร หากนักโทษมีความประสงค์จะขอทำพินัยกรรมก็จะจัดการทำให้จัดหาอาหารมื้อสุดท้ายให้นักโทษก่อนนำไปประหาร ผู้บัญชาเรือนจำจะนำคำสั่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วยสำเนาคำพิพากษาอ่านให้นักโทษฟังนำนักโทษประหารไปยังที่จัดเตรียมไว้ จัดการยิงให้ตายต่อหน้าคณะกรรมการ ให้คณะกรรรมการตรวจนักโทษว่าได้ตายแล้วจริง พิมพ์ลายนิ้วมือลงนามรับรองว่าเป็นลายนิ้วมือของนักโทษประหารจริง ส่วนศพถ้ามีญาติมารับก็อนุญาตถ้าไม่มีญาติมาขอรับ เรือนจำจะดำเนินการให้ ตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ กำหนดให้ประหารชีวิตก่อน 07.00 น. ตั้งแต่พ.ศ. 2505 ได้เปลี่ยนมาดำเนินการใน เวลาเย็น ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป


Create Date : 18 มีนาคม 2553
Last Update : 18 มีนาคม 2553 0:12:15 น. 31 comments
Counter : 24668 Pageviews.

 
น่าสนใจแต่เปิดใน firefox ฟ้อนท์อ่านไม่ได้เลยค่ะ ต้องไปเปิดใน IE แทน


โดย: Shallow Grave วันที่: 18 มีนาคม 2553 เวลา:12:19:35 น.  

 
พี่พันไม่ใช้คนผิดนะ


โดย: ร่สเรดารืเยนืเ IP: 180.180.27.197 วันที่: 5 กันยายน 2553 เวลา:2:34:46 น.  

 
ขอบอกว่าชั่วมากๆ ทำไปได้ยังไง ความเป็นมนุษย์ยังมีอยู่รึเปล่า


โดย: นักเรียน IP: 125.26.44.201 วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:17:20:49 น.  

 
เลวสุด ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: อ่านจากหนังสือ IP: 182.52.211.238 วันที่: 15 ตุลาคม 2553 เวลา:16:38:38 น.  

 
ความคิดของหมิวนะคะ บางทีกฎหมายไทยบางครั้งบทลงโทษไม่ค่อยรุ่นแรงทำให้ผู้ต้องหาไม่เข็ด ออกมาแล้วทำอีก คนที่ตั้งใจทำในครั้งแรกไม่น่าปล่อยออกมาเลย สงสารน้องอ้อม


โดย: หมิว IP: 110.49.205.91 วันที่: 25 มกราคม 2554 เวลา:14:42:45 น.  

 
อารมย์ชั่ววูบทุกคนก็มีกัน อโหสิให้เขา


โดย: คนเลว IP: 14.207.153.73 วันที่: 2 เมษายน 2554 เวลา:13:01:36 น.  

 
คดีนี้ทำให้ย่าหนูให้หนูออกจากโรงเรียนน้องอ้อมน่ารักนะค่ะจนทุกวันนี้หนูโตเป็นสาวแล้วก็ไม่เคยลืมคดีนี้เลยคดีนี้เป็นข้อคิดที่ดีค่ะ....N...


โดย: คนๆนึง IP: 203.121.178.229 วันที่: 21 มิถุนายน 2554 เวลา:18:03:28 น.  

 
พันไม่ใชไอ้หื่นที่แท้จริงหรอก พันธุ์เป็นแพะ เคยได้ยินจากปากนักโทษในเรือนจำบางขวาง


โดย: burm IP: 125.25.151.39 วันที่: 16 กันยายน 2554 เวลา:1:05:51 น.  

 
ความเห็นด้านบนน่าจะถูก ลองไปอ่านหนังสือ 13 เรื่องจากนักเขียนในคุก เฉลยว่าคดีนี้ ที่แท้แล้วคนทำเป็นสามเณรที่จับได้ทีหลัง... จำชื่อหนังสือไม่ได้


โดย: อ้วน IP: 182.52.138.13 วันที่: 30 มกราคม 2555 เวลา:16:51:19 น.  

