Honey dinner rolls
สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ และน้อง ๆ ชาวบล๊อกแก็งค์
อย่างที่เพื่อน ๆ และน้อง ๆ พอจะทราบว่าในปีนี้ ดิฉันให้สัญญากับตัวเองว่าจะทำตัวเป็นแม่บ้านที่ดี คือหมั่นเข้าครัวทำอาหาร และทำงานฝีมือหรือซ่อมแซมเสื้อผ้า ดังนั้นพอดิฉันมีเวลาว่าง ดิฉันก็จะใช้เวลาว่างส่วนใหญ่อยู่ในห้องครัว ฝึกฝนการทำอาหารต่าง ๆ ที่อยากทาน แต่หาทานไม่ได้ในอเมริกาหรือหาทานได้ แต่ก็ลำบาก โดยเฉพาะพวกขนมปัง เหตุผลก็คือสามีดิฉันได้ซื้อเครื่องผสมอาหารคิทเช่นเอท ขนาดใหญ่ให้ดิฉันในวันคริสมาสต์ที่ผ่านมา ดิฉันต้องยอมรับว่าเครื่องผสมอาหารนี้ ช่วยดิฉันได้มากเวลาทำขนมปัง เพราะสามารถนวดแป้งได้เนียนมาก ๆ
สำหรับสิ่งที่ดิฉันให้สัญญากับตัวเองแล้วยังทำใจไม่ได้คือจะหยุดช๊อปปิ้ง ดิฉันก็ยังคงช๊อปปิ้งอยู่ค่ะ แย่จังเลย พยายามเท่าไรก็บังคับตัวเองให้หยุดเลิกช๊อปปิ้งไม่ได้
และอีกสิ่งหนึ่งที่ดิฉันให้สัญญากับตัวเองสำหรับปีนี้คือจะไม่ล้มเลิกการสมัครงานตามที่ต่าง ๆ ตอนนี้ดิฉันรู้สึกเหนือยและเบื่อการสมัครงานแล้วค่ะ เหตุผลก็คือส่งใบสมัครงานไปที่ต่าง ๆ ไม่ว่างานในออฟฟิศ งานตามซุปเปอร์มาเก็ต หรืองานห้างฯ ที่ดิฉันมีประสบการณ์อยู่ ไม่มีที่ไหนติดต่อมาเลย
ขนาดดิฉันลดวุฒิการศึกษาไปตามความเหมาะสมของงาน เช่น งานตามห้างฯ หรือซุปเปอร์มาเก็ต ดิฉันก็ลดวุฒิไปแค่ไฮสคูล แล้วก็บอกประสบการณ์ที่ดิฉันทำงานอยู่ที่อเมริกาคือเป็นพนักงานห้างฯ ได้รางวัลพนักงานดีเด่นมาตลอด เชื่อไหมค่ะไม่มีที่ไหนเรียกหรือโทรฯ ติดต่อกลับมาเลย เรียกว่าสมัครไปเถอะ มาวันนี้ดิฉันเหนือยและท้อเอามาก ๆ สำหรับการหางานที่อเมริกา ดูซิขนาดดิฉันมีประสบการณ์งานตามห้างฯ เป็นพนักงานดีเด่นของห้างฯ ยังไม่มีที่ไหนอยากเรียกดิฉันสัมภาษณ์เลย
เช่นกันงานพวกอาสาสมัคร ทำงานให้ฟรี ยังไม่มีที่ไหนต้องการดิฉันเลย ตอนนี้ดิฉันเรียกว่าอยากพักใจแล้วค่ะ เรื่องหางาน เพื่อน ๆ และน้อง ๆ คงบอกว่าสมัครงานไปเถอะ สักวันหนึ่งโอกาสต้องเป็นของเรา ถ้าเศรษฐกิจอเมริกายังแย่แบบดี ดิฉันคิดว่าไม่รู้จะเสียเวลา เสียสุขภาพจิตสมัครงานไปทำไม เรียกว่าเอาเวลามาทำอาหารหรือทำสิ่งที่สร้างสรรค์ดีกว่า
ตอนแรก ๆ ก็ไม่คิดจะท้อและยอมแพ้เรื่องสมัครงานหรอกค่ะ ในใจคิดเสมอว่าสมัครไปเถอะ คงต้องมีที่ไหนเรียกเราสัมภาษณ์บ้างล่ะ เรียกว่าที่ผ่านมาดิฉันสมัครงานไม่รู้เท่าไรแล้ว ไม่มี่ติดต่อกลับมาเลย ตอนนี้ดิฉันหยุดพักเรื่องการหางานแล้วค่ะ ถ้าขืนสมัครต่อไป ดิฉันคงต้องเป็นบ้าหรือช้ำใจมากกว่านี้
