ไปทานอาหารเย็นกันที่ Chili's ค่ะ
สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ และน้อง ๆ ชาวบล๊อกแก็งค์
ช่วงนี้ดิฉันไม่ค่อยได้มาอัพบล๊อกเท่าไร สำหรับชีวิตดิฉันช่วงนี้ก็เรียบง่ายคือทำงานพาสทามที่ห้างหทารเรือแก่ ๆ พอว่างก็หาอะไรทำไปเรื่อย ๆ เช่นเอาเสื้อผ้าเก่าที่ใส่ไม่ได้มาซ่อม หรือเข้าครัวไปทำอาหารอร่อย ๆ ทานโดยเฉพาะพวกของหวาน หรือเบเกอร์รี่ ซึ่งดิฉันชอบอาหารพวกนี้มาก สามารถแทนทานอาหารหลักได้เลย
สำหรับชีวิตการทำงานของดิฉันก็ยังคงเหมือนเดิมคือหน้าที่หลักให้บริการช่วยเหลือลูกค้า ถ้าต้องการมีผลงานคือจะต้องหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิต สำหรับดิฉันนั้นเดือนที่ผ่านมาก็หาได้ 98 รายเรียกว่าประมาณ 1/3 ของลูกค้าทีมาทำบัตรเครดิตกับห้างฯของเดือนเป็นลูกค้าที่ดิฉันหามาได้
สำหรับดิฉันนั้นบางครั้งก็รู้สึกกดดันมาก ๆ เพราะเป้าหมายในการทำงานของดิฉันคือแต่ล่ะวันที่มาทำงานดิฉันต้องหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตให้ได้เพื่อให้ได้ผลงานจะได้มีชั่วโมงการทำงานแบบที่เป็นอยู่ เช่นกันก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่บางครั้งเราเหมือนหลอกให้ลูกค้ามาทำบัตรเครดิตในกรณีที่ลูกค้าเครดิตไม่ดี แล้วมาสมัครทำบัตรเครดิตแล้ว not approve อย่างไรได้ถ้าดิฉันไม่ทำก็ไม่มีผลงาน
ในทางตรงข้าม ถ้าลูกค้าเครดิตไม่ดี แล้วมาสมัครทำบัตรเครดิตที่ห้างฯดิฉันแล้ว approve มันทำให้ดิฉันรู้สึกมีความสุขไปกับพวกเค้า สำหรับดิฉันคิดว่าการหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตเป็นงานที่ท้าทายความสามารถดิฉันมาก ๆ คือดิฉันจะต้องมีกลยุทธในการขายที่ดี รู้จักใช้วาทศิลป์ จิตวิทยา โน้มน้าวให้ลูกค้ามาทำบัตรเครดิตให้ได้ ซึ่งบางครั้งดิฉันถ้ารู้สึกวันไหนครึ้มอก ครึ้มใจ ก็จะบอกกับผู้จัดการ หรือผู้ช่วยฯ ว่าวันนี้อยากให้ดิฉันหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิตกี่คน แล้วเมื่อดิฉันหาได้ตามที่ต้องการจะให้อะไรดิฉัน
ผู้จัดการหรือผู้ช่วยฯ ก็จะบอกว่าถ้าวันนี้ดิฉันหาลูกค้ามาสมัครบัตรเครดิตได้ห้าราย จะให้กิฟคาร์ดดิฉันหนึ่งใบ เชื่อไหมค่ะมันทำให้ดิฉันรู้สึกว่าท้าทายดี ต้องทำให้ได้ แล้วดิฉันก็ทำได้ แต่ดิฉันก็ไม่ค่อยเรียกร้องบ่อยค่ะ ถ้าวันไหนเกิดอารมณ์ที่อยากจะหาลูกค้าทำบัตรเครดิตมาก ๆ ก็จะเรียกร้องสักที
นี่ค่ะกิฟการ์ดที่ดิฉันได้รับสีใบเมื่อการทำงานสัปดาห์ที่ผ่านมา และเงินห้าดอลล่าร์นั้น วันนั้นผู้ช่วยฯ ถามว่าอยากได้กิฟคาร์ดหรือเงินห้าดอลล่าร์ วันนั้นดิฉันบอกอยากได้เงินสดมากกว่าเลยได้เงินมาห้าดอลล่าร์ เหตุผลที่ดิฉันไม่อยากได้กิฟคาร์ดเพราะดิฉันได้กิฟคาร์ดของสตาร์บัคมามากจากปีก่อนหรือครั้งก่อน ๆ ยังใช้ไม่หมดเลย
