ดาวน์โหลดโปรแกรม ดูละครย้อนหลัง อ่านเรื่องราวของความรู้รอบตัว วิทยาศาสตร์ ท่องเที่ยว สุขภาพ อาหาร รถยนต์ต่างๆ ไม่ทิ้งเรื่องราวความบันเทิงและเรื่องส่วนตัวอีกด้วย
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
1 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
เทคนิค 5 เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนพาลูกเข้า "โรงเรียนอินเตอร์"

เทคนิค 5 เตรียม ก่อนพาลูกเข้า "ร.ร.อินเตอร์"



นพ.จอม ชุมช่วย


เมื่อพูดถึงโรงเรียนนานาชาติ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ในชื่อ "โรงเรียนอินเตอร์" นับเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่พ่อแม่ยุคใหม่อยากให้ลูกคุ้นชิน และใช้ภาษาอังกฤษได้ดี เพราะภาษาเป็นหน้าต่างแห่งโอกาส ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านมีโรงเรียนอยู่ในใจกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พ่อแม่จำนวนไม่น้อยมักกังวล และเป็นห่วงนั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับตัว และการใช้ชีวิตในโรงเรียนของลูก

วันนี้ทีมงาน Life & Family มีแนวทางดี ๆ จากงานเสวนา "ทำอย่างไรให้ลูกใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เมื่อเรียนในโรงเรียนนานาชาติ" ที่โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์สมาฝากกัน โดย นพ.จอม ชุมช่วย จิตแพทยเด็ก และวัยรุ่นได้ให้เทคนิคเตรียมความพร้อมลูกไว้ 5 เรื่องหลัก ๆ ดังต่อไปนี้

1. เตรียมภาษา

หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดคิด และตัดสินใจอย่างดีแล้วว่า จะพาลูกเข้าโรงเรียนนานาชาติแน่นอน จิตแพทย์เด็ก และวัยรุ่นท่านนี้ บอกว่า ภาษาเป็นเรื่องสำคัญมาก การพูดคุย หรือสื่อสารกับลูกเป็นประโยคภาษาอังกฤษจะทำให้ลูกค่อย ๆ คุ้นชิน และปรับตัวได้ง่ายขึ้นเมื่อเข้าไปอยู่ในโรงเรียนนานาชาติ อย่างไรก็ตามการสร้างความคุ้นชินด้านภาษานั้นไม่จำเป็นต้องพูดคุยอย่างเดียว แต่สามารถนำสิ่งใกล้ตัวเด็ก ไม่ว่าจะเป็นหนังสือนิทาน หรือดนตรี นำมาอ่านกับลูกบ่อย ๆ แล้วลูกจะค่อย ๆ คุ้นชินกับภาษาได้ดีขึ้น

"พ่อแม่ท่านใดพูดไม่ได้ ไม่ต้องกังวล แต่ควรแสดงให้ลูกเห็นว่า เราพร้อมจะพูด ใช้ประโยคง่าย ๆ กับลูก แต่ควรเลี่ยงอังกฤษคำ ไทยคำ เพราะจะทำให้เด็กไม่เข้าใจประโยคในการสื่อสาร ซึ่งมีบางบ้านเขาจะแบ่งกันไปเลยว่า ใครพูดภาษาอังกฤษ ใครพูดภาษาไทย เพื่อให้ลูกชินกับภาษาอังกฤษ ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้ภาษาไทยได้ดีด้วย" จิตแพทยเด็ก และวัยรุ่นให้แนวทาง

2. เตรียมการเล่น

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเล่นเป็นของคู่กันกับเด็ก ซึ่งนอกจากจะให้ความสุขแล้ว ยังเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการคิด การตัดสินใจ รวมไปถึงการแก้ปัญหา เพราะการเล่นทำให้ระบบประสาทของสมองเชื่อมโยงได้อย่างสมบูรณ์ เด็กจะมีความสุขและพร้อมที่จะเรียนรู้ ที่สำคัญยังพบด้วยว่า เด็กที่มีโอกาสในการเล่นมีไอคิวสูงกว่าเด็กที่ขาดโอกาสในการเล่น

ฉะนั้น คุณพ่อแม่ควรให้ลูกเล่นอย่างอิสระ และเล่นอย่างสร้างสรรค์ นั่นหมายความว่าต้องมีของเล่นที่ฝึกทักษะด้านการคิด การแก้ปัญหา เช่น ตัวต่อรูปแบบต่าง ๆ หรืออื่น ๆ ซึ่งหากเด็กทำไม่ได้ ควรเข้าไปช่วยบ้างแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ดังนั้นการเตรียมการเล่นเป็นเรื่องสำคัญเพื่อต่อยอดความพร้อมในการเรียนรู้ของเด็กเมื่อต้องเข้าโรงเรียน

3. เตรียมอารมณ์ที่มั่นคง

อารมณ์ที่มั่นคงของลูกจะเป็นตัวช่วยให้เด็กใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเมื่อเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งพ่อแม่สร้างได้จากการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับลูก ทั้งการเล่น การกอด และการให้กำลังใจ รวมถึงการเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกของลูก เช่น ลูกมีความกลัว หรือกังวลในบางอย่าง พ่อแม่ต้องรู้จักพูดคุย และตอบสนองทางอารมณ์ของลูกอย่างเหมาะสม ไม่ควรตอกย้ำความรู้สึกกลัวให้ลูก อาทิ กลัวแล้วพากันวิ่งหนี หรือกลัวในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง นั่นจะทำให้อารมณ์ของเด็กหวั่นไหว และระแวงอยู่ตลอดเวลา



