พระยาราชบังสัน-พระยาราชวังสัน
ราชทินนามของขุนนางไทยส่วนใหญ่มาจากภาษาบาลีสันสกฤต บอกบ่งถึงหน้าที่การงานไปจนกระทั่งเชื้อสายก็มี แต่ก็มีส่วนน้อยมาจากภาษาอื่น ในจำนวนนี้ที่ออกจะแปลกหูก็คือ พระยาราชบังสัน ซึ่งถ้าจะดูความหมายจากภาษาบาลีสันสกฤตแล้วก็จะหาคำตอบไม่ได้ เพราะมาจากถิ่นไกลกว่านั้นค่ะ คือภาษาอาหรับ
พระยาราชบังสันคนแรกที่ค้นพบตามหลักฐานมีชีวิตอยู่ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เป็นแม่ทัพเรือมีราชทินนามว่า " พระยาราชบังสันเสนี" มีนามตัวว่า ฮะซัน จึงเข้าใจว่า " บังสัน" มาจากส่วนหนึ่งของชื่อเดิมนั่นเอง
พระยาราชบังสันมีเชื้อสายสืบทอดมาถึงสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้เป็นพระยาราชบังสันในลำดับที่ ๕ ของชั่วคน ในรัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯให้พระสมุทรบุรานุรักษ์เจ้าเมืองชลบุรี มารับราชการในกองทัพเรือในกรุงเทพฯ ทรงเลื่อนขึ้นเป็นพระยา แต่ไม่ใช่ " พระยาราชบังสัน" อีกต่อไป แต่กลับเป็น " พระยาราชวังสัน" คนแรก
พระยาราชวังสันผู้นี้ มีนามเดิมว่า " หวัง" ท่านเป็นพระยาแม่ทัพเรือคนที่ ๕ ที่สืบเชื้อสายพระยาราชบังสันเสนี(ฮะซัน) สมัยอยุธยา มาจากตระกูลซึ่งสืบเชื้อสายมาจากสุลต่านสุไลมาน ทุกชั่วคนเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม
ทำไมพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกถึงทรงเปลี่ยนราชทินนาม จาก "ราชบังสัน" เป็น "ราชวังสัน" เสียเล่า ในเมื่อก่อนหน้านี้ก็มีพระยาราชบังสันกันมาหลายชั่วคนแล้ว? สมเด็จกรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ทรงสันนิษฐานไว้ว่า เป็นเพราะเดิมเจ้าพระยาจักรี(แขก) มีบุตรชายคนโตได้เป็นพระยาราชบังสัน (จุ้ย หรือ หมัด) มาก่อน ต่อมาพระยาราชบังสันผู้นี้ ทำความดีความชอบในหน้าที่ราชการ ได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยายมราช เมื่อจะโปรดเกล้าฯเลื่อนน้องชายขึ้นเป็นพระยาราชบังสันแทน ก็เกรงจะผิดความหมาย เพราะ "บัง" หมายถึงพี่ชาย จึงทรงเปลี่ยนคำว่า "บัง" ซึ่งมีความหมายในการลำดับเครือญาติมาเป็นชื่อบุคคลว่า "วัง" จากคำว่า "หวัง" อันเป็นชื่อที่นิยมตั้งกันในผู้ที่มีเชื้อสายแขกสุหนี่ในตระกูล "หวังฮะซัน"
พระยาราชวังสันคนแรกคนแรกนี้ก็ได้รับราชการฉลองพระเดชพระคุณมาด้วยความเรียบร้อยดี เป็นคนเก่งเรื่องเดินเรือ และปราบปรามโจรสลัดที่มารบกวนแถวอ่าวไทยสมหน้าที่แม่ทัพเรือ พ่อค้าทั้งไทยและต่างชาติพากันยกย่องนับถือมาก
นอกจากนี้พระยาราชวังสัน(หวัง) ยังมีบทบาทสำคัญอีกอย่างหนึ่งในประวัติศาสตร์ คือเป็นผู้พาเจ้านายญวนชื่อองเชียงสือซึ่งพาครอบครัวหนีกบฎมาจากเมืองญวน มาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารในรัชกาลที่ ๑ โดยองเชียงสือขอถ่อมตัว ให้พระยาราชวังสันรับท่านเป็นบุตรบุญธรรม พระยาราชวังสันก็ยอมรับ ตกลงรับองเชียงสือเป็นบุตร พามาเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวที่กรุงเทพฯด้วยความปลอดภัย ในรัชกาลต่อๆมา ไม่ว่าผู้ใดได้รับพระราชทานตำแหน่งเป็นแม่ทัพเรือ ก็จะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น"พระยาราชวังสัน" แม้ไม่ใช่เชื้อสายตระกูลนี้ และนับถือพุทธศาสนาไม่ใช่อิสลามก็ตาม พระยาคนสุดท้ายมีมาจนรัชกาลที่ ๗ คือพระยาราชวังสัน(ศรี กมลนาวิน) จนยกเลิกบรรดาศักดิ์กันไปหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕
ส่วนพระยาราชวังสันอีกคนหนึ่งไม่มีตัวตนในประวัติศาสตร์ แต่กลับไปมีตัวตนในวรรณคดี กำเนิดขึ้นมาจากพระราชนิพนธ์เรื่อง" พระยาราชวังสัน" ในรัชกาลที่ ๖ เป็นเรื่องที่ทรงดัดแปลงมาจากโศกนาฏกรรมเรื่อง Othello ของเชกสเปียร์ โดยทรงดัดแปลงโอเธลโลแม่ทัพแขกมัวร์ผิวดำมาเป็นพระยาราชวังสันเชื้อสายแขก และสาวน้อยเดสดีโมน่าผู้ดีชาวเวนิสมาเป็นหญิงสาวชื่อบัวแก้ว ในต้นฉบับเดิม โอเธลโลถูกอุบายให้หึงหวงภรรยาจนฆ่าเธอด้วยความเข้าใจผิดและเมื่อรู้ตัวว่าเสียรู้คนชั่วก็ฆ่าตัวตาย พระเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่าไม่เหมาะสมจึงทรงดัดแปลงมาเป็นการจบอย่างสุขสมหวังของพระเอกนางเอก
เรื่องนี้ไม่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายนัก ในสมัยรัชกาลที่ ๖ ยังไม่เคยได้ยินว่านำออกแสดง หรือไม่ก็แสดงน้อยมากจนไม่เป็นที่จดจำกัน มีเพียงตัววรรณคดีไว้ ให้ผู้มีใจรักทางพระราชนิพนธ์ได้ศึกษากันเท่านั้น
คัดลอกจาก บทความของ เทาชมพู
Create Date : 07 สิงหาคม 2548 |
|
2 comments |
Last Update : 7 สิงหาคม 2548 21:41:20 น. |
Counter : 979 Pageviews. |
|
|
|