สำหรับงานที่ห้างฯ ที่ดิฉันทำอยู่ เชื่อไหมค่ะยังต้องใช้เส้นสายในการเรียกสัมภาษณ์เลย ทำไมดิฉันถึงรู้ ก็เพราะเพื่อนๆ ดิฉันที่เป็นพนักงานบอกว่า ถ้าเค้าไม่รู้จักผู้ช่วยฯ หรือเพื่อน ๆ ที่ทำงานในห้างฯ ที่ดิฉันทำงาน พวกเค้าก็ไม่มีสิทธิได้สัมภาษณ์และได้มาทำงานที่ห้างฯ ที่ดิฉันทำงานหรอก เพราะพวกเค้าส่งใบสมัครมาตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม้ได้เรียกสัมภาษณ์ แล้วพอดีพวกเค้ารู้จักกับผู้ช่วยฯ หรือคนที่ทำงานที่ห้างฯ ที่ดิฉันทำงาน แล้วขอร้องผู้ช่วยฯ หรือเพื่อนๆ พวกเค้าที่ทำงานที่ห้างฯ ที่ดิฉันทำงานให้ช่วยบอกให้ผู้จัดการว่าพวกเค้าเป็นพนักงานที่ดี หรือช่วยการันตีพวกเค้า เพื่อให้พวกเค้ามีโอกาสได้สัมภาณ์งานและมาทำงานที่ห้างฯ ที่ดิฉันทำงาน ขนาดพวกเพื่อนดิฉันเรียกว่าประสบการณ์เต็มเปี่ยมทั้งงานห้างฯ และงานออฟฟิศ มากกว่านั้นพวกเค้าไม่ต้องพูดเรื่องภาษา ว่าภาษาจะดีเยี่ยมอย่างไร เพราะพวกเค้าเป็นอเมริกัน สำหรับดิฉันต้องยอมรับว่าโชคดีที่ได้งานที่ห้างฯ ก่อนที่เศรษฐกิจจะแย่
ดิฉันจะพูดกับสามีเสมอว่า ถ้าดิฉันมาสมัครงานที่ห้างฯ ตอนนี้ ห้างฯ คงไม่รับดิฉันแน่นอน เพราะภาษาไม่แข็งแรง และอายุก็เกินเอามาก ๆ ดิฉันต้องขอบคุณผู้จัดการคนเก่ามาก ๆ ที่ให้โอกาสดิฉันเข้าทำงานในห้างฯ แห่งนี้
แล้วอีกอย่างดิฉันก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะไปทำงานในห้างฯ ใหม่มาก เหตุผลก็เพราะมีผู้ช่วยฯ คนหนึ่งเค้าลาออกไปเมื่อหกเดือนที่แล้ว เหตุผลเพราะเค้าได้งานใหม่เป็นงานห้างฯเหมือนกัน คงจ่ายค่าแรงให้เค้าดี เค้าจึงออกไป แล้วเมื่อเดือนที่แล้วดิฉันก็เห็นเค้ามาทำงานที่ห้างฯ ดิฉันอีก ดิฉันจึงถามเค้าไปว่าทำไมถึงกลับมาทำงานที่ห้างฯ แห่งนี้อีก เค้าบอกว่าเค้าถูกเลย์ออฟ ทำงานไปได้แค่สามเดือนก็ถูกเลย์ออฟ เพราะเศรษฐกิจแย่มาก ๆ ดิฉันได้ฟังแล้วก็รู้สึกเสียใจกับเค้า ตอนนี้เรียกว่าคนที่ได้งานใหม่ก็เสียวกันเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่างานใหม่ที่ได้ไปทำ จะมั่นคงเหมือนบริษัทฯ เก่าที่เคยทำหรือไม่