นี่ค่ะรางวัลที่ดิฉันได้รับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็น Starbuck Gift Card 2 ใบ, In-N-Out Gift Card 2 ใบ and $5 ที่ได้รับจากการหาลูกค้ามาทำบัตรเครดิต
การทำงานที่ห้างฯ แห่งนี้ ต้องบอกว่าแตกต่างสิ้นเชิงกับสมัยที่ดิฉันทำงานในไทยเอาเลย คือตอนที่ดิฉันทำงานที่ไทย ดิฉันทำงานนั่งในออฟฟิศ ไม่ต้องติดต่อกับลูกค้าโดยตรง ยกเว้นตอนที่ลูกค้าโทรศัพท์มาถามเรื่องงาน เรียกว่าไม่ต้องออกไปรับแขกคือลูกค้า เพราะมีพนักงานขาย หรือผู้จัดการทำหน้าที่นี้แทนแล้ว
สำหรับการทำงานที่ห้างฯ แห่งนี้ ดิฉันต้องทำงานโดยตรงกับลูกค้า มันทำให้ดิฉันได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จิรงของคนอเมริกันเอามาก ๆ เชื่อไหมค่ะคนอเมริกัน พวกที่จนจะจนเอามาก ๆ ไม่มีเงินติดตัวเอาเลยสักดอลล่าร์ ทำไมดิฉันถึงทราบก็คือมีวันหนึ่งลูกค้ามาซื้อของที่ห้างฯ แล้วใช้กิฟคาร์ดที่ได้รับเป็นของขวัญมาใช้ พอดิฉันบอกว่าต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกประมาณสอง ดอลล่าร์ เชื่อไหมค่ะเธอบอกว่าไม่มีเงินติดตัวเลยสักดอลล่าร์ ต้องขอกลับไปบ้านก่อน ดิฉันฟังแล้วตกใจมาก ๆ เพราะดูเธอแต่งตัวเหมือนคนทำงาน มีรถขับ แต่ไม่มีเงินติดตัว
เช่นกันลูกค้าบางคนก็ไม่ครบอาการสามสิบสอง เช่นหูหนวก เป็นใบ้ ตาบอด ไม่สามารถเดินได้ พอดิฉันเจอก็รีบเข้าไปช่วยเหลือ มีลูกค้าคนหนึ่ง เธอเป็นใบ้ค่ะ เธอเดินมาหาดิฉันแล้วพร้อมรองเท้าแล้วชูนิ้วให้ดิฉัน ดิฉันก็เข้าใจโดยอัตโนมัติเลยว่าเธอคงต้องการรองเท้าแบบนี้ แล้วเอาขนาดที่เธอชูมือคือขนาดเบอร์เจ็ด ซึ่งเธอไม่สามารถหาได้ ดิฉันก็ไปช่วยเธอหา
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ดิฉันเห็นลูกค้าผู้หญิง อายุมากพอสมควร นั่งรถเข็นซึ่งเหมือนเธอมาคนเดียว เห็นในมือเธอกำเสื้อผ้าหลายตัวและเข็นรถเพื่อจะหาอะไรสักอย่าง ดิฉันจึงเดินเข้าไปถามเธอว่าต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม เธอบอกว่าเธออยากเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปลองที่ห้องลองเสื้อผ้า ดิฉันก็พาเธอไป เธอใช้เวลาลองเสื้อผ้านานมาก ๆ เธอบอกว่าเธอเข้ารับการผ่าตัดถึงห้าครั้งแล้ว นี่คือครั้งที่ห้าของเธอ ดิฉันเห็นสภาพเธอแล้วน่าสงสารมาก ๆ เพราะเธอต้องทำการถอดเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตัวเธอเอง ทั้ง ๆ ที่เธอก็เดินไม่ได้ต้องใช้รถเข็นช่วยเหลือตัวเอง พอเธอเปิดประตูห้องลองเสื้อผ้ามา ดิฉันเห็นเธอมีแค่บราและอันเดอร์แวร์ ดิฉันจึงเอาเสื้อผ้าที่ดิฉันถือมาช่วยเธอปิดร่างกาย ดิฉันเข้าใจว่าเธอคงไม่สนใจหรอก เพราะสภาพร่างกายเธอแย่มาก ๆ แล้วเธอก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกตัว ต่อหน้าดิฉันโดยไม่ปิดประตู ดิฉันจึงบอกกับเธอว่าปิดประตูด้วยและช่วยเธอปิดประตู
