ยักษ์คู่
ยักษ์คู่ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งนะครับ แต่เป็น ไอติมยักษ์คู่
หลายๆคนคงเคยทานมั้ง เป็นไอติมแบบแท่ง ที่มี 2 ไม้ติดกัน เวลาทานสามารถหักแบ่งกัน แยกออกเป็นไอติม 2 แท่งได้ ไอติมยักษ์คู่ ผมก็ไม่มั่นใจว่าเดี๋ยวนี้เค้าเรียกว่าอะไร
สมัยผมเด็กๆตอนเรียนประถม ซื้อมาทานแบ่งกับเพื่อนประจำ เพราะต่อให้แบ่งเป็น 2 แท่ง มันก็ใหญ่กว่าเท่งเดียว แถมไอติมยักษ์คู่ยังถูกกว่า ถ้าซื้อแยกสองแท่ง เยอะกว่าและถูกกว่า......
ไอติมยักษ์คู่...... มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่ผมซื้อมาแล้วตั้งใจว่าจะแบ่งกับผู้หญิงที่ผมแอบชอบ 5555+ ขอเขินก่อนแป๊ปนึง ................ ......... ....
มันต้องข้ามถนนไปซื้อ ซึ่งตอนนั้นถนน 4 เลนเป็นเรื่องยากสำหรับ.... เด็กป.3อย่างผมมาก แต่ก็นะ ข้ามไปจนได้.....อิอิ
ผมจำได้ว่า เค้ารอคุณแม่มารับที่สนามเด็กเล่น ส่วนผมกลับรถโรงเรียน มีเวลาเหลือเฟือ ผมไปซื้อมา จำได้ว่า ซื้อมาประมาณ 3-4 ครั้ง กว่าจะกล้าให้...... ซื้อมาแล้วพอไม่กล้า ก็แบ่งเพื่อนไป จริงๆแล้วกลัวเพื่อนๆเห็นด้วย ผมอาย........ 5555+
พอเวลาประจวบเหมาะวันหนึ่ง เพื่อนๆไม่อยู่มาก ผมก็เลย หักไอติมออกเป็น 2 ส่วน ตอนนั้นอยากจะควักหัวใจตัวเองมากระทืบจริงๆ มันจะเต้นอะไร แรงนักแรงหนา... รู้ไหมว่า เวลาที่เต้นแรงๆ เลือดมันก็สูบฉีดไว มือไม้มันสั่น..... ปากก็ขยับลำบาก ทำให้พูดตะกุกตะกัก คุณหัวใจไม่ช่วยกันเลย.......
เอ(นามสมมติ)........ กินไอติมไหม เราซื้อมาฝาก เรามานั่งทานไอติมด้วยกันนะ
อันนี้คือคำที่นึกไว้......
เอ.... พอดีเราซื้อไอติมมา เพื่อนเราไปไหนหมดไม่รู้ กินคนเดียวไม่หมด กินมั้ย....
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด เวลาพูดจริงมันช่างห่างจากที่เตรียมไว้ลิบลับ พูดเหมือนเอาของเหลือไปให้เขาอีก หมูสนามจริง สิงสนามซ้อม 55555+
แอบชอบเขา แต่ไม่กล้าให้เขารู้ว่าเราชอบ แต่ก็แปลกนะ วันนั้นเอ...กลับบอกว่า กินสิ กำลังอยากกินไอติมพอดี(เอก็ตะกละเหมือนกันแฮะ อิอิ) วันนั้นเลยได้นั่งกินไอติมกับเอ ใต้ต้นไทร พอดีที่สนามเด็กเล่นที่โรงเรียนมีต้นไทรต้นใหญ่ ...... เลยได้นั่งกินไอติมกัน 2 คน
ผมก็จำไม่ได้ว่าคุยอะไรไปมั่ง จำได้แต่เหมือนตัวเองไข้ขึ้น รู้สึกร้อนๆหัวมันมึนๆ บางทีพูดอะไร ก็แสดงออกเกินจริง ออกเวอร์ๆ 555+ ผมได้เรียนรู้ครั้งแรกว่า เวลาหัวใจไปอยู่ที่คุณ ร่างกายมันเสียศูนย์แบบนี้นี่เอง....
