Smells Like DURIAN Spirit >> นี่แหละรสชาติทุเรียนกวน <<
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2566
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
8 มีนาคม 2566
 
All Blogs
 
รีวิวมังงะ Arte (Kei Ohkubo) >>> "อาร์เต" อาร์ติสต์หญิงผู้จริงใจแห่งฟีเรนเซ (ยุคเรอเนสซองส์)

Manga Review “Arte” (Kei Ohkubo) A Story about a Florentine Female Artist During the Renaissance Period





[ca-01] the double page spread of ARTE manga in the chapter 1
credits : from “Silent Manga Audition”, the online manga



(English section) . . . Ciao! สวัสดีมีนาคม ตามธรรมเนียมประจำปีถ้าเจ้าของบล๊อกอัพบล๊อกใกล้วันสตรีสากล 8 มีนาคม ก็อยากจะอัพเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับผู้หญิงซักหน่อย ปีนี้ proudly present (ภูมิใจนำเสนอ) เลยเพราะเป็น*มังงะที่ จขบ. ประทับใจมาก “Arte” (อาร์เต) วาดภาพ-แต่งเรื่องโดย “Kei Ohkubo” ซึ่งก็เป็นนักเขียนการ์ตูนผู้หญิงซะด้วยสิ ^^ มังงะเรื่องนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกปี 2013 ลงในนิตยสาร Comic Zenon แล้วก็ลงยาวต่อเนื่องเรื่อยมาปัจจุบันยังไม่จบนะ ปีนี้ฤกษ์งามยามดีเพราะมังงะเรื่องนี้ “อายุครบ 10 ปีพอดี!” เดี๋ยวตามไปดูกันว่ามังงะที่ จขบ. proudly present เนื่องในวันสตรีสากลเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง
.
.
.
Note : *มังงะ (ญี่ปุ่น: 漫画; โรมาจิ: manga) เป็นคำภาษาญี่ปุ่นสำหรับเรียกการ์ตูนที่เป็นช่อง ๆ”



.

.

.

.

.

.

.

.

.

.














รีวิวมังงะ “Arte” (อาร์เต)
Manga Review “Arte” (Kei Ohkubo)












(English section) . . . มังงะเรื่องนี้ยังไม่จบและไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ จขบ. คงไม่สามารถเล่าอะไรโดยไม่มีการสปอยล์ได้แต่จะพยายามเลี่ยงแล้วกันนะ ^^" เนื่องจาก จขบ. ไม่ถนัดเล่าอะไรยาว ๆ เท่าไหร่ เพื่อความสะดวกในการรีวิว จขบ. ขอเขียนแยกเป็นข้อ ๆ ตามนี้



01 ส่วนของเนื้อหา
About Story



[cb-01a] Introduction
(credits : from “Silent Manga Audition”, the online manga)




SYNOPSIS (เรื่องย่อ)
ต้นฉบับภาษาอังกฤษโดย : MAL(myanimelist.net)
แปลภาษาไทยโดย : ทุเรียนกวน ป่วนรัก


ที่อิตาลีต้นศตวรรษที่ 16 เมืองฟีเรนเซกำลังเริงร่ากับการเบ่งบานอย่างน่าอัศจรรย์ในยุค1การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ เหล่าบุรุษดาหน้าเปิด2เวิร์คช็อปแสดงงานศิลปะและรับเด็กฝึกงานที่มุ่งมั่นจะเป็นศิลปิน ในขณะที่เหล่าสตรีกลับถูกคาดหวังให้ปรนนิบัติสามีและเลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน…เพียงแค่นั้น

"อาร์เต" เด็กสาวจากตระกูลชนชั้นสูงคนหนึ่งมีความหลงใหลในการวาดภาพอย่างมาก หลังจากพ่อที่คอยสนับสนุนเธอเสียชีวิตลง แม่ของเธอพิจารณาทรัพย์สินที่เตรียมไว้สำหรับเป็น3สินสอดของลูกสาวมีไม่มากนัก จึงตัดสินใจที่จะหล่อหลอมลูกสาวให้เป็นกุลสตรีที่ดีงามตามแบบแผนน่าจะดีกว่า แต่อาร์เตขอเลือกเส้นทางชีวิตตัวเอง มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวที่จะก้าวข้ามอุปสรรคการกีดกันทางเพศเพื่อที่จะได้เป็นศิลปินอย่างเต็มตัว

อาร์เตพยายามแล้วพยายามเล่าขอเป็นเด็กฝึกงาน แต่เวิร์คช็อปทุกที่ก็ปิดประตูปังเหมือนชิงชังผู้หญิงผู้เซอะเซ่อ แต่อย่างไรก็ดียังที "เลโอ" เจ้าของเวิร์กช็อปเล็ก ๆ แห่งหนึ่งมอบโอกาสให้กับเธอ อาร์เตก็พิสูจน์ตัวเองทำภารกิจแสดงความมุ่งมั่นที่มีต่อศิลปะให้เห็น เลโอก็ตกลงใจที่รับเธอเป็นช่างฝึกหัดเพียงหนึ่งเดียวของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกอย่างแท้จริงที่อาร์เตได้มีที่ยืนอย่างมั่นคงในโลกของศิลปะที่ปกติมีแต่ผู้ชายที่ครอบครอง

.
.
.
It is early 16th-century Italy, and the city of Firenze blossoms amid wondrous depictions of the newly-birthed 1Renaissance. Men are opening their art 2workshops, displaying their craft, and taking on aspiring artists as apprentices. Meanwhile, women are expected to serve their husbands and raise their children.

Arte, a young girl from a noble family, is deeply passionate about painting. Following her supportive father's death, her mother resolves to mold Arte into a proper virtuous lady, considering their moderate 3dowry. But Arte is spirited and daring, determined to relinquish gender norms and become a full-fledged artist.

Arte tirelessly seeks an artisan to take her in, but all doors close before a foolish woman. However, one small workshop owner, Leo, gives her a chance. When Arte proves her perseverance and devotion to art, Leo decides to house her as his only apprentice. Truly free for the first time, Arte is set on securing her place in the male-dominated art world.

[Written by MAL Rewrite]





(English section) . . . จขบ. สนใจมังงะเรื่องนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้อ่านเรื่องย่อแล้ว การที่เซ็ตพล็อตเรื่องเริ่มต้นที่ต้นคริสตศตวรรษที่ 16 (ค.ศ. 1500 ต้น ๆ) ซึ่งเป็นช่วงพีคสุดของยุค “*Renaissance” (เรอเนสซองส์) แถมระบุให้เป็นเมือง “Firenze” (ฟีเรนเซ/ฟลอเรนซ์) ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์กลางศิลปะของยุคเป็นอะไรที่ท้าทายมาก

. . . นอกจาก Firenze แล้วยังการใช้สถานที่อื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงในการดำเนินเรื่องอีกอย่าง “Venezia” (เวเนเซีย/เวนิส) หรือแม้แต่อาณาจักรที่ไกลออกไปอย่าง “Kingdom of Castile” (ราชอาณาจักรกัสติยา, ส่วนหนึ่งของประเทศสเปนในปัจจุบัน) และ “Kingdom of Portugal” (สมัยนั้นยังเป็น ราชอาณาจักรโปรตุเกสอยู่) อันที่จริง จขบ. ก็พอมีความรู้พวกนี้อยู่บ้าง (เคยเรียนมาอะนะ) แต่พอเนื้อเรื่องไปไกลขึ้นรายละเอียดก็มีมากขึ้น พวกเหตุการณ์สำคัญและบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ตามมาเพียบทำให้ จขบ. ถึงขั้นอ่านไปเสิร์ชข้อมูลไปเลยทีเดียว มันไม่ง่ายเลยที่จะถ่ายทอดอะไรที่มีจริงหรือเคยมีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ออกมาเป็นส่วนหนึ่งของมังงะได้อย่างมีชีวิตชีวา ซึ่งอาจารย์ผู้เขียนก็ค้นคว้าข้อมูลออกมาเป็นอย่างดีทีเดียว

.
.
.
Note :
[1] Renaissance (เรอเนสซองส์) - หรือในชื่อที่คนทั่วไปรู้จักว่า "การฟื้นฟูศิลปวิทยาการ" เป็นช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ยุโรป ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากสมัยกลางสู่สมัยใหม่และครอบคลุมศตวรรษที่ 15 และ 16 มีการแสดงลักษณะด้วยความพยายามที่จะฟื้นฟูและก้าวข้ามแนวคิดและความสำเร็จของสมัยคลาสสิก ได้เกิดขึ้นภายหลังจากวิกฤติการณ์จากสมัยกลางปลายและมีส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่ นอกเหนือจากช่วงเวลาตามมาตรฐาน บางสำนักก็เสนอช่วงระยะเวลาที่ยาวกว่านั้นคืออาจจะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 14 และสิ้นสุดลงในศตวรรษที่ 17 (source : th.wikipedia.org)
[2] workshop (เวิร์คช็อป) - สตูดิโอ/ห้องปฏิบัติการการทำงานงานฝีมือหรืองานศิลปะ
[3] dowry (ดอร์รี) - สินสอดที่ครอบครัวฝ่ายหญิงให้ฝ่ายชายสำหรับการแต่งงาน




. . . . .




02 ส่วนของบทบาทตัวละคร
About the Characters



CHARACTERS (ตัวละคร)


Main Characters (ตัวละครหลัก)

อาร์เต (Arte)
. . . ตัวเอกของเรื่อง ลูกสาวของชนชั้นสูงบุคลิกร่าเริงสดใด แต่ก็ถูกมองว่าเป็นคนแปลก ๆ เพราะชอบทำงานศิลปะ หลังจากพ่อเสียชีวิตเธอไม่ยอมรับค่านิยมที่ว่าผู้หญิงต้องแต่งงานแล้วอยู่เหย้าเฝ้าเรือน จึงตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อเป็นศิลปิน แต่ก็ถูกเวิร์คช็อปทุกที่ปฏิเสธโดยที่ไม่ดูผลงานที่นำเสนอเลยซักนิดเพียงสาเหตุเดียวที่ว่า “เธอเป็นผู้หญิง” แต่สุดท้าย “เลโอ” เจ้าของเวิร์คช็อปเล็ก ๆ ยื่นบททดสอบสุดหินให้ทำ อาร์เตใช้ความมุ่งมั่นพยายามทำบททดสอบจนเสร็จ เอาชนะใจเลโอจนรับเธอเป็นเด็กฝึกงาน นี่เป็นจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในโลกศิลปะจริงของเธอ แต่หลังจากนี้อาร์เตต้องทำงานพิสูจน์ตัวเองอีกมากกว่าจะทำให้สังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ยอมรับในความสามารถ