พอเธอลองเสื้อผ้าเสร็จ เธอก็เอาเสื้อผ้าที่เธออยากได้จะซื้อมาสองชุด ดิฉันจึงบอกว่าที่เหลือที่ไม่ต้องการให้วางไว้ที่ห้องล่ะ ดิฉันจะจัดการเก็บเอง แล้วดิฉันก็ถามว่าจะซื้ออะไรอีกหรือเปล่า เธอบอกว่าไม่ซื้อแล้ว จะจ่ายเงิน แล้วดิฉันก็บอกกับเธอว่าดิฉันจะพาไปจ่ายเงินเอง เพราะดิฉันเห็นสภาพเธอแล้ว ถ้าให้เธอลากรถเข็นไปด้วยเธอตัวเองมันจะลำบากและเธอก็บอกว่าแฟนเธอจอดรถรออยู่ข้างนอก ดิฉันจึงเดินนำพาเธอไปจ่ายเงิน ซึ่งเวลานั้นก็เป็นเวลาที่ดิฉันจะหมดเวลาทำงานพอดี เมือดิฉันเดินมาส่งเธอที่จ่ายเงิน ดิฉันจึงเดินไปตอกบัตรกลับเพื่อกลับบ้าน
พอดิฉันเดินมาที่หน้าร้าน เพื่อจะกลับบ้าน ก็เห็นเธอเพิ่งเสร็จจากการจ่ายเงิน ดิฉันจึงบอกกับเธอว่าดิฉันจะเดินไปส่งเธอที่รถ แล้วดิฉันก็เดินนำเธอไปข้ามถนน เพราะรถแฟนเธอจอดอยู่ฟังตรงข้าม แล้วถือถุงเสื้อผ้าให้เธอ พอดิฉันเห็นแฟนเธอ แล้วยิ่งสงสารใหญ่เลยค่ะ แฟนเธอแก่มาก ๆ เรียกว่าเดินออกจากรถเพื่อมารับเธอต้องถือไม้เท้าค่ะ ไม่สามารถเดินด้วยลำพัง ดิฉันเห็นแล้วรู้สึกสลดมาก ๆ เพราะทั้งสองคนแก่เอามาก ๆ น่าจะมีใครมากับพวกเค้า ไม่ใช่ปล่อยให้คนแก่มาก ๆ ขับรถคนเดียว ถ้าเป็นสังคมไทยเราจะไม่เห็นภาพพวกนี้ แต่สังคมอเมริกันเราจะเห็นบ่อยมาก แล้วก็มานึกถึงดิฉันกับสามีตอนแก่ เพราะดิฉันกับสามีไม่มีลูก
ก็ตามธรรมเนียมล่ะค่ะ เมื่อมาฟังเรื่องราวชีวิตการทำงานของดิฉันแล้วก็มาเข้าหัวเรื่องตามข้างบนกันค่ะ
ไปทานอาหารเย็นกันที่ Chili's ค่ะ
พอวันหยุดหรือวันที่สามีพอมีเวลาว่าง ดิฉันกับสามีก็จะไปหาอะไรอร่อยทานกัน นอกจากดิฉันจะชอบช๊อปปิ้งแล้ว เชื่อไหมค่ะดิฉันจะชอบออกไปหาอาหารอร่อยทานกับสามีมาก เพราะถือว่าเมื่อเราสองคนทำงานหนักมาก็ควรจะหารางวัลให้กับตัวเองคือไปหาอาหารอร่อย ๆ ทานนอกบ้าน สำหรับร้านอาหารที่ดิฉันชอบไปบ่อยก็คือร้าน Chili's ค่ะ เหตุผลเพราะมีหลายสาขาที่อยู่ใกล้บ้านดิฉัน นอกจากนั้นอาหารไม่จานใหญ่เกินไปและราคาไม่แพงเกินไป ดิฉันไปร้านนี้บ่อยมาก ๆ ค่ะแล้วก็ชอบสังอาหารจานเดิม ๆ คือ "Baby Back Ribs" เพราะทำเองยุ่งยากและไม่นุ่มเท่าไปทานที่ร้าน
นี่ค่ะบล๊อกที่ดิฉันไปภัตตาคารแห่งนี้อีกสาขา //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jiney&month=09-2008&date=27&group=28&gblog=4