ผมจำได้รางๆ เพราะเวลาหันหน้าไป เห็นเอยิ้ม หันหน้ากลับแทบไม่ทัน กลัวเค้ารู้ว่ามองหน้าเขา จะอายทำไมเนอะ คนพูดกันก็ต้องมองหน้ากันสิ
น่าจะประมาณ 10-15นาทีมั้งนะ แต่ผมรู้สึกเหมือน 10 ปี หัวใจมันเต้นรัวเร็ว พูดก็ไม่ชัด บังคับเสียงไม่ได้ บางทีก็ดังไป บางทีก็เบาไป พูดผิดคีย์อีกต่างหาก.....
เอจะรู้ไหมนะว่าผมแอบชอบเค้า เพราะหลังจากนั้น ผมก็กล้าแค่.... เขียนกลอนแล้วแอบใส่ไว้ใต้โต๊ะเค้าวันวาเลนไทน์ ผมจำกลอนนี้ได้แค่คร่าวๆ เพราะตอนนั้นอาจารย์สอนเรื่องสัมผัสโคลงสี่สุภาพ อืมมมม น่าจะนะ
เธอทั้งสวย ทั้งรวย ทั้งน่ารัก ใครรู้จัก เธอคนสวย นี้บ้างไหม รอยยิ้มเธอ ช่างหวานซึ้ง ตรึงหทัย ในหัวใจ มีแต่เธอ เพียงผู้เดียว....
ผมจำได้แค่นี้ จริงๆน่าจะยาวกว่านี้นิดหน่อย ผมมาโรงเรียนช้า เพราะนั่งรถรับส่ง วันวาเลนไทน์ ผมตัดสินใจนั่งรถเมล์มา ถึงโรงเรียนเช้ามาก มาคนแรกของห้อง ผมแอบเอาการ์ดกับดอกไม้เป็นดอกชบา ผมเอาดอกชบาสีแดงหลายๆดอก มัดด้วยหนังยาง แล้วเอาริบบิ้นสีน้ำเงินที่ใช้ในชั่วโมงงานบ้าน ผูกทับไว้เป็นรูปโบว์ ออกมาเหมือน เป็นดอกชบาพุ่มกลมๆ แล้วแนบการ์ดไว้ตรงกลาง ผมเด็ดมาจากในโรงเรียนนี่แหละ ผมได้เงินค่าขนมไปโรงเรียนวันละ 5 บาท ค่ารถเมล์สมัยนั้น เด็ก 1.50 บาทแล้ว ไม่มีเงินซื้อดอกไม้ 5555+
ผมก็จำไม่ได้ว่าเธออ่านแล้วเป็นยังไง วันนั้นตลอดตอนเช้าผมไม่ได้กลับไปที่ห้องเรียน ไปนั่งรอเข้าแถวอย่างเดียว เอจะรู้ไหมนะ ว่าผมเป็นคนส่งไปให้ ดีนะที่เป็นเด็ก ไม่มีใครคิดเรื่องลายมือได้ ผมได้ยินเพื่อนๆแซวเอเรื่องการ์ด ผมแทบวิ่งหนีออกจากห้อง จนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าเธอชอบผมบ้างหรือเปล่า
ผมไม่เคยบอกว่าผมชอบเธอ ตอนนั้นกลัวทั้งเพื่อนล้อ กลัวว่าถ้าโดนปฏิเสธ อาจจะเรียนไม่จบป.3เพราะช้ำรัก 5555+
ความกล้าที่ผมพอจะภูมิใจได้ ก็ตอนที่หักเจ้าไอติมยักษ์คู่ แล้วเดินตรงเข้าไป.....
แม้ผม จะไม่ได้พูดดังหวัง แต่ก็ได้ทำ สมดั่งใจ
เด็ก ป.3 กับไอติมยักษ์คู่
แต่ตอนนั้น หัวใจเล็กกว่าไม้ไอติมอีก แถมละลายได้เหมือนไอติม 55555+
....................จากพระจันทร์ของคุณ
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
8 comments |
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2553 4:34:10 น. |
Counter : 1156 Pageviews. |
|
|
|