เลโอ (Leo)
. . . เจ้าของเวิร์คช็อปศิลปะเล็ก ๆ อดีตเด็กขอทาน บุคลิกเคร่งครึมไม่ค่อยคบค้าสมาคมกับใคร รักสันโดษและชอบทำงานคนเดียว ตอนแรกไม่อยากรับเด็กฝึกงานเลยมอบทดสอบโหด ๆ ให้อาร์เตทำ แต่หลังจากเห็นความมุ่งมั่นในตัวอาร์เตที่เหมือนกันกับเขาในอดีต จึงตัดสินใจรับอาร์เตเป็นเด็กฝึกงานเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่ ถึงแม้ภาพนอกจะดูเย็นชาแต่เขาปฏิบัติกับอาร์เตเหมือนศิษย์คนหนึ่งไม่แบ่งแยกว่าเป็นชาย-หญิง เป็นคนแรกที่ยอมรับความสามารถของอาร์เตอย่างแท้จริงทำให้อาร์เตประทับใจและเคารพรักอาจารย์คนนี้มาก



Firenze (ฟีเรนเซ)

เวโรนีกา (Veronica)
. . . นางคณิกาชั้นสูงผู้ทรงเสน่ห์แห่งเมืองฟีเรนเซจนทำให้ผู้ชายนักต่อนักลุ่มหลงหัวปักหัวปำ เธอเป็นหนึ่งในผู้อุปถัมป์งานศิลปะของเลโอ เธอถูกใจอาร์เตและให้มอบงานวาดภาพพอร์ตเทรดให้ทำ นี่ถือเป็นงานชิ้นแรกในชีวิตของอาร์เตด้วย ทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันนับแต่บัดนั้น เวโรนีกาเป็นคนฉลาดและรอบรู้หลายด้าน ในบ้านของเธอมีห้องสมุดคลังความรู้ขนาดใหญ่ อาร์เตชื่นชมในความใฝ่รู้ของเวโรนีกาและมักมาขอคำปรึกษาอยู่บ่อย ๆ

อันเจโล (Angelo)
. . . เด็กฝึกงานที่เวิร์คช็อปดานีโล ออกมาทำงานเพื่อช่วยสมทบค่าสินสอดให้พี่สาวน้องสาว เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีลูกผู้หญิงหลายคน ด้วยความที่พี่ ๆ น้อง ๆ ชอบอ้อนให้ช่วยทำอะไรอยู่บ่อย ๆ เขาจึงเคยชินกับการชอบช่วยเหลือผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว ตอนพบอาร์เตครั้งแรก ๆ เขาประหลาดใจที่อาร์เตไม่ยอมรับความช่วยเหลือเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ แต่ตอนหลังก็เข้าใจว่าเธออยากให้ปฏิบัติแบบคนที่เท่าเทียมกันจึงประทับใจอาร์เตมาก

ดาชา (Dacia)
. . . สาวช่างเย็บผ้าเกิดมาในครอบครัวชาวนา เธอทำงานเก็บเงินไว้เป็นค่าสินสอด (dowry) ของตัวเอง ก่อนหน้านี้เธออ่านหนังสือไม่ออกจึงถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบในบางครั้ง ตอนแรกเธอรู้สึกอิจฉาที่อาร์เตเป็นชนชั้นสูง แต่พอได้เห็นความจริงใจจากอาร์เตทั้งสองก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ดาชาเป็นตัวอย่างของคนใฝ่รู้แต่ขาดโอกาส เธอขอให้อาร์เตช่วยสอนหนังสือและสอนคณิตศาสตร์เพื่อเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ชีวิต

อูแบร์ตีโน (Ubertino)
. . . พ่อค้าผู้ร่ำรวย แม้ซื้อภาพวาดประดับห้องโถงมากมายแต่เขาไม่มีความสนใจงานศิลปะเลย ห้องทำงานส่วนตัวของเขาเรียบง่ายไร้การตกแต่ง มีภาพวาดภาพเดียวแขวนไว้คอยเตือนใจเท่านั้น เขามีความสัมพันธ์อันดีกับอาจารย์ของเลโอซึ่งก่อนตายได้ฝากฝังเลโอเอาไว้ ทำให้เป็นผู้อุปถัมป์งานศิลปะของเลโอเรื่อยมา อูแบร์ตีโนกับเลโอเจอกันทีไรชอบทำท่าฮึดฮัดใส่กัน แต่จริง ๆ สองคนนี้เป็นห่วงซึ่งกันและกันมาก นอกจากนี้อูแบร์ตีโนยังถูกใจในความซื่อและความดื้อของอาร์เตลูกศิษย์คนเดียวของเลโอด้วย

ลูซานนา (Lusanna)
. . . ลูกสาวของอาจารย์ของเลโอ พอแต่งงานก็ย้ายไปอยู่เซียนาตามสามี หลังสามีตายอย่างกะทันหันเธออุ้มท้องแก่เดินทางกลับฟีเรนเซเพื่อมาขอสินสอด (dowry) คืนจากแม่สามีเพื่อใช้ในการเลี้ยงลูก แต่ถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี อาร์เตทราบเข้าก็ร้อนใจพยายามหาคนมาช่วยทวงเงินสินสอดคืน ลูซานนาเป็นเพื่อนเก่าวัยเด็กเพียงไม่กี่คนของเลโอ เธอรู้จักเลโอเป็นอย่างดี จึงรู้สึกทั้งประหลาดใจและดีใจที่เห็นเลโอเปลี่ยนไปยอมเปิดใจรับลูกศิษย์กับเขาด้วย



Venezia (เวเนเซีย)

ยูรี ฟาลีเอล (Venetian-Italian dialect : Yuri Falier)
*Standard Italian : Juri Faliero, ยูรี ฟาลีเอโร
. . . พ่อค้าที่เก่งกาจ ชาญฉลาดและเจนสังคม เขาเป็นชนชั้นสูงจากตระกูล “ฟาลีเอล” ที่ทรงอิทธิพลในเวเนเซีย บังเอิญรู้จักอาร์เตระหว่างแวะไปเยี่ยมเวโรนีการะหว่างเยือนฟีเรนเซ เขาชื่นชมพรสวรรค์และความเด็ดเดี่ยวไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ของอาร์เต และแถมยังมีพื้นเพจากชนชั้นสูงด้วย จึงเสนอภารกิจพิเศษให้เธอเดินทางไปเป็นจิตรกรประจำตระกูลและเป็นครูสอนพิเศษหลานสาวของเขาที่บ้านของพี่ชายที่เวเนเซีย

คาตารีนา (Catarina)
*Standard Italian: Caterina, คาเตรีนา
. . . ลูกสาวคนโตของตระกูลฟาลีเอล เป็นลูกของ “มาร์โค” พี่ชายของยูรี และ “โซเฟีย” ภรรยาแสนสวย พ่อของเธอไม่ค่อยชอบการที่มีลูกเป็นผู้หญิงเท่าไหร่เพราะโตไปก็ต้องฝ่ายเสียสินสอด คาตารีนาจงใจทำตัวให้คนอื่นคิดว่าตัวเองเป็นเด็กมีปัญหา แม้จริง ๆ แล้วเธอรู้เรื่องกริยามารยาทเป็นอย่างดี แต่ที่ทำไปเพราะต้องการต่อต้านอะไรบางอย่าง อาร์เตถูกจ้างมาเป็นติวเตอร์พิเศษเพื่อรับมือกับคาตารีนาโดยเฉพาะ



Castile (กัสติยา)

ท่านหญิงอีเรเน (Lady Irene)
. . . สตรีผู้สูงศักดิ์จาก “กัสติยา” (Castile) แวะมาพักที่ฟีเรนเซในฐานะแขก VIP ของ “คาร์ดินัลซีลวีโอ” ผู้มีตำแหน่งใหญ่โตในศาสนจักร ซีลวีโอจ้างอาร์เตมาเพื่อมาวาดภาพให้ความบันเทิงแก่ท่านหญิงแต่จุดประสงค์จริงคือต้องการสืบความลับมากกว่า พออาร์เตไปทำงานก็ประหลาดใจว่าบ้านที่อีเรเนพักเป็นเคยเป็นบ้านเก่าของเธอเอง แรก ๆ อีเรเนและผู้ติดตามก็ระวังตัวอยู่ แต่พออาร์เตแสดงความจริงใจก็ยอมเปิดใจเผยตัวตนที่แท้จริงกับอาร์เต



Note 1 : เนื่องจากเนื้อเรื่องเกิดที่อิตาลี จขบ. เลยเลือกที่จะใช้ชื่อคนแบบที่ชาวอิตาลีใช้กันจริง ๆ ซึ่งบางชื่อก็แตกต่างจากเวอร์ชันภาษาอังกฤษ
Note 2 : most of pictures come from Nautiljon.com





(English section) . . . เนื่องจากมังงะเรื่องนี้ชื่อว่า “Arte” (อาร์เต) เรื่องจะปังหรือพังก็อยู่ที่บทตัวเอกนี่แหละ งั้นขอเน้นที่อาร์เตแล้วกัน จขบ. ประทับใจกับบทพัฒนาการของอาร์เตมาก เริ่มตั้งแต่เด็กสาวชนชั้นสูง (แต่บ้านไม่ค่อยมีตังค์ ^^”) อยากกำหนดชีวิตตัวเองโดยฉีกขนบฯ ค่านิยมเกี่ยวกับผู้หญิงสมัยนั้น ออกจากบ้านเพื่อเป็นศิลปินฝึกหัด ต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะทำให้คนอื่นยอมรับในความสามารถอย่างเท่าเทียม แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้ทิ้งตัวตนของตัวเองด้วย อย่างเรื่องที่ว่า “*เพราะการเกิดมาเป็นผู้หญิง” แค่นั้นทำให้ผู้ชายในสายวิชาชีพปฏิเสธ หรือแม้กระทั่ง “การเกิดมาในตระกูลชนชั้นสูง” ทำให้มีโอกาสทางการศึกษาดีกว่าการที่เกิดมาเป็นชาวบ้านธรรมดา คือยังไม่ทันทำความรู้จักกันก็อาจถูกคนตั้งแง่แล้ว บางคนถ้าเจออย่างงี้อาจจะช่างมันต่างคนต่างอยู่ก็ได้ แต่สำหรับอาร์เตกลับเลือกที่จะเผชิญหน้าความจริง ชาติกำเนิดเลือกไม่ได้แต่การกระทำหลังจากนั้นเลือกได้สิ! ถ้าทำอย่างจริงจังและจริงใจเดี๋ยวใคร ๆ ก็เข้าใจเอง…นี่แหละคือตัวตนของอาร์เตตัวเอกของเรื่องนี้
.
.
.
*Note : ในมังงะ จขบ. เห็นอาร์เตทำการปฏิเสธตัวตนของตัวเองครั้งเดียว นั่นคือการ “ตัดผมตัวเอง” (แถมเกือบจะตัวหน้าอกตัวเองด้วย ^^”) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นผู้หญิง [ในตอนที่ 1] หลังจากคนอื่น ๆ ยอมรับความสามารถ “อย่างเท่าเทียม” กันแล้ว จนถึงปัจจุบัน [ตอนที่ 84] ก็ไม่เห็นอาร์เตตัดผมอีกเลย
.
สืบเนื่องจาก [Note ข้างบน] เราอาจประมาณว่าเนื้อเรื่องในมังงะผ่านไปนานแค่ไหนได้จากความยาวเส้นผมของอาร์เต ^^




