โทรศัพท์สลับมิติ
โอตสึอิจิ เขียนสุดารัตน์ นิยมพานิชพัฒนา แปลjbook พิมพ์เพิ่งได้อ่านค่ะ เชยจังจริงๆ พอได้อ่านฉันหายไปในวันหยุด ก็อยากหาเรื่องนี้มาอ่านแล้ว ก็เรื่องย่อโดนซะขนาดนั้น แต่ตอนนั้นหาไม่ได้ค่ะ คาดว่าขาดตลาด เพราะเล่มที่อ่านอยู่เป็นพิมพ์ครั้งที่สองแล้วหนังสือบางๆ เล่มนี้ประกอบด้วยเรื่องสั้นสามเรื่องที่คนไม่ค่อยพิสมัยเรื่องสั้นอย่างเรายังนิยมชมชอบเรื่องแรกคือ โทรศัพท์สลับมิติ เป็นเรื่องของ "ฉัน" ที่ไม่มีเพื่อน ต้องใช้ชีวิตช่วงพักอยู่คนเดียวอย่างเงียบเหงาทุกวัน "ฉัน" ไม่กล้าพูดกับใครเพราะกลัวว่าสิ่งที่คนอื่นพูดมาจะไม่จริงใจ "ฉัน" อยากมีโทรศัพท์มือถือกับเขาสักเครื่อง แต่ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้คุยกับใคร ก็เลยไม่ซื้อ แต่ก็อดจะจินตนาการโทรศัพท์คู่ใจขึ้นมาเครื่องหนึ่งไม่ได้ จนกระทั่งวันหนึ่งโทรศัพท์ในจินตนาการเครื่องนั้นก็มีสายเรียกเข้า...เล่าแค่นี้ล่ะ จะได้อยากอ่าน อิๆเรื่องที่สองคือ บาดแผล "ผม" เป็นลูกของพ่อที่ชอบใช้ความรุนแรง วันหนึ่ง "ผม" ถูกเพื่อนล้อเรื่องนี้จึงใช้ไม้ถูพื้นฟาดเพื่อนจมกองเลือด "ผม" จึงถูกย้ายไปเรียนห้องพิเศษที่มีแต่เด็กมีปัญหาและไม่เหมือนใคร ที่นี่เขาได้พบหนุ่มน้อยอะซะโตะที่มีพลังพิเศษเคลื่อนย้ายบาดแผลของคนอื่นไปที่ร่างของตัวได้ อะซะโตะอยากจะแบกรับบาดแผลและความเจ็บปวดของคนอื่นเอาไว้ทั้งหมด แต่ "ผม" ต้องการจะปกป้องเขาเอาไว้เรื่องสุดท้าย บทเพลงดอกไม้ "ฉัน" เพิ่งสูญเสียคู่ชีวิตและลูกไปในอุบัติเหตุ และยังคงมีเรื่องหมางเมินกับทางบ้านที่หนีจากมา "ฉัน" อยู่ในโรงพยาบาลกลางป่าอย่างเคร่งเครียดและเจ็บปวด จนกระทั่งวันหนึ่ง "ฉัน" ได้พบดอกไม้ร้องเพลงได้ที่ช่วยปลอบประโลมใจ "ฉัน" และเพื่อนร่วมห้องอีกสองคน แต่เบื้องหลังของดอกไม้นั้นก็มีเรื่องราวที่เจ็บปวดเช่นกันคงจะเห็นได้ว่าทั้งสามเรื่องนี้มีจุดร่วมกันอย่างหนึ่ง คือตัวเอกล้วนมีบาดแผล ทั้งบาดแผลทางกาย ทางใจ ทางอารมณ์ ทางความคิด "ฉัน" ในเรื่องบทเพลงดอกไม้นั้นถึงกับบอกทีเดียวว่าความเจ็บปวดนั้นเหมือนก้อนเหล็กที่ฝังอยู่ในหัวและค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วทั้งสามก็ล้วนแต่ได้รับการปลอบประโลมจากใครอีกคนหนึ่งซึ่งเพิ่งจะมารู้จักกัน (และจะต้องเป็นคนที่มีอะไรแปลกๆ ไม่เหมือนใครอยู่ในตัวด้วยสิ) ซึ่งนี่ทำให้เห็นว่ามุมมองโลกของโอตสึอิจินั้นมีความสมดุลย์กันระหว่างการมองโลกในแง่ร้ายและแง่ดีอย่างน่าทึ่ง โลกของตัวละครแทบจะเลวร้ายที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้ และที่สำคัญคือถูกกระทำจากคนรอบๆ ตัวอย่างหนัก แต่ในขณะเดียวกันท่ามกลางความเลวร้ายนั้น