อีกตัวอย่างหนึ่ง เพื่อนดิฉันคนหนึ่งมาทำงานที่ห้างฯ แห่งนี้ เมื่อไม่กี่เดือนนี้ เล่าให้ฟังว่า เธอถูกเลย์ออฟจากบริษัทฯเก่า เธอเพิ่งย้ายมาจากอีกรัฐ แล้วได้งานเป็นแคชเชียร์ที่ห้างขายรองเท้าชื่อดัง เธอบอกพอเธอทำงานไปได้สามเดือน ก็ผ่านทดลองงาน เจ้านายเธอก็ชมเธอว่าทำงานได้ดีมาก และบรรจุเธอเป็นพนักงาน พอวันรุ่งขึ้นเธอบอกเธอได้รับอีเมลล์จากเจ้านายเธอว่า เธอถูกเลย์ออฟแล้ว ดิฉันบอกว่าเกิดมาก็ไม่เคยเห็นการไล่พนักงานออก จะส่งอีเมลล์มาให้ เพราะปกติจะต้องบอกเป็นการส่วนตัว แต่อย่างที่บอกตอนนี้อเมริกา เศรษฐกิจแย่มาก ๆ พนักงานตามบริษัทฯ ห้างฯ ร้านฯ จะไม่รู้ตัวกันเลยว่าจะถูกเลย์ออฟเมื่อไร บางครั้งเราไปทำงานตามปกติ ตอนเย็นเจ้านายก็จะโทรฯมาว่าเราถูกเลย์ออฟหรือส่งอีเมลล์มาว่าไม่ต้องมาทำงานวันรุ่งขึ้นแล้ว เพราะถูกไล่ออกหรือเลย์ออฟแล้ว แล้วอเมริกาก็ไม่ใจดีเหมือนเมืองไทยที่จะมีการจ่ายเงินทดแทนสามเดือน หรือหกเดือนตามอายุงาน เรียกว่าใจดีหน่อยก็อาจจะมีแพคเก็ตเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ ฉนั้นคนอเมริกา ถ้าเค้ายังมีแรงทำงาน เค้าจะเก็บเงินกันไว้
ดูซิบ่นเรื่องความในใจเสียยืดยาว ก็อย่างว่าล่ะค่ะตามสไตล์ของดิฉัน
สำหรับ Honey dinner rolls นี้ ดิฉันได้สูตรมาจากคุณตา ผ้าไหมไทยค่ะ กว่าจะตัดสินใจก็ทำนานพอสมควร เพราะติดใจรสชาดของขนมปังไส้ต่าง ๆ พอได้มาทำ Honey dinner rolls ครั้งแรก ก็ติดใจในรสชาดเลยค่ะ เหตุผลเพราะพอผสมน้ำผึ้งเข้าไปในเนื้อขนมปัง แล้วทำให้หวานแบบชื่นใจมาก ๆ สามีดิฉันบอกว่าขนมปังต่าง ๆ ที่ดิฉันเคยทำ เช่น ซินนามอนโรล เพรสเซล หรือไส้ต่าง ๆ เช่น ไส้กรอก ไส้ข้าวโพด หรือสังขยา เค้าชอบฮันนี้ ดินเนอร์ โรลมากที่สุด
อย่างที่ดิฉันบอกข้างต้นว่าสูตรนี้ดิฉันได้เอามาคุณผ้าไหมค่ะ แต่ก็มีการดัดแปลงบ้าง
มาเข้าสูตร Honey dinner rolls และภาพประกอบกันเลยค่ะ ส่วนผสม</center>
1 1/2 - 2 ถ. น้ำเปล่า ( ขึ้นอยุ่กับความชี้อของแป้ง) 2 ช.ต.. เนยสด 1/2 ถ. น้ำผี้ง 2 ถ. แป้งขนมปัง 1 2/3 ถ. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1 ช.ต น้ำตาลทราย 1 ½ ช.ช . เกลือ 2 ¼ ช.ช. ยีสต์ 1/2 ถ. เนยสดสะลายไว้ทาหน้าขนมปังก่อนอบและหลังอบเสร็จแล้ว
วิธีทำ
1. นำแป้งทั้งสองชนิด และยีสต์ ผสมรวมกัน พักไว้
2. นำส่วนผสมที่เป็นของเหลว ใส่น้ำเปล่าลงไปแค่ 1 1/2 ถ้วย ก่อน ถ้านวดแป้งมันแห้งเราค่อยๆเติมน้ำเพื่มที่หลังก็ได้คะ เนยสด ผสมกับน้ำผี้ง น้ำตาลทราย เกลือป่น ขี้นตั้งไฟคนตลอด เดี่ยวก้นไหม้เพราะ น้ำี้ผี้งมันนอนก้น คนพอให้น้ำี้ผี้งละลายผสมกับน้ำ และแตะดูอุ่นก็พอ แล้วยกลง