ผู้อ่านคงสงสัยทำไมต้องมีรูปพริกและใช้ชื่อ Chilis เหตุผลก็คือภัตตาคารแห่งนี้รสชาดอาหารเผ็ดในแบบฉบับของแม็กซิกัน และผสมกันสไตล์อเมริกันค่ะ
หน้าภัตตาคารที่เคยไปมา อีกสาขาค่ะ
นี่ค่ะภัตตาคารที่เราไป สามีกับหน้าป้ายของภัตตาคาร สาขานี้ไม่เคยไป และอยู่ไม่ไกลบ้าน เลยอยากลองไปดูค่ะ
ดิฉันกับด้านหน้าของภัตตาคาร
นี่ค่ะโต๊ะที่เราสองคนตายายนั่ง เห็นสีสรรไหมค่ะ สดใสมาก ๆ เป็นโต๊ะหินอ่อน
พอได้ที่นั่ง พนักงานเสริฟก็จะรีบเดินเข้ามาถามเลยว่าดื่มอะไร แล้ว มาเสริฟเครื่องดื่มให้ หลังจากนั้นก็สั่งอาหาร ระหว่างที่รออาหาร สามีดิฉันวันนั้นคงกระหายน้ำมาก ดื่มหมดไปหนึ่งแก้ว พนักงานเสริฟเอามาเสริฟต่อเลย ไม่ให้เสียจังหวะของการดื่ม ที่อเมริกาอย่างที่เคยบอก ถ้าเราสั่งเครื่องดื่มแล้ว เราสามารถดื่มกี่แก้วก็ได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเสียเงินเงินเพิ่ม
บริเวณทางผ่านเข้าห้องน้ำ ภัตตาคารในอเมริกาส่วนใหญ่จะชอบติดภาพเอาไว้ค่ะ
ภาพนี้ดิฉันว่าน่ารักดี เอาเปลือกไข่มาทำค่ะ
ระหว่างที่รออาหาร ดิฉันก็เอาเมนูเครื่องดืม แอลกฮอล์ อาหารมาเปิดดู
ต้องบอกก่อนว่าเมนูภัตตาคารแห่งนี้ สีจัดจ้านมาก ๆ เห็นรูป แล้วอยากทานมาก ๆเลย
น่าทานไหมค่ะ
คิดว่าอาหารจานนี้คงจะเผ็ด เพราะมีรูปพริก
ในที่สุดเวลาที่รอคอยก็มาถึงค่ะ อาหารมาเสริฟแล้วค่ะ
จานนี้ของสามีค่ะ เป็น "Rib-Eye Steak"
จานนี้เป็นของดิฉันค่ะ "Full Rack Baby Back Ribs" เพื่อน ๆ และน้อง ๆ ที่ตามอ่านบล๊อกดิฉันคงจะทราบน่ะค่ะว่าดิฉันเวลาไปภัตตาคารที่ไร ต้องสั่งอาหารจานนี้มาทุกที ทำไมไม่ยอมสั่งสเต็กหรืออาหารอย่างอื่นเหมือนสามีหรือคนอื่นเค้า ไม่เบื่อหรือไง เหตุผลดิฉันชอบอาหารนี้มาก ๆทำเองก็ลำบากและไม่อร่อย และอีกอย่างดิฉันไม่ชอบสต็กเอามาก ๆ ดิฉันคิดว่าเนื้อย่างกับน้ำจิ้มแซบ ๆ ของไทยยังอร่อยกว่าอีกเป็นพันเท่า
Full rack Baby Back Ribs น่าทานไหมค่ะ
มาดูใกล้ ๆ ค่ะ
น่าทานอย่างนี้ นี่ล่ะเหตุผลว่าทำไมมาภัตตาคารทีไร ถึงแม้จะขึ้นชื่อเรื่องสเต็ก หรืออาหารใด ๆ ดิฉันไม่สนใจ ขอสั่งอาหารจานนี้ล่ะ ของโปรดเลยค่ะ
ภัตตาคารที่อเมริกา ถ้าเราทานอาหารไม่หมด ก็บอกพนักงานเสริฟเค้า เค้าก็จะนำกล่องมาใส่ให้เราค่ะ
นี่ล่ะบิลที่สองคนตายายทานไปทั้งหมด
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ที่มาเยี่ยมบล๊อกดิฉัน แล้วดิฉันจะไปเยี่ยมน่ะค่ะ ขอตัวไปทำงานก่อนน่ะค่ะ เพื่อหาเงินมาช๊อปปิ้งค่ะ
มีความสุขมาก ๆค่ะ
Create Date : 05 พฤษภาคม 2552 |
|
47 comments |
Last Update : 5 พฤษภาคม 2552 2:25:49 น. |
Counter : 1341 Pageviews. |
|
|
|
ขอบอก น่าทานมาก แต่ยังไม่เคยไปทานที่นี่เลย เพราะสามี ไม่กินเผ็ดค่ะ ไม่กินเผ็ด..