Group Blog
มีนาคม 2557

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ฝึกลูกขับถ่ายให้ถูกวิธี
เมื่อลูกของคุณเริ่มเมียงๆ มองๆ คนอื่นเข้าห้องน้ำหรือเริ่มรู้จักวิธีถอดกางเกงเอง นั่นหมายถึงเวลาที่คุณควรเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป แล้วหันมาสอนให้เค้านั่งกระโถนหรือเข้าห้องน้ำอย่างถูกวิธีได้แล้วค่ะ แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านรวมทั้งคุณลูกต้องยินดีกับวิธีการนี้ ไปเริ่มพร้อมกันเลยค่ะ

อุปกรณ์ฝึกการขับถ่าย

ก่อนอื่นคุณพ่อคุณแม่ต้องพร้อมรับมือกับลูกก่อน ด้วยการเตรียมอุปกรณ์ฝึกการขับถ่ายแล้วฝึกให้เป็นนิสัย ดังนี้a-old-toddle-23a

• กระโถนหรือที่รองนั่ง ของเด็กสำหรับใช้กับโถส้วมผู้ใหญ่

• สบู่ ควรสอนลูกให้ล้างมือทุกครั้งหลังจากทำภารกิจเสร็จ

• นิทานหรือหนังสือภาพ ที่เกี่ยวกับการสอนเข้าห้องน้ำ ทำให้เด็กเข้าใจง่ายขึ้น

• กระดาษบันทึก เอาไว้จดความสำเร็จของลูก คอยสังเกตดูว่าลูกมีพัฒนาการมากน้อยแค่ไหน แล้วฝึกฝนไปเรื่อยๆ ไม่ทำแล้วหยุดเพราะจะทำให้พัฒนาการของลูกช้าลงได้

ขั้นตอนการฝึก

1. อันดับแรกให้เลือกวันที่จะฝึกก่อนแล้วเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ให้ลูกสวมกางเกงแบบธรรมดาที่สวมใส่สบายแทน เวลาถอดก็สามารถถอดออกได้ง่าย ลูกจะได้ไม่รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

2. ฝึกลูกให้นั่งบนกระโถนหลังจากมื้ออาหาร 30 นาที ลำไส้จะเริ่มทำงาน แต่อย่าฝึกให้นั่งนานจนเกินไปนะคะ แล้วค่อยถามลูกเป็นระยะว่าต้องการเข้าห้องน้ำหรือไม่

3. หัดเชยชมลูกเมื่อลูกทำได้สำเร็จ แต่หากลูกฉี่หรืออึรด คุณควรรีบทำความสะอาดโดยไม่อารมณ์เสีย และพึงนึกไว้ว่ามันเป็นเรื่องปกติของเด็กที่เพิ่งเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูป

4. ทำความสะอาดให้หมดจด หลังจากที่สอนลูกล้างก้นตัวเองแล้ว ถึงยังไงเด็กๆ ก็ยังไม่มีทางทำความสะอาดได้หมดจด คุณควรดูแลอย่างใกล้ชิด แล้วสอนให้เค้าล้างมือทุกครั้ง ไม่ว่าจะฉี่หรืออึ

Tip : ไม่ควรใช้เวลาเป็นตัวกำหนดว่าลูกจะต้องทำได้ภายใน 1-2 อาทิตย์ ค่อยๆ ฝึกเด็กให้ถูกลักษณะ ถ้าเป็นลูกชาย คุณต้องฝึกให้ยกฝารองนั่งและฉี่ให้ลงตรงกลางโถ เพื่อสุขภาพอนามัยของคนใช้ห้องน้ำร่วมกัน ส่วนช่วงกลางคืน เด็กๆ มักขับถ่ายออกมาอย่างไม่ตั้งใจจนถึงอายุประมาณ 4 ขวบ ดังนั้นหลังจากฝึกให้ลูกเข้าห้องน้ำในตอนกลางวันได้แล้ว คุณควรฝึกให้ลูกรู้จักลุกขึ้นมาฉี่ในตอนกลางคืนด้วย จะได้ไม่เปรอะเปื้อนที่นอน