4. เตรียมความเป็นตัวของตัวเอง

ความเป็นตัวของตัวเอง จำเป็นอย่างมากหากคิดจะพาลูกเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ เพราะระบบโรงเรียนจะเน้นให้เด็กทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง พร้อมทั้งคิด และตัดสินใจด้วยตัวเอง ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เตรียมความพร้อมในจุดนี้ เมื่อเด็กเข้าไปเรียนจะเกิดความรู้สึกด้อย และมีปัญหาในด้านการเรียน และการเข้ากลุ่มกับเพื่อน ๆ ตามมา

"พ่อแม่ส่วนใหญ่มีลูกแล้วประสบความสำเร็จกับโรงเรียนนานาชาติ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ลูกเกิดปัญหาในสังคมแบบนี้ ส่วนหนึ่งคือ พ่อแม่เลี้ยงลูกแบบทะนุถนอม และให้การช่วยเหลือมากเกินไป ไม่ให้อิสระลูกได้ทำอะไรด้วยตัวเองเลย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรให้อิสระลูกได้คิด และทำอะไรด้วยตัวเอง เช่น กินข้าวเอง ใส่เสื้อผ้า รวมทั้งรองเท้าเอง เด็กจะอยู่ในสังคมโรงเรียนอย่างมีความสุข" จิตแพทยเด็ก และวัยรุ่นฝากถึงพ่อแม่

5. เตรียมความสามารถทางสังคม

เมื่อเด็กเติบโต และพร้อมที่จะเข้าโรงเรียน สังคมเพื่อนเป็นสังคมที่เด็กจะหลีกหนีไม่พ้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องพาลูก ๆ ไปเรียนรู้ที่จะเล่นกับคนอื่น ๆ ด้วย เช่น เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่นกับเพื่อนในวัยเดียวกันบ้าง นั่นจะทำให้มีโอกาสพัฒนาภาษาที่ซับซ้อนมากขึ้น มีความสามารถในการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น ช่วยให้เด็กเข้ากับเพื่อนที่โรงเรียนได้เป็นอย่างดี

นอกจาก 5 เรื่องหลัก ๆ ข้างต้นที่คุณหมอฝากไว้เป็นแนวทางให้กับพ่อแม่แล้ว นพ.จอม ยังฝากไปถึงผู้ปกครองที่มีลูกเรียนในโรงเรียนนานาชาติด้วยว่า ควรสนับสนุนลูกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเรื่องของภาษา การบ้าน หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญควรสื่อสารกับครูที่โรงเรียนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวทั้งกิจกรรม พฤติกรรม ตลอดจนการเรียนของลูก

"ถ้าลูกเข้ามาเรียนโรงเรียนนานาชาติแล้วเรียนไม่ได้ ผมแนะนำว่าควรเข้าไปคุยครูว่า เพราะอะไรลูกถึงเรียนไม่ได้ มีปัญหาในเรื่องไหน อย่างน้อย ๆ ผมเชื่อว่าครูน่าจะบอกได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าไม่แน่ใจ ควรพาไปปรึกษาจิตแพทย์ ซึ่งจะมีการวิเคราะห์ปัญหาอย่างรอบด้าน คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรคาดเดาเอาเอง" จิตแพทย์เด็ก และวัยรุ่นฝาก

อ่านแล้วลองนำไปปรับใช้กันดูนะครับ หากท่านใดมีลูกเรียนในโรงเรียนนานาชาติ แล้วอยากจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นระบบการเรียนการสอน กิจกรรมต่าง ๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันได้ อย่างน้อย ๆ เพื่อเป็นช่องทางให้พ่อแม่ท่านอื่น ๆ ที่มีแนวคิดอยากให้ลูกเข้าเรียนในระบบดังกล่าวมีข้อมูลในการตัดสินใจได้มากขึ้น


ที่มา
//www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000040530


Create Date : 01 เมษายน 2554
Last Update : 1 เมษายน 2554 14:17:07 น. 2 comments
Counter : 822 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยมชมครับขอฝากเว็บแนะนำ ติวเลขขอบคุณครับ


โดย: teklek (loveyoupantip ) วันที่: 7 มิถุนายน 2554 เวลา:11:12:28 น.  

 
แล้วสำหรับเด็กโต อายุ 13 ปี ที่พร้อมจะเข้าเรียนโรงเรียนอินเตอร์ใน เกรด 8 แต่ภาษาแม่ เป็นภาษาเยอรมัน แต่ ภาษาอังกฤษและภาษาไทยเป็นภาษาที่สองรองลงมา..สามารถเข้าเรียนได้หรือไม่..จะต้องเตรียมตัวอย่างไรคะ


โดย: มินนี่ IP: 95.118.210.179 วันที่: 18 สิงหาคม 2554 เวลา:18:18:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

scimovie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 108 คน [?]




แหล่งรวบรวมความรู้ โปรแกรม เพลง หนัง เกมส์ วิทยาศาสตร์ ดูละคร เรื่องย่อ ภาพยนตร์ การเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย สุดท้ายขอกำลังใจให้มีแรงอัพเดทตลอดๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันครับ
Friends' blogs
[Add scimovie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.