Group Blog
All Blog
|
อุจจาระ บอกอาการก่อนป่วยได้" รูปร่าง-กลิ่นของอุนจิ หรือ อึ ชื่อเล่นของ อุจจาระ บอกอาการก่อนป่วยด้วยโรคร้ายในร่างกายได้ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ใจกับอุนจิของตนเองมากนัก เพราะคิดว่าเป็นของต่ำ ของสกปรก จึงละเลย โดยบางคนหลังถ่ายเสร็จไม่เคยเหลือบไปดูเลยด้วยซ้ำว่าลักษณะอุจจาระตนเองเป็นอย่างไร ในทางธรรมชาติบำบัดถือว่า ลักษณะอุจจาระสำคัญมาก เพราะเป็นเหมือนกระจกสะท้อนสุขภาพของเจ้าของได้ และยิ่งในปัจจุบันอาหารที่เราบริโภคส่วนใหญ่ล้วนประกอบด้วย เนื้อ นม ไข่ อันเป็นอาหารที่ไร้ซึ่งเส้นใย เด็กรวมทั้งผู้ใหญ่หลายต่อหลายคนไม่เคยรู้รสชาติของผักเลยด้วยซ้ำ เห็นผักแค่เส้นเดียวยังเขี่ยทิ้ง ทำให้ลำไส้ใหญ่อันเป็นช่องทางเดินของอุจจาระถูกหมักหมมด้วยของเน่าบูด ซึ่งเป็นอาหารอย่างดีให้แบคทีเรียตัวร้าย (เช่น E.coli, Clostridium spp. เป็นต้น) ที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ออกลูกออกหลานจนครองพื้นที่ในลำไส้ใหญ่ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมด ทำให้แบคทีเรียตัวดี (Lactobacillus spp., bifidobacterium spp.) ไม่มีที่อยู่อาศัย เป็นเหตุให้มีการหมักหมมจนเกิดสารพิษกลุ่ม Indole, Skatole, p-Cresol และ Ethionine ซึ่งสารเหล่านี้จะถูกดูดซึมพร้อมน้ำกลับเข้าในร่างกาย ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ ลดภูมิต้านทาน ทำให้เซลล์ในร่างกายชราภาพ แม้กระทั่งเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง อุจจาระที่ดี ไม่ควรถูกเก็บกักอยู่ในร่างกายนานเกินไป โดยอุจจาระที่ดีที่สุดควรจะออกมาภายใน 24 ชั่วโมงหลังการบริโภคอาหาร ลักษณะของอุจจาระตามการจำแนกของบริสตอล (The Bristol Stool Form Scale) มี 7 ชนิด คือ ส่วนลักษณะอุนจิที่ดี ในหนังสือ หัวใจอึ อาจารย์บุนเป โยริฟุจิ เขียนไว้ว่า แบบที่ 1 อึแบบกล้วย อึแบบนี้เป็นอึที่มีสภาพดีมาก บอกถึงสภาพจิตใจที่ดี และอาหารที่รับประทานก็มีความสมดุลต่อร่างกาย ควรรักษาให้มีอึแบบนี้ตลอดไปจะดีต่อสุขภาพของคุณ แบบที่ 2 อึแบบผอม อึแบบนี้จะมาจากคนที่กล้ามเนื้อท้องมีปัญหา อาจเกิดจากการขาดสารอาหาร หรือกำลังอยู่ในช่วงที่ลดน้ำหนักจนมากเกินไป อึแบบนี้ไม่ดีนัก ควรปรับปรุงด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น และดูแลลำไส้ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยของหมัก อาทิ ผักดอง แบบที่ 3 อึแบบดินโคลน อึแบบนี้เป็นเพราะร่างกายดูดซึมน้ำไม่เพียงพอ ต้องระวังลำไส้จะเป็นแผล ดังนั้นควรพักผ่อนเยอะๆ เพราะการอึแบบนี้เป็นสัญญาณของการอดนอน อีกทั้งควรกินอาหารที่มีไฟเบอร์เยอะๆ งดอาหารเผ็ด หรือชา กาแฟ ถ้าอึเป็นแบบนี้นานๆ ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อเช็คสุขภาพอย่างละเอียดอีกครั้ง อึแบบนี้คือ อึที่ลำไส้ไม่ทำหน้าที่ดูดซึมน้ำ สาเหตุก็คงมาจากเรื่องของความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือกินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ ดังนั้นควรจะพักผ่อนเยอะๆ ทำจิตใจให้สบาย และงดอาหารจำพวกที่มีไขมันและโปรตีนสูง ควรกินผักเยอะๆ แทน และถ้ายังอึเป็นเช่นนี้ติดต่อกันเป็นเวลานานควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน แบบที่ 5 อึแบบแข็งปนน้ำ บ่งบอกได้ว่าลำไส้ขาดความแข็งแรงแล้ว อาจเพราะความเครียด หรือมีโรคภัยไข้เจ็บเกิดขึ้น ดังนั้นควรพักผ่อนให้เพียงพอ หรือไม่ก็ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพโดยละเอียดอีกครั้ง แบบที่ 6 อึแบบแข็ง นั่นเพราะในลำไส้ขาดน้ำ และอึเม็ดเล็กๆ ไปแข็งอยู่ในลำไส้นาน จึงส่งผลทำให้เกิดโรคท้องผูก ดังนั้นผู้ที่มีอึแบบนี้จึงควรดื่มน้ำเยอะๆ และทานอาหารที่มีไฟเบอร์ เพื่อให้ลำไส้ทำงานดีขึ้น และที่สำคัญอย่ากลั้นอึเด็ดขาด มิฉะนั้นโรคริดสีดวงทวาร จะถามหาเอา แบบที่ 7 อึแบบดีที่สุด สิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาอีกก็ คือ สี กลิ่น และมีมูกหรือเลือดออกมาด้วยหรือไม่