 
คุณอรมสม สุทธิสาคร ไปสอนนักโทษประหารเขียนหนังสือ แต่ละคนก็เล่าประสบการณ์และเรื่องที่เกี่ยวข้องให้ครู(คุณอรสม)ตรวจ แล้วก็มีการนำมารวมเล่มพิมพ์จำหน่าย

มีนักโทษอยู่คนหนึ่ง เขียนเล่าถึงการตัดสินผิด จับแพะ เช่นคดีเชอรรี่แอน ดันแคน ที่มีผู้บริสุทธิ์ถูกตัดสินหลายคน แต่เขาบอกว่า คดีที่ตราหน้าวงการยุติธรรมไทยมากที่สุดคือคดีพันธ์ สายทอง เพราะเมื่อตอนถูกจับ พันธ์บอกตัวเองไม่ได้ทำ ไม่มีใครเชื่อ เพราะเป็นขี้ยา และมีบุคลิกที่พูดแล้วไม่มีใครเชื่อ ประกอบกับหลักฐานต่างๆประดังเข้ามามัดตัว(ไม่รู้มาจากไหน) จนถึงวันถูกประการก็ร่ำไห้น่าเวทนา ช่วงสุดท้ายของชีวิต ขณะนำตัวเข้าหลักประหารก็ถ่มน้ำลายใส่ผู้คุมและเพชรฆาต ..ต่อมา มีการจับเณรคนหนึ่งได้โดยบังเอิญ เป็นเณรที่อยู่วัดใกล้ๆโรงเรียนนั้น และสืบได้พร้อมกับเณรสารภาพว่าตัวเองเป็นคนทำ ไม่ใช่พันธ์ สายทอง ...แต่พันธ์ สายทองโดนประหารไปแล้ว วันหนึ่ง...มีนายทหารรับหน้าที่อนุศาสนาจารย์มาสอนธรรมมะแก่นักโทษประหาร.. ถามนักโทษในแดนประหารว่า "พันธ์คนไหน จะได้กลับบ้านแล้วนะ เขาจับฆาตกรตัวจริงได้แล้ว" นักโทษในนั้นบอกว่าพันธ์ สายทองโดนประหารไปแล้ว อนุศาสนาจารย์คนนั้นถึงกับเศร้า และพี่สาวของพันธ์ สายทองเคยดำเนินเรื่องร้องเรียน แต่เป็นข่าวแค่ 2-3 วัน แล้วก็เงียบไป ..มาค้นในเน็ตก็ไม่เจอเลย เจอแต่เร่ฃื่องที่บอกว่าพันธ์ สายทองเป็นฆาตกร เลยไม่ได้ความจริงเลย...... อยากรู้ว่าเรื่องนี้จะลงเอยยังไง หรือปล่อยให้เงียบไปกับกาลเวลา...


โดย: อ้วน IP: 182.52.138.13 วันที่: 30 มกราคม 2555 เวลา:17:05:09 น.  

 
เพิ่มเติม....

หลังจากนั้น นักโทษจากแดนประหารคนนั้นเขียนต่อว่า ผู้คุมคนที่ถูกพันถ่มน้ำลายใส่หน้า ได้ลาออกจากราชการและเป็นบ้าไปในที่สุด ส่วนเพชรฆาตคนที่ยิงพันธ์ สายทองตอนหลังก็โดนจับข้อหายาเสพติด และต้องโทษประหารเช่นกัน สุดท้าน ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ต้องทนอยู่ในที่ที่พันธ์ สายทองเคยอยู่ และรับรู้เรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง....

เจอละ..ชื่อหนังสือ
อรสม สุทธิสาคร : เรื่องเล่าจากแดนประหารบางขวาง

ลองอ่านดู //www.bangkokreadforlife.com/index.php/articles/8-articles/353-2011-12-08-01-53-55


โดย: อ้วน IP: 182.52.138.13 วันที่: 30 มกราคม 2555 เวลา:17:10:05 น.  

 
เลงมาก แต่น่าสงสารตอนสุดท้าย อ่ะ


โดย: อะไรก้ได้ IP: 10.179.1.13, 10.176.253.226, 223.27.233.126 วันที่: 3 เมษายน 2555 เวลา:13:55:37 น.  

 
อโหสิให้เขาเถอะ ไม่สวควรใช้คำว่าไอ้... เขาชดใช้กรรมไปแล้ว แย่มากเลย


โดย: พัต IP: 171.4.216.138 วันที่: 29 พฤษภาคม 2555 เวลา:1:31:46 น.  

 
อโหสิให้เขาเถอะ ไม่สวควรใช้คำว่าไอ้... เขาชดใช้กรรมไปแล้ว แย่มากเลย


โดย: พัต IP: 171.4.216.138 วันที่: 29 พฤษภาคม 2555 เวลา:1:31:47 น.  