เธอ/เขาก็จะต้องได้รับความอบอุ่นและการปลอบประโลมใจจากอีกคนหนึ่ง ซึ่งมีความเจ็บปวดไม่แพ้กันเสมอ เขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีจนน่าหมั่นไส้ขนาด "ปัญหาทุกอย่างจัดการได้" หรือ "แล้วเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข" แต่ก็ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายชนิดไม่มีทางออก ทุกคนเลวร้ายหมดขนาดสมัยเขียน "ฤดูร้อน ดอกไม้ไฟ และร่างไร้วิญญาณของฉัน" นั่น แต่จะมีความสมจริงมากขึ้น คือทั้งความดีและความเลวต่างมีที่ทางอยู่ในโลกพอๆ กัน และเมื่อเป็นผู้รับแล้ว เราก็ต้องเป็นผู้ให้ด้วย เรียกง่ายๆ ว่าเป็นโลกในแง่ดีชนิด DIY คือต้องลงมือทำเองด้วยนั่นแหละขอรับเฮ่อ อึดอัดจัง ยกตัวอย่างมากไม่ได้ เดี๋ยวสปอยล์จบละ แนะนำให้อ่านค่ะ ห้าดาวเต็มๆ (นี่ไม่ใช่แจกดาวเฟ้อนะ!)
เต๋าแบบหมีพูห์ (The Tao of Pooh)Benjamin Hoff เขียนมนต์สวรรค์ จินดาแสง แปลมติชน พิมพ์หนังสือ Tao (หรือ Dao) spin-off ที่ไม่งี่เง่า และคนเขียนรู้จริงจริงๆ ทั้งเรื่องเต๋าและเรื่องหมีฅ.คน ฉบับ 41 มี.ค. 52เจ้าหญิงพอลล่า:หัวใจเธอมันน่ากราบกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง:ยังไงปลาทูก็เจ๋งกว่าโรงถลุงเหล็กสัมภาษณ์อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์:ฉบับลำแต้ๆเมฆาสัญจร (Cloud Atlas)เดวิด มิทเชลล์ เขียนจุฑามาศ แอนเนียน แปลมติชน พิมพ์เหนือคำบรรยาย (เพราะตัดสินใจเลือกคำบรรยายไม่ถูก ฮา)
ยูโทเปียเซอร์โธมัส มอร์ เขียนสมบัติ จันทรวงศ์ แปล1984จอร์จ ออร์เวลล์ เขียนรัศมี เผ่าเหลืองทองและอำนวยชัย ปฏิพัทธเผ่าพงษ์ แปลสมมติ พิมพ์หนังสือเปิดหูเปิดตาระดับตัวพ่อ แถมปกสวยระดับตัวแม่อีกต่างหาก โอ๊วเทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ(The God of Small Things)อรุณธตี รอย เขียนสดใส แปลโครงการสรรพสาส์นของสำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก พิมพ์เรื่องเล่าโค-ตะ-ระอัศจรรย์จากอินเดียนายธนาคารเพื่อคนจนโมฮัมหมัด ยูนุส เขียนสฤณี อาชวานันทกุล แปลมติชน พิมพ์อัตชีวประวัติฉบับกึ่งสุขกึ่งเศร้า บางครั้งก็เกือบเคล้าน้ำตา ของหนุ่มนักเรียนนอก กับธนาคารหลังคามุงหญ้า (บานประตูก็ไม่มี) ของเขาและลูกศิษย์ ที่หาญกล้าพุ่งชนทุกอย่างเพื่อให้ผู้หญิงจนๆ จำนวนมากในบังคลาเทศยืนหยัดด้วยขาของตัวเองได้(อันที่จริงเราควรจะแนะนำว่า นี่เป็นหนังสืออัตชีวประวัติของนักเศรษฐศาสตร์ที่แก้ปัญหาความยากจนในบังคลาเทศจนได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2006 แต่ม่ายอ่ะ ทำงั้นแล้วจะได้อะไร คุณจะรู้เหรอว่าหนังสือเล่มนี้ทั้งสนุกเป็นบ้าและ insightful ขนาดไหน กริๆ)