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสารเรื่องผู้หญิง ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต 

 และ//www.petsang.com/วัยเตาะแตะ-2-3-ปี/ฝึกลูกขับถ่ายให้ถูกวิธี.html



การฝึกขับถ่าย (๑)



ขอบคุณภาพจาก Google image ค่ะ

เมื่อได้เข้ามาดูแลเด็กมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่พบคือ เด็กวัยสองขวบกว่าที่คุณพ่อคุณแม่ต้องทำงาน ทำให้ต้องเอาลูกมาฝากเลี้ยงที่โรงเรียนหรือสถานรับฝากเลี้ยงเด็ก  สงสารน้องเล็กๆที่นุ่งผ้าอ้อมสำเร็จรูปเวลานอนก็ไม่สบายตัวผ้าอ้อมมันดันก้นสูงขึ้น  นอนก็ไม่สบาย และเวลาที่ฉี่อยู่ที่ผ้าอ้อมถ้าที่ห้องมีเด็กแยะการใส่ใจก็ยากที่จะดีเหมือนอยู่บ้าน  ครูมดก็หาหนังสือมาอ่านหลายเล่มเพื่อจะตอบโจทย์ให้กับตัวเองว่า วิธีไหรที่จะช่วยน้องๆให้ควบคุมการฉี่ อึ ได้ วิธีไหนที่จะรู้ตัวแล้วไปฉี่ที่ห้องน้ำโดยไม่ราดไปก่อนและไม่อยากให้เด็กๆกลั้นฉี่และกลั้นอึ  จากที่อ่านหลายๆเล่มก็พอจะสรุปได้เท่าที่อ่าน ขอเอามาแบ่งปันกันในหน้าบล็อคนี้น่ะค่ะ มันอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดสำหรับเด็กแต่ละคน แต่อาจช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยน่ะค่ะ  จะเริ่มตั้งแต่เป็นทารกเลยน่ะค่ะ