[cb-02b] Arte cut her hair
(credits : from manga chapter 1)





(English section) . . . จุดเด่นของมังงะเรื่องนี้คือมีกระจายบทเด่น ๆ ให้ตัวละครหญิงเยอะมาก จขบ. ชอบที่เค้าออกแบบให้ตัวละครหญิงที่มีปฏิสัมพันธ์กับอาร์เตมีพื้นเพและสถานภาพทางสังคมต่างกันไปเช่น นางคณิกา, แม่ม่าย, สาวชาวบ้าน, สตรีตระกูลสูงศักดิ์ ไปจนถึงสตรีตระกูลสูงศักดิ์สุด ๆ ทำให้คนอ่านเห็นภาพวิถีชีวิตในมุมอื่น ๆ ในสังคม ที่อิตาลีต้นคริสตศตวรรษที่ 16 เราอาจคาดเดาได้ว่าบทบาทของผู้ชายในสังคมตั้งแต่เกิดจนตายเป็นยังไง แต่สำหรับของผู้หญิงนี่แทบไม่รู้เลย มังงะเรื่องนี้เป็นโอกาสดีที่ทำให้รับรู้บทบาทของผู้หญิงสมัยนั้นมากขึ้นว่ามีอุปสรรคในการใช้ชีวิตยังไง เช่น เรื่องการศึกษา, การหาเลี้ยงชีพ, แม้กระทั่งเรื่องแต่งงานก็เป็นปัญหาเหมือนกันโดยเฉพาะเรื่อง “*Dowry” ซึ่งก็คือ “สินสอดที่ครอบครัวฝ่ายหญิงเตรียมให้ครอบครัวฝ่ายชาย” (ย้ำว่าผู้หญิงเป็นฝ่ายให้ผู้ชาย) เป็นการตีแผ่ความเหลื่อมล้ำระหว่างเพศในสมัยนั้นได้อย่างชัดเจนดี

. . . สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ตัวละครสมทบบางตัวเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ด้วยสิ บางคนอาจจะอ่านมังงะเพื่อเสพเนื้อหาเฉย ๆ แต่สำหรับคนที่มีความสนใจประวัติศาสตร์ช่วงนี้ (แบบ จขบ.) การอ่านไปค้นข้อมูลไปนี่ก็สนุกไปอีกแบบ

.
.
.
*Note : เกี่ยวกับ “Dowry” ดูเพิ่มเติมหัวข้อ “Marriage in the Renaissance Period” ในภาคผนวก




. . . . .




03 ส่วนของงานภาพในมังงะ
About the Arts in Manga



[cb-03a] The ARTE Exhibition in Tokyo (11-25 June 2020)
(credits : mangaplanet.com)



(English section) . . . ภาพ “ลายเส้น” ของมังงะเรื่องนี้จัดว่าสวยเลยล่ะ (ถึงจะมีช่วงหนึ่งที่วาดตัวละครคอยาวไปนิดแต่สักพักก็กลับมาสู่ฟอร์มปกติได้ ^^”) การเขียนการ์ตูนแนวพีเรียดแค่วาดสวยอย่างเดียวไม่พอ จขบ. คิดว่าอาจารย์ Kei Ohkubo น่าจะรีเสิร์ชประวัติศาสตร์มาอย่างหนักแน่ ๆ นอกจากพวกเสื้อผ้าที่คนอ่านเห็นแบบชัด ๆ แล้ว พวกอุปกรณ์ประกอบฉากที่คนอาจไม่ค่อยสังเกตนี่ก็ต้องรีเสิร์ชมาเหมือนกันอย่างเช่น ปัจจุบันคงไม่น่ามีใครใช้แท่งไม้มาประกบไส้ดินสอแล้วมัดติดกันแบบ 500 ปีก่อนแล้วมั้ง นี่คือส่วนประกอบเล็ก ๆ ที่ จขบ. ชื่นชมในความพยายามของผู้เขียนเรื่องนี้

. . . มาพูดถึงสิ่งใหญ่ ๆ ที่ จขบ. ประทับใจบ้างดีกว่านั่นก็คือ “แบ็กกราวด์” หรือพวกฉากหลังต่าง ๆ เนื่องจากการดำเนินเรื่องในมังงะใช้เมืองที่มีอยู่จริง สถานที่ในเรื่องก็ต้องเป็นสถานที่จริง ๆ ตามไปด้วย น่าจะถูกใจคนรักประวัติศาสตร์ศิลป์โดยเฉพาะยุค Renaissance นะ คนต๊อกต๋อยอย่าง จขบ. เนี่ยชาตินี้คงไม่มีวาสนาได้ไปเที่ยวฟลอเรนซ์แน่ ๆ แต่ถ้าสมมติว่าเช้าวันนึงงัวเงีย ๆ เปิดหน้าต่างแล้วเจอภาพ “Duomo di Firenze” (มหาวิหารฟลอเรนซ์) แบบเต็มสองตา จขบ. น่าจะช็อกไปเลยมั้ง!



[cb-03b1] “Duomo di Firenze” (มหาวิหารฟลอเรนซ์)
(credits : [Top] from manga . [Bottom] florencetips.com)





(English section) . . . อย่างที่บอกไว้ตอนต้น มังงะเรื่องนี้มีการดำเนินเรื่องสถานที่อื่น ๆ ด้วย แต่ละที่อาจารย์ Kei Ohkubo ก็ทำรีเสิร์ชเป็นอย่างดีเลย อย่างที่ “Venezia” ส่วนมากจะเป็นฉากที่บ้านแต่ก็แสดงให้เห็นวิถีชีวิตที่อยู่ติดสายน้ำของผู้คนที่นั่น (เมื่อ 500 ปีก่อน) แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังได้เห็นสถานที่สำคัญ ๆ อย่าง “Basilica di Santa Maria Gloriosa dei Frari” (มหาวิหารซานตามารียา กลอริโอซา เดอี ฟรารี) ด้วยเช่นกัน



[cb-03b2] “Basilica di Santa Maria Gloriosa dei Frari”
(credits : [Top] from manga . [Bottom] Youtube: Renzo Manganotti)





(English section) . . . อาณาจักรอันห่างไกลอย่าง “Castile” แม้บางที่เป็นแค่ทางผ่านช่วงสั้น ๆ แต่พื้นที่แถบนี้ที่เคยถูกปกครองโดยมุสลิมมาก่อนก็มีแสดงฉากหลังงานสถาปัตยกรรมที่ดูแปลกตาออกไป และพอเข้าสู่พื้นที่ชั้นในอย่าง Toledo ก็เจอสถานที่สำคัญอย่าง “Alcázar of Toledo” (พระราชวังแห่งเทเลโด) ด้วย



[cb-03b3] “Alcázar of Toledo” (พระราชวังแห่งเทเลโด)
(credits : [Left] from manga . [Right] //www.panasm.com)





(English section) . . . ส่วนของ “Portugal” แม้จะทราบว่าอาร์เตติดตามนายจ้างมาอยู่ที่นี่นานหลายปีแต่ในมังงะมีบทน้อยมาก จขบ. เลยไม่อยากระบุว่าสถานที่ที่เห็นในมังงะคือที่ไหน เพราะอาคารบางแห่งก็พังทลายจากแผ่นดินไหวนานแล้ว แต่อย่างน้อย ๆ เราก็ยังได้เห็นภาพมุมกว้างของเมืองไล่ระดับอันเป็นเอกลักษณ์ของ “Lisbon” เมื่อ 500 ปีก่อนน่า



[cb-03b4] Lisbon cityscape
(credits : [Left] from manga, [Right] from an old magazine)



.

.



(English section) . . . เบื้องหลังงานภาพแบ็กกราวด์ perspective ของมังงะเรื่องนี้คือ “ใช้การวาดด้วยมือ”นะ จริงอยู่ที่การสร้างแบ็กกราวด์ด้วยการใช้ 3DCG มีความแม่นยำเที่ยงตรงแต่ภาพก็ดูแข็งตามไปด้วย การวาดภาพ perspective ด้วยมือแม้สัดส่วนอาจไม่เป๊ะเท่าแต่มีข้อดีที่ความยืดหยุ่นและนุ่มนวลกว่า แต่มันก็ไม่ง่ายเลยเพราะงานสถาปัตยกรรมมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์พวกนี้มีดีเทลเยอะ ซึ่งคนวาดก็ฝีมือเยี่ยมจริง ๆ วาดออกมาได้สวยงามและที่สำคัญคือเหมาะกับโทนของเรื่องด้วย





[cb-03c1] hand-drawn perspective 1
(credits : @ookubo_tanuki - twitter of Kei Ohkubo, the author of Arte)






[cb-03c2] hand-drawn perspective 2
(credits : @ookubo_tanuki - twitter of Kei Ohkubo, the author of Arte)



.

.

.

.

.

.

.

.

.

.














การเดินทางสู่ดินแดนอันห่างไกลของมังงะ Arte
The Journeys to the Faraway Lands of Arte, the Manga















[cc-01] Arte manga International versions
(Credits : “Silent Manga Audition” Facebook Fanpage)



(English section) . . . Arte ฉบับมังงะ ได้รับความนิยมจนถูกนำไปแปลเป็นหลายภาษา ไม่รู้กี่ภาษานะแต่เอาที่เห็นในภาพก็ 5 ภาษาแล้ว (เรียงจากบนไปล่าง) ภาษาเยอรมัน, เกาหลี, อิตาลี, ฝรั่งเศส และจีน ส่วนเวอร์ชันภาษาอังกฤษแบบดิจิทัลปัจจุบันลิขสิทธิ์เป็นของ “comikey.com” มีให้ทดลองอ่านฟรี 3 ตอนด้วยถ้าใครสนใจลองอ่านดูได้ แต่ถ้าพูดถึงเวอร์ชันภาษาอังกฤษแบบ officail จขบ. ชอบเวอร์ชันของ “SMC” (Silent Manga Audition) ที่ Coamix ต้นสังกัดของมังงะเรื่องนี้จัดทำเองมากกว่าแฮะ จขบ. คิดว่าเค้าแปลเข้ากับบริบทมากกว่าอย่างเช่นชื่อเมือง “Firenze” ของ SMC ก็คงชื่อเดิมแบบอิตาลีไว้ ในขณะที่เวอร์ชัน comikey กลับเลือกที่จะใช้ชื่อ “Florence” ตามที่คนใช้ภาษาอังกฤษทั่วไปเรียกกัน ไม่เป็นไรแล้วแต่ใครชอบแบบไหนอะนะ น่าเสียดายที่ยังไม่มี Arte ฉบับภาษาไทย ถ้าสำนักพิมพ์ไหนสนใจ ซื้อลิขสิทธิ์มาพิมพ์เถอะนะ อยากให้มีมังงะเนื้อหาดี ๆ แนวนี้อยู่ในตลาดบ้าง

. . . ปี 2020 Arte ถูกนำไปทำเป็นอนิเมะด้วย ปัจจุบันออกมา 1 ซีซัน 12 ตอน อนิเมะทำออกมาดูง่ายไม่ต้องมีความรู้ประวัติศาสตร์ศิลปะก็ดูรู้เรื่อง ใครสนใจตามไปดูแบบลิขสิทธิ์ได้ที่ “Bilibili.tv” และ “Muse Asia”





Link -->
ARTE | Trailer Officiel


.

