2 พ่อแม่คนดัง เผยวิธี "มัดใจลูก" อย่างสร้างสรรค์
นับเป็นหนึ่งในเรื่องปวดเศียรเวียนเกล้าของเหล่าบรรดาพ่อแม่ที่มีลูกวัยซน เพราะต้องเผชิญกับความดื้อรั้นไม่เชื่อฟังจนบางครั้งอดไม่ได้ที่จะปรี๊ดแตกลงไม้ลงมือบนผิวอันเบาะบางของเจ้าตัวเล็ก ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านไม่อยากใช้วิธีนี้กับลูก เพราะยิ่งตี หัวอกคนเป็นพ่อแม่ยิ่งแทบสลาย
แต่สำหรับ 2 พ่อแม่คนดังที่ ทีมงาน Life and Family จะนำเสนอต่อไปนี้ พวกเขามีวิธีมัดใจลูกให้เชื่อฟังอย่างสรรค์มาบอกเล่ากัน เริ่มจากร็อกเกอร์แม่ลูกสอง "สุกัญญา มิเกล" เธอจะใช้วิธีเอาใจลูกมาใส่ใจแม่ หากลูกมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เช่น ดื้อ หรือไม่เชื่อฟัง จะมีตีบ้าง แต่ไม่ค่อยบ่อย ส่วนมากจะใช้วิธีพูดคุยกับลูกแบบเพื่อนมากกว่า เพื่อให้ลูกรู้สึกว่าเราเป็นพวกเดียวกับเขา เนื่องจากบางสถานการณ์หากใช้อารมณ์ความเป็นแม่เข้าใส่ ช่องว่างระหว่างแม่กับลูกจะมีมากขึ้น โอกาสที่ลูกจะเข้าหาย่อมมีน้อยลง
โพสต์ท่าเบา ๆ พร้อมหน้าแม่ลูก
"พ่อแม่ต้องให้เกียรติลูกเทียบเท่ากับตัวเอง เรารัก และให้อิสระตัวเราแบบไหน เราต้องให้ลูกได้เหมือนกัน อย่ามองว่าเขาเป็นแค่เด็ก แต่ต้องรู้สึกว่าในความเป็นเด็กของเขาก็มีความเป็นผู้ใหญ่เหมือนเรา อย่างเราเอง เวลาลูกทำในสิ่งที่เราไม่พอใจ เราจะคุยกับลูกเหมือนเพื่อน เช่น ตัวเอง ตัวเองหนีออกไปเที่ยว เขาไม่ชอบเลยนะ หรือวันนั้นไปนั่งเล่นกับผู้ชาย เขาไม่ชอบจริงๆ นะ ซึ่งลูกก็พูดว่า อะไร เพื่อนกัน ไม่มีอะไร (หัวเราะ)"
ซึ่งวิธีนี้ เธอเล่าเสริมว่า "เพื่อนของเธอใช้ได้ผลกับลูกมาแล้ว เพราะเวลาเป็นแม่กับลูกมันจะมีช่องว่าง แต่พอเราแสดงบทบาทในฐานะเพื่อน มันช่วยให้ลูกรู้สึกสบายใจนะ เมื่อสบายใจ หรือไม่กังวลใจ เวลาบอกให้ลูกทำอะไร เขาจะเชื่อเรา"
แต่กระนั้น คุณแม่มิเกลบอกว่า การสวมบทบาทความเป็นเพื่อนของลูก บางคนเข้าใจผิด และแสดงออกไม่เหมาะสม ทำตัวเป็นเด็กติ๊งต๊อง หรือสนับสนุนในเรื่องที่ไม่ถูกทาง เช่น การเลือกเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะสมกับวัยลูก อาทิ ชุดนี้เซ็กซี่ใส่แล้วสวย แต่เมื่อลูกโตขึ้น เวลาลูกใส่ชุดเซ็กซี่แบบที่พ่อแม่ชอบในตอนเด็ก ก็หาว่าลูกเป็นเด็กไม่ดี
พ่ออี้กับลูกชายสุดที่รัก "น้องณาน"