อุจจาระและปัสสวะ

อุจจาระ :เด็กทารกแรกเกิดและเด็กเล็กรับประทานอาหารและย่อยอาหารต่างจากเด็กโต แน่นอนว่าเรามักจะรู้สึกว่าของเสียที่ออกจากร่างกายเป็นของน่ารังเกียจ แต่ทุกอย่างไม่ยากที่จะเริ่มฝึกทำตั้งแต่ลูกเพิ่งคลอด
อุจจาระของทารกแรกเกิด(Meconium) : อุจจาระของเด็กทารกแรกเกิดจะเหนียวข้นมีสีดำในช่วง 233 วันแรกและเรียกว่า ขี้เทาหรือขี้เถ้า(Meconium)  : ซึ่งอาจถูกขับออกมาหมด 2-3 วันหลังคลอด หากยังมีต่อควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เด็กทารกแรกเกิดอาจอุจจาระมีเลือดสดปนได้เป็นครั้งคราวเพราะอาจเป็นเลือดสดที่เขากลืนเข้าไประหว่างการคลอด หรือหลังจากนั้น เช่นจากการที่หัวนมมารดามีเลือดออก อย่างไรก็ตามถ้าอุจจาระเด็กมีเลือดสีแดงสดปนอยู่ควรรายงานให้แพทย์ทราบ   เมื่อขี้เทาสีดำเริ่มหมดไป อุจจาระของลูกคุณจะเริ่มเป็นสีเขียวหรือเหลืองลักษณะข้น ซึ่งมีเนื้อหยาบและอาจมีเมือกปนอยู่ รวมทั้งการถ่ายบ่อยด้วย  และแต่ละครั้งก็จะมีทั้งปัสสวะและอุจจาระปนกันอยู่ อุจจาระเหล่านี้มักจะพุ่งออกมาอย่างแรง เด็กทารกมักจะยกขาหน้าขึ้น หน้าแดง ส่งเสียงเบ่งหรือคำรามแม้นแต่ร้องไห้ เหมือนเจ็บปวด ถ้าทวารหนักมีรอยฉีกขาดหรือเป็นรอยแตกจากการเบ่งอย่างแรงให้ล้างนิ้วก้อยของคุณให้สะอาด ป้ายปิโตเลี่ยมเจลลี่(วาสลีน)ทาไปบนรอยแตกรูทวาร หนาประมาณหนึ่งส่วนสี่นิ้ว จะช่วยให้รอยแตกนั้นหายอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าไม่หายควรแจ้งให้คุณหมอของลูกทราบด้วย
   ภายหลังจาก 2-3 วันแรกหลังคลอด อุจจาระจะสะท้อนถึงสิ่งที่ลูกได้รับเข้าไป เด็กทารกที่ดื่มนมมารดาจะถ่ายเป็นสีเหลืองคล้ายสีมัสตาร์ดหรืออกเขียว นิ่มเละปริมาณค่อนข้างมาก วันละหลายครั้ง ไม่มีกลิ่นเหม็นแต่จะหอมอ่อนๆ  เมื่อครบสามสัปดาห์รูปแบบการกินนมแม่ของเด็กจะเปลี่ยนไป เด็กอาจถ่ายถึงวันละ 8-10 ครั้ง แต่ก็มีบางคนถ่ายเพียงสัปดาห์ละครั้ง  ถ้าคุณแม่ใช้สบู่ฝานบางๆแทนยาสวนทวารแต่อาจจะมีเพียงแก๊สหรือเมือกออกมาเล็กน้อยซึ่งไม่ผิดปกติ เพราะเด็กที่กินนมแม่อย่างเดียวและเจริญเติบโตได้ดีก็ไม่น่าจะกังวลแม้นลูกจะถ่ายไม่บ่อย {เพราะอาจแสดงถึงประสิทธิภาพของน้ำนมแม่ว่า เด็กสามารถย่อยเอาแทบทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในน้ำนมมารดา โดยมีเศษตกค้างเหลือจากการย่อยน้อยมาก(แต่ไม่ใช่ทุกคน)} เด็กทารกที่รูปแบบการถ่ายแบบนี้ ถ้าแข็งแรง สุขภาพดีเป็นปกติทุกอย่าง ก็ไม่น่าวิตกอย่างไร เพราะเมื่อย่างเข้าเดือนที่ห้าเด็กจะเริ่มทานอาหารหบาบบ้างแล้ว รูปแบบการถ่ายก็จะเปลี่ยนไปอีกครั้ง
   เด็กทารกที่กินนมผสม มักจะถ่ายบ่อยกว่า ประมาณ 4-6 ครั้งต่อวันและอย่างน้อยวันละหนึ่งคั้ง ซึ่งอุจจาระที่ออกมามักจะมีขนาดใหญ่และหริมาณมาก สีเหลืองซีดออกน้ำตาลมีกลิ่นเหม็นและแรง เพราะระบบการย่อยของมนุษย์ไม่ได้มีเอนไซน์ที่ย่อยนมวัวได้อย่างสมบูรณ์ หากมีเลือดหรือเมือกปนในอุจจาระของเด็ก อาจเป็นสัญญาณการไม่ยอมรับหรือแพ้นม ถ้าเด็กเริ่มแหวะนมบ่อยและรุนแรงขึ้น หรือถ้าลูกเริ่มมีผื่นขึ้นตามปลายแขนขาหรือรอบๆคอ อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนนมทันทีแต่เรื่องนี้ควรได้ปรึกษาแพทย์และแก้ไขอย่างระมัดระวัง
   เด็กที่กินนมผสมหรือกินนมมารดา(บางคน) ถ้าอุจจาระแข็งมากและเริ่มมีเลือดออกทางทวารหนักจากการถ่าย คุณควรปรึกษาแพทย์ถึงเรื่องการดื่มน้ำลูกพรุนหรือเปลี่ยนสูตรนมผสม แต่ควรได้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลลูกก่อน