.



(English section) . . . ทั้งหมดนี้คือการรีวิว "Arte (อาร์เต)" มังงะดี ๆ ที่ จขบ. proudly present เนื่องในโอกาสพิเศษประจำปีนี้ มังงะเรื่องนี้อาจไม่ได้สนุกตื่นเต้น, ตลกขำกลิ้งหรือมีพล็อตสุดล้ำ แต่อย่างน้อยพอได้ลองอ่านคุณอาจเริ่มหลงรักในความสดใสจริงใจของสาวน้อยคนนี้ก็ได้ ถ้าคุณเป็นคนที่สนใจประวัติศาสตร์ศิลปะ...โดยเฉพาะช่วงพีคของยุค Renaissance คุณอาจจะชอบมังงะเรื่องนี้ หรือถ้าคุณมีความรักศิลปะในหัวใจคุณก็อาจจะชอบเช่นกัน ถ้าใครกำลังหามังงะแนวประวัติศาสตร์ยุโรปที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิงเก่ง จิตใจเข้มแข็ง ดูแล้วอบอุ่นหัวใจ จขบ. ขอแนะนำ “Arte” ของอาจารย์ Kei Ohkubo เป็นอย่างยิ่งเลย อ่านแล้วคุณอาจตกหลุมรักอาร์เตเหมือนที่ จขบ. เป็นอยู่ก็ได้ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน จขบ. ขอลาไปก่อนเน้อ




.

.

.

.



Love ART…Love ARTE
รักศิลปะ…รักอาร์เต






[cd-01] Love Art…Love ARTE
(credits : from manga)




.

.

.

.

.

.

.

.

.

.
















- ภาคผนวก -
Appendix












(English section) . . . ในมังงะ "Arte" มีพวกเกร็ดเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย เวลา จขบ. เจอข้อสงสัยอะไรก็อ่านไปค้นข้อมูลไปแล้วแต่ความสนใจตอนนั้น พอเอาพวกที่เสิร์ช ๆ มารวมมันก็ไม่น้อยเหมือนกัน ครั้นจะเก็บไว้คนเดียวกันน่าเสียดาย เลยขอหยิบเอาประเด็นที่น่าสนใจมาแบ่งให้ท่านที่ผ่านมาผ่านไปอ่านด้วยดีกว่าเนอะ




01 Apprenticeship During the Italian Renaissance
การฝึกงานในยุคเรอเนสซองส์ของอิตาลี



ศิลปะ การศึกษา และการฝึกอบรม - การฝึกงาน
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ : Art, Education and Training - Apprenticeship โดย Renaissance: An Encyclopedia for Students


. . . วิธีการและสื่อที่ใช้ให้ความรู้แก่ศิลปินเปลี่ยนไปมากในช่วงยุค Renaissance ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาศิลปินหน้าใหม่ส่วนใหญ่ได้รับการฝึกฝนขั้นแรก ๆ ในฐานะเด็กฝึกงาน อย่างไรก็ตามในช่วงยุคปี 1400 การเรียนรู้ทฤษฎีศิลปะค่อย ๆ มีความสำคัญพอ ๆ กับการฝึกทักษะการปฏิบัติ จนมาในช่วงช่วงยุคปี 1600 ศิลปะได้พัฒนาจากงานฝีมือเป็นหลักสูตรการศึกษาเชิงวิชาการ

. . . เกี่ยวกับการฝึกงาน - ในยุค Renaissance เด็กฝึกงานด้านศิลปะเรียนรู้ภายใต้การชี้แนะของศิลปินที่มีความเชี่ยวชาญ (จขบ. ขอเรียกว่าอาจารย์นะ) โดยมักจะเริ่มต้นที่ช่วงอายุ 12 ถึง 14 ปี และใช้ระยะเวลาการเรียนรู้ระหว่าง 1 ถึง 8 ปี ผู้ปกครองของเด็กฝึกงานลงนามในสัญญากับอาจารย์โดยมีการกำหนดเงื่อนไขการฝึกอบรม สัญญาทั่วไปกำหนดให้อาจารย์ต้องจัดหาอาหาร ที่พักและเสื้อผ้าให้ดีตามที่ได้แนะนำไว้ ในบางกรณีผู้ปกครองจ่ายค่าธรรมเนียมให้อาจารย์ ในขณะที่กรณีอื่น ๆ เด็กฝึกงานได้รับเงินเดือนจากอาจารย์ด้วย

. . . ในตอนแรกสหภาพแรงงานหรือ “กิลด์” (guild) ในท้องถิ่นจะกำหนดมาตรฐานสำหรับการฝึกงาน กิลด์ตัดสินใจเรื่องระยะเวลาของสัญญาและจำนวนนักเรียนที่อาจารย์สามารถฝึกฝนได้ บางกิลด์ไม่อนุญาตให้นักเรียนเปลี่ยนอาจารย์ระหว่างฝึกงานหรือขายผลงานของตัวเองโดยอิสระ ในตอนท้ายของการฝึกงานนักเรียนมักจะต้องแสดงผลงานให้กิลด์เห็นว่าพวกเขามีความเชี่ยวชาญในงานฝีมือ จึงเป็นที่มาของคำว่าผลงานชิ้นเอก

. . . การฝึกงานศิลปะแตกต่างกันไปในแต่ละอาจารย์ อย่างที่ในอิตาลีจะเน้นงานดรออิ้ง นักเรียนอาจเริ่มต้นด้วยการฝึกคัดลอกงานดรออิ้งและงานเพนท์ติ้งก่อนแล้วค่อยไปฝึกสเก็ตช์ภาพจากหุ่นนิ่ง นักเรียนยังได้เรียนรู้การผสมสีและการเตรียมผนังและแผ่นวัสดุสำหรับระบายสี นอกจากนี้เด็กฝึกงานจำนวนไม่น้อยยังจะได้ศึกษาเทคนิคอย่างการวาดภาพ perspective และการจัดองค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ อีกด้วย

. . . . .








[ce-01a] Apprentices in the workshops



(English section) . . . ในเรื่องเราได้เห็นวิถีชีวิตของพวกเด็กฝึกงานใน Firenze เยอะนะ แต่ถ้าเอาเฉพาะตัวละครหลักก็คือ “อาร์เต” เด็กฝึกงานเพียงคนเดียวในเวิร์คช็อป “เลโอ” และ “อันเจโล” เด็กฝึกงานจากเวิร์คช็อป “ดานีโล” ที่มีเด็กฝึกงานหลายคน แต่ไม่ว่าใครจะฝึกงานจากเวิร์คช๊อปไหนสุดท้ายก็วัดกันที่ความสามารถ เพราะยังไงก็ต้องหาในตลาดแรงงานเดียวกัน จริง ๆ การฝึกงานก็คือการเรียนสายอาชีพอย่างนึงนั่นแหละ แต่เป็นการเรียนที่เฉพาะเจาะจงมาก ๆ จนแทบไม่มีเวลาไปเรียนอะไรจากสายอาชีพอื่น ๆ เลย

ป.ล. ถ้าอ่านจากข้อมูลข้างบน อาร์เต น่าจะเริ่มต้นเป็นเด็กฝึกงานช้ากว่าคนอื่นไปหน่อย ยังดีที่ได้เรียนศิลปะจากติวเตอร์ที่พ่อจ้างมาสอนที่บ้านก่อน (ไม่งั้นเรื่องน่าจะจบตั้งแต่ตอนที่ 1 แล้ว :P)




. . . . .




02 Marriage in the Renaissance Period
การแต่งงานในยุคเรอเนสซองส์



Wives in the Renaissance
ต้นฉบับภาษาอังกฤษ : Wives in the Renaissance โดย Amanda Anderson


. . . การแต่งงานในยุค Renaissance ถูกมองว่าแตกต่างกับยุคปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ข้อแตกต่างประการหนึ่งคือการแต่งงานในยุคนั้นมักไม่ได้เกิดจากความรักแต่เป็นการตระเตรียมโดยครอบครัว หลายครั้งในกรณีของชนชั้นสูงการแต่งงานเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุเป้าหมายผลประโยชน์ทางการเมืองและสังคม ครอบครัวเจ้าของสาวเป็นฝ่ายที่จำเป็นต้องให้สินสอด (dowry) ซึ่งมักจะใช้เสริมความมั่งคั่งของเจ้าบ่าว หลังจากแต่งงานแล้วร่างกายและทรัพย์สินของผู้หญิงก็ตกเป็นสิทธิ์การครอบครองของสามี ด้วยการถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของนี้ทำให้อนุญาตให้สามีตีภรรยาโทษฐานที่ไม่เชื่อฟังได้อีกด้วย ครอบครัวฝ่ายหญิงจะอนุญาตให้ลูกสาวแต่งงานกับผู้ชายฐานะดีมีหัวทางธุรกิจที่พิสูจน์ได้ว่าเขามีวิธีที่จะสนับสนุนภรรยาได้เพียงแค่นั้น เมื่อผู้หญิงในยุคนั้นกลายเป็นม่าย บ่อยครั้งเป็นเพราะฝ่ายสามีเองจัดแจงแต่งงานกับภรรยาที่อายุต่างกันมาก ฝ่ายภรรยาม่ายมักจะสืบทอดธุรกิจและได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจต่อไปด้วยตัวเธอเอง

. . . ผู้คนในยุค Renaissance ยังเชื่อว่าพระเจ้าสร้างผู้หญิงขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวในการรับใช้และเชื่อฟังผู้ชาย ตั้งแต่วัยเด็กพวกเธอถูกสอนว่าผู้หญิงเป็นสิ่งที่ต่ำต้อยกว่า แม้แต่การจัดงานแต่งงานยังต้องการให้ผู้หญิงปฏิญาณว่าจะเต็มใจทำสิ่งใด ๆ เพื่อประโยชน์สุขของสามี ภรรยาที่ทำตัวน่ารักใคร่ปฏิบัติตามศีลธรรมและว่านอนสอนง่ายถึงจะเป็นคนมีคุณค่า และพวกเธอถูกทำให้เชื่อว่านี่เป็นพรที่พระเจ้าประทานให้เลยทีเดียว

. . . . .