 
ไม่สามารถบอกได้ว่าใครพูดจริง พูดไม่จริง บางคนก็หลอกตัวเองโดยการโกหกว่าไม่ได้ทำๆจนเชื่ออย่างนั้นจริงๆ คดีนายพัน ถ้าจับสามเณรฆาตรกรตัวจริงก็ควรจะชดใช้ให้แก่ครอบครัวนายพัน เอาผิดเจ้าหน้าที่สอบสวนสืบสวนนำมาลงโทษไม่ให้เป็นแบบอย่าง สามเณรก็ต้องออกข่าวมาประจาน ไม่ทราบว่าตอนนี้ไอ้ฆาตรกรที่เมื่อตอนเกิดเหตุเป็นสามเณรนั้น ตอนนี้รับโทษประหารอยู่รึเปล่า หรือว่าเป็นเยาชนก็เลยออกจากสถานพินิจมานานแล้วคะ


โดย: อะฮ้า IP: 223.133.79.228 วันที่: 2 มิถุนายน 2555 เวลา:14:09:10 น.  

 
สงสารพี่ออ้มจังเลย


โดย: นุ๋ฝน IP: 58.9.14.212 วันที่: 15 มิถุนายน 2555 เวลา:16:11:17 น.  

 
อดีตเพชฌฆาตซึ่งกลายมาเป็นนักโทษประหารมีตัวตนจริงนะครับ ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่ห้องขังนักโทษประหารเรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งถูกจับได้พร้อมยาบ้า 400,000 เม็ดและปืนM16 อีก 1 กระบอก ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา คาดว่าคงยืนตามศาลชั้นต้นและอุทธรณ์

อดีตเพชฌฆาตนายนี้เคยทำหน้าที่ประหารนักโทษด้วยการยิงเป้ามาประมาณ 4 - 6 คน (ขอโทษที่จำไม่ได้เพราะข้อมูลเก็บไว้ที่บ้าน) ซึ่งนักโทษคนแรกที่ถูกเขาประหารคือ น.ช.พันธุ์ สายทอง คดีข่มขืนฆ่าน้องอ้อมที่โรงเรียนวัดรวก ย่านฝั่งธนฯ และเขาก็เคยประหารนักโทษคดีค้ายาเสพติดอีกด้วย

ที่ผมรู้เพราะว่าผมเป็นคนเบิกตัวนักโทษไปให้เขาประหารรวมทั้งตั้งเป้าให้เขายิง และเคยปลดเซฟปืนให้เขาเมื่อครั้งที่เขาลืมปลดเซฟในคราวประหารนักโทษรายที่ 2 ของเขา (คงตื่นเต้นมาก) ผมตกใจมากเมื่อรู้ว่าเขาถูกจับในคดีค้ายาเสพติดเพราะผมสนิทกับเขามากและไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะเข้าไปอยู่ในวงจรนี้ ซึ่งเขาจะเป็นเพชฌฆาตคนแรกและคนเดียวที่กลายมาเป็นนักโทษประหารที่ถูกประหารชีวิตจริงๆ

โดย: ยุทธ บางขวาง IP: 124.120.117.90 วันที่: 8 ธันวาคม 2550 เวลา:13:12:41 น.


โดย: นกน้อย IP: 182.53.223.253 วันที่: 5 กรกฎาคม 2555 เวลา:20:30:31 น.  

 
เค้าไม่ใช่คนทำผิดนิน่า ...อ่านจากหนังสือ แต่ก้อต้องมาจบชีวิตลงอ่ะ...ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน..


โดย: Rabbiee IP: 110.49.248.57 วันที่: 17 สิงหาคม 2555 เวลา:23:37:31 น.  

 
หลายครั้ง หลายคดี
ที่จับแพะมา เพื่อให้คดีนะจบๆไป
และจากคำให้การจากพยาน ที่บอกมามั่วๆๆๆ
แค่นี้หรือที่เพียงพอต่อรูปคดี
พยานบางคนไม่เห็นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ก็ให้การมาได้ มั่วจริงๆ
แถวบ้านผมก็มี แต่เขาถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว


โดย: pppp IP: 183.88.249.162 วันที่: 28 สิงหาคม 2555 เวลา:11:18:01 น.  

 
นี่หรือความยุติธรรม ตำรวจกับศาลมีไว้เพื่ออะไร? หรือมีไว้เพื่อส่งคนบริสุทธิไปตาย..?