ปัสสวะ :
ปัสสวะของเด็กแรกเกิดในบางครั้งมีสีแดง ซึ่งควรหายไปในสามวันแรก เมื่อไตของเด็กปรับตัวเข้ากับการทำงานในสภาพแวดล้อมใหม่นอกมดลูก คุณจะเห็นผ้าอ้อมเปียกทุกชั่วโมงได้ แต่ถ้าเด็กไม่ปัสสวะมา 4-6 ชั่วโมง ต้องโทรหาคุณหมอทันทีเพราะเป็นสัญญาณว่าลูกของคุณได้รับน้ำไม่เพียงพอหรือดื่มไม่เพียงพอกับการชดเชยกับของเหลวที่ร่างกายสูญเสียไป เช่นจากการท้องเสีย การอาเจียน  บางทีทารกเพศหญิงอาจมีเลือดออกบริเวณช่องคลอดชั่วครู่สั้นๆหลังคลอดทันทีเป็นสัญญาณของอิทธิพลออร์โมนคุณแม่ที่มีตอ่ร่างกายทารกน้อย ซึ่งไม่เป็นไร
   บ่อยครั้งที่เราพบว่า กว่าน้ำนมมารดาจไหลก็กินเวลา 4-5 วัน ส่งผลให้ทารกแรกเกิดมีปัสสวะกะปริบกะปรอยในช่วงแรกและมีสีเข้ม ควรเสริมด้วยการให้น้ำดื่มเสริมและตรวจสอบสีของปัสสวะที่สีเข้มขึ้นและมาบ่อยขึ้น เมื่อน้ำนมมารดาเริ่มไหลมากแล้ว ผ้าอ้อมลูกควรจะเปียกวันละหกครั้งเป็นอย่างน้อย เมื่อเด็กได้ดื่มนมแล้วอย่างจริงจัง   และในวันที่อากาศร้อน ให้ลูกดื่มน้ำในระหว่างมื้อนม ปัสสวะควรมีสีเหลืองอ่อน ถ้าเป็นสีเข้มแสดงว่า เด็กควรได้รับน้ำหรือของเหลวเพิ่ม  (ยาบางชนิดก็ไม่สามารถย่อยได้ในเด็กอาจทำให้สีปัสสวะเปลี่ยนได้)  เมื่อใดที่ปัสสวะคุณเปลี่ยนไปควรโทรคุยกับหมอของลูก

สัญญาณที่ยังไม่พร้อม

๑.  ยืนอยู่ที่กระโถน แต่กลับฉี่บนพื้นห้อง
๒. ไม่ยอมให้ถอดผ้าอ้อมที่สวมอยู่ทั้งร้องทั้งดิ้น
๓. ถอดผ้าอ่อมที่สวมออก แต่ไปอุจาระบนพื้นห้อง
๔. เดินวางก้ามอาดๆเข้ามา จากนั้นฉี่ถ่ายในผ้าอ้อมที่สวมอยู่โดยไม่มีท่าทีอึดอัดไม่สบายตัว
๕. ไปซ่อนตัวตามมุมมืดหรือตู้เสื้อผ้าและคุณได้ยินเสียงคำรามเบ่งอีของเขา
๖. แสดงท่าทีต่อต้านเกี่ยวกับการนั่งกระโถนหรือนั่งบนโถชักโครก และพูดไม่ๆๆๆ เมื่อคุณพ่อคุณแม่บอกให้ลองทำ