[ce-02a] Marriage and dowry



(English section) . . . ตอนอ่านมังงะ จขบ. คิดว่า “สถานภาพของผู้หญิง” ในยุค Renaissance แย่อยู่แล้วนะ แต่พอได้อ่านบทความที่บรรยายถึงสถานการณ์ยุคนั้นเข้าจริงมันแย่กว่าที่คิดไว้เยอะ คือแค่เกิดมาเป็นผู้หญิงก็เจอหนทางความลำบากแล้ว โดยเฉพาะเรื่องธรรมเนียมการแต่งงานที่ผู้หญิงต้องเป็นฝ่ายให้ “dowry” (สินสอด) แก่ฝ่ายชายเป็นอะไรที่อึ้งมาก แถมพอแต่งแล้วก็ต้องอยู่ในอาณัติของสามีอีก ครั้นอยากทำงานหาเลี้ยงตัวเองในอาชีพที่มั่นคงหน่อยก็ถูกกีดกัน ผู้หญิงยุคนั้นมีทางเลือกชีวิตไม่มากจริง ๆ ถ้าไม่แต่งงานก็อาจต้องอุทิศชีวิตเพื่อศาสนาเป็นแม่ชีไปเลย…

. . . สิ่งที่ดีมาก ๆ ของมังงะเรื่องนี้คือการที่ผู้แต่งใส่บทผู้หญิงที่มีสถานภาพทางสังคมแตกต่างกัน (ดังที่ จขบ. เขียนไว้ในส่วนของเนื้อหาแล้ว) คือแม้ชีวิตความเป็นอยู่แตกต่างกันเยอะ พบเจอปัญหาต่างกัน แต่ก็มีจุดร่วมที่เหมือนกันคือ “โอกาสทางสังคม” ที่ด้อยกว่าเพศชายที่มีสถานภาพทางสังคมระดับเดียวกันนั่นแหละ จขบ. ต้องขอบคุณมังงะเรื่องนี้ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ไปค้นประวัติศาสตร์ทางสังคมมาอ่านด้วย




. . . . .




03 About the Languages in this Blog
เกี่ยวกับเรื่องของ “ภาษา” ที่ใช้ในบล๊อกนี้


(English section) . . . หัวข้อนี้ออกแนวเรื่องส่วนตัวนิดนึง ถ้าใครอ่านบล๊อกนี้ (หรือแค่มองผ่าน ๆ ก็ได้) อาจจะสังเกตได้ว่าพวกชื่อคนหรือสถานที่ต่าง ๆ ส่วนใหญ่ จขบ. เขียนด้วย “ตัวอักษรโรมัน” เวอร์ชันอ่านแบบภาษาอังกฤษ อันนี้ไม่ได้ดัดจริตนะแต่เป็นเพราะส่วนใหญ่ตอนที่ จขบ. จดจำชื่อพวกนี้ครั้งแรกก็จากตอนที่เรียน History of Art / History of Architecture ซึ่งเรียนเป็นภาษาอังกฤษล้วน ๆ เลยคุ้นชื่ออักษรโรมันในแบบภาษาอังกฤษมากกว่า (สมองจำแบบนี้ไปแล้ว ^^”) พอเห็นชื่อที่เขียนด้วยภาษาไทยก็จะประมวลผลช้าหน่อย พอดีอันนี้เป็นบล๊อกส่วนตัว จขบ. ขออนุญาตเขียนแบบที่ตัวเองถนัดแล้วกัน





Link -->
LEARN ITALIAN: How to Pronounce Italian City Names ft. Rome Inside


(English section) . . . เนื่องจากมังงะเรื่องนี้มีการดำเนินเรื่องในอิตาลี ตัวละครเกือบทั้งหมดก็เป็นคนอิตาลี เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน จขบ. ก็จินตนาการว่าเค้ากำลังสนทนาด้วย “ภาษาอิตาลี” กันอยู่ นี่ จขบ. ถึงกับเสาะหาว่าพวกชื่อต่าง ๆ เนี่ยชาวคนอิตาลีตัวจริงเค้าเขียนตัวสะกดและออกเสียงกันยังไงเลยนะ (เป็นเอามากเนอะ 55) คลิปข้างบนนี้มีตัวอย่างการออกเสียงชื่อเมืองในอิตาลีที่มีในมังงะ (สาวที่ใส่แว่นนั่นเป็นชาวโรมันแต้ ๆ) เมือง “Venezia” นาทีที่ [2:25] ส่วน “Firenze” นาทีที่ [2:57] อิตาเลี่ยนเป็นภาษาที่ไพเราะดี ถ้าใครสนใจฟังทั้งคลิปเลยก็ได้




. . . . .











Create Date : 08 มีนาคม 2566
Last Update : 12 เมษายน 2567 13:01:29 น. 46 comments
Counter : 3597 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณtoor36, คุณhaiku, คุณโอพีย์, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณกะว่าก๋า, คุณเริงฤดีนะ, คุณThe Kop Civil, คุณชีริว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณLittleMissLuna, คุณRain_sk, คุณkae+aoe, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณอุ้มสี, คุณNENE77, คุณกาบริเอล, คุณดอยสะเก็ด, คุณนายแว่นขยันเที่ยว


 






โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 8 มีนาคม 2566 เวลา:19:30:52 น.  

 
มาอ่านเคยมีด้วยล่ะ
น่าอ่านน่าสนใจมาก


โดย: อุ้มสี วันที่: 8 มีนาคม 2566 เวลา:19:56:25 น.  

 
จะมาเจิม แต่ไม่ทัน เดี๋ยวมาอีกที


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 8 มีนาคม 2566 เวลา:20:21:34 น.  

 
ภาพสวยตัวเอกน่ารัก ไม่ถึงขั้นโมเอะ แต่อยู่ในแบบที่ผมชอบนะ งานภาพในฉบับมังงะ ละเอียดดี เขาใส่ใจรายละเอียดของฉากหลังมากๆ พอๆ กับคนวาด เอ็มม่า ลํานํารักข้ามวรรณะ เลย งานละเอียดมาก

ผมชอบมากเลยนะ การ์ตูนที่เอาสถานที่จริงมาอ้างอิง มันทำให้การ์ตูนดูมีมิติดี สำหรับฉบับอนิเมอยากดูครับ แต่ลุ้นให้ทาง Muse Thailand เอามาทำซัพ ไม่ผมขี้เกียจนั่งอ่านซับอังกฤษครับ (อ่านแล้วต้องแปลในใจเราอีก) ถ้าไม่ใช่เรื่องที่อยากดูจริงๆ ผมยอมรอครับ เดี่ยวนี้บางทีซับไทยผมยังดองไว้ก่อนเลย ดูแบบซับมันก็ดี ได้อารมณ์แบบที่ต้นฉบับต้องการสื่อ แต่มันทำอย่างอื่นไปด้วยเลยไม่ได้จริงๆ ต้องจ้องซับตลอด

[cd-01] Love Art…Love ARTE ยิ้มน่ารักดีนะ นางเอกหลายๆ เรื่องก็ชอบยิ้มแบบนี้


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 8 มีนาคม 2566 เวลา:21:34:32 น.  

 
นักเขียนคนนี้วาดสวย เรื่องนี้น่าจะไม่มีในไทยใช่มั้ย? ไม่คุ้นเลย ยุคเรอเนสซองส์เลยทีเดียว พวกคนญี่ปุ่นเก็บข้อมูลอะไรพวกนี้เขาทำกันจริงจังนะ เคยได้ยินมาว่าเมืองในฮอกไกโด ไปลอกแบบพังเมืองของจีนมา จนจีนยังต้องมาดูพังเมืองสมัยก่อนที่ญี่ปุ่นเลย



โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 9 มีนาคม 2566 เวลา:10:45:22 น.  

 

บล๊อกนี้เนื้อหามันเยอะจริง ๆ

กว่า จขบ. จะกลับมาเขียนต่อจนเสร็จกินเวลาตั้งหลายวัน ^^"



โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 11 มีนาคม 2566 เวลา:12:50:28 น.  

 
ชื่อ อาร์เต น่าจะมีรากศัพท์มาจากคำว่า ART เลยนะครับ
เป็นมังงะที่ใช้เวลาเขียนนาน 10 ปี
สุดยอดมากๆเลยครับคุณทุเรียน

ฉากหลังเป็นเมืองแห่งศิลปะด้วย
คนชอบศิลปะน่าจะชอบมังงะเรื่องนี้ได้ไม่ยากเลย





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 มีนาคม 2566 เวลา:18:57:31 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับคุณทุเรียน



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 มีนาคม 2566 เวลา:5:30:08 น.  

 
สวัสดีครับคุณทุเรียนกวน
.
อัพบล็อกตรงวันเลยครับ ผมล่ะมาอ่านเลท
เรื่องนี้เหมือนจะเคยเห็นผ่านตา(จากที่ไหนไม่รู้)
ยังไม่เคยอ่าน แต่น่าสนุกดีครับ
อาร์เต เป็นมู้ดผู้หญิงแถวหน้าเลยครับ พล็อตก็มีความเป็นดรามา(ดี)ด้วย ฉากก็สวย ชอบภาพในนิทรรศการด้วยครับ
.
แว้บแรกเห็นเป็นธีมเรอเนสซองส์ ทำให้นึกถึงการ์ตูน คุณหญิงมงกุฎดอกไม้ ของ อ.ไซโตะครับ แต่พล็อตคนละอย่างกันนะครับ
.
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมบล็อกและส่งกำลังใจครับ
เดี๋ยวมาคุยอีกครับ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 12 มีนาคม 2566 เวลา:13:13:10 น.  

 
ยังไงผมก็ชอบดูยูทูปมากกว่า มันสะดวกกว่า ผมคงดูในบิริก่อนตอนนึงครับ ถ้ามันโอเคค่อยดูต่อ (แบบเรื่องอาเคบิจัง) ถ้าไม่ได้ติดมากอาจดองไว้ก่อน


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 12 มีนาคม 2566 เวลา:19:11:01 น.  

 
เรื่องนี้ใหม่เกินจะเอามาลงในบล็อกนี้นะครับ คือปกติต้อง 80s-90s อะ อันนี้มันไม่ใช่อะกิ๊ฟต์

ชื่อเรื่องก็โมเดิร์นมาก "อาตี๋"
ยังไม่เคยอ่าน (ก็ไม่มีภาษาไทยอะ) แต่น่าอ่านเหมือนกันนะ อยากเข้าไปสัมผัสอิตาลียุคเรเนซองค์
อิตาลีเคยไปแค่โรมกับพวกชายฝั่งตอนใต้ เวนิสกับฟลอเรนซ์ยังบ่เคยไป
ไม่ค่อยรู้ประวัติฝั่งยุโรปเลย ว่าก่อนมาเป็นประเทศโน่นนี่นั่น แต่ก่อนมันเป็นอาณาจักรอะไร มันแบ่งกันยังไง
คือความทรงจำสิ้นสุดแค่คอนสแตนติโนเปิลล่มสลาย

ลายเส้นสวยนะครับเรื่องนี้ AI ทำภาพ 3D เนียนกริ๊บขึ้นเรื่อยๆ แต่คงอีกนานกว่าจะวาดมังงะได้จริงๆ
ดีนะอาตี๋ตัดแค่ผม ถ้าทำหน้าอกด้วยต้องบินมากรุงเทพอีก
ส่วนละครไทยสอนว่าเราสามารถสละความเป็นหญิงได้ด้วยการติดหนวดปลอมครับ

ชอบภาพเรฟกับของจริงมาก พวกโบสถ์หรือวังสภาพใกล้เคียงของเดิม ส่วนบ้านเรือนเขาก็ใกล้ยุคนี้มากจริงๆ
บ้านเมืองเขา 500 ปีก่อนก็ดูเจริญสวยงามแล้วนะครับ เทียบกับยุคเราเพิ่งอยุธยาตอนต้นเลย


โดย: ชีริว วันที่: 12 มีนาคม 2566 เวลา:21:17:13 น.  

