What for? ... for what?




ต่อไปนี้เป็นคำแปลของ



สังเวคะปะริกิตตะนะปาฐะ


พระตถาคตเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้ เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง และพระธรรมที่ทรงแสดง เป็นธรรมเครื่องออกจากทุกข์ เป็นเครื่องสงบกิเลส เป็นไปเพื่อปรินิพพาน เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม เป็นธรรมที่พระสุคตประกาศ พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้ว จึงได้รู้อย่างนี้ว่า:-


แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์ แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์ แม้ความตายก็เป็นทุกข์ แม้ความโศกความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์ ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่พอใจก็เป็นทุกข์ มีความปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นนั่นก็เป็นทุกข์ ว่าโดยย่ออุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นตัวทุกข์ ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ:-


ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือรูป ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือเวทนา ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือสัญญา ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือสังขาร ขันธ์อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่นคือวิญญาณ เพื่อให้สาวกกำหนดรอบรู้อุปาทานขันธ์เหล่านี้เอง จึงพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่ ย่อมทรงแนะนำสาวกทั้งหลายเช่นนี้เป็นส่วนมาก อนึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลายส่วนมาก มีส่วนในการจำแนกอย่างนี้ว่า:-


รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง รูปไม่ใช่ตัวตน เวทนาไม่ใช่ตัวตน สัญญาไม่ใช่ตัวตน สังขารไม่ใช่ตัวตน วิญญาณไม่ใช่ตัวตน สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายทั้งปวงไม่ใช่ตัวตนดังนี้


พวกเราทั้งหลายเป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว โดยความเกิด โดยความแก่ และความตาย โดยความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลาย เป็นผู้ถูกความทุกข์หยั่งเอาแล้ว เป็นผู้มีความทุกข์เป็นเบื้องหน้าแล้ว ทำไฉนการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้จะพึงปรากฏชัดแก่เราได้?


เราทั้งหลายผู้ถึงแล้วซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ปรินิพพานนานแล้วพระองค์นั้นเป็นสรณะ ถึงพระธรรมด้วย ถึงพระสงฆ์ด้วย จักทำในใจอยู่ ปฏิบัติตามอยู่ ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นตามสติกำลัง ขอให้ความปฏิบัตินั้นๆของเราทั้งหลาย จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นเทอญ



-----



สังเวคะปะริกิตตะนะปาฐะนั้น เป็นส่วนหนึ่งในบทสวดของการทำวัตร ในการปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี (หลวงพ่อจรัญ) ครับ การสวดของที่นี่ จะเป็นการสวดแบบแปลบาลีเป็นไทย คือบาลีจบประโยคเสร็จก็แปล แล้วก็ขึ้นบาลีประโยคใหม่ ผมตัดมาเฉพาะคำแปลไทยเท่านั้น



ที่นำมาแสดงไว้นี้เพราะว่าบทสวดนี้ ได้ตอบคำถามของผมจนจบ ก่อนที่ผมจะไปถามอาจารย์ว่าปฏิบัติธรรม กำหนดสติปัฏฐานไปเพื่ออะไร ทำไปตั้งนานแล้วไม่เห็นจะได้อะไรขึ้นมา ผมเก็บคำถามเอาไว้ ตั้งใจว่าจะไปถามอาจารย์แต่ต้องมาทำวัตรซะก่อน



สิ่งที่ปรากฏในใจของผมก็คือ เพื่อใช้สติปัฏฐานกำหนดรอบรู้ในขันธ์ทั้งหลายว่าไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวตนและให้ปล่อยวางในขันธ์ทั้งหลายนั่นเอง หากการใช้สติธรรมดาๆกำหนดรู้ในขันธ์เหล่านั้นแล้วยังปล่อยวางไม่ได้ ก็คงต้องฝึกปฏิบัติธรรมเพื่อพัฒนาให้สติธรรมดาๆกลายเป็นมหาสติแล้วค่อยเอาไปกำหนดรู้ในอุปาทานขันธ์ว่าเป็นของเกิดดับให้ได้



ขอให้ท่านทั้งหลายจงมีความเจริญในธรรมครับ




Create Date : 28 กันยายน 2550
Last Update : 18 สิงหาคม 2556 17:19:02 น.
Counter : 1426 Pageviews.

1 comments
  
โดย: kampanon วันที่: 28 กันยายน 2550 เวลา:18:08:35 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Karz
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 126 คน [?]





สงวนลิขสิทธิ์
กันยายน 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
29
30
 
 
28 กันยายน 2550