สัญญาณเบื้องต้นของความพร้อมในการฝึกนั่งกระโถนหรือฝึกนั่งห้องน้ำ

   ในบางช่วงของปลายปีที่สอง เด็กอาจสนใจในการนั่งกระโถนหรือฝึกนั่งห้องน้ำ แต่บ่อยครั้งความสนใจนี้จะหายไปในเวลาต่อมา มีสัญาณเจ็ดข้อที่บอกให้คุณรู้ว่าลูกของคุณพร้อมในการเข้าห้องน้ำ อย่ารีบร้อนฝึกลูกจนกว่าจะมีครบทั้งเจ็ดข้อน่ะค่ะ เพราะส้ญาณนี้จะมีเรื่อยๆจนครบเจ็ด
๑. เด็กจะไม่ตื่นเต้นในเรื่องการเดินหรือการยืนมากตลอดเวลาแล้ว   เพราะเด็กเริ่มที่จะพัฒนาเรื่องการเดิน ทรงตัวและกำลังสนใจกิจกรรมที่ใช้ความชำนาญด้านนิ้วมือมากขึ้น ซึ่งจะเกิดขึ้นราว 18 เดือน
๒. เด็กจะเริ่มเปิดรับและมีความเข้าใจเรื่องภาษา  เด็กเริ่มที่เข้าใจคำพุดที่ได้ยินมากขึ้น สามารถจดจำสิ่งที่ผู้ใหญ่บอกและทำตามและสามารถฟังคำสั่งสองขั้นตอนได้เช่น "ไปที่ห้องนอนน่ะลูกแล้วหยิบหนังสือมาอ่านด้วยกันหนึ่งเล่ม"
๓. เด็กจะเริ่มรู้จักพูดคำว่า "ไม่"  เพราะเด็กจะสามารถบอกได้ว่า หนูพร้อมที่จะทำตามอย่าบังคับเด็ก
๔. เด็กเริ่มวางของเป็นที่เป็นทาง  และอาจเก็บของเล่นด้วย เด็กจะเริ่มเก็บของเล่นลงกล่อง อาจช่วยหยิบรองเท้าแตะให้คุณเพราะเด็กเริ่มจำได้ว่าคู่ไหนของคุณ จะไม่ทิ้งข้าวของกระจัดกระจาย  เด็กบางคนสนุกกับการเรียงรถต่อเป็นแถวยาว สิ่งเหล่านี้คุณจะได้เห็นเมื่อเข้าขวบที่สอง
๕. เด็กจะเลียนแบบพฤติกรรมของคุณ  เด็กผู้ชายจะเลียนแบบท่าทางการเดินเหมือนพ่อ เอาเนคไทของพ่อมาผูก เด็กผู้หญิงเอารองเท้าองคุณแม่มาใส่ ทำท่าเลียนแบบคุณแม่หรือพี่สาว วันหนึ่งเขาจะมองว่า คุณเข้าห้องน้ำอย่างไรปล่อยให้เขาสังเกตุและเลียนแบบไปอย่าเร่งรัด
๖. เด็กเริ่มปัสสวะอุจาระเป็นเวลามากขึ้น  เมื่อเด็กใกล้สองขวบระบบขับถ่ายจะเป็นระบบมากขึ้น เขาอาจเริ่มขับถ่ายเป็นเวลามากขึ้น โดยอาจปัสสาวะเว้นห่างครั้งละ 1-2  ชั่วโมงเมื่อถึงปลายปีที่สองเด็กอาจไม่ปัสสวะเลยช่วงนอนงีบกลางวัน  เราอาจเตรียมกระโถนไว้ใกล้ๆเพราะเมื่อเด็กตื่นมาอาจจะปัสสวะทันที  การขับถ่ายอุจจาระเช่นกันอาจคาดเดาได้มากขึ้น ส่วนมากมักจะเป็นช่วงระหว่างหรือหลังจากมื้ออาหาร
๗. เด็กรับรู้เกี่ยวกับร่างกายของตนเองมากขึ้น  การรับรู้เกี่ยวกับการทำงานของร่างกายของเด็กจะปรากฎขึ้นมาให้เห็นเมื่อเด็กอายุใกล้สองขวบ เด็กจะเริ่มชี้หรือส่งเสียงลั่นเมื่อผ้าอ้อมเปียก บางครั้งอาจส่งเสียงคำรามเมื่อถ่ายอุจจาระ สอนให้ลูกรู้จักคำที่เกี่ยวกับการขับถ่ายเช่น จู๋ จี๋ อึ ฉี่ ก้น หรือคุณกับลูกอาจใช่คำที่ช่วยกันคิดขึ้นมาก็ได้
  ข้อสำคัญ  ถ้าลูกยังไม่พร้อมอย่าเร่งรัดท่จะให้ลูกทำน่ะค่ะ  เพราะวัยสองขวบเป็นวัยที่พร้อมจะต่อต้านได้ถ้าเขาไม่พร้อมที่จะทำ

เรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย  :  การติดเชื้อที่กระเพาะปัสสวะ

ถ้าลูกน้อยของคุณบ่นว่าปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสวะหรือมีอาการปัสสวะบ่อย(เช่นตื่นตอนดึกมาปัสสวะหลังจากที่ไม่ปัสสวะกลางคืนมานานแล้ว) หรือบ่นว่าเจ็บที่กระเพาะปัสสวะ(อยู่ใต้สะดือลงมา)หรือที่อวัยวะสืบพันธ์  ก็อาจต้องมองหาหรือพาไปให้แพทย์ตรวจ  การติดเชื้อดังกล่าวเกิดจากเชื้อแบคที่เรีย เข้าไปและแพร่ขยายภายในกระเพาะปัสสวะหรือในไต เด็กที่มีอาการนี้จะกลับมาฉี่รดที่นอนอีกครั้ง หรือมีปัสสวะไหลซึมออกมาและอาจมีอาการเจ็บหลังร่วมด้วย
   การติดเชื้อนี้เห็นไม่ชัดในเด็กทารกเพราะบอกถึงความเจ็บปวดไม่ได้แต่จะสังเกตุได้จาก อาการหงุดหงิด กินนมไม่ได้กินอาหารยาก อาเจียน ท้องเสีย แต่ทั้งเด็กเล็กและเด็กโตที่มีอาการติดเชื้อในกระเพาะ ปัสสวะจะมีไข้  ปัสสวะมีกลิ่นเหม็นหรือมีเลือดปนอยู่
   เด็กผู้หญิงจะมีอาการนี้มากกว่าเ็กผู้ชาย ก็อาจรู้สึกระคายเคืองเล็กน้อยบริเวณช่องคลอด ถ้าลูกน้อยวัยเตาะแตะของคุณบ่นไม่สบายหรือระคายเคืองบริเวณช่องคลอด คุณอาจตรวจดูโดยการค่อยๆแยกบริเวณช่องคลอดของลูกอย่างเบามือ ในขณะที่ร้องเพลงไรือพูดคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าผิวตรงนั้นมีลักษณะหยาบและสีแดงสด ก็อาจเพียงแค่ระคายเคืองเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติไม่รุนแรงมาก  ทายา A&D หรือปิโตเลี่ยมเจลลี่(วาสลีน)อย่างเบามือด้วยนิ้วชี้ทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอ้อมก็หาย กระนั้นก็ตามจะให้คุณหมอช่วยตรวจดูอีกทีเพื่อความสะบายใจ เพราะอาการระคายเคืองดังกล่าวอาจเกิดจากเชื้อราได้เช่นกัน(Candida)เพราะอาจต้องใช้ยาทาที่แตกต่างออกไป(จากผื่นผ้าอ้อม)
   ถ้าลูกคุณบ่นปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสวะหรือหยุดฉี่กระทันหันเพราะเจ็บปวด หรือถ้าคุณสังเกตุว่าเธอปัสสวะบ่อยกว่าปกติเกินหนึ่งวัน ก็ควรโทรปรึกษาคุณหมอเพราะคุณหมอจะแนะให้คุณล้างอวัยวะเพศของลูกอย่างอ่อนโยนเพื่อจะรองรับปัสสวะที่สะอาดของลูกคุณโดยฉี่ใส่ภาชนะที่ผ่านการฆ่าเชื้อ(ไม่ควรจับด้านในโถ) รองเอาน้ำปัสสวะที่สดและรีบนำไปตรวจให้เร็วที่สุด ถ้าลูกคุณมีอาการติดเชื้อจะมีผลของเซลล์เม็ดเลือดขาวมีจำนวนมาก โดยผ่านการตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
   เด็กผู้หญิงที่เคยติดเชื้อบริเวณทางเดินปัสสวะจะกลับมาเป็นอีกได้ การรักษาที่ได้ผลจะต้องใช้ยาปฎิชีวนะที่หยุดยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย น้ำแครนเบอรี่ก็สามารถช่วยได้เนื่องจากมีกรดที่กำจัดแบคทีเรียได้ และที่สำคัญคือลูกต้องทานยาปฏิชีวนะจนครบตามหมอสั่งแม้นจะทานลำบากเพียงไร เพราะเชื้อที่หลงเหลืออยู่ในกระเพาะปัสสวะจะแพร่กระจายอีกครั้งทำให้ต้องเริ่มรักษากันใหม่และเชื้อนี้จะพัฒนาตัวมันเองให้ต่อต้านยาได้มากขึ้นทำให้การติดเชื้อรักษาได้ยากยิ่งขึ้น หลังจากที่ลูกรับประทานยาไปแล้วแพทย์ควรตรวจสอบดูปัสสวะอีกครั้งว่าเชื้อได้มลายไปหมดสิ้น เพราะการรักษาอาการติดเชื้อนานเกินไปจะมีผลกับไตของเด็กได้ แต่ถ้าการรักษาดีก็จะหายจากโรคนี้ซึ่งทรมาณ
   การติดเชื้อในกระเพาะปัสสวะสามารถป้องกันได้ในเด็กผู้หญิงโดยการเช็ดทำความสะอาดจากหน้าไปหลัง  ห้ามเช็ดจากหลัง(คือจากก้นนั่นเอง)มาด้านหน้า เพื่อเป็นการไม่ให้แบคทีเรียจากช่องทวารหนักแพร่กระจายไปถึงทางเดินปัสสวะ โดยทั่วไปแล้วแบคทีเรียที่อยู่ในอุจจาระของมนุษย์จะไม่เป็นพิษภัยต่อทางเดินอาหารหรือรบกวนช่องทวารหนักอยู่แล้ว แต่แบคทีเรียเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุของอาการติดเชื้อได้ถ้าเข้าไปที่ช่องทางเดินปัสสวะ(อยู่เหนือช่องคลอดเด็กผู้หญิงหรือปลายสุดที่อวัยวะเพศชาย)  
   แต่เด็กผู้ชายหรือเด็กหญิงที่มีอาการ ปัสสวะเกิน 8-10 ครั้งต่อวัน  และไม่มีอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสวะ  อาจเป็นอาการของโรคเบาหวานได้ ถึงแม้นว่าการติดเชื้อนี้จะเกิดในเด็กผู้ชายน้อยแต่ถ้าเป็นทางเดินปัสสวะอักเสบและเกิดซ้ำอีก แพทย์ควรตรวจซ้ำให้ละเอียดและประเมินหาสาเหตุอื่นที่อาจหลบซ่อนหรือไม่ เช่น เอ็กเรย์ หรือุลต้าซาวเพื่อแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ในระบบปัสสวะที่ต้องทำการรักษา และแน่นอนว่าในการติดเชื้อทางเดินปัสสวะของเด็กผู้ชายควรได้รับการตรวจอย่างละเอียดมากกว่าในครั้งแรก

ขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก  การฝึกขับถ่ายให้ลูกน้อยตามวิธีบราเซลตัน (โดย Family direct  ) เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลาย หนังสือเล่มนี้พิมพ์หลายปีแล้วอาจหาไม่ได้ ถ้าต้องการเนื้อหาที่สมบูรณ์ลองถามที่สำนักพิมพ์ของเค้าน่ะค่ะที่ Family directโทร :02 381 2277 น่ะค่ะ  อาจมีเหลืออยู่ไม่ได้โฆษณาน่ะค่ะ  อยากให้ได้รับข่าวสารการดูแลเด็กที่ดีๆ อ่านเจอก็จะพยายามเอามาแบ่งปันกัน ขอฝากเล่าต่อๆเพื่อลูกหลานเด็กไทยของเรากันน่ะค่ะ เลี้ยงให้ดีเด็กก็ดีได้แน่นอน เมื่อเด็กดี เราก็จะได้สังคมดี ประเทศชาติก็ดำเนินไปได้ดีน่ะค่ะ

ขอฝากข้อพระธรรมใน  สุภาษิต  บทที่ 15 ข้อที่  2  ความว่า "ลิ้นของปราชญ์แจกจ่ายความรู้
แต่ปากของคนโง่เทความโง่ออกมา"

คำพูดเป็นสิ่งหนึ่งที่เมื่อออกจากปากแล้วไม่สามารถเอากลับคืนมาได้ ดังนั้นก่อนที่จะพูดสิ่งใดออกไปควรจะคิดให้ดีก่อนว่าสิ่งที่พูดนั้น เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ เสริมสร้างหรือทำลาย
ขอพระเจ้าอวยพรให้เรามีถ้อยคำแห่งพระพร หนุนใจกันและกันเสมอนะคะ