 
ผมชอบเมืองต่าง ๆ ที่เอามาเปรียบเทียบกันระหว่างภาพการ์ตูนกับภาพจริง สวยงามมากครับ
ที่น่าทึ่งเลย คือ มังงะเรื่องนี้ 10 ปีแล้วด้วย สุดยอดครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 13 มีนาคม 2566 เวลา:14:03:47 น.  

 
กลับมาอีกที บล็อกนี้เจ๋งอะ

มีข้อมูลที่อัพเพิ่มนี่อย่างเจ๋งเลย ข้อมูลในการ์ตูนมันไม่เจ๋งเท่าข้อมูลเสริม โดยอิงจากในการ์ตูนหรอกนะ มันเหมือนการต่อยอดความรู้เดิมที่มีอยู่

พูดถึงอิตาลีนึกถึงฟุตบอล กับพวกสิ่งก่อสร้างหลายๆ แห่งในประเทศไทย การแต่งงานสมัยก่อนกับเดี๋ยวนี้ต่างกันมาก แม้ว่าหลายๆ คนจะชอบยุคสมัยก่อนมากแค่ไหน แต่ให้ย้อนไปอยู่เชื่อเถอะ ส่วนมากไม่เอาหรอก โดยเฉพาะผู้หญิง


ที่มาคุย
ูเราไม่มีหลักฐานในเรื่องนี้ว่าเขามีหรือไม่มี ต้องดูสภาพแวดล้อมและปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบ ความคิดที่ว่า เขาอาจมี Ver. อังกฤษ ใช้ไม่ได้เสมอไป ต้องดูด้วยว่าปกติแล้วเขาสนใจหนังสือประเภทการ์ตูนมากน้อยเพียงใดด้วย เราก็ไม่อยากสรุปว่าเขาเป็นแบบในคลิปนี้ ตรงๆ เลยเราตามโลกไม่ค่อยทันเท่าไหร่ ต้องคุยกับหลานๆ ให้มากกว่านี้หน่อย จะได้ตามโลกนี้ทัน

https://www.youtube.com/watch?v=A4C1MnGZ32s


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 13 มีนาคม 2566 เวลา:17:33:04 น.  

 
ฝรั่งเค้าศึกษาแนวคิดตะวันออกเยอะนะครับ
แถมศึกษาอย่างจริงจังด้วย
อย่างเต้าเต๋อจิง คัมภีร์โบราณของจีน
ผมอ่านหนังสือแปลของฝรั่งหลายเล่มมาก
เค้าเอามาวิเคราะห์ให้เข้ากับการทำธุรกิจ
การเลี้ยงลูก แม้แต่ความรักก็มีครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 มีนาคม 2566 เวลา:19:34:25 น.  

 
มาอย่างละเอียด! ยอมรับเถอะว่าท่านก็คือคนแก่เช่นเดียวกัน!
แควนๆ มาโดกะหรือหมัดดาวเหนือเนี่ย มันต้องแก่กว่าแฟนสแลมดังค์สิ!!

ก่อนหน้าสแลมดังค์ไม่ค่อยรู้จักผลงาน อ.อิโนะอุเอะเลยครับ รู้แค่การ์ตูนบาสเรื่องก่อนมีรุคาว่าเป็นตัวเอก
เอาจริงๆ ตัดซากุรางิกับรุคาว่าที่เด่นอยู่แล้วออก ผมอยากให้จับมิสึอิเป็นตัวเอกน่าจะเล่าดราม่าที่คนอินได้ง่ายกว่า แค่ฉาก "ผมอยากเล่นบาสครับ" ก็ชนะเลิศแล้ว
แต่ในการ์ตูนปลายทางเฮียก็ไม่ได้รุ่งเท่าเรียวตะเนอะ เสียเวลาไปเป็นเด็กเกซะนานเลย
ในหนังตอนท้ายไม่ค่อยชอบฟิลเลอร์ที่ให้ซาวาคิตะไปเจอเรียวตะที่เมกาเลยครับ เรียวตะเนี่ยนะไปเมกา??? อัพแรงค์ไวไปไหน?!! end credit ก็ไม่ใช่สิ่งที่อยากรู้อีก เอาจริงจะมีใครสนใจดราม่าบ้านมิยางิสักกี่คน แต่มันก็เป็นแกนเรื่องอะเนอะ


ญี่ปุ่นคือฟังไม่รู้เรื่องแน่นวลครับ แต่เจอบล็อเกที่เอาคลิปนี้มาแปะ
เลยแปะไปถามเพื่อนที่จบจากญี่ปุ่นให้คอนเฟิร์มว่าบล็อกนั้นไม่แปลมั่วนา
เพิ่งไปไล่ดูคอมเมนต์ในคลิปมีมาคุยกันแบบละเอียดๆเหมือนกันแฮะ


โดย: ชีริว วันที่: 13 มีนาคม 2566 เวลา:22:19:56 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับคุณทุเรียน



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 มีนาคม 2566 เวลา:5:29:55 น.  

 
อืม..
นึกว่ามีแต่ในอินเดียมี่ปู้หญิงต้องจ่ายสินาอด
เป็นความรู้ใหม่จริงๆค่ะ
click ดู Clip แล้ว น้องเอกArte ผมสั้นยุ่งปาน Tomboy
ต่าโตน่ารักๆเชียว เห็นแวบแรกก็ชอบเธอเลยค่ะ
นอกจากเปฌนเรื่องโปรดของคุณทุเนียนกวนฯ
พอเอามานำเสนอในEntry นี้
คิดว่ามีคนหลงรักมังงะเรื่องนี้เพิ่มขึ้น
ไม่เฉพาะคนที่รักศิลปะแต่เพียงอย่างเดียว


Background พื้นหลังในที่ต่างๆ
อจ.เก็บละเอียดดีมากเลยนะคะ
ละเมียดจริงๆ..อ่านรอบ 2 รอบไม่พอ
ต้องแวะมาเยี่ยมอีกและอีก



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 14 มีนาคม 2566 เวลา:8:07:35 น.  

 
นางเอกArte.*


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 14 มีนาคม 2566 เวลา:8:08:34 น.  

 
ขอบคุณมากนะคะที่แวะมาเยี่ยมและทักทายบล็อกเรา เราเกือบไม่เห็นแล้ว เพราะบางทีก็ไม่ได้เข้ามาดูบล็อกตัวเองเท่าไหร่ ดีใจที่มีเพื่อนมาเม้นในบล็อกเพิ่มอีกคนค่ะ ว่าง ๆ ก็มาพูดคุยกันนะคะ ตามดูบล็อกคุณทุเรียนมาสักพักแล้วเหมือนกันค่ะ แต่เราไม่ค่อยถนัดเปิดเม้นทักใครก่อนเท่าไหร่ แต่จำได้ว่าคุณทุเรียนเขียนละเอียดเหมือนมากกันเกี่ยวกับการ์ตูนแต่ละเรื่อง ชื่นชมความตั้งใจและความชื่นชอบส่วนตัวของคุณนะคะ

เราก็ชอบการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่องเหมือนกันค่ะ สตูดิโอ Ghibli แล้วก็การ์ตูนค่ายอื่นของญี่ปุ่นหลาย ๆ เรื่องเลย เดี๋ยวคราวหน้ามีเวลาก็คิดว่าจะเขียนเกี่ยวกับการ์ตูนญี่ปุ่นบ้างเหมือนกันค่ะ

เม้นบล็อกคุณทุเรียนนะคะ เราชอบลายเส้นเรื่องนี้จังเลยค่ะ สวยดี เรารู้สึกว่า การ์ตูนญี่ปุ่นดีตรงที่คนเขียนเค้าชอบวัฒนธรรมอะไร เค้าจะศึกษาลึกซึ้ง เก็บรายละอียด แล้วมาวาดมาแต่งเป็นการ์ตูนเรื่องนี้ค่ะ ที่สำคัญคือ สอดแทรกข้อคิดอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนที่คุณทุเรียนว่าไว้ด้วย ช่วงนี้เราก็ติดอ่านการ์ตูนเรื่องนึงเหมือนกัน เป็นการ์ตูนเกี่ยวกับชนเผ่าที่อยู่แถบตะวันออกไกล ชื่อเรื่องเจ้าสาวเส้นทางสายไหมน่ะค่ะ พูดถึงเรื่องวิถีชีวิตของคนในแถบนั้นได้ละเอียดดี อ่านแล้วเปิดโลกมากค่ะ

ตอบที่คุณทุเรียนมาเม้นบล็อกนะคะ จริงค่ะ สองค่ายนี้เค้าแข่งกัน แต่ก็ขยันสร้างความแตกต่างของกลุ่มเป้าหมายด้วยค่ะ ถูกต้องเลยที่คุณทุเรียนพูดถึงฉากการตายของตัวร้าย เค้าจะมีวิธีการเซนเซอร์ด้วยบท ด้วยการสร้างฉากไม่ได้เห็นเลือดไม่ให้เห็นความรุนแรงค่ะ เพราะติดเรทแล้วจะขายเด็กไม่ได้

เรากรี๊ดฝีมือแต่งเพลงของคุณ Hans Zimmer เหมือนกันค่ะ แกแต่งให้โปรดัคชั่นหลายค่ายมาก ดนตรีประกอบใน Tarzan หรือ Pirate of the Caribbean ก็ใช่ฝีมือแกค่ะ เพราะสุด ๆ บางทีเรายังชอบเปิดพวก ost ในยูทู้บฟังเล่นเลยค่ะ ส่วนเรื่องคุณปั่น เราชอบเสียงคุณปั่นเหมือนกันค่ะ เสียงแกแหบ ๆ แต่มีเอกลักษณ์ดี เท่ด้วย


โดย: LittleMissLuna วันที่: 14 มีนาคม 2566 เวลา:18:43:51 น.  

 
เอ๊ย ดนตรีในเรื่อง Tarzan เป็นฝีมือคุณ Phil Collins ค่ะ จำผิด ๆ โทษที 55555


โดย: LittleMissLuna วันที่: 14 มีนาคม 2566 เวลา:18:46:29 น.  

 
ขอคอมเม้นต์อีกครั้งหลังจากที่ได้ดูเรื่องนี้ไปแล้ว 5 ตอนครับ อาร์เตหญิงสู้ชีวิตจริงๆ แต่ก็เข้าใจได้ว่าต้องการพิสูจน์ตัวเอง แล้วก็พิสูจน์ได้สำเร็จด้วยนะ แต่ยุคก่อนค่านิยมอะไรหลายๆ อย่างมันไม่เหมือนปัจจุบัน จะว่าไปยุคก่อน ทางยุโรปล้าหลังไม่ต่างจากทางเอเชียเลย มาที่ปัจจุบันญี่ปุ่นที่ดูก้าวหน้า แต่สิทธิสตรีกลับตรงกันข้ามเลยครับ

งานภาพภาพเปิดตัวบล็อกนี้อย่างงามเลย งานมังงะดูละเอียดกว่ามาก ก็เข้าใจได้ครับว่าอนิเมงานภาพบางส่วนจะถูกลดทอนลง เหมือนอาเคบิจังน่ะแหละ แต่ในอนิเมอาเคบิจังบางจุดที่เขาเน้นก็เน้นจริงจัง ภาพสวยขึ้นก็มี

ตอนนี้ที่ผมดูเจอแค่ เวโรนีก้า แถมเป็นเพื่อนกันแล้วด้วย กับอูแบร์ตีโน ส่วนแองเจโลกับพี่น้องยังแค่แวปๆ ผมชอบเกล็ดความรู้ทิ้งท้ายนะ มันดูทุ่มทุนสร้างมาก (ในการเขียนบล็อก) ทั้งที่ไม่มีก็ได้ แต่มีไว้ก็เป็นความรู้ที่น่าติดตามครับ เวลาเรียนตามโรงเรียนเกี่ยวกับยุคเรอเนสซองส์ เราไม่ได้เรียนรู้อะไรพวกนี้หรอก ปัจจุบันการแต่งงานขอชนชั้นสูงก็ยังเป็นลักษณะนั้น คือ แต่งทางการเมือง พวกพ่อค้าชั้นสูง หรือเจ้าสัวอะไรพวกนี้ก็เป็นไปในลักษณะนั้น จริงๆ เรื่องแบบนี้น่าจะมีมาในทุกประเทศ จีนนี่ชัดเจนเลย ส่วนเรื่องครอบครัวเจ้าของสาวเป็นฝ่ายที่จำเป็นต้องให้สินสอดอินเดียเป็นครับ ว่าด้วยเรื่องสินสอดผมมองว่าปัจจุบันเป็นภาระกับคนหนุ่มสาวมาก บางบ้านแต่งงานกันฝ่ายชายต้องไปกู้มา แล้วฝ่ายหญิงตอนแรกบอกแค่โชว์ ไปๆ มาๆ พ่อแม่เอาไปหมด ไปขอคืนก็ไม่ยอมบอกเป็นค่าน้ำนม สรุปผู้ชายมันออกมาจากกระบอกไม้ไผ่ กลายเป็นเป็นหนี้สินอีก เริ่มต้นชีวิตใหม่แบบติดลบ แค่เริ่มก็นรกแตกแล้ว หลายคู่ที่เจอลักษณะนี้จบลงที่ไม่รอดแทบทุกคู่ครับ

อิตาลีภาษาเขาไพเราะ ผมลองฟังคลิปเปรียบเทียบภาษาในแถบยุโรปโดยเอาคนแต่ละชาติมาพูดคำคำเดียวกันในภาษาตัวเอง เจอภาษาเยอรมันเข้าไปทีนี่ ฉีกและแหวกมากๆ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:12:17:22 น.  

 
เราตามไม่ค่อยทันเขารึวีทูปเบอร์ (มั้ง) เห็นเด็กๆ เรียกกันแบบนี้ เห็นเขาบอกเหมือนแบบฟูมิจังของฟาร์มเฮาท์ เพลงแปลกๆ ร้องแค่ พวกขี้โม้


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 17 มีนาคม 2566 เวลา:8:02:59 น.  

 
ร้านใช้ชื่อเดิมครับคุณทุเรียน

ตอนเปิดแรกๆ
ยังไม่ได้แจ้งใครเลย
แต่หลายคนพอรู้ข่าว
ก็ช่วยกระจายข่าวให้ครับ 555

บริษัททัวร์หลายแห่งก็ยังไมเ่ปิดครับ
ผมยังติดต่อไม่ได้ก็หลายแห่งเลย

ร้านค้าเองก็ปิดถาวรไปหลายเจ้าด้วยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มีนาคม 2566 เวลา:16:36:32 น.  

 

สวัสดีครับคุณทุเรียน



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มีนาคม 2566 เวลา:9:34:33 น.  

 
จากบล็อกเราที่เราลงแหล่งข่าวเขาว่างั้น ก็รอดูกันไปว่าจะเป็นไง ตอนนี้ก็ยังไม่ยุบนะ แค่มีข่าวแล้วก็เลื่อนไปมา แต่ที่แน่ๆ ไม่ยุบพรุ่งนี้แน่นอน เพราะเคยมีนักข่าวสถามแล้ว ยุบวันเกิดแกคนเฮทั้งแผ่นดินแน่ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เป้นแค่ข้อมูลดิบล่ะนะ

เรื่องที่ยากสำหรับการเมืองไทย ยิ่งในช่วงนี้คือ ข่าวสารเปลี่ยนแปลงเร็วมาก เรียกได้ว่าต้องดูกันวันต่อวันแล้วตอนนี้


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 20 มีนาคม 2566 เวลา:14:41:00 น.  

 
สวัสดีครับ
หุยยย บล๊อกนี้นอกจากมังงะอาร์เตแล้ว ยังได้อ่านประวัติศาสตร์ยุโรปด้วยครับ
แต่ workshop สำหรับผมนี่เรียกว่า ห้องเชือดก็ได้ครับ 555555 เพราะต้องเข้าทีไร วุ่นวายทุกที
ชื่อตัวละครฝรั่งเศล อิตาลี่มากเลย ผมอ่านไม่ออกแน่ๆ ถ้าไม่มีภาษาไทย
เรียกว่าเรื่องนี้เข้ากับวันสตรีสากลมาก ๆ ครับ
เพราะเอาจริงๆ ในยุคนั้น ผู้หญิงกับการเป็นศิลปินนี่ ยากมากครับที่จะได้รับการยอมรับ
ผมเห็นสายเส้นและบรรยากาศของมังงะนี้แล้วนึกถึง Assassin creed เลย
ซึ่งมันน่าจะเป็นช่วงเดียวกันนะครับ ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่เก่งประวัติศาสตร์เลย 555
ภาพสีหน้าปกสวยมากครับ น่าเก็บน่าสะสมมาก

เห็นผมเป็นคนไม่ศิวิไลซ์แบบนี้ แต่ผมก็ชอบไปเที่ยวปราสาทนะครับ
ปราสาทที่ไม่ใช่ปราสาทเทพโพไซดอน แถมห้วยขวางอ่ะครับ เย้ยยยยย
อ่ะนั่นแหละ จริงๆ ผมชอบเดินดูปราสาทเก่า เมืองเก่าๆ งี้ครับ

บล๊อกนี้ข้อมูลแน่นๆ สาระเน้นๆ อยากจะกลับมาโหวตทุกวันติดต่อกัน 10 วันเลยครับ
แต่อ้าววว มันทำไม่ได้....เอาเป็นว่า ผมชอบมากครับ สุดยอดมาก










โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 20 มีนาคม 2566 เวลา:15:31:35 น.  

 
หุหุหุ ในที่สุดมันก็ประกาศยึบซะที เรื่องมันส์ๆ ยังไม่จบหรอก รอดูได้เลยการเมืองบ้านเราเปลี่ยนแปลงไวมาก


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 20 มีนาคม 2566 เวลา:16:08:29 น.  

 
สวัสดีครับคุณทุเรียนกวน
.
ขอโทษที่แวะมาเลทได้โล่ห์
ช่วงขลุกกับงานก็เหมือนถูกดูดเข้าห้องต่างมิติ อิอิ
ขอบคุณที่แวะไปเข้าครัว ส่งกำลังใจครับ
.
เมนูปิดเทอมกับครัวไม่มีเด็ก
เลยเป็นเมนูเอาใจตัวเองไป 55
.
junk food ล่าสุดที่ผมกินก็ texas ครับ
ลูกกลมๆ ที่เป็นขนมปังอ่ะ
.


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 21 มีนาคม 2566 เวลา:13:05:53 น.  

 
ผมพึ่งดูเรื่องนี้แบบอนิเมจบครับ คาตารินาแบบอนิเมน่ารักกว่านะ ไปๆ มาๆ ไปเป็นกึ่งๆ พี่เลี้ยงเด็กซะงั้นอะ ในอนิเมจบแค่กลับมาร่วมมือกันสร้างสรรค์ภาพเท่านั้นเอง ถ้ามีภาคต่อน่าจะดีนะครับ ผมไม่ได้อ่านแบบหนังสือการ์ตูน เลยไม่รู้ว่าเรื่องราวมันถึงไหน ประเมินไม่ออกเลยว่ามีโอกาสมีภาคต่อๆ ไปเมื่อไหร่ (ถ้าจะมี)


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 22 มีนาคม 2566 เวลา:12:47:52 น.  

 
มังงะอิตาลี สุดยอดเลยนะคะ

ปล.ซี ม.2 ค่ะ เข้าค่ายส่งท้าย จะขึน ม.3
ตอน ม.1 ไม่ได้ไป ร.ร.ก็ลืมๆ เหมือนกันค่ะ น่าเสียดายเวลาจังนะคะ
ตอนประถมเคยไปค่ายต่างจังหวัดมาบ้างค่ะ แต่เป็น ร.ร เอกชน ไปแบบนอนแอร์สบาย นี่เป็นครั้งแรกที่ไปลำบาก 5555 แม่ชอบ ลูกบ่นมากมายเลยค่ะ


โดย: kae+aoe วันที่: 24 มีนาคม 2566 เวลา:13:17:09 น.  

 
เริ่ดมากกกกกจ้า


โดย: อุ้มสี วันที่: 25 มีนาคม 2566 เวลา:6:12:07 น.  

 
โอ้ ถ้าแสลมดังค์มี The First, The Second,... ไล่จนครบทุกคนเลยก็เลิศครับ แต่เอาแมทช์ซังโนมาใช้ ไปแล้ว ท่าจะยากแล้ว

ช่วงนี้สองอาทิตย์มาอ่านบล็อกที น่าจะเป็นมะเร็งดองบล็อกระยะสุดท้าย


โดย: ชีริว วันที่: 25 มีนาคม 2566 เวลา:9:21:29 น.  

 
ที่ไปคุย
บางคน รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก บางคนหลอกตัวเอง มีเยอะ


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 25 มีนาคม 2566 เวลา:9:22:57 น.  

 
สวัสดีครับคุณทุเรียนกวน
.
ชอบมุกเหนือฟ้า เหนือมาช้าครับ ^^
ผมเองนะ บางทีหลายครั้ง
เพราะนาทีนั้นสมองเบลอแล้ว อ่านอะไรก็ไม่เข้าหัวครับ 55
.
พูดถึงโนบิตะแล้ว
ผมยังไม่ได้ดู Stand By Me2 เลยอ่ะ
คือช่วงสถานการณ์โควิดไม่ได้เข้าโรงหนังเลยถาวร
อดดูหลายเรื่องเลยครับ
.
ขอบคุณกำลังใจด้วยนะครับ


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 25 มีนาคม 2566 เวลา:23:59:06 น.  

 
คนหลอนเยอะ หลอกตัวเองกันเยอะ


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 27 มีนาคม 2566 เวลา:16:01:18 น.  

 
อาร์เต ชื่อเท่ดีนะว่าไป ลายเส้นในมังงะสวยนะ
ชอบที่บทของผู้หญิงเยอะ และมีหลายคนเลย
สมัยก่อนผู้หญิงนี่ไม่ค่อยได้ทำอะไรตามใจเลยเนาะ
แถมแต่งงานก็ต้องหาสินสอดเองอีก
วาดฉากหลังสวยและละเอียดดี วาดด้วยมือด้วยสวยดูมีเสน่ห์

พอมาเป็นอนิเมะลายเส้นก็ยังสวยใส่สีสันลงไป
ทำให้อาร์เตดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเลย

เรื่องนี้ยังไม่เคยอ่าน แต่มีแปลไปหลายภาษาแบบนี้
ต้องสนุกอย่างที่ทุเรียนว่ามาแน่ๆค่ะ



โดย: NENE77 วันที่: 28 มีนาคม 2566 เวลา:22:49:37 น.  

 
จากบล๊อก

ขอบคุณความรู้เรื่อง Assassin Creed นะครับ 555 ผมก็มั่วยุคไปหมด เห็นชุดมันฟูๆ เหมือนกัน เหมือนที่อาจารย์เคยสอนแล้วผมชอบนั้่งหลับเลยครับ ว่ายุคที่ศิลปะพัฒนาคือยุคนี้บ้านเมืองสงบ ช่วงไล่ฆ่ากันไม่มีใครมีอารมณ์หร๊อกกกก

ผมอ่ะไม่กลัวเข็ม ไม่กลัวเลือดครับ
แต่เพื่อนเนี้ย ทีแรกก็คิดว่ามันไม่กลัว มันก็บอกว่าไม่กลัว
แต่พอผมเกิดอุบัติเลือดอาบต้องเย็บแผล เพื่อนเอาไป รพ ยืนเฝ้า แล้วไปเดือดเป็นร้อนกับแผลผมมาก ส่วนผมก็ร้องไปเถอะ 55555 พอหมอเย็บแผล เพื่อนก็ยังยืนอยู่นะ แต่หันไปอีกทีหายไปละ เป็นลมครับ 5555


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 29 มีนาคม 2566 เวลา:16:00:44 น.  

 
งานวาด งานข้อมูล ของผู้แต่งชวนให้ตามรอย
ไม่ก็ดึงดูดให้อยากไปค้นข้อมูลต่อเลยอ่ะ ละเอียดแต๊
พร็อตเรื่อง ผู้ดีตกยากนี่เห็นบ่อยนะ โดยเฉพาะฝั่งนางเอก
แล้วสังเกตว่า ต้องเป็นคนที่มีสีผมเฉดอ่อนอีกด้วยนะ จงใจแหง

Arte ตัดผม แล้วจะอยากตัดหน้าอกเหรอ
ไม่แน่ใจจากตรงนี้ --> (แถมเกือบจะตัวหน้าอกตัวเองด้วย ^^”)

บทบาทผู้หญิงยุคก่อน ๆ เห็นแล้วไม่อยากย้อนเวลาเลย
ดูมีข้อจำกัดเยอะ แถมต้องลุ้นชีวิตกับคู่ครองด้วยอ่ะดิ หนักเลย
ได้คู่ดีก็โชคดีไป แต่ส่วนมากจบที่เป็นม่าย เพราะความห่างของ
อายุ....ไหนจะเรื่องสินสอดที่อาจขอคืนไม่ได้ กรี๊ดดด ขอเปิด
เพลง I want to break free ดัง ๆ ปลอบใจก่อนนะ

ยุคเฟื่องฟูของศิลปะช่วงนั้น การรับนักเรียน การเรียนการสอน
การฝึกงานนี่เขามีออกมาเป็นกฏกติกาที่ชัดเจนเลยเนาะ นับว่า
สร้างมาตรฐานไว้นานมาก (เอ๊ะ ถ้าเทียบไทม์ไลน์กับสยามแล้ว
เราอยู่ในยุคไหนเนี่ย)



ได้ฤกษ์เข้าบล็อกอย่างเป็นทางการซะที 555
ว่าละ จขบ. น่าจะลงอะไรเกี่ยวกับวันสตรีสากลแน่ ๆ
เอ๊ะ เป็นวันเกิดด้วยป่ะ ถ้าใช่ก็ Happy belated birthday น่อ
ขอให้ได้ตื่นมาเปิดหน้าต่างแล้วเจอมหาวิหารฟลอเรนซ์สักวัน




โดย: กาบริเอล วันที่: 9 เมษายน 2566 เวลา:12:47:27 น.  

 
เอ้อ พอฟังชื่อเมืองในภาษาเดิม
ก็นึกถึงลุง Andreano ที่เคยเจอบนรถไฟ
แกเคยแนะนำตัวเองว่ามาจาก Roma เลย
แบบว่าข้าจะเรียกงี้ ไม่รงไม่โรม อะไรทั้งนั้น 555


โดย: กาบริเอล วันที่: 9 เมษายน 2566 เวลา:12:53:43 น.  

 
จากบล็อก

ร้ายกาจ รู้ 512 ด้วย กรณีพ้องเสียงลักษณะนี้ค่อนข้างแอดวานซ์แล้วครับ พ้องบ้างไม่พ้องบ้าง บางทีผมรู้สึกเสียงเพี้ยนมากเกินไป ผมอาจความรู้ไม่ถึงขั้นก็ได้ คงคล้ายคนต่างชาติที่งงกับภาษาของเรา


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 เมษายน 2566 เวลา:17:24:05 น.  

 
สวัสดีครับคุณทุเรียนกวน
.
ขอบคุณที่ไปคุยที่บล็อกครับ
พอทักปุ๊บ เห็นภาพเลยครับ ^^
แต่ส่วนตัวชอบภาพคนกับชิมแพนซีภาพท้ายๆ มากกว่าครับ
งาน อ.เรโกะ ชิมิสึ นี่ไซไฟเป็นหลัก รักเป็นรอง
อีกเรื่องยาวที่อ่านจบล่าสุดก็ Top Secret ครับ สนุกมากเลย
ไว้หาเวลาทำรีวิว (ซึ่งยังไม่รู้เมื่อไหร่ ฮือ)

นึกถึงตอนที่อ่านแบบญี่ปุ่นครั้งแรก
ช่วงนั้นสมองสับสนอยู่เหมือนกัน อิอิ
เพราะเดิมถนัดแบบเก่ามาตลอด ตอนนี้ชินแล้ว


โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 12 เมษายน 2566 เวลา:11:59:31 น.  

 
สุขสันต์วันสงกรานต์ล่วงหน้า


โดย: โลกคู่ขนาน (สมาชิกหมายเลข 7115969 ) วันที่: 12 เมษายน 2566 เวลา:14:37:40 น.  

 
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ

ข้อคิดจากพวกนิทานต้องยอมรับนับถือคนแต่งจริงๆ
ข้อคิดหลายอย่างใช้ได้ทุกยุคสมัยค่ะ



โดย: NENE77 วันที่: 13 เมษายน 2566 เวลา:11:09:27 น.  

 
ตอนผมอยู่จีน ผมเคยสัมผัสประสบการณ์หลายๆ แบบครับ
- ไปเที่ยวที่คนเยอะๆ แต่ไม่เวอร์แบบในภาพที่เราเห็นในเน็ต ก็แย่งกันนะ แต่ไม่รุนแรงมาก แต่มองด้วยตาก็รู้แหละว่าสถานการณ์ไม่ปกติ
- เที่ยวในที่ที่คนไม่เยอะ อันนี้สบายๆ แถมพูดคุยกับคนจีน พวกเขาก็เฮฮา ชมกันเองว่าพวกเราฉลาดที่มาเที่ยวที่นี่ คนไม่เยอะ (ฮา)
- เดินเล่นในเมือง อันนี้ก็สบายๆ ครับ ชิลๆ
- นอนอยู่บ้าน กลิ้งไปมา

ร้านค้าผมเห็นเปิดแทบเหมือปกติมีบางร้านที่ปิดบ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมาย พวกเขาน่าจะถือคติว่า "นี่เป็นช่วงนาทีทองของพวกข้าที่จะทำกำไรว้อย!!" น่าจะคิดแบบนั้นกัน ร้านอาหารก็เช่นกันครับ คิดแบบเดียวกันส่วนมากเปิด คนก็มีทั้งเยอะและไม่เยอะ เลือกๆ ร้านเอา ร้านไหนคนเยอะเราบอกผ่าน โรงอาหารในมหาวิทยาลัยเปิดแค่ชั้นล่างชั้นเดียว (โรงอาหารมี 2 ชั้นน่ะ) แต่ขายเต็มพื้นที่นะ และคนก็ยังใช้บริการเยอะเหมือนเดิม

โรงอาหารของเขาเปิดขายคนภายนอกด้วย แต่คนนอกเวลาซื้อจะราคาแพงกว่านักศึกษาอย่างเราๆ ซื้อ เวลาเติมเงินลงบัตร 100.- หยวน นักศึกษาจะได้มูลค่า 100.- หยวน แต่คนนอกจะได้แค่ 85.- หยวนครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 15 เมษายน 2566 เวลา:18:23:00 น.  

 
วั้ย! ดองเกินเเดือนแล้วนาย
สงกรานต์ไปเที่ยวไหนป่าว


โดย: ชีริว วันที่: 17 เมษายน 2566 เวลา:20:48:51 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ


โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 23 เมษายน 2566 เวลา:17:52:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุเรียนกวน ป่วนรัก
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




สวัสดี…นี่คือบล็อก “ทุเรียนกวนฯ”
Hello all. You can call me “Durianguan”.





Group Blog แบบที่ 2
Category 2

+ สารบัญทั้งหมด [All Contents]
--+ Blog 1-100
--+ Blog 101-200
--+ Blog 201-300


+ สารบัญ Classify Contents by Group Blog
.
-- A + Guest Book
-- B + Cartoon
-- C + Fine Arts
-- D + Talking
-- E + Contents
.
.
.
.
TAG
Category 3

+ เพลงของฉัน [My Music]
--+ เพลง & ภาพประกอบ [Music & illust]
--+ แนะนำอัลบั้มเพลง [Music Albums]
--+ วงเกิร์ลกรุ๊ป [Perfume]

+ งานศิลป์ของฉัน [My Art]
--+ ภาพปากกาลูกลื่น [Ballpoint Pen]
--+ ดินสอ+สี & พาสเทล [Colored Pencil]
--+ ละเลงสีด้วยคอมฯ [CG Paint]

+ สตูดิโอจิบลิ [My Studio Ghibli]
--+ เรียงตาม (Sort by) Blogs' Written
--+ เรียงตาม (Sort by) Movies Released

+ อื่น ๆ [My etc. Blog]
--+ ถนนสายนี้..มีตะพาบ [TaPaab]
--+ พุทราฯ แนะนำหนังสือ [Pudsa-Books]




Friends' blogs
[Add ทุเรียนกวน ป่วนรัก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.