3. นำน้ำผึ้งที่ละลายกับของเหลวมาใส่ลงในแป้งและยีสต์ที่พักไว้ แล้วนำไปเข้าเครื่องมิกเซอร์ ใช้แบบตะขอนวดโดว์ ความเร็วเบอร์ 2 ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีหรือสังเกตว่าแป้งนวดเนียนไม่ติดขอบอ่างเป็นใช้ได้ เครื่องมิกเซอร์นี่ดีมาก ๆ เลย เพราะขณะที่เครืองนวดโดว์ ดิฉันก็เอาเวลาไปทำอย่างอื่น เช่น ดื่มกาแฟ ดูทีวี
นี่ค่ะโดว์ที่นวดได้ที่แล้ว
4. แล้วนำไปใส่ภาชนะจานหรือชามที่ฉีดเสปรย์คุกกิ้ง หรือทาเนยให้รอบภาชนะ เพื่อไม่ให้แป้งติดเนื้อภาชนะ แล้วหุ้มด้วยพลาสติก ทิ้งไว้ให้ขึ้นเป็นสองเท่า หรือประมาณหนึ่งชั่วโมง
นี่ค่ะโดว์ที่นำไปใส่จาน แล้วหุ้มด้วยพสาสติก สังเกตดี ๆ น่ะค่ะ จะขนาดผิดกับเมื่อทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมงมาก หรือให้โดว์ขึ้นเป็นสองเท่า
หลังจากหนึ่งชั่วโมง หรือขึ้นเป็นสองเท่า สำหรับเคล็ดลับการที่จะทำให้เนื้อโดว์ขึ้นฟูแบบนี้ ต้องใจเย็น ๆ ค่ะ ถ้าครบหนึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่ขึ้นฟูแบบนี้ ให้ทิ้งไว้อีกสักหนึ่งชั่วโมง เพราะถ้าแป้งไม่ขึ้นฟู เวลาอบขนมปังจะแข็ง ไม่นุ่ม เช่นกันเวลานวดแป้งก็ต้องนวดให้แป้งเป็นเนื้อละเอียด ไม่ติดขอบอ่าง
5. จากนั้นนำมาแบ่งเป็นก้อน ๆ ตามขนาดที่ต้องการ แล้วนำไปวางในถาดที่จะอบ ถาดที่จะอบต้องฉีดสเปรย์คุกกิ้ง เพื่อเวลาอบสุกเนื้อขนมปังจะได้ไม่คิดถาดอบ
หลังจากนั้นทิ้งไว้อีกประมาณ 45 นาที แล้วทาด้วยเนยละลาย นำเอาอบด้วยอุณหภูมิประมาณ 350 องศาฟาเรนไฮต์
นำไปอบประมาณ 10-15 นาที ในสูตรบอกว่าให้ทาเนยละลายหลังอบอีกครั้ง ดิฉันไม่ได้ทาเนยละลายอีกครั้งค่ะ เลยออกมาไม่ค่อยน่าทานเท่าไร แต่รับรองรสชาดอร่อย หวานมันค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างค่ะ หลังจากอบสุกแล้ว ไม่ได้ทาเนยละเลยอีกครั้ง
อีกถาดค่ะ เป็นถาดกลม ดิฉันเป็นคนชอบทานหวานมาก ๆ กลัวจะไม่หวานพอ เลยเอาเนยทาหลังจากอบเสร็จ แล้วโรยหน้าด้วยนำตาลทรายคลุกกับซินามอน อร่อยมาก ๆ ค่ะ
ขนมปังนุ่มอร่อย ๆ มาก ๆ ค่ะ ทานกับกาแฟร้อน ๆ ตอนเช้าแล้วสดชื่นมาก ๆค่ะ
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ที่มาเยี่ยมดิฉัน มีความสุขมาก ๆ ค่ะ
Create Date : 30 เมษายน 2552 |
|
40 comments |
Last Update : 30 เมษายน 2552 9:41:38 น. |
Counter : 1178 Pageviews. |
|
|
|
ขอชิมหน่อย