นอกจากนี้ ควรพิจารณาเรื่องกลิ่นด้วย
อุจจาระที่สมบูรณ์แบบควรเป็นอย่างไร 1. ต้องได้เส้นใยอาหารเพียงพอ อย่างน้อย 25 กรัมต่อวัน อาหารที่กินต้องเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และมีสาร เส้นใยสูง โดยเฉพาะต้องเน้นข้าวกล้องให้มากๆ เพราะเป็นอาหารที่มีเส้นใยสูงมาก ข้าวกล้อง 1 จาน (2 ทัพพี) มีเส้นใยถึง 6 กรัม ในขณะที่ผัก 1 จาน มีเส้นใยเพียง 2 กรัม เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะกินเส้นใยให้เพียงพออย่าง ง่าย ๆ ก็ต้องกินข้าวกล้อง เพียงมื้อละ 1 จาน 3 มื้อ ก็จะได้เส้นใยไป 18 กรัมแล้ว ที่เหลืออีก 7 กรัมก็ให้กินผัก และผลไม้อีกอย่างละ 2 จานต่อวัน เท่านี้ก็จะได้เส้นใยเพียงพออย่างง่าย ๆ ทำให้สุขภาพลำไส้ใหญ่โดยรวมดีขึ้น เส้นใยช่วยจับสารพิษและไขมันส่วนเกินในลำไส้ไปทิ้งอีกด้วย 2. อย่ากินเนื้อสัตว์มากเกินไป ควรเลือกอาหารโปรตีนที่มีเส้นใย จะดีกว่า ควรเลี่ยงอาหารไขมันสูง เช่น ปลา 3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน 4. เลือกอาหารที่มีฤทธิ์ระบายเพื่อให้ถ่ายได้สะดวก เช่น มะละกอ กล้วย มะขาม ลูกพรุน มะเดื่อแห้ง ใบขี้เหล็ก สมอไทย สะตอ เป็นต้น 5. เลี่ยงอาหารกลุ่มที่จะทำให้ท้องผูก เช่น ชา กาแฟ เป็นต้น 6. ควรขับถ่ายเป็นเวลา โดยใส่ใจในสัญญาณเตือน (ซึ่งก็คือถ้ามีอาการปวดถ่าย ไม่ควรกลั้นไว้ ควรจะรีบเข้าห้องน้ำโดยเร็ว) 7. อารมณ์ก็มีผลต่อการขับถ่าย เช่น ในภาวะเครียดจัดจะมีการเคลื่อนไหวลำไส้อย่างรุนแรงจนปวดมวนท้องหรือท้องเสีย หรืออยู่ในภาวะเร่งรีบ เป็นต้น 8. การออกกำลังกายทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ดีขึ้น 9. การฝึกชี่กง สามารถช่วยเสริมการทำงาน ของลำไส้ได้ 10. การสวนล้างลำไส้ด้วยน้ำ (Colon cleansing) ซึ่งต้องใช้อุปกรณ์สวนล้างลำไส้ จะไปช่วยล้างตะกรันที่คั่งค้างอยู่ในลำไส้ให้หลุดออกมา ซึ่งอาจจะทำ ปีละ 1 2 ครั้ง ครั้งต่อไปหลังจากขับถ่ายแล้ว กรุณาเหลียวกลับไปดูผลผลิตของตนเองสักนิด สิ่งนั้นบอกอะไรหลายอย่างในสุขภาพของคุณได้ดีทีเดียว กันไว้ดีกว่าป่วยแล้วแก้ไม่ทัน เครดิต: นิตยสาร SCI Therapy ฉบับเดือนมิถุนายน 2551 จาก comment ถ้าออกมาสีเขียวๆดำๆ และมีกลิ่นเหมือนขี้เป็ด ให้ระวังมะเร็งลำไส้ถามหานะ ขอบอก ........................................................................................................................... ข้อมูลข้างล่างจาก : AC127://ac127.wordpress.com/
1. ไม่สนใจอาหารเส้นใย อาหารที่มีเส้นใยมากๆ จะเป็นเหมือนไม้กวาดที่เข้าไปกวาดล้างของเก่าหมักหมมให้สลายตัวออกไปจากลำไส้ของคุณ ร่างกายต้องการเส้นใยวันละ 20-25 กรัม เพื่อช่วยในการขับถ่าย แต่ทุกวันนี้ ข้าวขาว ขนมปัง เบเกอรี่ ช็อกโกแลตเป็นอาหารที่มาแรงได้ใจสาวๆ ซะจนอาหารเส้นใยแทบไม่มีโอกาสได้แจ้งเกิดเลย ท้องน้อยๆ เลยผูกเอา ..ผูกเอา 2. ความเครียด ศัตรูตัวร้าย 3. การกลั้นอุจจาระ 4. ไม่ออกกำลังกาย 5. ทานยาระบายบ่อยครั้ง
|
jewelmoda
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?] ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยากทำงานด้านเด็ก อยากเป็นครู แต่กลับต้องไปทำงานแบงค์ เมื่อขอเออรี่ออกมา ขอหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก เพื่อการพัฒนาเด็กไทย Myspace angels graphics
Friends Blog
|