"การมีลูกสองคน ทำให้เรียนรู้ได้มากขึ้น เพราะลูกแต่ละคนมีนิสัยไม่เหมือนกัน ทำให้การอบรมสั่งสอนต้องยึดลูกเป็นหลัก เช่น ลูกคนโตโกรธง่ายหายเร็ว ในขณะที่ลูกคนเล็ก โกรธยากหายช้า ดังนั้นเวลาลูกคนโตดื้อ ลูกสาวคนโตสามารถตีได้ ส่วนลูกชายคนเล็กต้องใช้วิธีทำโทษแบบอื่น เช่น ใช้ความนุ่มนวลเข้าแทรกอย่างเดียว เพราะยิ่งกด ลูกจะยิ่งขึ้น" คุณแม่มิเกลกล่าวเสริมถึงวิธีการเลี้ยงลูกในแบบฉบับของเธอ
หันมาฟังเสียงของ "อี้-แทนคุณ จิตต์อิสระ" คุณพ่อหัวใจอาสาของน้องฌาน บอกในประเด็นเดียวกันนี้ว่า เวลาลูกมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ คำสั่งว่าห้าม เหมือนยิ่งยุให้เด็กมีพฤติกรรมนั้น ๆ มากขึ้น ทางที่ดีเวลาลูกเล่นเลอะเทอะ การดุ หรือการตีเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่ควรลงไปเล่นกับลูก แล้วค่อย ๆ สอนความเป็นระเบียบหลังเล่นเสร็จ
"ลองดูนะครับ เวลาบอกว่า ห้ามคิดถึงสุนัขสีดำ คุณเห็นสุนัขสีดำไหมครับ ฉันใดก็ฉันนั้น ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เพราะว่าการรับรู้ของเด็กเวลาห้าม มันจะปรากฏเป็นภาพขึ้นมาก่อน ส่วนตรรกะหรือเหตุผลถึงค่อยมารองรับ เช่น อย่าดื้อ เด็กก็จะนึกถึงคำว่าดื้อ เด็กก็จะดื้อ ดื้อแล้วพ่อแม่ส่วนใหญ่ก็ตีลูก" พ่ออี้เผย
โดยผลที่ตามมาจากการตีนั้น ในฐานะผู้ศึกษาด้านจิตวิทยา อี้เปิดเผยว่า การตี ทำให้เกิดพฤติกรรมใหม่ขึ้นมา เป็นการผูกเงื่อนไขให้เด็กซึมซับไปโดยปริยายว่า หากใครทำผิดก็ต้องตี เงื่อนไข หรือสมการเหล่านี้ นับเป็นอันตรายทั้งต่อตัวเด็ก และสังคมเป็นอย่างมาก
"การตี เป็นการผูกเขื่อนไขให้ลูก เช่น ทำผิดตี เด็กจะจำรูปแบบนี้เป็นสมการว่า ถ้าใครทำผิดก็ตี เมื่อโตขึ้น อะไรที่ขัดใจ ก็ตี หรือใช้ความรุนแรง ฉะนั้นเด็กที่ตีกันในสังคม รับรองได้เลยว่า ถูกพ่อแม่ตี หรือใช้ความรุนแรงมาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง" พ่ออี้ขยายให้เห็นภาพ พร้อมกับกล่าวปิดท้ายว่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่ต้องเลี้ยงลูกให้รอด ต้องประคองจิตใจของกันและกันให้ดีที่สุด ไม่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลต่อลูกมาก โดยเฉพาะช่วง 3 ปีแรกเป็นช่วงวัยทองแท้ ที่เด็กกำลังสร้างรูปแบบพฤติกรรม เช่นเดียวกับคำจีนได้กล่าวไว้ว่า 3 ขวบกำหนด 80 ซึ่งหมายความว่า 0-3 ขวบจะกำหนดชะตากรรมของเด็กตลอดทั้งชีวิต
ที่มา
//www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000160590
| Create Date : 14 พฤศจิกายน 2553 |
| Last Update : 14 พฤศจิกายน 2553 12:25:08 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 668 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [