"เด็กโง่" จะไม่มีที่จะยืนหยัดในสังคม...อย่ารอให้ถึงวันนั้น
เมื่อ "เด็กโง่" ไม่มีที่ยืนในสังคม !
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธีหรือท่านว.วชิรเมธี ในยุคที่ "ความเก่ง" คือโอกาส พ่อแม่หลายท่านต่างคาดหวังให้ลูกเรียนเก่งเพื่อแย่งชิงที่ยืนในสังคม ไม่ว่าจะในโรงเรียน หรือโลกการทำงาน ถ้าเด็กหัวดี แน่นอนว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง แต่สำหรับเด็กอีกกลุ่มที่ไม่ได้เกิดมาเก่ง และเรียนดีเหมือนเด็กคนอื่น การที่พ่อแม่หรือผู้ใหญ่รอบข้างคอยเปิดแผลด้วยการทำลายคุณค่า และปิดกั้นโอกาส นอกจากเด็กจะไร้ที่ยืนแล้ว อาจกลายเป็นผู้กระทำต่อสังคมตามมาได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ให้ทัศนะผ่านทีมงาน Life & Family ว่า เวลานี้การศึกษาไทยมุ่งสร้างเด็กเก่ง แต่ขาดการเติมคุณธรรมจริยธรรมเข้าไป ทำให้ยิ่งเก่งยิ่งโกง ขณะที่เด็กไม่เก่งเอง กลับถูกมองข้าม และถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างไม่มีคุณค่า ผลที่ตามมา เด็กจะรู้สึกแย่ และใช้ชีวิตอย่างไม่มีคุณค่า กลายเป็นเด็กสร้างปัญหาในสังคม "ขึ้นชื่อว่าเด็ก ต้องได้รับความสนใจเท่ากันหมด ถ้าเก่งอยู่แล้ว ควรเติมให้เขาเป็นเด็กเก่งและดี แต่ถ้าไม่เก่ง ขอให้ช่วยพัฒนาเขาให้เก่ง หากพัฒนาแล้ว ทำอย่างไรก็ไม่เก่ง ก็พัฒนาให้เขาเป็นคนดีก็ได้ เพราะการเป็นคนดีนั้นมีค่ามากพอที่จะนำพาชีวิตให้ประสบพบสุข" พระนักคิดท่านนี้กล่าว ฉะนั้น สิ่งที่พ่อแม่ หรือผู้ใหญ่รอบข้างควรเข้าใจ พระนักคิดท่านนี้ ให้แนวทางว่า เราไม่ควรไปสรุปว่าเด็กไม่เก่ง คือ เด็กโง่ แต่บางทีอาจไม่ใช่ทางที่เขาถนัดก็ได้ ลองหาวิธีการให้เขาได้ค้นพบในสิ่งที่เขาถนัดดู หรือถ้าพบแล้วยังทำได้ไม่ดี ก็ลองดูต่อไปว่า เขาเพียรพยายามน้อยไปหรือเปล่า "ไม่มีคนโง่ที่แท้จริงในโลกใบนี้หรอก มีแต่ยังค้นวิธีที่จะสอนเขาไม่เจอก็เท่านั้น ทางที่ดี เวลาเห็นเด็กไม่เก่ง เราควรจะบอกกับเขาว่า เธอยังพยายามน้อยไปไหม หรือ ลองตั้งต้นใหม่อีกทีสิลูก ซึ่ง ดีกว่าไปตัดสินว่าเด็กคนนั้นเป็นคนไม่มีคุณค่า หรือทำสิ่งใดไม่ได้เรื่องสักอย่าง" พระนักคิดฝากถึงพ่อแม่ และผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างเด็ก
พ่อแม่...ผู้ให้ "จุดยืน" แก่ลูก ด้าน วันชัย บุญประชา ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัว ให้ความเห็นในเรื่องเดียวกันว่า เด็กที่ไม่ฉลาด ต้องนิยามให้ดีก่อนว่า เด็กเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่ เพราะบางคนสมองดี แต่ไม่ชอบเรียนด้วยเหตุผลเพราะมันไม่ท้าทาย ไม่น่าสนใจ หรือบางคนเรียนไม่เก่ง แต่สามารถทำอย่างอื่นได้ดีก็มีให้เห็นกันทั่วไป
วันชัย บุญประชา "เด็กทุกคน สามารถส่งเสริมอะไรที่ดีได้ ถ้าไม่มีอะไรดีเลย ก็ต้องมาดูกันว่า สิ่งที่เด็กชอบคืออะไร แล้วไปกระตุ้นสิ่งนั้นให้มาก ๆ นั่นจะช่วยพัฒนาเซลล์สมอง และกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้ที่ดีตามมาได้" ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวกล่าว ถึงกระนั้น คงต้องยอมรับความเป็นจริงด้วยว่า สังคมทุกวันนี้คัดเลือก หรือให้คุณค่าของคนที่ความเก่งเป็นหลัก ไม่ว่าจะในระบบโรงเรียน หรือโลกของอาชีพ ซึ่งพ่อแม่ควรยอมรับ และเข้าใจลูกในเรื่องนี้ด้วย เพื่อให้ลูกรู้สึกว่าตัวเขาเองมีคุณค่า และใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างไม่เคว้ง "ถ้าอยากให้ลูกมีที่ยืนในสังคม ควรเข้าใจเด็ก และไม่คาดหวังว่าเขาจะต้องเข้าไปสู่ระบบเหล่านั้น เพราะถ้าจับจุดได้ว่าเด็กมีความสามารถในบางเรื่อง ก็ควรส่งเสริมให้ทำในด้านนั้น ๆ อย่างเต็มที่" ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวกล่าว แต่ถ้าหากพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ทำให้เด็กรู้สึกไม่มีคุณค่า ผลที่ตามมา ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวท่านนี้ เผยถึงความน่าจะเป็นว่า เด็กอาจตกเป็นเหยื่อของสิ่งเร้าต่าง ๆ เช่น ถูกชักจูง หรือพาไปเป็นอาชญากรได้ง่าย ขณะเดียวกันเมื่อเด็กเป็นตกเหยื่อของสังคม เด็กอาจกลายเป็นผู้กระทำต่อสังคมได้อีกด้วย เพราะถูกเชื่อไปแล้วว่า สังคมไม่ยุติธรรม ไม่ให้โอกาส หรือที่ยืนแก่เขา เกิดเป็นการเคียดแค้น และทำร้ายสังคมในที่สุด "การเรียนในระบบไม่ได้วัดว่าเด็กคนนั้นเก่ง หรือไม่เก่ง เพราะเด็กมีความแตกต่างกัน เด็กบางคนอาจไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ในบทเรียน ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่า เด็กไม่เก่ง แต่เขาอาจสนใจ และเก่งในด้านอื่น ๆ ก็ได้ ซึ่งพ่อแม่คือตัวช่วยสำคัญที่จะมอบคุณค่า และความเชื่อมั่นแก่ลูก เพื่อให้ลูกยืนอย่างมั่นใจในความเก่งเฉพาะด้านของตัวเอง" ผู้จัดการมูลนิธิเครือข่ายครอบครัวสรุปทิ้งท้าย
ที่มา //www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000175084
Create Date : 14 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 14 ธันวาคม 2553 13:12:03 น. |
|
0 comments
|
Counter : 830 Pageviews. |
|
|
|
|
|