โดย: ชะเอม IP: 27.55.4.200 วันที่: 27 ตุลาคม 2555 เวลา:0:44:38 น.  

 
ลองไปอ่าน หนังสืออิสรภาพบนเส้นบรรทัด 13นักโทษประหาร ดูแมากขึ้นล้วคุณจะรู้และเข้าใจ ว่าอะไรคืออะไร!!! ตอนที่นี้แดนประหารได้กล่าวถึง นายพันด้วย


โดย: nanya IP: 110.49.243.49 วันที่: 23 มกราคม 2556 เวลา:9:19:17 น.  

 
"ส่วนเพชรฆาตคนที่ยิงพันธ์ สายทอง"
ขอโทษนะครับ ผมชักสงสัยในข้อมูล
เพชรฆาตคนนั้น น่าจะเป็น คุณ เชาวเรศน์ จารุบุศย์ ใช่หรือไม่ครับ
แต่แกไม่เคยมีประวัตฺเรื่องยาเสพติดซักนิด และปัจจุบันแกได้เสียชีวิตไปแล้ว ใครรู้จริงตอบหน่อยนะครับ
และขอให้วิญญาณผู้ตายทุกดวงไปสู่สุขตินะครับ


โดย: pudseelan IP: 171.100.98.58 วันที่: 24 มกราคม 2556 เวลา:11:28:59 น.  

 
เท่าที่อ่านข้อมูลมาจากหลายเว็บเข้าใจว่า เพชฌฆาตที่ยิงคุณพันธุ์ สายทองไม่ใช่คุณเชาวเรศนะคะ เพียงแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่คุณเชาวเรศเป็นเพชฌฆาตมือหนึ่งอยู่อ่ะค่ะ
ซึ่งปกติเพชฌฆาตก็มีมือหนึ่ง มือสองเหมือนกันค่ะ เืนื่องจากบางครั้งก็อาจมีกนักโทษมากกว่าหนึ่งคนถูกนำตัวเข้าประหารพร้อมกันได้ค่ะ

ขอให้ทุกดวงวิญญาณไปสู่สุคติค่ะ


โดย: คนผ่านมา IP: 203.153.166.116 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:20:13:13 น.  

 
เพิ่มเติมคะ
พ่อของเพื่อนเราเคยเป็นตำรวจที่อยู่ ท้องที่เกิดเหตุเล่าให้ฟังว่า
ร้อยเวรที่เป็นคนทำสำนวนคดีของพันธ์
ตอนหลัง จับไข้หัวโกร๋นเลย ต้องออกจากราชการ
เพราะ วิญญาณของน้องอ้อมไปหาทุกวัน
แล้วบอกว่า จับพันธ์ไปประหารทำไม พันธ์ไม่ผิด
แล้วหลังจากพันธ์ โดนประหาร วิญญาณของพันธ์ก๊ไปหาอีก
จนกระทั่งจับ คนร้ายตัวจริงใด้ ทั้งสองวิญญาณเลยหายไป
ขนลุกเลยคะ


โดย: Sugar_Sai IP: 27.55.4.58 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:15:26:48 น.  

 
ลืมบอกคะ
ตำรวจคนนั้น ตอนหลังเป๊นบ้าไปเลยคะ
นี่คงเป๊น เวรกรรม ที่ใส่ความคนบริสุทธิ์


โดย: Sugar Sai IP: 27.55.4.58 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:18:42:59 น.  

 
เรากำลังอ่านหนังสือ อิสรภาพบนเส้นบรรทัด 13 นักโทษประหาร เพิ่งจบเรื่องแรก และก็เี่กี่ยวกับนาย พันธู์ สายทอง อ่านจบเลยต้องเข้ามาหาข้อมูลในเน็ตต่อ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของกรรมที่ทุกคนต้องเจอร่วมกันนะ แต่ในส่วนของเพชฌฆาต และผู้คุมอยากจะบอกเค้าทำตามหน้าที่ แต่ทุกคนเกิดมาต่างกรรมต่างวระ แต่อาจมีกรรมที่ทำร่วมกันมาเลยต้องมาเจอกันแบบนี้ แต่คนที่น่าประนามมากที่สุดก็พวกตำรวจนี่แหละ เป็นต้นเหตุของเรื่องและทำหลักฐานเท็จทั้งหมด สมควรรับโทษที่สุด เชื่อว่าไม่มีใครหนีพ้นกฏแห่งกรรมไปได้
ขอให้ดวงวิญญาณผู้บริสุทธิ์จงไปสู่สคตินะ


โดย: ชณา IP: 78.116.69.44 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:05:32 น.  

 
ขอให้ คุณพันธ์ สายทอง ไปสู่สุคติด้วยเทอญ ผมก็เป็นอีกคนที่เป็นแพะในคดี คดีที่ผมโดนกระทำอยู่นี้ผมไม่เคยรู้จักผู้ใดในคดีมาก่อนเลย ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดีครับ ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 50 ปี ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ผมต้องฟังผลศาลฎีกาวันที่ 18 เมษายน 2556 นี้ ขณะที่ลูกคนแรกผมจะคลอดวันที่ 20 เมษายนนี้ เพียงแค่ขอให้ความยุติธรรมมีจริง ประเทศก็สงบสุขแล้วครับ


โดย: yak IP: 171.99.238.103 วันที่: 27 มีนาคม 2556 เวลา:16:12:09 น.  

 
ถึงคุณ yak อยากทราบข่าวและก็ที่มาที่ไป ไม่ว่าจริงไม่จริง ขอให้มีความยุติธรรมกับคุณครับ


โดย: เเซ็ปมานินเย่ IP: 1.1.166.143 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2556 เวลา:0:37:40 น.  

 
เรื่องพันธุ์ สายทอง จากหนังสือ อิสรภาพบนเส้นบรรทัด นั้น เป็นข้อมูลที่นักโทษในโครงการเรื่องเล่าจากแดนประหาร ได้เขียนขึ้นมา โดยนำเสนอบริบทเรื่อง แพะในแดนหาร และเรื่องของพันธุ์นี้ก็เป็นเรื่องที่อ้างว่าได้ฟังมาจากนักโทษเก่า ทั้งเรื่อง สามเณรถูกจับได้ว่าเป็นคนทำผิดตัวจริง และเรื่องอนุศาสนจารย์อะไรนั่นอีก ตลอดจนเล่าเสริมการดิ้นรนต่อสู้เพื่อไม่ให้ถูกประหารจากความผิดที่ไม่ได้ทำ ก็เป็นเรื่องที่อ้างจากคำพูดบอกเล่าจากนักโทษเก่าทั้งนั้น ซึ่งเมื่ออ่านคำสารภาพสุดท้ายนักโทษประหารของ ยุทธ บางขวาง ก็จะได้ข้อมูลเสริมว่า พันธุ์ยอมรับว่าทำจริง และเริ่มประสาทเสียด้วยความกลัวตาย พูดกลับไปกลับมาว่าทำจริง ไม่จริง ทำจริง ... และที่ดิ้นรน ขนาดถ่มน้ำลายใส่ผู้คุม ก็เพราะความกลัวตายกลัวความเจ็บปวดที่ใกล้จะถึงตัว ซึ่งการดิ้นรนต่างๆนั้น นักโทษที่เล่าก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่คนเขียนเอามาเขียนเสียเร้าอารมณ์ ข้อมูลเกี่ยวกับสามเณรที่ทำผิดตามที่อ้างถึงก็ไม่มีเลยสักนิด ผิดวิสัยเกินไป ต่อให้กลัวตำรวจจะเสียชื่อก็เถอะ คดีขนาดนี้ปิดไม่มิดหรอก สรุปคือ ความสงสัยกรณีพันธุ์เกิดจากฟังข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่นำเสนอด้วยอารมณ์ของผู้ได้รับความอยุติธรรม และหากไม่ไตร่ตรองให้ดีก็จะคิดเลยเถิดไปตามเนื้อหาที่นำเสนอ ทั้งเรื่องกรรมตามสนองมือเพชรฆาตอะไรนั่นก็มาเสริมให้คิดเลยเถิดไปอีก ทั้งที่สิ่งที่มือเพชรฆาตได้รับก็มาจากการกระทำของเขาเอง มิใช่เพราะไปประหารคนบริสุทธิ์อะไรเลย
หนังสือ อิสรภาพบนเส้นบรรทัด นั้น เขาทำเพื่อให้คนในสังคมได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจการลงโทษว่าเพื่อให้กลับตัวกลับใจ มิใช่เพื่อแก้แค้น ให้เข้าใจคนที่กระทำผิด เพราะเบื้องหลังกำแพงคุกเป็นสิ่งที่ดำมืดและไม่ได้รับความใส่ใจจากคนในสังคม จนทำให้คุกเป็นแดนสนธยา เนื้อหาหนังสือเล่มนี้ แสดงความเข้าใจคนที่ติดคุกในแดนประหาร มิใช่ให้เชื่อว่าเรื่องที่นักโทษเล่านั้นเป็นความจริง


โดย: pan IP: 58.137.98.213 วันที่: 25 มิถุนายน 2557 เวลา:16:00:36 น.  

 
เขาไม่ได้ทำความผิดเขาไม่ได้ข่มขืนเด็กนะประหารชีวิตเขาทำไมเลือดเย็นกรรมตามทันแน่


โดย: ต่าย IP: 27.145.57.227 วันที่: 12 กรกฎาคม 2557 เวลา:13:26:13 น.  

 
...


โดย: ต่าย IP: 27.145.57.227 วันที่: 12 กรกฎาคม 2557 เวลา:20:12:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

DR.MOO CAN DO
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]




ผมเป็น นิติพยาธิแพทย์ หรือ จะเรียกว่า หมอนิติเวช ก็ได้ครับ นิติพยาธิแพทย์ เป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาหนึ่ง ซึ่งเมื่อเรียนจบแพทย์ทั่วไป 6 ปีแล้ว ก็ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง นิติพยาธิอีก 3 ปี และเมื่อสอบผ่าน ก็จะได้รับวุฒิบัตรเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ และได้เป็นนิติพยาธิแพทย์ โดยสมบูรณ์
หน้าที่ของหมอนิติเวช แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ
ส่วนแรก จะเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยคดี โดยในผู้ป่วยคดีนั้นแพทย์นิติเวชจะมีหน้าที่ในการตรวจ และให้ความเห็นกับพนักงานสอบสวนเกี่ยวกับบาดแผลที่ตรวจพบ ซึ่งตำรวจจะนำไปใช้ในการตั้งข้อกล่าวหากับคู่กรณี และหน้าที่ต่อมาของแพทย์นิติเวชคือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีดังกล่าว
ส่วนที่สอง จะเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิต โดยในกรณีผู้เสียชีวิตนั้นแพทย์นิติเวชมีหน้าที่ในการตรวจสถานที่เกิดเหตุในกรณีตายผิดธรรมชาติตามที่กฎหมายกำหนด และหากมีความจำเป็นต้องผ่าชันสูตร ก็จะต้องมีการทำรายงาน และให้ความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต ส่งให้พนักงานสอบสวน สุดท้ายหน้าที่หลักที่สำคัญโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการเป็นพยานในชั้นศาลในคดีนั้นๆครับ
ประวัติการศึกษา
1.แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
2.วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
3.ประกาศนียบัตร “Crime Scene Investigation” โครงการร่วมระหว่าง International Law Enforcement Academy กับ Federal Bureau of Investigation Academy
4.ประกาศนียบัตร “การบริหารงานโรงพยาบาล” คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ผลงาน
1.อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มศว.
2.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาชั้นปีที่ 3 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
3.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
4.อาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาปริญญาโท สาขานิติวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
5.วิทยากร หัวข้อ "ICD-10" ของกระทรวงสาธารณสุข
6.วิทยากร หัวข้อ "การตรวจสถานที่เกิดเหตุ" ของมูลนิธิร่วมกตัญญู และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
7.วิทยากรอบรมหลักสูตรนายร้อยตำรวจอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
8.วิทยากร หัวข้อ "KPI รายบุคคล" ให้กับโรงพยาบาลและมหาลัยวิทยาลัย ในภาครัฐ
9.วิทยากร หัวข้อ "Living will" ให้กับโรงพยาบาลในภาครัฐและเอกชน10.วิทยากร หัวข้อ "นิติเวชศาสตร์กับงานด้านโบราณคดี" ให้กับคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
11.ร่วมเขียนหนังสือ "KPI รายบุคคล"
12.ร่วมเขียนหนังสือ "มาตรฐาน ICD-10, ICD-9"
13.ที่ปรึกษารายการ "เรื่องจริงผ่านจอ" และ "Redline"
14.บทความทางวิชาการและผลงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศ 15 เรื่อง
15.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ ปี พศ.2553
16.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพ ฯ คณะแพทยศาสตร์ มศว. ตั้งแต่ปี พศ.2551
ผศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี (DR.MOO CAN DO)
New Comments
Friends' blogs
[Add DR.MOO CAN DO's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.