ขอพระเจ้าอวยพระพรค่ะ


หลายๆคนหลังไมค์มาถามเรื่องคูณครูมดสอนที่ไหน  ก็ขอตอบอีกครั้งน่ะค่ะว่า ไม่ได้สอนที่ไหนประจำค่ะ  ช่วงนี้ม็อบลุงกำนัน เลยถูกจำกัดให้อยู่แต่ที่บ้าน  แล้วทำไมต้องไปเรียนอะไรมากมายเกี่ยวกับเด็กล่ะค่ะ นี่ก็คำถามยอดฮิต  ขอตอบหน้าบล็อคน่ะค่ะ   คือครูมดเป็นครูอาสาสอนพระคัมภีร์เด็กเล็กให้กับคริสตจักสาธรค่ะ   เมื่อทำเกี่ยวกับเด็ก เราก็ควรจะร้ให้มันจริงทะลุเท่าที่รู้ได้ ก็เริ่มไปเรียนเริ่มจาก การสอนเด็กอย่างไรดีที่เด็กจะไม่เครียด  แล้ไปสู่การเรียนอะไรมากมาย จนขยับไปเรื่องการดูแลเด็กตั้งแต่แรกเกิด จนโตหกขวบ  เรียนไปเรียนมาข้อมูลก็มากขึ้นๆๆ  เลยมองว่าควรจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นดีกว่าทิ้งให้มันจบตรงนี้ เงินก็จ่ายมากแล้วจะได้คุ้มค่าหน่อย ก็เริ่มแชร์กันกับเพื่อน  กับผู้ปกครอง กับคนรอบข้างเริ่มจากตรงนี้ แล้วก็เริ่มมีเพื่อนขอเป็นที่ปรึกษาโรงเรียนเรียนของเพื่อนบ้าง  เข้าไปสาธิตการกระตุ้นพัฒนาการเด็กจากกิจกรรมบ้าง มันก็เริ่มมีเงินเข้ามาจากตรงนี้ก็เอาไปอบรมต่อ (เพราะตอนนี้เออรี่จากแบ็งค์มาหลายปี ) ทำให้เพิ่มความรู้เกี่ยวกับเด็กมาขึ้น อีกอย่างจะได้ช่วยพัฒนาเด็กไทยในแนววิชาการบ้าง   แต่พอเรียนแยะขึ้นๆบางเรื่องก็เริ่มลืมถ้าไม่ได้ใช้ก็เลยพยายามเอามาแบ่งปันลงในนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อไป   ส่วนเรื่องโรงเรียนไหนดีสำหรับลูกขอไม่แนะนำได้ไหมค่ะ   แต่ถ้าอยากมาหาครูมดจริงๆมาเจอที่โบสถ์วันอาทิตย์ช่วงเช้าก็ได้ค่ะ มาเข้าห้องรวีวารศึกษาอนุบาลคริสตจักรสาธร สิค่ะ   จะได้เจอตัวจริงกันไงค่ะ ครูมดชอบคำถามที่ถาม เพราะทำให้ได้ทบทวนความรู้ และทำให้ค้นคว้าต่อในสิ่งที่ไม่รู้หรือจำไม่ได้   ถ้าอยู่ไกลหลังไมค์มาก็ได้ค่ะ ส่วนเรื่องโรงเรียนสัจจะพิทยา ตอนนี้ไม่ได้เข้าไปช่วยแล้วค่ะ





Create Date : 10 มีนาคม 2557
Last Update : 10 มีนาคม 2557 15:57:25 น.
Counter : 3439 Pageviews.

0 comments

jewelmoda
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]



ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่อยากทำงานด้านเด็ก อยากเป็นครู แต่กลับต้องไปทำงานแบงค์ เมื่อขอเออรี่ออกมา ขอหาข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก เพื่อการพัฒนาเด็กไทย

Myspace angels graphics
New Comments
Friends Blog
[Add jewelmoda's blog to your weblog]