ทำไมเราจึงถูกดึงดูดให้ซื้อสินค้าโดยไม่ตั้งใจ มาดูกัน ^^
...เคยไหม ที่เวลาเดินผ่านร้านอะไรสักอย่าง อย่างเช่น ร้านเบเกอรี่ ที่เมื่อเดินไปใกล้ๆ ก็จะได้กลิ่นขนมปังอันเย้ายวนใจ จนต้องหยุดเดินแล้วแวะเข้าไปนั่งกิน หรือ ร้านกาแฟที่หอมหวนชวนให้เข้าไปในร้านแล้วสั่งอะไรดื่มสักแก้ว
พฤติกรรมนี้มีคำตอบค่ะ ... ในสมองของคนเรานั้นมีพื้นที่ส่วน ฟรอนทัล คอร์เท็กซ์ ซึ่งเกี่ยวกับการรับรู้ตัวเอง และอารมณ์ความรู้สึก เช่น การที่เราประเมินค่าของสินค้า ไม่ว่าจะเป็น IPhone , มอเตอร์ไซด์ฮาร์เลย์ หรือรถยนต์อัลฟา โรมิโอเงาวับ ฯลฯ ซึ่งถูกสั่งการมาจากสมอง โดยสมองส่วนนี้จะทำงานร่วมกับ "โดพามีน" ซึ่งเป็นสารเคมีที่ให้ความพึงพอใจ และ เป็นสารเสพติดที่มีฤทธิ์รุนแรงที่สุด เท่าที่มนุษย์รู้จัก และนี่เองเป็นที่มาของอาการ "ชอปปิ้งบำบัด" เหมือนกับตัวอย่างต่อไปนี้
ขณะที่คุณกำลังเดินไปร้านอาหารที่นัดเพื่อนเอาไว้ ซึ่งคุณมาก่อนเวลา 1 ชม. คุณได้เดินผ่านร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง ซึ่งที่หน้าร้านนั้นมีผู้หญิงสวมชุดที่เซ็กซี่มากๆ ยืนจับกลุ่มกันอยู่ และเมื่อมองไปที่โปสเตอร์หน้าร้านนั้น คุณก็เห็นว่า เสื้อผ้าที่พวกหล่อนใส่กันคือ เสื้อผ้าจากร้านนี้ คุณจึงเริ่มรู้สึกว่าอยากจะใส่ชุดนั้น อยากจะดูดีแบบนั้นบ้าง เพียงเท่านั้น คุณก็เริ่มจะอดใจไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน แล้วก็พบพนักงานที่ดูดีไม่แพ้กันมาต้อนรับ เมื่อพนักงานถามว่า "มีอะไรให้ช่วยไหมคะ" ความคิดของคุณจะตอบทันทีว่า "มีแน่นอน ช่วยให้ฉันดูดีเหมือนเธอไง" แล้วหลังจากนั้นคุณก็จะเริ่มเคลิ้มไปกับเสื้อผ้าเหล่านั้นอย่างเต็มที่ และเมื่อเดินมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ในตอนนี้ระดับ โดพามีนของคุณ จะพุ่งสูงทะลุเพดานเลยทีเดียว คุณจะรู้สึกดีมาก พลางจินตนาการ ภาพที่ตัวเองสวมใส่ชุดพวกนี้ ตอนไปออกเดทกับแฟนหนุ่ม
แล้วในท้ายที่สุดเมื่อคุณเดินผ่านร้านนี้อีก มันก็จะเหมือนมีแรงดึงดูดหรือมีเชือกที่มองไม่เห็น ดึงคุณเข้าไปเพื่อจ่ายเงินอีกหลายต่อหลายครั้ง ดังนั้น ในเรื่องนี้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จคือ ฝ่ายการตลาดร้านเสื้อผ้า ส่วนคุณก็เป็นผู้ที่ช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ แต่ถ้าร้านแบบนี้มีร้านเดียวก็ดีน่ะสิ !! แต่มันไม่ใช่ เพราะสมัยนี้ การตลาด การโฆษณา มีอยู่รอบตัวเรา และมีงานวิจัยกล่าวไว้ว่า คนเราเมื่ออายุ 66 ปี มีค่าเฉลี่ยของการชมโฆษณามาแล้วประมาณ 2 ล้านชิ้น นั่นเทียบได้กับเราชม วันละ 8 ชม. สัปดาห์ละ 7 วัน และติดต่อกันนานถึง 6 ปีเลยทีเดียว
ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นผู้ซื้อ เราต้องระวังตัวให้ดี เพราะยิ่งในอนาคตการโฆษณาจะมีอิทธิพลมากขึ้นไปอีก โฆษณาจะกระหน่ำเข้ามาหาอยู่ตลอดเวลา ที่แน่ๆ เราคงหลีกหนีจากการโฆษณาไม่ได้ สิ่งที่คุณทำได้ก็คือ ทวงความคิดอันมีเหตุผลกลับคืนมา หรือก็คือ การใช้จ่ายอย่างมีสตินั่นเอง !!
ที่มา: https://www.facebook.com/lifetitudebook
Create Date : 04 มกราคม 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2558 12:36:48 น. |
Counter : 1916 Pageviews. |
|
|
|